สัญญาณอลวน แก้ดักฟังโทรศัพท์

​

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="100%"><TBODY><TR><TD>

สัญญาณอลวน แก้ดักฟังโทรศัพท์





</TD><TD vAlign=top align=right>





</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

เมื่อเร็วๆ นี้ ปัญหาการดักฟังโทรศัพท์ ถูกหยิบยกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ภายหลังที่บุคคลระดับผู้ใหญ่ของประเทศ ออกมาระบุเองว่าถูกดักฟังโทรศัพท์ และได้ยินไปถึงอีกประเทศหนึ่ง กลายเป็นข่าวเกรียวกราวอยู่พักหนึ่ง

ต้องยอมรับว่าปัญหาการดักฟังโทรศัพท์เกิดขึ้นมานานแล้วและทำกันอย่างกว้างขวาง เพียงแต่ทำกันอย่างลับๆ และต้องมีเส้นสนกลในกับผู้ที่ให้บริการโทรศัพท์ เพื่อล้วงความลับของฝ่ายตรงข้าม

รศ.ปิติเขต สู้รักษา อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสารสนเทศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า การดักฟังสัญญาณโทรศัพท์มีมานานมากแล้ว หากเปรียบเทียบเจ้าของเครือข่ายก็เหมือนกับเจ้าของโรงแรม จะรู้ว่าตัวเองมีช่องสัญญาณอะไรบ้าง และช่องสัญญาณก็จะเปรียบเสมือนห้อง เวลามีคนมาเช่าห้อง เจ้าของจะรู้ว่าอยู่ที่ห้องไหน แล้วเมื่อใช้โทรศัพท์ก็จะรู้ว่าโทรศัพท์ไปหาใครที่ไหนและเบอร์อะไร สามารถแอบฟังได้อย่างง่ายดายโดยผู้ใช้โทรศัพท์ไม่รู้ตัว

แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีป้องกันทั้งระดับสูง และระดับที่เป็นเชิงพาณิชย์ โดยนำเข้าจากประเทศอื่นที่ผลิต แต่ในท้องตลาดส่วนใหญ่จะเป็นระดับที่ไม่สูงมาก ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะเป็นแบบ "วอยซ์ สแกรมเบิ้ล" (Voice Scramble) คือเอาสัญญาณเสียงสลับที่กัน

รศ.ปิติเขต ยกตัวอย่างว่า เมื่อมีคนพูดว่า 1234 อาจจะสลับเป็น 4321 แต่ก็ยังพอมีเสียงที่สามารถดักฟังได้อยู่ดี โดยเฉพาะนักคณิตศาสตร์ หรือนักถอดรหัสลับเก่งๆ ไม่ถึง 1 นาทีก็สามารถถอดรหัสนั้นได้แล้ว เพราะการสลับนี้จะใช้หลักทางคณิตศาสตร์

ส่วนเครื่องป้องกันในระดับสูงจะยากต่อการเจาะข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ หรือ "แฮ็กเกอร์" เป็นอย่างมาก เพราะการเข้ารหัสจะต้องแลกเปลี่ยนกุญแจกัน และยืนยันว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงหรือไม่ ถึงจะฟังรู้เรื่อง แต่การนำเข้าหลายประเทศถือเป็นยุทธปัจจัยไม่อนุญาตให้ขายให้กับต่างประเทศ เพื่อป้องกันการก่อการร้าย

ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทางรศ.ปิติเขต จึงคิดค้นเทคโนโลยีสำหรับป้องกันการดักฟังทางโทรศัพท์ขึ้นมา

โดยรศ.ปิติเขตบอกว่า เทคโนโลยีป้องกันการดักฟังโทรศัพท์ที่คิดค้นขึ้นมาได้ครั้งนี้ ถือว่าเป็นกลุ่มแรกในประเทศไทยที่คิดค้นสำเร็จ การคิดค้นนี้เป็นผลพลอยได้มาจากโครงการระบบสื่อสารและควบคุมแบบชาญฉลาดสำหรับหุ่นยนต์อลวน ที่ได้รับทุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย หรือ สกว. โดยใช้เทคโนโลยีชั้นสูงแบบ "สัญญาณอลวน" หรือที่เรียกว่า "เคออสติก" (Chaos tic)

ความพิเศษของอุปกรณ์ชนิดนี้ จะแปลงสัญญาณเสียงต้นทางให้เป็นสัญญาณรูปแบบใหม่ โดยเป็นการเข้ารหัสลับแบบหนึ่งที่จะมีกุญแจรหัสแลกเปลี่ยนกัน คือจะรู้รหัสเพียง 2 คนเท่านั้น ระหว่างต้นสายกับปลายทาง ดังนั้นผู้ดักฟังจึงฟังไม่รู้เรื่อง เนื่องจากมีระบบป้องกันการถอดรหัสที่มีความซับซ้อนยากต่อการเดาสุ่ม

นอกจากนี้ยังสามารถตั้งรหัสเป็นตัวเลขทศนิยมได้เป็นร้อยเป็นพันหลัก เพื่อเพิ่มความยากต่อการถอดรหัสเข้าไปอีก แต่ก็ยังมีความเป็นได้ที่จะถอดรหัสได้ หากมีนักถอดรหัสเก่งๆ แต่ก็ต้องใช้เวลาอย่างยาวนานกว่าผู้เชี่ยวชาญคนนั้นจะถอดรหัสได้ หรือกว่าจะถอดรหัสได้ ข้อความนั้นก็ไม่มีความหมายในขณะนั้นอีกแล้ว

รศ.ปิติเขต สาธิตวิธีการของเครื่องนี้ว่า ไม่ยุ่งยากเพียงติดตั้งอุปกรณ์เข้ากับเครื่องโทรศัพท์ต้นทางและปลายทาง เครื่องจะใส่รหัสให้เองอัตโนมัติ หรือจะเปลี่ยนรหัสเองทุกครั้งที่ใช้โทรศัพท์ก็ได้ และนอกจากจะป้องกันการดักฟังทางโทรศัพท์แล้ว สัญญาณเคออสติกยังสามารถป้องกันการเปิดดูภาพในเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย โดยจะมีอุปกรณ์ป้องกันต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ลักษณะคล้ายกับโทรศัพท์ จึงมั่นใจได้ว่าไม่มีใครสามารถเปิดดูภาพที่ใส่รหัสนี้ไว้ได้

ดังนั้น หากนำไปใช้ในส่วนของความมั่นคงของประเทศ ก็จะใช้สัญญาณอีกอย่างหนึ่งที่มีความซับซ้อน และยากต่อการถอดรหัสมากขึ้นไปอีก โดยไม่เปิดเผยให้ใครรู้ว่าเป็นสัญญาณตัวไหน เพราะเป็นความมั่นคงของประเทศ

"ในอนาคตคาดว่าจะพัฒนาทั้งสัญญาณภาพและเสียง ให้อยู่ในเครื่องเดียวกัน เพื่อนำไปใช้กับโทรศัพท์มือถืออีกด้วย จะเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการให้คลิปวิดีโอของตนเอง ถูกเปิดเผย และตอนนี้ก็พร้อมแล้วหากมีผู้ให้ทุนสนับสนุนก็สามารถดำเนินการได้ทันที สำหรับราคาของเครื่องป้องกันนี้ ในเชิงวิศวกรรมต้นทุนประมาณ 2,000-3,000 บาท แต่ในเชิงพาณิชย์ไม่สามารถบอกได้ ขึ้นอยู่กับบริษัทผู้จัดทำว่าจะขายในราคาเท่าใด" รศ.ปิติเขตกล่าว

ในอนาคตคงมีผู้ใช้เครื่องป้องกันประเภทนี้กันอย่างกว้างขวาง ทั้งการใช้คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์

ภาพประกอบข่าว สัญญาณอลวน แก้ดักฟังโทรศัพท์

​

​

​

​

​

​

---------
ที่มา: ข่าวสด

 

(verygood)

 

ยุคนี้ สมัยนี้ มันทำกันได้หมดแหล่ะคะ

เทคโนโลยีมันไปเร็ว เราตามไม่ทันหรอกคะ จริงๆนะคะ บางคนเก่งมากแต่ก็

เอาความฉลาด มาทำเรื่องเลวๆ เรื่องผิดศีลธรรม เรื่องแย่ๆ

เช่น สร้างไวรัสร้าย ดักฟังโทรศัพท์ โจรกรรมเงินในธนาคาร

เจาะข้อมูลบริษัทใหญ่ๆ

 

ว่าแต่ คนที่รู้จับวิธีป้องกัน ก็ย่อมรู้ วิธีดักฟังด้วยอ่ะแหล่ะ

ไว้ใจไม่ได้เลย พวกในเนทนี่ อันตราย