สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.

  1. ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    ตัวปัญญานี้คือการดูซ้ำๆบ่อยๆจนเห็นถึงความเป็นจริงใช้ไหมถึงจะเกิดปัญญา
     
  2. นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เห็นตามจริง ตามที่มันเกิด โดยเราไม่ได้ไปจงใจทำให้เกิด เพื่อเห็น

    เห็นแล้ว ยังต้องรู้ลงเป็นไตรลักษณ์อีก

    ตรวการเห็นเป็นไตรลักษณ์ ตรงนี้จะยาก ทำให้มีปบบฝึกหักการเห็นไตรลักษณ์
    มากมายหลายแบบ ก็ต้องไปซ้อมๆ ไว้ เลือกให้เหมาะกับตัวเอง

    และต้องถูกมุมกับจริตตัวเองว่า ทุกขัง อนิจจัง หรือ อนัตตา มองเพียงมุมใด
    มุมหนึ่งมันจะครบด้วย 3 มุมด้วยตัวมันเอง
     
  3. ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ก็เหมือนเดิม สุดโต่งไปเรื่อยๆ เพราะกิเลสบัง และ ปัญญาไม่อาจจะก้าวล่วงภพเดิมได้
    ตอนนี้ว่า สมาธิดีมีฌาณกันทั้งนั้น ก่อนหน้านี้บอกไม่ต้องทำอะไร ดูเฉยๆไป
    พูดเอาเอง รับรองตัวเอง ทั้งนั้นแหละนั่น

    ก็ตัวเองยังกลับไปกลับมา ยังรับรู้อะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ ยังเห็นไม่ตรง
    แล้ว จะมาบอกว่า ผมไม่เข้าใจ ไม่สดับฟังซีดีให้มาก

    นี่ก็บุคคลประเภทเดียวกับ ธุรกิจขายตรง นั่นแหละ คือ พอเราบอกว่าเราเข้าใจ คุณหลอกขายนี่ เขาก็ว่าไม่ใช่ คุณยังไม่เข้าใจ คุณต้องมาฟังก่อน ครั้นพอเถียงไม่ออก โบ้ยไปที่หัวหน้าคนขายบอกว่า เอาซีดีไปดูก่อน หรือไม่ก็ต้องไปฟัง
    สรุปว่า เวลาไปฟังมันก็หว่านล้อมให้เอาเงินไปลงทุนกับมัน อ้างว่าจะรวยอย่างนั้นจะรวยอย่างนี้ แล้วก็ต่อกันเป็นทอดๆ ไป

    ง่ายที่สุดคือ ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินของเราอย่างขยันนั่นแหละ ไม่ต้องไปตามพวกนี้
    จะรวยก็ต้องอดออม ต้องบากบั่นมานะ ฉลาดรุ้จักเรียนรุ้และพัฒนาตน

    ตลกจริงๆ เหตุผลเดียวที่เหลือคือ นายขันธ์ไม่สะดับฟังซีดีให้ถ่องแท้ก่อนมาเถียง

    นั่นแหละ เหตุผลสุดท้ายที่กิเลสมันจะมีปัญญาเลี่ยง ทางอื่นตันหมดแล้ว
     
  4. นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    แบ่งแยกเวลาให้ออกสิครับ

    อยู่ดีๆ จะให้ผมพูดทุกอย่างครบไปในคราวเดียว มันทำได้หรือเปล่า

    ใครก็ต้องพูดที่ Main Idea ก่อนทั้งนั้น แล้วค่อยพาไปส่วนอื่นๆ

    ส่วนของฌาณ สมาธิแบบทำฌาณ คนเขาพูดกันเยอะแยะ อันนี้
    จริงหรือไม่จริง

    ถ้ามันจริง การที่ผมละการพูด นี่คือ ผมสร้างกิเลสหรือครับ

    ส่วนการตำหนิฌาณที่เกิดโดยไม่ประกอบด้วยสติ อันนี้เป็น
    คุณคุณจะทักท้วงไหม เห็นพี่วิษณุเขาเล่าเรื่องการปฏิบัติ
    อย่างอุกกฤษณ์คุณก็ยังตำหนิธรรมเขาเลย เพราะอะไร
    เพราะสงสัยว่า เขาปฏิบัติอย่างมีสติ หรือเปล่า ใช่ ไม่ใช่

    ก็สอนเหมือนกันนั้นแหละครับ
     
  5. Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ปัญญาพึงรู้ได้ด้วยการสนทนากำลังใจพึงรู้ได้ใน<WBR>คราวมีอันตราย ศีลนั้นอันบัณฑิตผู้มีปัญญาเท่านั้นจึงจะรู้ได้
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,687
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** สัมมาทิฏฐิ ****

    คือ มีความเชื่อที่ถูกต้องตามความจริง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    อาศัยกิเลสละกิเลส

    ตอนที่พระสารีบุตรเข้าเฝ้า และฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าครั้งแรกนั้น พอทรงแสดงธรรมเสร็จพระพุทธเจ้าถามว่าเชื่อหรือเปล่า คนอื่นๆ บอกว่าเชื่อกันหมด แต่พระสารีบุตรกลับตอบว่าไม่เชื่อ คนอื่นก็มองพระสารีบุตรในทางที่ไม่ดี พระสารีบุตรให้เหตุผลว่าขอนำไปพิจารณาให้ดีซะก่อน ถ้าเห็นว่าสมควรเชื่อก็ถึงจะเชื่อ พระพุทธเจ้าก็ให้สาธุการในเรื่องนี้ ตรัสทำนองว่าพระสารีบุตรเป็นผู้มีปัญญา ไม่ได้ตรัสว่าเป็นบาปกรรมแต่อย่างใด
     
  8. Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    พระอรหันต์รูปนั้นรู้วาระจิต ต้องการจะสงเคราะห์ภิกษุรูปนั้น จึงได้ถามทำนองว่าท่านบวชมานี่มีอะไรเป็นที่พึ่งหรือยัง

    ภิกษุรูปนั้นตอบว่า ผมเป็นโสดาบันครับ พระอรหันต์จึงถามทำนองว่า ท่านไม่ต้องการมรรคผลขั้นสูงขึ้นไปหรือ (โปรดสังเกตว่าแม้ว่าเป็นโสดาบันแล้ว และเพียงแค่คิด ก็ยังเป็นบาปขวางมรรคผลเลยนะครับ) ภิกษุรูปนั้นจึงรู้ได้ว่าท่านเป็นพระอรหันต์ จึงได้รีบขอขมา และขอให้ท่านยกโทษให้
     
  9. haha4959 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +85
    อย่า มา ยุ่ง กับ เก๊า น๊าาา
     
  10. วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>วิมุตติ, หลินจิ่นเฉิง </TD></TR></TBODY></TABLE>ญาณไม่แจ่มชัด ธรรมไม่หนักแน่น พาออกได้หลายทาง ท่านหลินเห็นเช่นไร...
     
  11. นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็เลือกฟังที่ตรงกับ

    เอ่อ ไม่ตอบดีกว่า เดี๋ยวยาว

    มุชิ มุชิ

    มะรอ มะรุ
     
  12. โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>โชแปง, 00000, sriaraya5, jinny95 </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เค้าเรียกว่าชักแม่น้ำทั้งห้า
    แต่ก็อยู่บนพื้นฐานของความจริง
    ของวิมุติเป็นการันตรี
     
  14. แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    มนุษย์ทุกคนเมื่อจะเกิด เขารู้แล้วว่า เขารับหน้าที่สำคัญติดตัวมาด้วยประการหนึ่ง ไม่ว่าเป็นคนดี เลว รวย จน รับหน้าที่เสมอกันหมด คือ "ตาย"

    ใครจะทำหน้าที่นี้ก่อนเขาก็ทำไป เรารอแต่หน้าที่ของเรา ระวังอย่างเดียว...ระวังหลังความตาย เส้นทางที่จะไปต่างหาก...ไม่เหมือนกัน

    ทุกข์ที่สุดของมนุษย์คือการพลัดพราก แต่เคยมีมนุษย์คนใดบ้าง ที่ไม่เคยพลัดพราก และทุกข์อันเป็นสิ่งที่ทนได้ยาก

    จะแปรเปลี่ยนเป็น "สิ่งทนได้" เมื่อรู้เหตุแห่งทุกข์

    ต่อเมื่อ "รู้" ถึงมรรคาแห่งการดับทุกข์ และเดินไปตามมรรคานั้น จักรู้จักคำว่า วาง

    เมื่อใดวาง ฤาจะหนักด้วยทุกข์ต่อไป?

    ไม่รู้จักทุกข์ ไยจะรู้จักคำว่า "พ้นทุกข์"

    ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค คืออริยสัจ

    ผู้จะเป็นอริยบุคคลต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่มีใครยัดเยียดความเป็น "อริยะ" ให้ใครได้

    ไม่มีใครหยิบทุกข์จากหัวใจใครทิ้งให้ได้

    ทั้งหมดต้อง "วาง" จากจิตตน

    =========================

    แว๊ดมานบ่นอะไรเนี่ยะ งุงิ
     
  15. jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    การประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รัก การไม่อยากพลัดพราก ก็เป็นทุกข์

    หรือ บางที่การประสบแต่สิ่งที่ชอบ มันก็ทุกข์ ^-^
     
  16. jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    อนุโมทนา ^-^
     
  17. Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    อะล้อเล่นลิงหลอกพระเจ้า
     
  18. Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ก็ท่านไม่เคยหลับสนิท
    แล้วท่านจะตื่นเบิกบานได้ไงท่าน
     
  19. โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    เคยฟังธรรมในซีดีอยู่บ้าง หากฟังรวมๆ เป็นการพูดที่อยู่ในภูมิโสดา ซึ่งเป็นเรื่องที่ปุถุชนสามารถพลิกได้ ทำให้เข้าใจได้ แต่การจะกล่าวธรรมละเอียดและปราณีตในที่สามธารณะย่อมไม่ใช่เรื่อง คงต้องพิจารณารายบุคคล ถูกไหม

    ดูจิต ไม่ใช่ของใหม่
    ในสติปัฏฐานสี่ กาย เวทนา จิต ธรรม ในหมวดทั้งสี่ล้วนเป็นบาทให้พิจารณาตามอุปนิสัยผู้ปฎิบัติ
    หากย่อลงมาแล้ว เป็นเรื่องเรื่องของจิต ของธรรมไป
    ไม่ว่าหลวงปู่ หลวงพ่อที่สำเร็จธรรมเบื้องปลายรูปใด ล้วนให้ความสำคัญเรื่องจิตทั้งนั้น นั่นเพราะอะไร

    ทีนี้ดูจิตที่สอนๆกันอยู่เป็นการหยิบ ธรรม ในสติปัฏฐาน หมวดจิตมาพิจารณาธรรม
    ไม่ว่าธรรมหมวดในย่องต้องอาศัยสมาธิเป็นพาหนะในการเข้าถึงเป็นธรรมดา

    ที่พูดถึงกันอยู่มันมีสองกรณี คือ พิจารณาธรรมในสมาธิซึ่งก็จะได้เข้าไปเห็นของที่ละเอียดขึ้น

    กรณีที่สอง พิจารณาอาการจิตในชีวิตประจำวัน คิดว่าทุกท่านคงหมายถึงข้อหลังนี้
     
  20. แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    วันนี้ แม้แต่คำว่า "หวังดี" ยังต้องปลดวางลงทั้งหมด

    คนวางสิ่งแบกหาม คนปลดการร้อยรัด ย่อมเดินทาง"ตัวเบา"

    การอยู่ในโลกมายา มิใช่สิ่งสำคัญ

    "การกลับ" ต่างหากสำคัญ จะมาจากที่มืดฤาสว่าง ไม่เทียบเท่าการกลับไปสู่ความสว่าง

    มนุษย์ทุกคนต้องตรวจกรรมะแห่งตนที่ต้องชดใช้

    หนี้อื่นอาจหลบหลีกได้ แต่ต้องมิใช่ "หนี้กรรม"

    มนุษย์มีกรรมะเป็นของตน การฝืนกระแสแห่งกรรมฤากระทำได้นาน?

    ทุกอย่างล้วน...มายา สัจธรรมต่างหากที่มีอยู่จริง

    =========================
    วันนี้อารมณ์ดีขอบ่น อีกนิ๊สสส..
     

แชร์หน้านี้