สังโยชน์ 10ประการ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วรณ์นิ, 10 มีนาคม 2019.

  1. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,154
    ขออนุโมทนาครับ ด้วยความเคารพครับ

    ของข้าพเจ้าจะไปในแนวพิจารณาจิตตัวเองครับ. ข้าพเจ้าเคยเล่าไว้ในนี้หลายครั้งแล้วครับ เดี๋ยวข้าพเจ้าจะเล่าอีกครั้งหนึ่งนะครับ

    ข้าพเจ้ารู้สึกตัวในฝัน เห็นพระชรารูปหนึ่งนั่งอยู่บนแท่นตรงหน้าข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก้มลงกราบ ทันใดนั้นก็ปรากฏเป็นพระพุทธรูปองค์หนึ่ง สีดำเงา และข้าพเจ้าสามารถที่จะหมุนองค์พระนั้นได้ คือจะเลือกดูมุมไหนก็ได้

    แล้วท่านก็บอกว่า (ไม่มีเสียงแต่เป็นความเข้าใจว่าท่านบอกมาประมาณนี้ครับ)

    แรกเริ่มปฏิบัตินั้น จิตของเราเต็มไปด้วยกิเลสตัณหา จนจิตดำมืดเช่นนี้ ให้เราปฏิบัติขัดเกลาตนเอง จนจิตเราขาวสะอาด (แล้วพระพุทธรูปก็เปลี่ยนเป็นสีขาว)

    แต่เท่านี้ยังไม่พอ เพราะโอกาสที่เราจะกลับไปเกิดกิเลสจนจิตดำมืดยังมีอยู่ ให้ปฏิบัติขัดเกลาต่อไปจนจิตเราใส (พระพุทธรูปเปลี่ยนจากสีขาวเป็นแก้วใส)

    แต่เท่านี้ยังไม่พอ โอกาสที่เราจะเกิดกิเลสจนจิตเรากลับไปเป็นเนื้อสีขาวและกลับไปดำมืดเหมือนเดิมยังมีอยู่ ให้ปฏิบัติขัดเกลาต่อไปจน.........จึงจะจบกิจของเจ้า(ตรงนี้ขอละไว้) และ (พระพุทธรูปที่เป็นแก้วใสนั้นก็หายไป มีแต่แสงสว่างหลายสี ส่องสว่างไปทั่วบริเวณ)

    แล้วท่านก็หายไป หลังจากวันนั้นข้าพเจ้าสงสัยว่า ท่านคือใคร หลังจากที่คิดสงสัยนั้น อีกหลายวันท่านก็มาอีก แล้วบอกว่า เราคือหลวงปู่เทพโลกอุดร.

    ข้าพเจ้าคิดว่าท่านคงสอนธรรมให้แต่ละคนตามภูมิธรรมของแต่ละคนครับ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ
     
  2. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    คงไช่ตามที่คุณพูดมานั่นแหล่ะครับ คงแนะนำตามภูมิธรรมของแต่ละคน
    คือสมัยประถม เคยนั่งสมาธิจน เข้าถึงความว่างที่สว่าง ...จากนั้นก็ไม่ได้นั่งอีกเลยเพราะกลัวผี ครับ ผมเป็นคนขี้กลัวผี มาตั้งแต่เด็ก ...พอตอนฝึกแยกจิตดูกาย
    ผมเคยฝึก จ้องวงกลมสีแดง จนเกิดจิตรวม พุ่งทะลวงอุโมงค์อย่างเร็ว ผมกลัวไปเห็นนั่นเห็นนี่ ผมพยายามเบรคสุดตัวจนหงายหลังเลย แต่จิตมันก็ไม่ได้ทะลวงออก อุโมงค์ แค่เกือบ...เพราะกลัว
    แต่ผมก็ไม่เสียดายนะ เพราะผมไม่ชอบทางนี้
    ผมชอบที่มัน พ้นทุกจ์จริงๆตรงๆไม่อ้อมค้อม
     
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ผมเลยอธิฐานขอ ให้ไม่มีจิตใจ ไม่มีความจำได้หมายรู้ ไม่เอาอะไรทั้งนั้น แม้สวรรค์ นิพพาน ก็ไม่เอา ขอลืมทุกสิ่งให้หมด...

    ดังนั้นเมื่อผมฝึก มาจนถึง จิตหลุดออกมานอกโลก...ที่ว่างเปล่า ..ผมจึงรู้ว่า มันยังไม่จบ ... จนมีอาจารย์อีกท่าน เป็นคนจริงๆ โทรมาสอนธรรม ในการชำระอวิชชา เรื่องขันธ์...จน ..ดับจิต ดับขันธ์...ก็ยังไม่จบ ยังต้องต่อ เรื่อง..อีกมากมาย ในการออกจากเรือ ออกจากธรรม สำหรับตัวผมมันซับซ้อน...ออกจากเรือจากธรรมเสร็จ ก็ต้อง บวชพระเพื่อ ให้รูปธรรมตรงกับนามธรรม ฟังธรรม เพื่อชี้ทาง ให้กลับมาเป็นมนุษย์ อีกที มาเรียนรู้เรื่องกฏแห่งกรรม มาเรียนรู้ความเป็นมนุษย์ตามมรรคแปด
    คือมัน ซับซ้อนเกินคนอื่นจะเข้าใจครับ

    ผมเลย ได้นามสกุลใหม่...ว่า ธรรมภัทรปัญโญ
    และ นามใหม่คือ อนุพุทธะ ครับ..................จากอาจารย์

    จากนั้นยังไปเรียนรู้ ภาษาจิต ผีไม่กลัวอีกแล้ว ไปเรียนรู้พวกจิตต่างดาวอีก
    วุ่นวายจากคนอื่นๆอีก...

    อาจารย์ก็ ชอบพาไปตะลุย อวกาศในเวลาฝัน
    เอาว่า บ้าทะลุจักรวาลไปเลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2019
  4. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,154
    ท่านคือพระ? ข้าพเจ้าขอนมัสการครับ

    ของข้าพเจ้า ท่านบอกว่า ข้าพเจ้าในช่วงหนึ่ง อีกไม่กี่ปี ก็จะได้เวลาบวชอีกครั้งนึง เช่นกันครับ แต่ถึงตอนนั้นแล้ว ท่านบอกอีกว่าข้าพเจ้าจะบวชก็ได้หรือไม่บวชก็ได้ แต่ข้าพเจ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงภายในครับ......
    ตอนนี้ปล่อยให้อยู่ใช้กรรมของโลกไปก่อน

    จริงๆถ้าใครไม่เจออย่างข้าพเจ้าก็คงจะคิดว่าคนบ้าครับ เพราะหลายๆครั้งที่เกิด (ขอเรียกว่าปาฏิหารย์นะครับ) คือเป็นสิ่งที่คนทั่วไปประสบได้ยากครับ
    เช่น ข้าพเจ้าเห็นวิหารในวัดส่องเป็นแสงหลากสีออกมาด้วยตาเนื้อนี้ ฯลฯ
    และเกือบทุกครั้งข้าพเจ้าจะมีผู้ร่วมรับรู้อยู่ในเหตุการณ์นั้นๆด้วย จึงเป็นประจักต์พยานแก่ข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าไม่ได้จิตหลอนไปคนเดียว
    ประมาณนี้ครับ

    ข้าพเจ้าออกแนวโม้มากไป ขออนุญาตจบบทสนทนาครับ ด้วยความเคารพครับ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ
     
  5. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อ๋อ ในฝันส่วนมาก ผมก็ แต่งตัวคล้ายพระ นี่แหล่ะ
    บางทีก็เป็นพระ สอนพระ สอนเณร ..
    ฝันสอนธรรมพยานาค ผี จิตวิญญาณ ในฝัน
    มีเหล่าจิต.มาอาราธนาธรรมมากมาย จนต้อง ไล่หนี อันนี้ไม่ฝัน(คิดเอาเอง เออเอง)
    ฝันเป็นพระผมถือว่าฝันร้ายครับ
    เพราะผมเป็นฆราวาส เป็นมนุษย์ ครับ
    ผมไม่ชอบสังคมของพระ ในปัจจุบันครับ
    ผมไม่ไช่พระนะครับ..
    ผมเป็นมนุษย์คนนึงครับ

    ยินดีที่ได้สนทนา ขอให้ สมปรารถนาในสิ่งดีงามที่ต้องการ
    ขอให้สำเร็จโดยไวครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2019
  6. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อะไร มาท้วงว่า ผมเป็นพระ...แล้วก็ลาเลย ผมเป็นฆราวาส บวชได้ 24 วัน ก็สึกออกมาครับ

    อาจารย์เรียกผมว่า สมีครับ...ชอบชื่อนี้มากกว่า
    ผมไม่ชอบ การสมมุติว่าตนเองเป็นพระที่สุดเลยครับ
    แม้ในความฝัน..

    ผมเป็นพระที่ใจ ก็พอครับ..ศีลห้า สะดวกสบายดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2019
  7. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เฮ้อ...ดีหน่อย ช่วงนี้...ไม่ได้ฝันว่าเป็นพระ..(สบายจาย)
    เมื่อคืนตื่นมาตีสอง ระลึกว่าฝันมั้ย ก็ฝันนะ
    ถือว่า ปกติดี...
     
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.......ผมรู้แล้ว ว่าผมจะเป็นพระอะไร.?

    ขอเป็น พระ........เอก.. ในหัวใจเธอ ได้มั้ยเล่าเออ หากเธอหัวใจยังว่าง..?
    จะคอยปัดถู ห้องใจ มิให้ดำด่าง..
    หนักเบา ไม่เอาซักอย่าง เธอ...ไม่ต้องสั่งมา..
     
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เมื่อวาน วันอาทิตย์
    เมียซื้อ ตำจั๊กจั่น ตำป่นกบ ตำน้ำพริกแมงดา ส้มผักเสี้ยน ข้าวเหนียว

    โอ้ววววว แซบ..ขนาด แซบหลายแท่เด้อ.
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ให้พยายาม "รู้" ตรง เจตสิก ที่มันกระพริบกระเพื่อม ตรงนั้นหนะ เรียกว่า "รู้กิริยาจิต" แล้วมันจะ "ต่อยอด" ของมันออกไปได้เอง

    +++ ให้ไปอ่าน "อิทธิวิธี ในท่อน มโนมยิทธิ" ในพระไตรปิฏก ก็จะรู้ได้ว่า
    +++ มโนมยิทธิ "ของจริง" ต้องเป็นอย่างที่ จขกท ปฏิบัติมา นั่นแหละ
    =========================================================
    http://www.84000.org/tipitaka/read/?9/132
    http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=9&A=2516&w=%C1%E2%B9%C1%C2%D4%B7%B8%D4

    ภิกษุนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส
    อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่อนิรมิต รูปอันเกิด
    แต่ใจ คือนิรมิตกายอื่นจากกายนี้ มีรูปเกิดแต่ใจ
    =========================================================
     
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ขออกตัวก่อนอื่นนะครับว่า...ผมไม่เก่งขนาดนั้นครับ

    แค่ สำเร็จด้วยใจก็พอครับ...
    คือ เข้าใจง่าย ..ไม่ต้องคิด..มันรู้และเข้าใจเอง ..ตามเหตุผล ผมมักง่ายครับ
    ไม่ชอบยุ่งยาก...ไม่ชอบมากเรื่อง ไม่ชอบลีลาท่าทาง ไม่ชอบชั้นเชิง
    เบื่อการมีระดับ เบื่อขั้นตอน เบื่อซับซ้อนซ่อนเงื่อน เบื่อเล่ห์กล มนต์ดำ
    เบื่อเล่นท่า เล่นตัว เบื่อพวกถือดี อวดดี เบื่อพวกหน้าไหว้หลังหลอก
    เบื่อพวกชอบโกหกไปวันวัน....
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ที่น่าเบื่อ อีกอย่างก็คือ ...พวกจิตวิญญาณที่ชอบฟังธรรม

    คือ มันฟังมา 2500 กว่าปีมาแล้ว มันก็ยัง หลงในสวรรค์ พรหม บุญ ของมันอยู่อย่างนั้น ปัญญาไม่พัฒนาขึ้นมาได้เลย.ถ้าไม่มาเกิดเป็นคน แล้วเรียนรู้ทุกข์ตามจริง...ในตน

    ทุกข์ตามจริงในตน...คือ ตนเองหิว แก่ เจ็บ ป่วย ไม่เที่ยง มันเกิดในร่างกายของตนเองตามจริง..จะไปรับรู้ความทุกข์ของคนอื่นเท่าไหร่ มันก็ไม่ถึงใจตนเองได้หรอก...เช่น ผู้หญิงบางคน มาบอกว่า เห็นคนอื่นมีผัวมีลูก แล้วมีแต่ปัญหาเยอะแยะมากมาย เห็นแค่นี้ก็เข้าใจแล้ว ไม่เอาดีกว่า..อยู่คนเดียวสบายใจกว่าเยอะ...ใครที่คิดแบบนี้ ไม่ว่าหญิงหรือชาย..นี่แหล่ะมิจฉาทิฐิ
     
  13. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    บางคน ยิ่งอาการหนัก...มิจฉาทิฐิ คือ..

    เกิดมาเป็นคนแล้ว ไม่พอใจในความเป็นมนุษย์ของตนเอง ไม่พอใจในเพศของตนเอง เกลียดร่างกายความเป็นมนุษย์ว่า.สกปรก ขยะแขยงตนเอง เกลียดเรื่องเพศ ร่างเป็นชายแต่ใจอยากเป็นหญิง ร่างเป็นหญิงแต่ใจอยากเป็นชาย
    หญิงชอบหญิงเกลียดชาย ..ชายรักชายเกลียดหญิง...บางคนมันเอาทั้งผู้ชายและผู้หญิง...บางคนไม่อยากเป็นทั้งหญิงและชาย..นี่มิจฉาทิฐิทั้งนั้น พวกมีกรรมหนัก...เป็นพวกขัดธรรมชาติของตนเอง ไม่ยอมรับความจริงที่เป็นตามธรรมชาติของตนเอง

    พวกขัดธรรมชาติ ฝืนธรรมชาติ พยายามจะเอาชนะธรรมชาติ นี่มีเยอะเลย
    เช่น...ทำนาปีไม่พอ ต้องทำนาปัง เพราะความอยากรวย...พวกนี้ไม่ทำตามฤดูของธรรมชาติโลก...ฤดูนี้ ผลไม้ชนิดนี้ออกดอกออกผล แต่บางคนต้องไปหลอกบังคับให้ ต้นไม้ออกดอกออกผลทั้งปี...นี่ก็มิจฉาทิฐิครับ..คือ เข้าไปก้าวก่าย ธรรมชาติ แทรกแซงการทำงานของธรรมชาติ....จน..เสียระบบเพราะ
    เอา กิเลสตัณหาของคน เข้าไป เจือปนกับธรรมชาติ เป็นการทำลายธรรมชาติ โดยตรงเลย...ผิดกฏธรรมชาติทั้งนั้นครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2019
  14. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    พวกมิจฉาทิฐิเหล่านี้...จะค้นหาความจริงจากอริยะสัจสี่...ก็ยากจะได้พบความจริงครับ แม้จะอยู่กับความจริงที่ไม่เที่ยงของตนเอง แท้ๆ แต่ก็ เข้าใจไม่ได้ นั่นเอง

    มิจฉาทิฐิเกิด จากอวิชชา....โรคนี้เป็นกันมากมาย โรคมิจฉาทิฐิ....ถ้าอยากรู้ว่า โรคมิจฉาทิฐิเป็นเช่นไร ก็จะรู้ได้โดย เอา ความคิดความเข้าใจของตน ไปเปรียบเทียบกับ มรรคทั้งแปดข้อ ดู...ก็จะรู้ว่า ตนเองมีอะไรบ้างที่ ผิดที่ขัดกับธรรมชาติ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2019
  15. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    จะขอแจกแจง มรรคแปด ดังนี้ครับ
    1.สัมมาทิฐิ...ปัญญาความเห็นชอบ ที่เป็นปัญญาความเข้าใจแค่ด้านที่เป็นกุศลเท่านั้น เช่นตามข้อศีลห้าเป็นหลัก(อกุศลก็เข้าใจแต่ไม่เป็นการเห็นชอบ มันจะเป็นการเห็นไม่ชอบ)
    2.สัมมาสังกัปโปหรือดำริชอบ ไม่ได้หมายถึงความคิดชอบนะครับ แต่หมายถึง มีเจตนาที่ดีที่เป็นด้านกุศลตามข้อศีลเช่นกัน เช่นกำหนดที่จะกระทำกรรมนั้นๆงานนั้นๆด้วยเจตนาที่เป็นกุศลที่ได้จากความเห็นชอบจากปัญญาชอบ ของมรรคข้อแรกนั่นเองครับ
    3.สัมมาวาจา คือ การพูดจา การสื่อสาร ทุกรูปแบบชอบเช่น ดี สุภาพ ไพเราะ น่าฟัง ที่เกิดมาจาก ปัญญาดี เจตนาดี จากมรรคข้อที่ 1 และมรรคข้อที่ 2 นั่นเองครับ ...วาจาชอบรวมความหมดทั้งการสื่อสารด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็คือ การสำรวมระวังอยู่เสมอนั่นเองครับ
    4.สัมมากัมมันโตคือการงานชอบ ไม่ได้หมายถึงหน้าที่การงานเท่านั้นนะครับ แต่หมายถึง การลงมือลงกายลงใจในการทำงานด้วยกายใจที่ประกอบไปด้วย มรรค 3 ข้อแรกนั่นเอง จึงได้ชื่อว่าเป็นการ ลงมือกระทำ ทำงาน ด้วยความชอบ พอใจ มีความสุข ทำด้วยความยินดีที่จะทำ เต็มใจที่จะทำ นั่นเองครับ
    5.สัมมาอาชีโวคืออาชีพชอบ ในที่นี้ไม่ไช่แค่การเลือกอาชีพ มีอาชีพเท่านั้นนะครับ แต่หมายถึง...ทุกการทำงานการหาอยู่หากินเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเลี้ยงชีพทุกรูปแบบต้องเป็นไปด้วยความถูกต้องตามข้อศีล ตามกฏหมาย ตามธรรม นั่นเองครับ
    6.สัมมาวายาโมคือความเพียรชอบหมายถึง เมื่อกระทำมรรคมาได้ครบทั้ง 5 ข้อได้แล้ว ความเพียรชอบนี้จึงหมายถึง การขยันในการงานในการหาเลี้ยงชีพทั้งกายและใจนั่นเอง ขยัน อดทน ตั้งใจ ฉันทะ วิริยะ ในกายใจของตนครับ
    7. สัมมาสติคือสติชอบ อันนี้ไม่ได้หมายถึงความคิดนะครับ เรื่องความคิดเห็นชอบมันคือมรรคข้อ 1 โน่นครับ สติข้อนี้หมายถึง การมีสติ กำหนดสติ ควบคุมสติ ให้ระลึกแต่ทางด้านที่ดีที่เป็นกุศลในกายใจที่ทำงานที่ทำมาหากินเพื่อเลี้ยงชีพ เพื่อให้อยู่ในข้อศีล หรือในมรรคทั้ง 6 ข้อที่ผ่านมาครับ
    8.สัมมาสมาธิคือสมาธิชอบ แปลว่า ความสงบชอบความปกติชอบ ความสุขชอบ คือกายใจที่อยู่ในข้อศีลในธรรม ที่เป็นผลมาจากมรรคทั้ง 7 ข้อ ที่ผ่านมา คือการมีความสงบสุขในกายใจหรือในชีวิตประจำวันที่ ดำเนินอยู่ในทางสายกลาง ห่างไกลจากกิเลสตัณหา ทั้งหลายทั้งปวง เพราะมีศีล จนเกิดสมาธิ..จนที่สุด จะเกิดปัญญาเข้าใจในความจริง ในธรรม ในอริยสัจสี่...นั่นเองครับ

    นี่คือ...วิธีการที่มรรคแปดเป็นเครื่องนำออกห่างจากกิเลสตัณหาได้อย่างไร ตามขั้นตอนครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2019
  16. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    มรรคแปดข้อข้างบน ความหมาย เอาตามที่ผมเข้าใจมาได้ครับ
    มรรคแปดข้อคือ ความเป็นกลางต่อธรรมชาติ...ธรรมชาติของอะไร..?
    ก็ธรรมชาติทั้งหมด ที่ไม่เที่ยงทั้งหลายครับ
    เพื่อ...ไม่หลงไปชอบ ไม่หลงไปเกลียด ...ดังนั้นโดยชอบของมรรคแปดคือ ความถูกต้องของกายใจเรา อันได้แก่ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม...ที่ต้องรู้ว่า ถูกต้องตามธรรมชาติ เป็นเช่นไร ที่ควรจะเป็น
     
  17. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    จะเห็นว่า มรรคทั้งแปดข้อ มัน เป็นไปตามขั้นตอนของมัน...ทำงานเป็นไปตามขั้นตอน...
    เหมือน...สังโยชน์ 10 ก็เป็นขั้นตอน...
    เหมือนสติปัฏฐานสี่ก็เป็นขั้นเป็นตอน
    เหมือนอริยสัจสี่ก็เป็นขั้นเป็นตอน
    เหมือน รูป จิต เจตสิก นิพพาน ก็เป็นขั้นเป็นตอน
    เหมือน ศีล สมาธิ ปัญญา ก็เป็นขั้นเป็นตอน
    เหมือนวงจรปฏิจจสมุปบาท ก็เป็นขั้นเป็นตอน

    การเรียนรู้ความจริง มันต้องเป็นขั้นเป็นตอน
    จะมาบอกว่า จะเริ่มขั้นไหน ฐานไหนก็ได้ มันไม่ถูกต้อง
    หรือจะมาบอกให้เริ่มที่นิพพานก่อนเลย ..ใครสอน..?

    เวลาจะกินข้าว...จะอิ่มก่อนเลย ทั้งที่ยังไม่ได้กิน..ใครสอนกัน..?
     
  18. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อะไรคือ ธรรมนอกกำมือ..?
    อะไรคือธรรมในกำมือ...?

    ธรรมนอกกำมือ คือ ธรรมทางอ้อมเสียเวลา คือธรรมนอกตัว คือความจริงของสิ่งนอกตัว คือความไม่เที่ยงทั้งหลายที่นอกตัวเรา นอกกายนอกใจเรา นอกโลกโน่น

    ธรรมในกำมือ คือ ธรรมทางตรงที่สุด คือธรรมในตัวเราคือความจริงในตัวเรา คือความไม่เที่ยงในตัวเรา ความไม่เที่ยงของกายใจเรา ของโลกวัฏฏะ
     
  19. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    มรรคแปดข้อนี่ ถ้าไม่รู้เห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์ของตน..ก็จะปฏิบัติไม่ถูกเลยนะ...มันจะกลายเป็น ความประมาทไปเลยนะ

    ตัวอย่างคือตัวผมเอง ก็เคยประมาท ไม่รู้จักรักตัวเอง เพราะมองไม่เห็นคุณค่าของตนเอง...เลยทำร้ายตนเองด้วยการ กินเหล้าทุกวัน เพราะไม่เมา ไม่มีจิตไปเมา กินยังไงก็ไม่เมา แต่กายกลับสะสมสารพิษ...กินกาแฟเย็นวันละ 5 แก้ว...สะสมน้ำตาล จนต้องป่วย...เบาหวานขึ้นตา ไตวาย ตับวาย..ตัวบวมน้ำ ท้องโตมีน้ำ เดินไม่ได้ ต้องเจาะเอาน้ำส่วนเกินออก ต้องฟอกไตไปด้วย ไปติดเชื้อดื้อยาอีก แขนนี่พรุนเพราะรูเข็ม แทบไม่มีที่จะเจาะเข็ม โอ้ย อะไรกันนักกันหนา .? .สมน้ำหน้าตัวเองจริงๆครับ...ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นตัวเราโง่เองทั้งนั้นครับ...ต้องชิงด่าตัวเองก่อน ก่อนที่คนอื่นเขาจะด่าเรา...

    ผมป่วยมา สามปีละ ..ต้องออกจากงาน นอนติดเตียง ไร้ประโยชน์ไปวันวัน ซ้ำเป็นภาระตัวถ่วงให้ลูกเมีย มาเสียเวลาไปกับเราอีก..เฮ้อ เพราะ ความโง่ของตัวเองแท้ๆ
    นี่ก็ยังต้องให้เมียพาไปฟอกไต..อาทิตย์ละ สามครั้ง...กรรมที่ตัวเองสร้างเองโดยมิชอบแท้ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2019
  20. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เลยสั่งเสียกับเมีย และหมอว่า

    ถ้าผมวูบ ใจวาย..ห้ามปั๊มหัวใจ ห้ามสอดสายอากาศหายใจ ห้ามช่วยใดใด
    เพราะผมอยากตายให้มันรู้แล้วไปเลย...จะได้จบๆกันซะที
    วิงวอนขอตายเร็วๆยิ่งดี...ถ้าฉีดยาตายได้ ผมจัดไปแล้ว

    แต่มันก็ไม่ตายซักที จะมีก็แต่ เสียเลือดและน้ำตา ที่หลั่งออกมา เพื่อ ชำระความโง่ของตนเอง...ให้ระกำช้ำทรวง..
     

แชร์หน้านี้

Loading...