สัมผัสโบสถ์อีสาน...อันซีน

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 9 กรกฎาคม 2009.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,172
    ช่วงนี้เป็นช่วงที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังโปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากมาย

    [​IMG]เพื่อเป็นการเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาสัมผัสกลิ่นอายแบบอีสานกัน แต่วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปสัมผัสกับการท่องเที่ยวอีสานในอีกแบบหนึ่ง ที่กล้าพูดได้ว่าน้อยคนเคยได้ไปมาแล้ว
    หลายคนอาจไม่ทราบว่าศาสนาคริสต์ได้เข้ามาในส่วนของภาคอีสานบ้านเฮามาช้านาน ด้วยเหตุนี้ทำให้มีโบสถ์เกิดขึ้นมากมาย แต่ที่เป็นจุดที่น่าสนใจและเป็น Unseen ของการท่องเที่ยวไทยตอนนี้มีอยู่ 2 โบสถ์หลักๆ นั่นก็คือ โบสถ์วัดสองคอน และโบสถ์วัดซ่งแย้
    โบสถ์วัดสองคอนนั้นตั้งอยู่ที่ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร ซึ่งห่างจากตัวจังหวัดไปประมาณ 40 กิโลเมตร เดิมวัดสองคอนนี้มีชื่อว่า วัดพระแม่ไถ่ทาส ที่ชื่อนี้ก็เพราะเกิดจากการพลีชีพเพื่อปกป้องศาสนาของนักบุญและผู้ศรัทธาในศาสนาคริสต์ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งไทยนั้นมีข้อพิพาทกับฝรั่งเศส จนกลายมาเป็นปัญหาในทางศาสนาในที่สุด วัดแห่งนี้จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานสำหรับให้คนรุ่นหลังๆ ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นในอดีต
    ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ สถาปัตยกรรมของตัวโบสถ์ เพราะเป็นตัวอาคารที่ออกแบบได้สวยงามแปลกตาตามแนวสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ และเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนถึงกับได้รางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี 2539 ภายในนั้นได้จำลองร่างของนักบุญและผู้ศรัทธาทั้ง 7 คน ไว้เพื่อให้คริสต์ศาสนิกชนรวมถึงนักท่องเที่ยวได้เดินทางมาสักการะ และข้างๆ ตัวโบสถ์นั้นยังมีบ้านไม้และยุ้งข้าวในสมัยก่อนไว้ให้ชมกันอีกด้วยครับ และในทุกปีนั้นที่วัดสองคอนนี้จะมีการจัดงานฉลองบุญราศีขึ้น 2 ครั้งด้วยกัน โดยครั้งที่ 1 นั้นจะจัดขึ้นตรงหรือใกล้เคียงกับวันที่ 22 ต.ค. และครั้งที่ 2 นั้นจะจัดขึ้นในวันที่ 16 ธ.ค.
    [​IMG]เดินทางต่อมาที่ อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร สัมผัสกับความสวยงามของโบสถ์คริสต์วัดซ่งแย้ ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางชุมชนเล็กๆ ล้อมรอบไปด้วยป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ และที่สำคัญคือโบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นด้วยไม้ทั้งหลังที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โบสถ์แห่งนี้เกิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจกันของคนภายในหมู่บ้าน เป็นศิลปะแบบไทย–อีสาน และไม้ที่ใช้สร้างโบสถ์นั้นก็มาจากการบริจาคของคนภายในหมู่บ้านเอง ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดก็ตาม ต่างเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนภายในชุมชนได้ทุกยุคสมัย
    ภายในโบสถ์แห่งนี้แม้จะตกแต่งด้วยไม้แต่ถ้าทุกท่านได้มาเห็นด้วยตาของตัวเองแล้วอาจจะหลงใหลในความสวยงามเหมือนผมก็เป็นได้ครับ เพราะให้อารมณ์ประมาณในหนังเรื่องโรมิโอแอนด์จูเลียต แต่สามารถหาชมได้ภายในประเทศไทยของเราเอง เพราะโบสถ์เป็นพื้นไม้ เวลาเดินต้องระมัดระวัง ไม่งั้นอาจลื่นเหมือนผมได้ แต่ถึงแม้จะเจ็บตัว เทียบกับความงามที่ฉายชัดอยู่ตรงหน้า ถือว่าคุ้มเกินคุ้ม
    โบสถ์ทั้งสองแห่งนี้ปัจจุบันยังใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวคริสต์ศาสนิกชนอยู่ครับ แต่เราสามารถไปเยี่ยมชมทั้งสองแห่งนี้ในวันที่ประกอบพิธีต่างๆ ได้ โดยมีข้อแม้อยู่นิดหน่อย คือ เราต้องไม่ไปรบกวนพิธีการของเขาจนเกินไป ลองนึกภาพในขณะที่พระกำลังเทศนาธรรมะอยู่ แล้วก็มีนักท่องเที่ยวมาเดินถ่ายรูปไปมาใกล้ๆ นั่นก็คงไม่เหมาะสมเท่าไร ก็เหมือนกับที่เราไปเที่ยวที่โบสถ์นั่นแหละครับ
    [​IMG]นอกจากจะได้สัมผัสกับความสวยงามของสถาปัตยกรรมแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทุกท่านสามารถสัมผัสได้จากการมาเที่ยวชมโบสถ์ นั่นก็คือ ความสุขและสงบของจิตใจอย่างที่ไม่สามารถจะอธิบายได้ ขนาดว่าผมเองนั้นเป็นพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง แต่พอเข้าไปภายในโบสถ์แล้วก็จะรู้สึกว่าจิตใจสงบขึ้นมาทันที ก็คงจะเหมือนกับที่เราเข้าวัดนั่นแหละครับ เพราะว่าศาสนาทุกศาสนานั้นจะมุ่งเน้นให้เราเกิดความสงบจากภายในจิตใจของเราเองเสียก่อน และเราก็จะไม่ไปเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ความสงบภายในชุมชนจึงเกิดขึ้นโดยไม่ต้องใช้กำลังเข้าบังคับ ไม่ว่าศาสนาใดๆ ล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวคือสอนให้ทุกคนเป็นคนดี
    ท้ายนี้ อย่าลืมช่วยชาติด้วยการท่องเที่ยวเมืองไทย เพื่อเศรษฐกิจของไทยเราจะได้ดีขึ้นครับผม
    เดินทางสู่...วัดสองคอน
    โบสถ์วัดสองคอน ตั้งอยู่ใน อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร เปิดให้เข้าชมระหว่างเวลา 09.00-12.00 น. และ 13.00-17.00 น. หากเดินทางโดยรถยนต์ จากทางหลวงหมายเลข 212 (หนองคาย-อุบลฯ) ถึงแยกบ้านสองคอน ตรงไปยังริมแม่น้ำโขง โบสถ์อยู่ริมน้ำ

    จากตัวเมืองยโสธร ใช้เส้นทางหมายเลข 2169 เลย อ.กุดชุม ไปประมาณ 7-8 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกราว 600 เมตร ถึงบริเวณโรงเรียนซ่งแย้พิทยา และโบสถ์ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกัน
    ขากลับอย่าลืมแวะซื้อของฝาก หมอนขิด ที่บ้านศรีฐาน อ.ป่าติ้ว ชาวบ้านแทบทุกครัวเรือนมีอาชีพทอผ้าและทำหมอนขิดขายหลังจากฤดูทำนา การทำหมอนขิด คือการนำผ้าลายขิดมาเย็บแล้วใส่นุ่น หรือฝ้ายให้เป็นหมอนรูปทรงต่างๆ ทั้งสามเหลี่ยมและสี่เหลี่ยม ไปบ้านศรีฐานใช้เส้นทางยโสธร-ป่าติ้ว-อำนาจเจริญ (ทางหลวงหมายเลข 202) ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 18-19
    .......................................................................................................................................................
    [​IMG]โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล
    โบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่บ้านท่าแร่ อ.เมือง จ.สกลนคร ที่นี่เป็นชุมชนคาทอลิกที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย มีประชากรนับถือคาทอลิกนับหมื่นคน โดยคริสต์ศาสนิกชนท่าแร่ดั้งเดิมนั้นอพยพมาจากเวียดนามในราวปีพ.ศ. 2427 หรือปีค.ศ. 1884 หมู่บ้านนี้มีผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมตารางหมากรุก คล้ายกับบ้านเมืองในแถบประเทศตะวันตก มีบ้านเรือนสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสที่งดงามเรียงรายสองข้างทางในถนนสายหลักของหมู่บ้านเป็นจำนวนมาก ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสของทุกปี ชุมชนท่าแร่จะจัดเทศกาล “แห่ดาว” คริสต์มาสอย่างยิ่งใหญ่ มีการประดับประดาบ้านเรือนด้วยดวงไฟหลากสีสันและตกแต่งด้วย “ดาว” สัญลักษณ์การประสูติของพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็น 1 ใน 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวันที่คนไทยต้องไปชม
    วัดนักบุญอันนา
    ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ด้านทิศเหนือ โบสถ์แห่งนี้ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางของชาวคริสต์ริมฝั่งโขงหรือมิสซังลาวมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2422 โบสถ์มีลักษณะเป็นหอคอยคู่ เป็นยอดแหลมสูงเด่นเป็นสง่า มองเห็นได้ในระยะไกล
    วัดนักบุญยอแซฟ คำเกิ้ม วัดนี้มีรูปแบบของสถาปัตยกรรมโบราณกว่า 125 ปี ณ วัดคำเกิ้ม หรือวัดนักบุญยอแซฟ ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม จุดน่าชมคือ “โบสถ์เก่า” ที่ยังทิ้งร่องรอยความเสียหายจากการถูกระเบิด เมื่อครั้งกรณีพิพาทอินโดจีน รอยถูกเผา ทำให้โบสถ์หลังนี้ดูขลังน่าอัศจรรย์
    [​IMG]

     
  2. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ใหญ่โตมาก ๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...