.:: สวรรค์ชั้นที่ ๕ นิมมานรดี ::.

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 23 สิงหาคม 2006.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    [​IMG]

    สวรรค์ชั้นที่ ๕ นิมมานรดี หรือนิมมานรตีภูมิ ที่ได้ชื่อเป็นนิมมานรตีภูมิ ก็เพราะว่า สวรรค์ชั้นนี้เป็นที่อยู่ของเทพเจ้าพวกหนึ่ง ซึ่งมีความยินดีเพลิดเพลินในกามคุณอารมณ์ที่เนรมิตขึ้นตามความพอใจของตนเองสวรรค์ชั้นนี้ มีเทวาธิราชผู้เป็นใหญ่ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระนิมมิตเทวราช ทรงเป็นอธิบดีผู้ ยิ่งใหญ่ปกครอง ฉะนั้นจึงได้ชื่อว่านิมมานรตีภูมิ = ภูมิเป็นที่อยู่ของเทวดาผู้มีความยินดีด้วยกามคุณที่ตนเองเนรมิตขึ้น

    สวรรค์ชั้นนิมมานรตีนี้ มีปราสาทแก้ว ปราสาทเงิน และปราสาทองเป็นวิมานที่อยู่ ทั้งมีกำแพงแก้วกำแพงทองล้อมรอบ มีพื้นภูมิภาคเป็นทองราบเรียบเสมอกัน มีสระโบกขรณีแลสวนอุทยาน สำหรับเป็นที่สำราญของเหล่าเทพยดาเช่นเดียวกับสวรรค์ชั้นดุสิตทุกประการ แต่ทว่าทุกสิ่งในนิมมานรตีพิภพนี้ สวยสดงดงามประณีตกว่าดุสิตพิภพเท่านั้น

    เทพเจ้าทั้งหลายผู้สถิตย์อยู่ ณ สวรรค์ชั้นนี้ ย่อมมีรูปทรงสวยงามน่าดูชมยิ่งกว่าชาวสวรรค์ชั้นต่ำ และมีรัศมีรุ่งเรืองยิ่งนัก หากเขามีความปรารถนาในกามคุณอารมณ์สิ่งใด เขาย่อมเนรมิตเอาได้ตามความพอใจชอบใจของตนทุกสิ่งทุกประการ เสวยทิพยสมบัติโดยมีท้าวนิมมิตเทวาธิราชเจ้าปกครองให้ ได้รับความสุขสำราญทุกถ้วนหน้าเหล่าชาวฟ้า สมกับกุศลกรรมที่ตนอุตส่าห์สร้างสมอบรมมาแต่ชาติปางก่อน เทพเจ้าผู้มาบังเกิดอุบัติในสวรรค์ชั้นนี้ โดยมากเมื่อเป็นมนุษย์ เขาเป็นคนมีสันดานบริสุทธิ์ ได้สร้างกุศลบุญที่มีผลใหญ่ เช่นเทพเจ้านามว่าสุภัททา ซึ่งมีประวัติดังต่อไปนี้

    [​IMG] สุภัททาเทพเจ้า [​IMG]

    สมัยที่พระอรหันต์ผู้ขีณาสพยังปรากฏอยู่ในโลกมากมายนั้น มีคหบดีผู้หนึ่ง เข้าถึงพระรัตนตรัยและมีความเลื่อมใสในพระบวรพุทธศาลนายิ่งนักนิมนต์ พระเรวตะเถรเจ้า องค์อรหันต์ให้มาฉันอาหารบิณฑบาตที่บ้านของตนเสมอเป็นนิตย์ คหบดีนั้นมีธิดาสองคน ธิดาคนพี่มีนามว่า ภัททา ส่วนธิดาคนน้องนามคล้ายกันว่า สุภัททา นางภัททากุลธิดาคนพี่นั้นมีปัญญาดี รู้หลักนักปราชญ์ ทั้งจิตใจก็เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เพราะท่านบิดาเป็นผู้อบรมต่อมาไม่ช้านางก็ไปสู่ตระกูลผัว แต่ไม่มีบุตร จึงบอกแก่สามีให้ไปรับเจ้าสุภัททาน้องสาวมาอยู่ร่วมกับนาง จักได้มีบุตรลืบสกุลต่อไป ครั้นสามีไปรับน้องสาวมาอยู่ด้วยกันแล้ว นางก็ให้โอวาทน้องสาวเสมอว่า "เจ้าสุภัททาน้องเอ๋ย! เจ้าจงยินดีในการจำแนกทาน จงประพฤติธรรม อย่าได้ประมาท ชีวิดของเราใช่ว่าจะยั่งยืน แม้เจ้าปรารถนาจักได้ทิพยสมบัติในภายภาคหน้า จงเชื่อพี่เถิด สมบัตินั้นจักอยู่ในมือน้องเจ้าเป็นแน่แท้" พี่สาวเฝ้าตักเตือนสุภัททาน้องรักอยู่อย่างนี้เป็นนิตย์

    สุภัททาสาวคนน้องนั้น เธอเป็นคนเชื่อถือโอวาทแห่งพี่ ทั้งที่ตนเป็นคนรู้น้อยไม่ ค่อยพูดจา แต่มากด้วยศรัทธาเลื่อมใสมีจิตใจสันดานบริสุทธิ์ ก็ประพฤติตามดุจคำพี่สอน วันหนึ่งจึงให้คนไปนิมนด์พระเรวตะเถระองค์อรหันต์ให้เข้ามาฉันภายในเคหสถานแห่งตน ฝ่ายพระคุณเจ้าเรวตะเถระผู้มีจิตกรุณาปรารถนาจะยังกุศลให้เกิดแก่สุภัททาสาวโดยยิ่ง จึงพาพระภิกษุ ๗ องค์ล้วนแต่ทรงคุณเป็นพระอรหันต์ขีณาสพไป เพื่อจะให้นางถวายอุทิศแด่สงฆ์ชื่อว่าเป็นสังฆทาน สุภัททาเธอดีใจนักหนาอาราธนาให้นั่งฝนอาสนะ แล้วอังคาสด้วยขาทนียโภชนีอาหารอันประณีตบรรจงด้วยน้ำมือตน ถวายพระเถระองค์อรหันต์ทั้งหลาย ด้วยดวงใจที่เลื่อมใสศรัทธา และต่อมาก็มีโอกาสได้บำเพ็ญมหากุศลขั้นอรหันตทานอีกมากหลาย ฝ่ายภัททาพี่สาวก็ประกอบกองการกุศลตามศรัทธา พอถึงอายุขัยทั้งสองนางก็ทำกาลกิริยาตายไปตามธรรมดาสังขาร

    ภัททาอุบาสิกาซึ่งเป็นพี่สาว ไปอุบัติเกิดเป็นบาทบริจาริกาแห่งท้าวโกสีย์อมรินทราธิราชในไตรตรึงษ์สวรรค์ ฝ่ายสุภัททาอุบาสิกาซึ่งเป็นน้องนั้น มาบังเกิดในปราสาททองอันเป็นวิมาน ณ สรวงสวรรค์ชั้นนิมมานรตีนี เป็นเทพนารีทรงรัศมีรุ่งเรืองงดงามนักหนา จึงมาพิจารณาดูสมบัติแห่งตนว่าได้ด้วยบุญกุศลอันใด ครั้นดูไปรู้แจ้งว่า เพราะได้ ถวายทักขิณาแด่พระอริยสงฆ์องค์อรหันต์ซึ่งมีพระเรวตะเถรเจ้าเป็นประธานตามโอวาทของภัททาพี่สาวจึงได้เสวยสมบัติเห็นปานนี้ ครั้นพิจารณาต่อไปก็ทราบว่าบัดนี้ ภัททาพี่นางไปบังเกิดในไพชยนต์ปราสาท เป็นบาทบริจาริกาแห่งท้าวโกสีย์ จึงลงมาจากสวรรค์ชั้นนิมมานรตีแล้วเข้าไปหา

    ภัททาเทพกัญญาประหลาดใจนัก จึงถามว่า "ข้าแต่ท่านผู้เจริญ! ตัวท่านรุ่งเรืองโอภาสไปด้วยรัศมีประดุจพระสุริยันเมื่อตะวันเที่ยงมียศและอานุภาพยิ่งกว่าปวงเทพในไตรตรึงษ์ ข้านี้มิเคยเห็นท่านมาก่อน ท่านมาแต่ประชุมเทวโลกใด ทำไฉนข้าจะรู้จักนามของท่าน ขอท่านจงได้บอกแก่ข้าในกาลบัดนี้"

    สุภัททาเทพนารี จึงมีสุนทรวาทีตอบว่า"ดูกรนางฟ้าทรงโฉมโสภา ข้านี้นามว่า สุภัททา เป็นน้องสาวของท่านในชาติก่อน ท่านได้คอยพร่ำสอนให้ข้าทำทานการกุศล ครั้นแตกกายทำลายตนก็ได้ใปอุบัติบังเกิด ณ สวรรค์ชั้นนิมมานรตี ข้านึกถึงคุณแห่งนางฟ้าพี่สาว จึงลงมา ณ ที่นี่"

    แล้วนางฟ้าทั้งสองก็สนทนากันเรื่องบุญกุศลที่ตนทำมาซึ่งให้ผลแตกต่างกันในที่สุด ภัททานางฟ้าจึงว่า "ดูก่อนเทพนารีน้องรัก แต่ก่อนนี้พี่มิรู้เลยว่า การถวายทานแก่พระอริยสงฆ์องค์อรหันต์ จักมีอานิสงล์มากเห็นปานนี้ ทีนี้เรารู้แล้ว เราลงใปเกิดเป็นมนุษย์เมื่อใด ก็จักตัดเสียซึ่งมัจฉริยะ ไม่มีความประมาท จักอุทิศสังฆทานแก่พระอริยสงฆ์เนืองๆ " พอสนทนากันสมควรแก่กาลแล้ว เทพนารีสุภัททาก็อำลานางฟ้าพี่สาวซึ่งเป็นบาทบริจาริกาแห่งท้าวโกสีย์ กลับขึ้นไปสรวงสวรรค์ชั้นนิมมานรตี เสวยสุขทิพยสมบัติอยู่ ณ ปราสาททองอันเป็นวิมานของตน

    อายุ ทวยเทพที่สถิตเสวยสมบัติอยู่ ณ สรวงสวรรค์ชั้นนิมมานรตีนี้ มีอายุยืนนานนับได้ ๘, ๐๐๐ ปีทิพย์ นับได้ สองร้อยสามสิบโกฏิสี่ล้านปี ด้วยการคำนวณปีแห่งมนุษยโลก

    [​IMG] ทางไปสวรรค์ชั้นนิมมานรดี [​IMG]

    *ทานสูตร
    ดูกรสารีบุตร! ในการให้ทานนั้น บุคคลไม่มีความหวัง ให้ทาน ไม่มีจิตใจผูกพันในผลแห่งทานแล้วให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน ไม่ได้ให้ทานด้วยความคิดว่า "เราหุ่งหากินได้ แต่สมณะหรือพราหมณ์ทั้งหลาย ไม่ได้หุงหากิน เราหุงหากินได้จะไม่ให้ทานแก่สมณะ หรือพราหมณ์ผู้ไม่หุงหากิน ย่อมเป็นการไม่สมควร" แต่ให้ทานด้วยคิดว่า "เราจักเป็นผู้จำแนกแจกทาน เช่นเดียวกับท่านฤาษี ทั้งหลายคือ ท่านอัฏฐกฤาษี ท่าวามกฤาษี ท่านวาม เทวฤาษี ท่านเวสสามิตรฤาษี ท่านยมทัคคฤาษี ท่านอังคีรสฤาษี ท่านภารทวาชฤาษี ท่านวาเสฏฐฤาษี ท่านกัสสปฤาษี ท่านภคุฤาษี" เขาผู้นั้น ให้ทานด้วยอาการอย่างนี้แล้ว เมื่อทำ กาลกิริยาตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย แห่งเทวดาทั้งหลาย ในสวรรค์ชั้นนิมมานรดี

    *ปุญญกิริยาวัตถุสูตร (อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิกาย ข้อ ๑๒๖ หน้า ๒๔๕ บาลีฉบับสยามรัฐ)
    ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย! บุคคลบางคน ในโลกนี้กระทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานมีประมาณ ยิ่ง กระทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลมีประมาณยิ่ง ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย เมื่อถึง แก่กาลกิริยาตายไปแล้ว เขาย่อมเข้าถึงความเป็น สหายแห่งเทวดาชั้นนิมมานรดี

    *สังคีติสูตร (ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ข้อ ๓๔๖ หน้า ๒๗๑ บาลีฉบับสยามรัฐ)
    บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมถวายข้าว น้ำ ผ้าผ่อน ยวดยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่นั่ง ที่พัก ที่อาศัย และสิ่งเป็นอุปกรณ์แก่ประทีป ให้เป็นทานแก่สมณะหรือ พราหมณ์ เขาย่อมมุ่งหวังสิ่งที่ตนถวายไปโดยเขาได้ศึกษา มาว่า "พวกเทพเจ้าเหล่านิมมานรดีสวรรค์ เป็นเทพที่มีอายุยืน วรรณะงาม มากไปด้วยความสุข" ดังนี้แล้ว เขาจึงจินตนาอธิษฐานอย่างนี้ว่า "โอหนอ! เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เราพึง เข้าถึงความเป็นสหายแห่งพวกเทพเจ้าเหล่านิมมานรดีสวรรค์เถิด"

    เขาตั้งจิตนั้นไว้ อธิษฐานจิตนั้นไว้ อบรมจิตใจนั้นไว้ จิตของเขานั้นน้อมไปในสิ่งที่ต่ำ มิได้อบรมเพื่อคุณเบื้องสูง อย่างนี้แล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์ชั้นนิมมานรดีนี้ ก็ข้อนี้แลเรากล่าวสำหรับบุคคลผู้มีศีล ไม่ใช่สำหรับบุคคลผู้ทุศีล ผู้มีอายุทั้งหลาย ความตั้งใจของบุคคล ผู้มีศีลย่อมสำเร็จลงได้ เพราะเป็นของบริสุทธิ์ ดังนี้

    สุภัททาได้ทำบุญเป็นสังฆทานจึงมีผลมากกว่า ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นนิมมานรดีที่ละเอียดปราณีตกว่า

    เรียบเรียงจากโลกทีปนี และภูมิวิลาสินี โดย พระธรรมธีรราชมหามุนี (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙) ภาพประกอบจากสมาชิกพันทิป

    <!--MsgEdited=5-->
    <!--MsgFile=5-->
    <center><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td><table bgcolor="#222244" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr></tbody></table></td><td rowspan="2" bgcolor="#000000" valign="top"><table bgcolor="#222244" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td width="10">[SIZE=-3] [/SIZE]</td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td colspan="2" align="left" bgcolor="#000000"><table bgcolor="#222244" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td width="10">[SIZE=-3] [/SIZE]</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></center>
     
  2. parnparn

    parnparn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +199
    สวรรค์ชั้นนี้ มี นาม คือ เสียสละ Sacrifice
     
  3. mahawet

    mahawet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +230
    อย่าไปเลยสวรรค์ชั้นไหนก็ไม่น่าไปหรอกมันไม่เที่ยงหมดบุญกุศลแล้ว ก็ต้องลงมารับกรรมเวียนว่ายตายเกิดต่อ ตั้งใจไปพระนิพพานเถอะไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดกันต่อไปอีก เป็นบรมสุขอมตะตลอดไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...