สังโยชน์ 10ประการ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วรณ์นิ, 10 มีนาคม 2019.

  1. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    กรณีที่ ตัวสติรู้ มันดูจิตที่ดูกาย..สามตัว แยกกัน...(เว้นก่อน)

    ก่อนหน้าที่มีแค่จิตดูกาย (เจตสิกดูกาย)เจตสิกที่แยกดูกาย (ดูกันได้ชัดแบบนี้ สำหรับผมเรียกว่า มันแยกกันได้ รวมกันได้)
    กรณีที่จิตดูกาย เมื่อกายเกิดผัสสะอะไร จะรู้ทันหมด เมื่อใจคิดอะไรก็เริ่มรู้ทันแล้ว...ทันในสิ่งที่คิด เวลาเวทนาเกิดที่กาย..มันจะส่งความรู้สึกมาที่จิตตัวดู เพียงแค่ ให้รู้..เท่านั้น ไม่มาเต็มร้อย

    จนเมื่อมีตัวจิตตัวที่สาม โผล่ออกมา เป็นผู้ดูจิตที่ดูกายอีกที เห็นทั้งจิตและกาย ว่าจิตมันดูกาย..ตัวนี้คือ ตัวรู้ คือ วิญญาณ มีหน้าที่รู้และอุปทาน ลองถ้ามันไม่ตามรู้ในจิตที่ดูกายก็ได้ ตัวรู้ตัวที่สามนี้ สามารถ คิดอุปทาน เจตสิกออกจากตัวมันได้อีก ไม่สิ้นสุด รอบทิศทาง นี่คือ ความสามารถของตัวรู้ แต่ถ้าเอามาดูจิตที่ดูกาย ถือเป็นสติปัฏฐานครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2019
  2. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ถ้าคุณดูไปเรื่อยๆ

    จะเห็นความจริงแบบนี้
    เมื่อรวมในกาย..จะมีกายใจจิต
    เมื่อแยกจะมี ผัสสะ ส่งมาที่จิตดูกายคือใจตัวที่รับมาปรุง..ส่วนจิตรู้ตัวที่สาม คือมันครอบการรู้ เอาไว้หมดทั้งกายและใจเหมือนชุดที่สวมทับทั้งร่างกาย..ถ้ามันแยกออกมาจากตัวที่คิดได้แสดงว่า มันเริ่มเบื่อที่จะคิดแต่ดูกาย มันแยกออกมาเพราะไม่อยากถูกบังคับให้รับรู้ ในแต่ดูกาย มันอยากคิดเรื่องอื่นที่มันเคยชอบต่างๆ

    ผมฝึกแบบนี้แหล่ะ เหมือนกัน...ผมกำหนดความคิดสร้างร่างจำลองของตัวเอง หันหน้าเข้าหากัน ห่างกัน สองเมตร แล้ว เอามุมมองของภาพในจิต เหมือนยึดเอาตาไปไว้ที่ร่างจำลองแยกจิตวิญญาณการรู้ไปไว้ที่ร่างจำลอง แล้วมองดูกายทั้งร่าง รับรุ้ตามผัสสะที่กายรับจริง..ภาพในจิตจะเห็นเป็น ภาพของร่างจริงว่ากำลังทำอะไรอยู่ ..แยกรวม ดูกายแบบนี้ จน วันนึง ตัวรู้มันแยกออกมาอีกที เหมือนที่คุณทำได้นี่แหล่ะ...ผมก็ฝึกจน ตัวรู้ มันปล่อยวางกายใจ นานเหมือนกันครับ แต่ช่วงนี้แหล่ะ ที่ถ้าต่อเนื่อง จะหมายถึง ได้วิปัสสนาญาณเพราะเข้าใจไตรลักษณ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2019
  3. คนไทบ้านๆ

    คนไทบ้านๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2018
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +267
    สักกายทิฏฐิ คำว่าสักกายทิฏฐิ อาจหมายถึง การหลงยึดมั่นถือมั่น หลงยึดถือเอาความคิดเห็นของตนเป็นใหญ่ก็ได้ เชื่ออย่างสนิทใจจนเป็นจริงเป็นจัง จนไม่อาจรับฟังความคิดเห็นของใครๆได้เลย เราท่านได้มีการพิจารณาในมุมนี้กันบ้างไหมครับ แค่เป็นคำถามเฉยๆนะครับ

    ทีนี้ความเห็นของเรามันสามารถมีได้แบบไม่มีขีดจำกัด ไปได้เรื่อยๆ สังขารการปรุงแต่งมีได้ไม่มีขีดจำกัด แต่ความจริงสิ ยังไงก็ยังงั้น เป็นไปตามเหตุปัจจัยเป็นไปตามความเป็นจริงวันยังค่ำหมายความว่า จะคิดเองเออเองแบบไหนความจริงก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปตามความปรุงแต่งของใคร น่าจะมองตรงนี้ให้ออกด้วยไหมครับ จะได้ไม่มัวหลงสังขาร เพลิน อุปมาทุกข์ก็อยู่ที่ปลายจมูกนี่เองครับ ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น เมื่อไหร่เลิกหวงแหนทิฏฐิแห่งตนได้ รู้ตามความเป็นจริงจริงๆบ้าง เมื่อนั้นอะไรๆคงดีขึ้นเอง แค่ความเห็นหนึ่งเท่านั้นครับ
     
  4. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ก็อย่าคิดเอง เออเอง...เท่านั้นแหล่ะครับ ถ้ากลัวในสิ่งที่คิด
    ส่วนผมไม่ได้คิดเอาเอง...แต่เออเองครับ
    และไม่ได้กลัวที่จะคิดด้วยครับ..อิอิ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    คุณ วรณ์นิ
    คำสอนเวลาถ่ายทอดออกสู่สากล
    จะใช้คำที่คนส่วนมากเข้าใจได้ง่าย
    ปฎิบัติเข้าถึงง่าย มักจะไม่เอาคำสอน
    ที่เข้าใจเฉพาะพวกที่อยู่สูงกว่าค่า ๘๕%
    หรือตำ่กว่า ๑๕ %ไทม์ ครับ

    บางทีถ้าเราอยู่ในกลุ่มที่มีค่าสูง
    คือเข้าใจได้ง่าย เรียนรู้ได้ง่าย
    เข้าถึงนามธรรมง่าย
    อย่าพึงด่วนสรุปว่าท่านใดสอนผิดสอนถูก

    ควรดูกิริยาทางนามธรรมที่แฝงไว้
    ในคำสอนว่ามีวัถตุประสงค์อะไร
    และควรดูสภาพแวดล้อมต่างๆ
    ทั้งความสามารถผู้สอน ประกอบ
    ในการอ่านคำสอนด้วยครับ

    เราจะทราบวัถตุประสงค์ที่เป็นนามธรรม
    ที่แฝงไว้ในคำสอนได้เองครับ

    ตย. เช่นคำสอนสักกายทิฐิของท่าน(ซึ่งทั่วไปมีหลายวิธีมาก จะสมาธิระดับสูงในระดับควบคุมจิตในนิ่งๆ แล้ววิ่งในกาย
    หรือจะใช้อสุภะก็ได้)
    เป็นอุบาย เหมาะสมใช้กับผู้ที่ฝึกวิชา
    พิเศษ หรือบุคคลที่ต้องการความชัดเจน
    ในการเห็นทางด้านนามธรรม
    ไปส่งเสริมทางด้านนี้เฉพาะ ใช้สมาธิไม่มาก
    เป็นการฝึกในเรื่องการเข้าถึงอารมย์
    แบบชั่วคราวนั่นเอง
    หรือเป็นแนวทางเดินให้จิต
    เข้าถึงได้ต่อไปในอนาคตนั่นเอง
    สังเกตุจะพบว่า เป็นคำสอนสากลเข้าถึงได้
    เป็นส่วนมาก

    ไม่ได้หมายความว่า
    อ่านแล้วจิตจะเป็นแบบ
    คำสอนเลย ประมานนี้
    พอเข้าใจนะครับ ^_^
     
  6. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ทีนี้ผมเลยไปชมวิดีโอ ท่านหลวงพ่อฤาษี เทศเรื่อง การตัดสังโยชน์3 ตามชื่อกระทู้ข่างล่าง...อืมก็ ดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ ข้ามขั้นเหมือนเดิม

    แต่ที่ ผมจับมาเป็นประเด็นคือ ตายไปเกิดเป็นพระอรหันต์เข้านิพพาน....1
    และตัดสังโยชน์ได้ทั้ง 10 ข้อ (แม้จะแปลไม่ตรงก็ตาม)ไปอยู่แดนนิพพานอย่างเดียวมีแต่ความสุขสำราญ....2

    เนี่ย...เข้าแดนนิพพาน... ตายไปเป็นพระอรหันต์เข้านิพพาน...ประเด็นนี้....เป็นพระอรหันต์ก่อนตาย ไม่ได้เหรอครับ..?

    และ...ตัดสังโยชน์ได้หมดก็ไปอยู่แดนนิพพานอย่างเดียวที่มีแต่ความสุขสำราญ...

    อันนี้ผมว่า สอนหรือเข้าใจนิพพานผิดหลักของพุทธศาสนาเต็มๆ
    เพราะนิพพานคือ สิ้นทุกข์ สิ้นการเกิด ...

    1.แล้วยังจะมีการเกิดเป็นพระอรหันต์ ..(มีคำว่าเกิด)
    2.ได้เข้าแดนนิพพาน...(มีการเข้าดินแดนด้วย)
    3.แดนนิพพานที่มีแต่ความสุขสำราญ...(แดนนิพพานมีแต่ความสุขด้วย)
    4.พระอรหันต์ เป็นก่อนตาย ไม่ได้หรือครับ..?
    5.นิพพาน ถึงก่อนตาย ไม่ได้หรือครับ..?

    โถ่..เป็นงั้นไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2019
  7. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    คือถ้าพูดเพื่อคนส่วนใหญ่ หรือคนส่วนน้อย หรือคนบางส่วน..พระพุทธเจ้าท่านพูดเอาไว้หมดแล้วครับ...แต่ถ้าจะเผยแพร่เพื่อสาธารณะชน นี่ ผมหมายถึงทุกคน.. ก็ต้องพูดทั้งหมดสิครับ..มันคือ ..จะได้สมบูรณ์ ทั้ง เบื้องต้น เบื้องกลาง เบื้องปลาย..

    ตามที่ผมแปลให้ดูตามที่ผมเข้าใจ ผมว่ามันกลางๆแล้ว ..แต่ท่านฤาษี ท่านพูดแต่ในส่วนที่ท่าน เข้าใจ..ผมว่ามันต่างกันอยู่นะ..ท่านยังไม่พูดกลางๆ
     
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ไม่เป็นไร...เดี๋ยวผมจะเอาไปร้องเรียนกับท่านอาจารย์(พระพุทธเจ้า)
    ให้พระศาสดาท่านตัดสินเองครับ...ผมเป็นแค่..ลูกอีช่างฟ้องครับ อิอิ

    นี่คือตัวอย่างที่...ว่า ผมไม่ได้คิดเอง แต่ผมเออเอง
     
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ทีนี้ถ้าเรา ดูกายได้ถนัด ด้วยจิตที่ดูกาย เราสามารถเปลี่ยนมุมมอง ของจุดที่จิตดูได้รอบตัวเลยครับ...ย้ายมุมมองไปด้านข้าง ด้านหลัง ด้านล่าง ด้านบน

    ส่วนผม จะยกเอาไปไว้ที่ด้านหลังแล้วยกขึ้นทำมุม 45องศา เหมือนกล้องส่องดูกายตัวเองดูมันทุกอิริยาบท จากด้านหลัง ดูทั้งวัน แบบต่อเนื่อง ดูได้ทุกด้าน..ว่างๆ เอาจิตที่ดู(ร่างจำลอง)ออกไปวางแปะที่ดวงจันทร์ แต่ก็มองทั้งโลก แม้จะเห็นตัวเราจะเล็กก็ตาม...หรือ เอาไปแปะหลบร้อน ในก้อนเมฆโน่น..ก็ได้ แต่ก็ยังคงมองดูกายของตัวเองตลอดเวลา.. ทำจนหลับ ตื่นมาก็ทำต่อ..อยู่แบบนี้ ผมเรียกว่า ต่อเนื่องครับ

    พอมีตัวรู้ตัวที่สามโผล่มา รอบนี้ยิ่งสนุก..เพราะ เราเลือกที่จะอยู่ในร่างกายจริง ก็ได้ โดยค้างเจ้าจิตที่ดูกายเอาไว้ด้านนอกกายแบบนั้น..หรือจะเอาตัวรู้ไปอยู่ในร่างจำลองที่ดูกายอยู่ก็ได้ หรือ จะเล่นกับความคิด คือ คิด เป็นหลายๆร่าง หลายๆมุม รอบกายจริง หรือแตกแขนงออกจาก ร่างจำลอง แล้ว ตัวรู้มันจะตามไปรู้ คือจะไปสวมวิญญาณให้ตัวไหน ก็เลือกเล่นเอาครับ หรือแค่คิด แต่ไม่ตามไปรู้ก็ได้ครับ..ทำอยู่แบบนี้ รับรองว่า...แจ่มแมวแน่นอนครับ...ที่สำคัญ ตัวรู้มันตามรู้ตามเล่นได้ ทุกตัวถ้าสมาธิ ฝึกมาดีพอ..หรือ เข้าไปสวมรู้ สองตัว แล้วให้สองตัวมันสู้กัน คุยกัน เล่นละครให้เราดู
    แบบนี้ก็ได้ครับ...สนุกแน่นอนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2019
  10. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อ้อ...ผมโม้มาเยอะแระ...พักครับพัก
    เดี๋ยว..มันจะว่า ผมเว่อร์ไป...ผมนี่บ้าทะลุจักรวาลครับ...อิอิ

    แค่ว่า..ฝึกถึงไหน อย่างไร อย่าลืม เอามาเล่าให้ผมฟังบ้างนะครับ
    คือว่า หาคนที่ฝึกแบบนี้ ยากครับ...
     
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อ้อ..ผมมีเพื่อร่วมรุ่น ร่วมฝึกด้วยคนนึง เป็นผู้หญิง ชื่อสามชิกคือto2504

    การฝึกแบบนี้ มาจาก ท่านหลวงปู่เทพโลกอุดร..ท่านฝากมาให้ฝึก(คือ ผมฝันว่าผมกราบขอเป็นศิษย์ท่านน่ะครับ ในฝัน

    คุณ to2504 ฝึกโดย กำหนดเริ่มที่กายสติรู้ตั้ง ที่กาย แล้วกำหนด ลากเส้นตรงออกจากกลางหน้าผาก ค่อยรู้ตามมีสติตาม เส่นที่ลากออกไป ยาวประมาณ50 เซนก็ได้แล้วหยุด แบ้สเหมือนเป่าที่จุดให้มัรพองลม เหมือนลูกโป่งเหมือนหลอดไปกลมๆ ให้ค่อยโตขึ้น จนเท่าลูกบอลก็ได้ แล้วค้าวเอ่ไว้ รู้ค้างเอาไว้อยู่อย่างนั้น...ถ้าจะเลิกก็ให้รู้ว่าจะเลิกคือ ค่อยๆยุบลูกกลมๆให้เล็กลงจนเหลือเป็นจุดปลายของเส้นตรง แล้วค่อยๆหดเส้นตรงกลับเข้ามาที่กลางหน้าผาก มาที่กายตามเดิม...แบบต้องรู้ตัวทุกขณะที่ทำ ที่กำหนด...จนคล่อง จนเดินไป ก็มี ไอ้เส้นที่มีปลายเป็นลูกกลมๆตามไปด้วย หันหน้าไปทางไหน เส้นก็กันตามด้วยนะ ยืนนั่งนอน ก็ทำได้..แบบนี้ ก็ฝึกกายตยคติอีกแบบครับ...

    การกำหนดเริ่มที่กาย คือเริ่มที่ฐานกาย
    ลากเส้นออกไปแล้วพองลม คือกำหนดให้ใจคิดเพียงเรื่องเดียว
    ส่วนการฝึกรักษาสภาวะรู้ตาม ..ตามดู ตามรู้..ลากเข้าลากออก คือ ฝึกเพื่อ ให้เห็น ในสามส่วนได้เหมือนกันครับ..คือ ผัสสะกายที่ทำงาน...ใจที่คิด...จิตที่ตามดูตามรู้..
    ฝึกบ่อยๆ มันจะค่อยๆแยกออกมาได้เช่นเดียวกันครับ
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ส่วนใครที่ สามารถ แยกกายทิพย์ มีตาทิพย์ จะเอาการฝึก มาดูกายจริงของตนเองก็ได้นะครับ แต่ถ้าจะให้ดี ก็ต้อง ดูได้ทุกอิริยาบถ ดูได้ตลอดทั้งวัน
    แบบต่อเนื่อง..ดูการทำงานของผัสสะ กายใจ ให้ได้..เพื่อ รู้เห็น การทำงานจริงของผัสสะกายใจครับ
     
  13. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    หรือใครที่ สา มา รด แยกจิตดวงเดียวออกมานอกกาย แบบ คอ นก รีต แล้วเอามาดู ผัสสะกายใจ ตามจริงได้..ก็โอเครครับ
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    แลัวแต่จะเข้าใจนะครับ
    แนะนำว่า อย่าไปวิพากษ์ วิจารณ์ ดีที่สุดครับ ^_^
    มีอะไรๆมากกว่านี้อีกเยอะครับ เครเนาะท่าน
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    เป็นทริคฝึกให้อยู่กับกายวิธีการหนึ่งนะใช่ แต่ต้องเป็นตรงกลางหน้าฝากเท่านั้นนะครับ
    ถ้าต่ำแหน่งอื่นๆในกาย ไปกำหนดแบบนี้ วงมันจะขยาย ยกเว้นว่า ใช้กำหลังสมาธิ
    ให้มันหมุนวนซ้าย และเล็กลงแล้วดึงกลับเข้ามา..จะเป็นการฝึกสมาธิวิธีการหนึ่ง
    เหมาะสำหรับวิธีเฉพาะ ส่วนรู้ผัสสะกายที่ทำงาน...ใจที่คิด...จิตที่ตามดูตามรู้..
    มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่จะต่อยอดหรือมากกว่านี้ ต้องประมาณที่
    เล่าให้ฟังครับ (วนซ้ายให้เล็ก แล้วดึงเข้ามา ทำได้ ตรงหน้าอก และ ต่ำแหน่งเหนือลิ้นปี่)
    เครเนาะ...พวกนี้มันทริคเบสิกทั่วไปครับ มีรายละเอียดปลีกย่อยอยู่ครับ
     
  16. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ครับ ผมว่าแค่นี้ก็พอแล้วครับ...
    ผมก็มาคุยเรื่อง แยกจิต แล้วครับ
     
  17. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,154
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในการปฏิบัติที่คุณ วรณ์นิได้ทำมาด้วยครับ และขอขอบคุณในคำอวยพรครับ

    และขออนุโมทนาทุกท่านด้วยครับ ด้วยความเคารพทุกท่านครับ

    มีหลวงปู่เทพโลกอุดรมาสอนเหมือนข้าพเจ้าเลยครับ ของข้าพเจ้าท่านมาสอนตั้งแต่เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้ารู้จักการนั่งสมาธิใหม่ๆเลยครับ
    และหลังจากนั้นมา ก็จะมีทั้งเทพเทวดา ครูบาอาจารย์มาคอยสอนธรรม สอบธรรมอยู่ตลอด แม้ยามปฏิบัติเข้าสมาธิ แม้ยามหลับ แม้ยามตื่น เหมือนว่าข้าพเจ้าอยู่ในสายตาของพวกท่านตลอดเวลา แต่การสอนของพวกท่านจะไปในแนวการทำเพื่อผู้อื่น เป็นส่วนใหญ่ครับ

    และในส่วนของการกำหนดเล็กเท่าปลายเข็มนั้น ข้าพเจ้าทำให้มันวิ่งอยู่ในกายหรือวิ่งออกไปข้างนอก คือไปสัมผัสกับสิ่งที่ต้องการครับ ประมาณนี้ครับ

    และข้าพเจ้าต้องขออภัยที่ไม่ได้ต่อในกระทู้นั้นครับ เพราะพอข้าพเจ้าจะมาต่อ ความอยากก็หายไป วันไหนจะเข้ามาต่อก็หายไปอีก ข้าพเจ้าเลยวางเสีย ประมาณว่า มันพอสมควรแก่การเสวนาแล้วครับ ต้องขออภัยครับ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปทุกท่านครับ
     
  18. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    แล้วได้มีการสอนให้ดูผัสสะกายใจ มั้ยครับ..?
     
  19. Unexpected

    Unexpected เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +1,513
    .
    ใช่ๆ มันจะเป็น 3 (ตอนนี้นะ)
    ตอนแรกจะมีแค่ กาย ---> จิต(ปนเจตสิก) 2 อัน

    ตอนนี้มีจิต(หรืออะไรสักอย่าง)แยกมาดูไอ้ตัวจิตปนเจตสิกอีกที เป็นขั้นๆ แต่ก็พยามตามรู้พวกนี้อยู่ตลอดนะคะ ถ้าไม่เผลอ แต่วางจิตยังไม่ได้นะคะ

    แต่สงสัยว่า จขกท ทำไมต้องนิมิตกายแยกมาเพื่อแยกกายใจ รู้พวกนี้คะ ฝึกปกติมันก็รู้ให้อยู่แล้วนิคะ อย่างของปวีก็ฝึกปกติ แต่เหมือนจิตมันทำงานของมันไปเอง จะไปพิจารณากาย ใจ อะไรมันก็ไปเอง แต่เราจะเริ่มรู้ถ้ามันมีสภาวะนั้นมา

    พวกแสงกลางอก(แถวลิ้นปี่) ย่อ ขยาย เคลื่อน ปวีเคยทำนะ แต่มันเคลื่อนบนกะลงล่าง ย่อขยายได้ เราก้อว่ามันเป็นโอภาส เป็นกิเลส ไม่มีสาระอะไร โอกาสติดมีสูงมาก เลยเปลี่ยนมาฝึกวิปัสสนาดีกว่า รำคาญนิมิต ยังไงทุกอย่างมันก็ต้องละลายหายไปด้วย เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปอยู่ดี (อันนี้ความคิดเรานะ คนอื่นอาจถูกจริตแสงเอามาเป็นฐานวิปัสสนา)
     
  20. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    คือ ผมขอบอกความจริงเลยนะครับว่า ผมไม่เคยอ่านพระสูตรเรื่องการฝึกสติปัฏฐานมาเลย เคยอ่านแต่คำเทศนาตามหนังสือของพระ ที่พากันพูดเรื่องสติปัฏฐานสี่ เลยไม่ค่อยเข้าใจครับ จะเอายังไงกันแน่..บางเล่มบอก เอาทีละฐาน ฐานไหนก็ได้..(ผมก็ไม่เข้าใจ).บางเล่ม พูด กายในกายนอก เวทนาในเวทนานอก จิตในจิตนอก ธรรมในธรรมนอก ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนเดิม..เคยแต่นั่งสมาธิ วิปัสสนาไม่เป็นครับ..

    คือเมื่ออ่านแล้ว รู้สึกว่ามันไม่ไช่ ผมก็เลยไม่ทำอะไรสุ่มหกสุ่มเจ็ดน่ะครับ

    ที่ฝึกแยก ก็เพราะ พระท่านฝากมาให้ฝึก แต่ดันทำได้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...