เรื่องเด่น สอนลูกให้สวดมนต์ : โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 22 ธันวาคม 2018.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,297
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,273
    ค่าพลัง:
    +9,528
    0b988e0b8a1e0b8a3e0b8a1e0b980e0b8a2e0b8a8-e0b8aae0b8ade0b899e0b8a5e0b8b9e0b881e0b983e0b8abe0b989.jpg

    การฝึกฝนอบรมนั้นควรทำตั้งแต่ลูกยังเล็กๆ อยู่ ต้องการให้ลูกเป็นอย่างไรก็ให้ทำเสียแต่ต้นมือเพราะ “ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก” ดังคำโบราณได้กล่าวไว้

    บางคนพูดว่า ให้ทำตั้งแต่ลูกอยู่ในท้องเสียด้วยซ้ำ นักจิตวิทยาจึงแนะนำคุณแม่ที่ยังอุ้มท้องอยู่รักษาอารมณ์ให้ดี ทำจิตให้ผ่องใสร่าเริง พยายามหลีกเลี่ยงอารมณ์ขุ่นมัวโกรธเคืองให้มากที่สุด เพราะจะกระทบถึงลูกในครรภ์ด้วย ว่ากันว่าถ้าแม่ขี้โมโหโทโส ลูกในครรภ์ออกมาก็จะพลอยเป็นเด็กอารมณ์ร้อน หรือมีปมทางใจไปด้วย ว่ากันอย่างนั้น

    ด้วยความเชื่อว่า ลูกในครรภ์สามารถสื่อกับแม่ได้ คุณแม่บางคนจึงให้การศึกษาแก่ลูกตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ทีเดียว บางรายก็ได้ผลอย่างมหัศจรรย์ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

    ท่านผู้อ่านคงเคยได้ข่าว เด็กไทยเกิดที่อเมริกาคนหนึ่ง พ่อเป็นจีนฮ่องกงแม่เป็นไทย ชื่ออะไรจำไม่ได้แล้ว เป็นเด็กปัญญาเลิศ ไอคิวสูงมาก เรียนจบปริญญาตรี และกำลังเรียนปริญญาโทตั้งแต่อายุสิบขวบกว่านิดๆ

    แม่ต้องพาไปส่งมหาวิทยาลัย รอลูกเรียนเสร็จแล้วก็รับกลับบ้าน เพราะลูกยังเป็นเด็กมาก แม่เล่าว่า ขณะที่ลูกยังอยู่ในครรภ์แม่เธออ่านหนังสือให้ลูกฟังเป็นประจำ ส่วนมากก็อ่านตำรับตำราต่างๆ ให้ฟัง “ให้ลูกเรียนหนังสือตั้งแต่อยู่ในท้อง” คุณแม่เธอว่าอย่างนั้น

    เมื่อลูกเธอคลอดออกมาแล้วก็ฉายแววแห่งความเป็นเด็กอัจฉริยะตั้งแต่พอรู้ความ คุณแม่เธอให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า เธอเชื่อว่าที่ลูกของตนฉลาดนั้นเพราะเธอได้ให้การศึกษาแก่ลูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์นั่นเอง

    คนไทยส่วนมากนับถือพระพุทธศาสนา กิจกรรมของชาวพุทธคือทำบุญให้ทานไหว้พระสวดมนต์ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำกันเป็นประจำหรือเกือบจะประจำ อย่างน้อยในวันคล้ายวันเกิดทีเราก็ใส่บาตร ทำสังฆทาน หรือทำบุญอย่างอื่นเช่นเลี้ยงเด็กกำพร้าอนาถา หรือปล่อยนกปล่อยปลา เป็นต้น

    การสวดมนต์ไหว้พระก็ทำกันเป็นประจำ ส่วนมากก่อนนอน ส่วนใครจะสวดมากสวดน้อยแล้วแต่บุคคล

    ผมเคยถามลูกศิกษ์ลูกหาที่เคยสอนอยู่ว่าไหว้พระก่อนนอนกันหรือไม่ ได้คำตอบว่าไหว้กันเป็นส่วนมาก บางรายบอกว่าสวดอะไรไม่ได้ ได้แต่ภาวนาเป็นภาษาไทยในใจเงียบๆ แล้วก็ ถามผมว่า “อย่างนี้ใช้ได้ไหม” ความจริงแค่นั้นก็ใช้ได้ แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรท่องบนสวดให้ได้ อย่างน้อยก็ให้ได้บทสวดอย่างสั้นๆ

    การไหว้พระสวดมนต์เป็นประจำ อย่างน้อยก็ทำให้จิตใจเราบริสุทธิ์สะอาด จิตใจเราตามปกติก็ถูกกระแสของกิเลสพัดพาไป วันๆ ไม่รู้กิเลสตัวไหนบ้าง พัดพาไปไหนบ้าง เดี๋ยวโลภ เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวหลง ไม่มีเวลาหยุดเวลาพักแม้แต่นิดเดียว จิตมันก็ไม่สงบ “สกปรก” ไปด้วยกิเลสเหล่านี้ การที่เราหาเวลามานึกถึงพระถึงเจ้า แล้วสวดมนต์สรรเสริญคุณรัตนตรัย วันละอย่างน้อยวันละครั้งก่อนนอน เท่ากับเราเอา “สบู่” หรือ “ผงซักฟอก” มาล้างมาซักให้จิตมันสะอาดนั้นเอง

    วิธีไหว้พระสวดมนต์ทำดังนี้ครับ

    ให้นั่งคุกเข่า ต่อพระพุทธรูป (ถ้าไม่มีห้องพระก็คุกเข่าหน้าหมอนก็ได้) พนมมือกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์

    “กราบเบญจางคประดิษฐ์” ก็คือ เข่าทั้งสองถูกพื้น เวลาก้มลงกราบ แบมือทั้งสองออก กราบให้ข้อศอกทั้งสองจรดเข่าทั้งสอง มือแบราบกับพื้น นี่แหละเรียกกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์

    หัดกราบเสียให้ถูก เพราะนี่เป็นพื้นฐาน หรือ “เบสิก” ของความเป็นชาวพุทธ เมื่อมี “เบสิก” ดีจะช่วยให้เราก้าวหน้าในพุทธธรรม ดุจนักมวยจะรุ่งโรจน์จนเป็นแชมป์ก็ต้องมี “เบสิก” ดี ฉันใดก็ฉันนั้นแหละ

    กราบสามครั้งแล้ว ก็ประนมมือสวดว่า

    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
    (พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นพระอรหันต์ ดับกิเลสและกองทุกข์สิ้นเชิง ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง)

    พุทธัง ภาคะวันตัง อะภิวาเทมิ
    (ข้าพเจ้าอภิวาท พระพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน)

    สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
    (พระธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว)
    (หมายเหตุ สะวากขาโต ให้ออกเสียงว่า “สะกวากขาโต”)

    ธัมมัง นะมัสสามิ
    (ข้าพเจ้านมัสการพระธรรม)

    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    (พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าปฏิบัติดีแล้ว)

    สังฆัง นะมามิ
    (ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์)

    เสร็จแล้วกราบ 3 ครั้ง แล้วกล่าวว่า

    [​IMG] [​IMG]

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต
    (ขอนอบน้อมแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น)

    อะระหะโต (ผู้ไกลจากกิเลส) สัมมาสัมพุทธัสสะ (ผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง)
    (ว่า 3 หน)

    บทสวดมนต์นี้ จะสวดพร้อมคำแปลก็ได้ เพื่อว่าเวลาสวดไปแปลไปด้วยเราจะได้ทราบความหมาย รู้ว่ากำลังสวดอะไร จิตใจจะยิ่งศรัทธาเลื่อมใสยิ่งขึ้น

    ท่านที่รู้คำแปลอยู่แล้ว จะสวดแต่คำบาลี ไม่สวดคำแปลด้วย ก็ได้ครับ

    จากนั้นให้สำรวมจิต แผ่เมตตา ดังนี้

    สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

    อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย

    อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

    อนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย

    สุขี อัตตานัง ปริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด

    บทแผ่เมตตา จะสวดเฉพาะคำบาลี หรือเฉพาะคำไทยก็ได้ครับ

    พูดถึงแผ่เมตตาขอแวะข้างทางสักนิด มีนิทานเซ็นเรื่องหนึ่งว่า ขณะพระท่านสอนชาวบ้านให้แผ่เมตตาส่งความปรารถนาดีไปยังสรรพสัตว์โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง นายคนหนึ่งถามขึ้นว่า

    “หลวงพ่อครับ ผมขอยกเว้นสักคนได้ไหม”

    “ยกเว้นใคร โยม”

    “ทำไมโยมไม่อยากแผ่เมตตาให้เขาล่ะ”

    “เพราะมันร้ายเหลือเกินครับ หลวงพ่อ อยู่บ้านรั้วติดกันนี่แหละ เผลอเป็นไม่ได้ มันโยนขยะข้ามรั้วมาบ้านผมเป็นประจำ เท่านั้นยังไม่พอ มันยัง…..”

    “พอแล้วโยม ไม่ต้องเล่า” หลวงพ่อบอก แล้วก็สอนต่อไปว่า “การแผ่เมตตานั้นไม่ต้องยกเว้นใคร แผ่ให้ทุกคน สัตว์มีชีวิตทุกชนิด ไม่จำกัด” แล้วหลวงพ่อก็อธิบายต่อว่า

    ในขั้นแรกให้เราแผ่ให้ตัวเราเองก่อน เพราะเรารักตัวเองมากกว่าคนอื่น ส่งความปรารถนาดีให้แก่ตนมีความสุข จิตใจเราจะได้สบาย มีความสุข ผ่อนคลาย

    ขั้นต่อมาให้แผ่ไปยังคนที่เรารักมากที่สุดรองจากตัวเรา ลูก เมีย แฟน เพื่อนสนิท ใครก็แล้วแต่ที่เรารัก การแผ่ให้คนที่เรารัก เราทำได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ ทำได้โดยสะดวก ไม่อึดอัด ตรงข้ามกลับมีความสุขใจ เบาใจอีกต่างหาก

    ขั้นต่อไปให้พยายามทำใจให้เป็นกลางแผ่ไปยังคนที่เราเกลียด หรือคนที่ตั้งตนเป็นศัตรูกับเรา ใหม่ๆ อาจทำยาก แต่เมื่อนานเข้าๆ อาจทำได้สบายๆ ใจเราอาจเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดีต่อเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

    ขั้นต่อไปให้แผ่แก่สรรพสัตว์ โดยไม่มีขีดจำกัด ทำใจให้กว้าง แผ่ความรัก

    ทำอย่างนี้บ่อยๆ ท่านจะรู้สึกว่าท่านเป็นคนเต็มไปด้วยพลังแห่งความรัก ความปรารถนาดี จิตใจเบิกบาน สงบ เป็นสุขอย่างประหลาด ลองทำดูและสอนให้ลูกหลานทำดูนะครับ

    ขอขอบคุณที่มา
    https://www.matichon.co.th/columnists/news_1283503
     
  2. mrmos

    mrmos Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +1,095

แชร์หน้านี้

Loading...