สอบถามนิมิตแรกที่เห็นภายหลังจากมีสมาธิครั้งแรกครับ

ผมได้บวชเป็นพระ แล้วที่วัดมีการฝึกนั่งกรรมฐาน ผมก้อฝึกนั่งตอนแรกจิตไม่เป็นสมาธิเลยวุ่นวายคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่พอเวลาผ่านไประยะนึงประมาณเจ็ดวัน การนั่งรู้สึกว่าเข้าสมาธิได้ง่ายจิตใจไม่วอกแวก เมื่อรู้สึกสบายและเป็นสมาธิ ก็เกิดภาพนิมิตขึ้นมา เป็นภาพฤาษี ร่างการผอมเนื้อติดโครงกระดูก หน้าท้องติดกระดูกสันหลัง นุ่งด้วยผ้าสีขาวคล้ายผ้าห่อศพในสมัยก่อน ผมเป็นมวยสูงป่ะมาณเจ็ดชั้น ในนิมิตนี้ท่านนั่งสมาธิจ้องผมอยู่นานมาก นานกว่าสิบนาที ผมได้คุยกับนิมิตนั่น แต่ท่านก้อไม่คุย ก้อได้แต่มองกันไปกันมา จนผมเองที่ต้องออกจากสมาธิก่อนเนื่องจาก ไม่กล้าสบตากับท่านเท่าไหร่

จึงอยากสอบถามพี่ๆในนี้ใครเคยมีประสบการณ์อย่างผมบ้างคับ นิมิตที่เห็นนั่นใช่ครูบาอาจารย์ของผมใช่หรือไม่ เคยได้ยินมาว่า หากเข้าสมาธิครั้งแรกได้ครูบาอาจารย์ท่านจะมาให้เห็น และถ้าเห็นครั้งต่อไปผมควรทำอย่างไรบ้างครับ ขอบคุณครับ

 

คือถ้าชอบสมาธิแบพระพุทธศาสนา

เกิดนิวรณ์ขึ้นในใจคุณ ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
แค่นิวรณืมีห้าตัว มีลังเลสงสัย เป้ฯหนึ่งในห้า

คนเราจะต้องเลือกอะไรซักอย่าง ถ้าคุณไม่เลือก ก็จะยัดให้คนอื่นเลือก

แล้วในที่สุด จะเกิด ชักกระเย่อกัน คนมีแรงมากกว่าชนะ
ในทางสมาธิ

ในแนวทางพุทธ ให้รู้ว่า สงสัยแค่ไหนก็ทุกข์หมด
สงสัยอีกกี่รอบก็ทุกขื แค่เนียะ

ลองคิดดูว่าคุณพยายามจะให้เกิดการเลือก หรือเปล่า
และใครเลือก

ใครเนียะ<-- อย่าให้อวิชชาเลือกให้เลย

คุณอาจจะหงุดหงิดกะคำตอบผม
แต่ถ้าเป็ฯสมาธิแบบพุทธ มันต้องเป็ฯงี้
ต้องเลือกเอง ต้องปัจจัตตัง

 

เป็นเจ้าที่

เป็น พราหมณ์

ก่อนเข้าสมาธิ ควรบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางด้วย

ก่อนออกสมาธิ ควรแผ่เมตตา

 

ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ชัดเจนนะครับ ว่าที่เห็น เป็นของจริงหรือของปลอม ดังนั้น เรื่องนิมิต สมควรพักไว้ก่อนเอาไว้ให้มีความชำนาญด้านสมาธิเพิ่มมากขึ้น ค่อยย้อนกลับมาพิจารณาในเรื่องของนิมิตอีกครั้ง ก็ยังไม่สายเกินไป

การทำสมาธิ หากปฏิบัติกรรมฐานกองใดอยู่ ให้พุ่งความสนใจในกรรมฐานกองนั้นเป็นหลัก หากยังไปหลงสนใจในเรื่องของนิมิตที่เกิดขึ้น กล่าวว่าจิตจะพลาดไปจากการปฏิบัติตามข้อกรรมฐานที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรกไปนะครับ

เจ้าของกระทู้ สามารถอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้จากกระทู้ "ประสบการณ์ธุดงค์" ในห้องอภิญญา xp แห่งนี้ได้ครับ คงจะเพิ่มเติมมุมมองในด้านอื่นๆ ได้มากขึ้นครับ

 

สาธุ ครับผม

 

อันนี้นิมิต ในศาลา ปฏิบัติธรรมเลยครับ ก่อนเข้าสมาธิได้สวดมนต์ปรกติ และออกจากสมาธิ ก้อแผ่เมตตาทุกครั้งเลยครับ

 

ขอบพระคุณมากครับ ตอนนี้ผมไม่สามารถกลับไปนั่งในอารมณ์เดิมนั้นได้แล้วเนื่องจากไม่มีสมาธิเหมือนตอนที่บวชอยู่ เลยไม่เห็นภาพท่านนั้นอีกแล้วล่ะครับ

 

+++ ลองระลึกย้อนหลังดูว่าเป็น "ปางทุกรกิริยา" หรือเป็น "ฤษี" กันแน่ หากเป็น "ปางทุกรกิริยา" นั่นคือให้เร่งความเพียรด้วยการ "อด" (ผู้ที่ผ่านการเป็นพระป่ามาก่อน ย่อมทราบดีว่าส่งผลลัพธ์อย่างไร ส่วนผู้ที่ไม่เคยผ่าน ก็วางไว้ก่อนก็แล้วกัน) แค่ผ่านมาเฉย ๆ เท่านั้น นะครับ

 

ขอบคุณพี่ ธรรม-ชาติ คับ ในนิมิตที่เห็นเป็นอย่างที่พี่บอกอย่างนี้เลยครับ
ผมลองค้นหาในกูเกิล "ปางทุกรกิริยา" คล้ายกันมาในนิมิตที่เห็น หน้าท่านเคร่งขรึมมาก จนผมกลัวๆ เพราะเป็นการหัดทำสมาธิในชั้นต้น สมาธิยังไม่เข้มแข็ง แต่ผ้าที่ท่านห่มเป็นผ้าห่อศพนะครับ สีขาวอมเหลือง ภาพประมาณนี้นะครับ

 

อานิสสงค์ ของ ปางทุกรกิริยา

+++ ถือว่า "เล่าสู่กันฟัง" เฉย ๆ ก็แล้วกัน ผมเองเป็นคน "ไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ" ตอนผมบวชเป็น "พระป่าสายหลวงปู่มั่น" พรรษาแรกผมอยู่ที่ "ถ้ำศรีแก้ว" ภูพาน ตอนนั้นยังมีโขลงช้างป่า เดิน เข้า-ออก วัดเป็นบางทีและยังเคยได้ยินเสียง "เสือร้องเลียนแบบเสียงเก้ง" ที่ริมหนองน้ำ ห่างจากกุฏิที่ผมอยู่แค่ ขว้างก้อนหินถึง หลวงพี่ที่จำพรรษาอยู่ด้วยกันบอกว่า "เสือมันกำลังจะล่าเก้ง มันเลยร้องเสียงเก้ง" คงมองภาพออกว่า "วัดป่า" ที่ผมอยู่นั้น "ยังเป็นป่าจริง ๆ" อยู่

+++ ครูบาอาจารย์ท่านทราบอยู่ก่อนแล้วว่า ผมทำ "อานาปานสติ + พุทโธ" มานานแล้ว ตั้งแต่สมัยยังเรียนเรียนมัธยม ส่วนหลวงพี่ที่เป็นพระพี่เลี้ยงผม เคยถามผมว่า "เคยปฏิบัติแบบ อดอาหาร มาบ้างหรือไม่" (ที่ผมมาเล่าสู่กันฟังนี้ เพราะมีเหตุการณ์เกี่ยวข้องกับ "ปางทุกรกิริยา" ที่คุณได้นิมิตมา และผมได้ map จิตจึงรู้ว่า เป็นปางนี้แน่) ผมก็เลยถามท่านว่า "อดแล้วจะได้อะไร ท่านให้เดินทางสายกลางไม่ใช่เหรอ" หลวงพี่องค์นั้นก็บอกผมว่า "ลองไปอ่าน พระไตรปิฏกดู ว่า ก่อนพระพุทธเจ้าทุกองค์ จะตรัสรู้ได้ ก็ต้องผ่าน ปางทุกรกิริยา มาก่อนหน้าทุกพระองค์นั่นแหละ" และก็ย้อนถามผมว่า "ถ้าท่านอยากปฏิบัติให้ได้ผล ก็ต้องลองทำอย่างพระพุทธเจ้าดู"

+++ พรรษาแรกพรรษานั้นปรากฏว่า ผมอด 15 วัน 2 ยก รวมเป็น 30 วัน ช่วงที่ยากที่สุดคือ 3 วันแรก หากผ่านได้ จะเกิดอาการ "กายเบาจิตเบา และ เร่งความเพียรต่อเนื่องได้โดยไม่มีอุปสรรค" เป็นเหมือนกันทั้ง 2 ยก ผลลัพธ์ในพรรษานั้นที่ผมได้คือ "ได้กายเวทนา และ เวทนาความเจ็บปวด แยกหลุดออกไปจาก กายเวทนาอีกชั้นหนึ่ง" "จิตแยกพุ่งออกไปใน เอกภพ เห็น galaxy แบบนับไม่ถ้วน เวลาที่จิตกลับสู่ร่าง รู้ว่า 1 กัปป คืออะไร" และสุดท้ายในพรรษา "กายเวทนา แยกตัวออกไปจาก ความเป็นตน ด้วยความช่วยเหลือจาก ช้างป่าคำราม 3 ครั้งในหุบเขาในวัด" หลังจากนั้น จึงเข้าสู่กระบวนการ "จิตเห็นจิต" จนถึง "สติดวลเดี่ยวกับจิต" จนมาถึงความสิ้นสงสัยในสภาวะธรรม

+++ ทั้งหมดที่เล่ามานี้เพื่อชี้ให้เห็นว่า "ปางทุกรกิริยา" สามารถส่งผลได้ จริง แน่นอน (สำหรับผม ส่วน สำหรับคนอื่น ก็แล้วแต่ก็แล้วกัน) โดยเฉพาะ "ปางทุกรกิริยา" ที่คุณได้นิมิตมานั้น "ชี้บอกหนทางส่วนตัวสำหรับคุณ ในช่วงนั้น" แต่ปัจจุบันขณะนี้ ทุกอย่างผ่านช่วงเวลาไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ "ช่วงจังหวะเวลาที่คาบเกี่ยว และ สัมพันธ์กับวงจรทางจิตของคุณ" เท่านั้น นะครับ

 

ไม่ใช่ครูบาอาจารย์ที่ไหนหรอก เป็นนิมิต ซึ่งเป็นธรรมดาหลังๆจากจิตแตะๆสมาธิ

เห็นอีกกำหนดรู้มัน "เห็นหนอๆๆๆ" เมื่อกำหนดตามสภาวะเช่นนั้นแล้ว (ปล่อยไม่ต้องสนใจมัน) ดึงสติให้เกาะกัมมัฏฐานคือลมหายใจต่อ

 

สาธุคับพี่ มาจากดิน

 

ขอบพระคุณคับพี่ ธรรม-ชาติ

 

เคยอดข้าว 24 ชั่วโมง ทรมาณมากเลยครับ เห็นในเน็ตคนอดข้าวทีละหลายๆ วันเพื่อสุขภาพเก่งมากเลยครับ ได้ยินมาว่า 2-3 วันแรกจะยากหลังจากนั้น ไม่เท่าไหร่

 

ผมแค่อดมื้อเย็นยังแย่เลยครับ หุๆๆ

 

นั่นมันฤาษีตัวท่านเองในอดีตชาติต่างหาก เค้ามาบอกไม่พอใจที่ท่านทำทุกข์กิริยาอดอาหาร อาจได้ตบะบ้างแต่เป็นการเหนื่อยเปล่าอัตตกิละมะถานุโยค อันตถาคตตรัสแล้วบรรพชิตหรือนักบวชไม่ควรเข้าใกล้ทางนี้ มาชี้ทางบอกท่านว่านั่นไม่ใช่ทางถูกต้อง