สาสน์จากองค์พระพิฆเณศ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย nung2560, 30 พฤศจิกายน 2017.

  1. nung2560

    nung2560 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    สาสน์ฉบับที่ 1 พระบิดา-พระมารดา , บริวาร , รูปลักษณ์ , มารบุกสวรรค์
    สาสน์ฉบับที่ 2 ป่าหิมพานต์ , ทานมังสวิรัติ , การบูชา
    สาสน์ฉบับที่ 3 เมล็ดพันธ์
    สาสน์ฉบับที่ 4 องค์พ่อปั้น , ราคา , ศรัทธา , ร่างทรง , ศาสนาพุทธ , วิปัสสนากรรมฐาน , พระพรหม ,
    เหตุที่มารมีกำลัง
    สาสน์ฉบับที่ 5 มนุษย์,ภัยพิบัติทางธรรมชาติ , พระนารายณ์
    สาสน์ฉบับที่ 6 แดนนรก
    สาสน์ฉบับที่ 7 มหาสงครามสวรรค์-มาร
    สาสน์ฉบับที่ 8 มนุษย์ทำทาน รักษาศีล ภาวนา - วิธีขจัดมาร
    สาสน์ฉบับที่ 9 มหาสงครามสวรรค์-มาร ใครชนะ *********
     
  2. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    ขยายความให้ด้วยได้ไหมครับ
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สาส์นจากองค์พระพิฆเณศ

    maxresdefault-jpg.jpg

    ---สาส์นฉบับที่ ๕---


    กลอน ๘

    ๐ คลื่นยักษ์สูง ค้ำฟ้า ถาโถมฝั่ง
    ด้วยพลัง แรงกล้า มหาศาล
    ดั่งสัตว์ร้าย หมายชีวิต ปลิดดวงมาน
    มุ่งเผาผลาญ สินทรัพย์ นับอนันต์

    ๐ เสียงโหยหวน พร่ำเพรียก เรียกร้องหา
    สุดไขว้คว้า อกใจ ให้ไหวหวั่น
    ลูกแนบอก คลื่นกระชาก ต้องพรากพลัน
    เพื่อนพี่น้อง พลัดผัน ในพริบตา

    ๐ ความสูญเสีย ใหญ่หลวง ทะลวงอก
    น้ำตาตก ร่วงหล่น จากใบหน้า
    ต่อแต่นี้ อยู่อย่างไร ใครเมตตา
    เห็นแต่ฟ้า กับหาดทราย ร้างวิญญาณ

    ๐ เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อใด คงจำได้
    ธรรมชาติไซร้ โกรธา แต่ล้างผลาญ
    กวาดชีวิต หมดไป เกินครึ่งล้าน
    ‘อันดามัน’ ต้องรีบซับ น้ำตาริน

    ๐ นี่ก็คือ ผลกรรม จากคนก่อ
    อย่าตัดพ้อ โทษโลก จะแตกสิ้น
    ‘ผลกรรมหมู่’ สวรรค์รู้ โลกได้ยิน
    อย่าติดสิน โทษฟ้า ให้โทษคน

    ๐ ถึงคราวที่ ธรรมชาติ เอาคืนบ้าง
    ไม่เข้าข้าง เอาใจใคร ไม่เคยสน
    คนบุกรุก ธรรมชาติ เกินจะทน
    นี่แหละผล คืนสนอง ย้อนกลับมา

    ๐ ให้เทพช่วย คนไม่ช่วย โลกเองก่อน
    มัวแต่อ้อน เทพปกปักษ์ อารักขา
    มัวแต่เอา เอาแต่ได้ จนปัญญา
    เมื่อถึงครา ต้องมาซวย ด้วยเภทภัย

    ๐ เดี๋ยวไม่นาน ก็เกิดอีก ระลอกใหญ่
    พ่อเตือนไว้ ด้วยจิต อันหวั่นไหว
    ถึงให้มี คนจารสาส์น ของพ่อไป
    ส่งเร็วไว้ เตือนสติ ทุกครัวเรือน

    ๐ จะเกิดซ้ำ พาให้ ชีวิตร่วง
    ดับสิ้นดวง วิญญาณ ไม่มีเลื่อน
    พ่อมองเห็น ซากศพ คนตายเกลื่อน
    ทั้งเพื่อนบ้าน ประเทศ ในแดนไกล

    ๐ ความนัยแฝง ปริศนา ให้ขบคิด
    ตรึกตรองจิต พินิจเพ่ง เร่งอ่านไว้
    สาส์นนี้พ่อ สั่งจาร สุดหัวใจ
    เตือนลูกไซร้ อยากให้รอด ปลอดภัยกัน

    ๐ คนมีศีล มีธรรม นั้นย่อมรอด
    อยู่ตลอด ค้ำฟ้า ไม่ใช่ฝัน
    คนที่ตาย หากคนชั่ว ก็ร่วงพลัน
    ตกสวรรค์ สู่นรก อเวจี

    ๐ เภทภัยมา เมื่อไหร่ พ่องดตอบ
    พ่อไม่ชอบ กำหนดหมาย กฎเกณฑ์ชี้
    เพราะธรรมชาติ ไม่ใช่ คนมีชีวี
    ที่จะมี ปากบอกได้ เมื่อไหร่มา

    ๐ คาดการณ์ยาก เพราะคือ เหตุอาเพศ
    อีกมีเหตุ ให้เกิดโรค ระบาดหนา
    หลายประเทศ งุนงง พิบัติมา
    ชนโศกา เทพร้องไห้ พาอาลัย

    ๐ พิบัติฟ้า พิบัติดิน ก็มีหมด
    อย่างที่บท สาส์นที่สี่ นั้นบอกไว้
    วิธีช่วย โลกนั้น ทำเช่นไร
    พ่อบอกใบ้ ไว้หมดแล้ว ทุกวรรคตอน

    ๐ สาส์นนี้แปลก พ่อสั่ง ร้อยสลับ
    ประพันธ์รับ รองส่ง สดับกลอน
    ให้เราพา แปลกใจ ในอักษร
    ดั่งอาภรณ์ แต่งสีสัน ดูแปลกตา

    ๐ เดี๋ยวแต่งโคลง น้ำหน้า ขึ้นมาก่อน
    ทั้งกลอนสี่ กลอนแปดมี พาหรรษา
    ปะปนอยู่ ในสาส์น จำนรรจา
    ดุจภาษา พ่อแต่งไว้ ล้วนแฝงกล

    ๐ ทูลถามพ่อ เหมือนกัน ในเรื่องเหตุ
    จะเกิดเภท พิบัติภัย ทำลายคน
    เมื่อไหร่ มาจะได้ ระวังตน
    พ่อบอกบ่น รำคาญใจ ไม่นำพา

    ๐ ก็พ่อบอก ลูกแล้วไง เจ้าลูกเอ๋ย
    หากเจ้าเคย มีบทเรียน ที่มีค่า
    -ราคาแพง แทงให้ทุกข์ จุกอุรา
    พิบัติมา คราวก่อนนั้น ยังไม่จำ

    ๐ มันจะเกิด คล้ายกันอีก ไม่นับครั้ง
    อยากให้ฟัง คำพ่อบอก อย่าถามย้ำ
    จงเตือนตัว มีสติ มีศีลนำ
    จะช่วยค้ำ จุนเจือเหตุ ให้หมดภัย

    ๐ มันจะเกิด เมื่อใด อย่าใคร่รู้
    พ่อไม่ขู่ เป็นเล่นไป ไม่ปราศรัย
    จะเกิดเหตุ ขึ้นเมื่อใด ไม่ใช่ใคร
    ที่คนไซร้ ยังไม่หยุด คิดรุกราน

    ๐ ธรรมชาติ ก็ล้วน มีดวงจิต
    มันก็คิด จะกลับ มาล้างผลาญ
    พระนารายณ์ อีกปวงเทพ ป้องกันมาร
    ก็ไม่อาจ ทำการช่วย จนปัญญา

    ๐ ลูกไม่รู้ ว่าพ่อลุด ไปสมุทร
    -เกษียรสุด สาคร จบเวหา
    ทรงเต่ายักษ์ ประคองขี่ ลงนาวา
    จะไปหา พระนารายณ์ สินทร์บรรทม

    ๐ ลูกรู้ไหม ว่าท่านบอก อะไรพ่อ
    ท่านตัดพ้อ ว่าเหนื่อยนัก หน้าอกตรม
    นานมาแล้ว ที่ไม่นอน นาคาศรม
    ขับตาลง ข่มใจ ไม่ได้เลย

    ๐ นารายณ์ เดี๋ยวนี้ไม่ บรรทมสินทร์
    ไม่โบยบิน ขี่ครุฑ หยุดผ่าเผย
    จะช่วยโลก ไม่ได้อย่าง ทุกครั้งเคย
    ท่านเฉลย ถึงคราว ‘โลกรับกรรม’…

    ๐ หน้าท่านเศร้า เหงาใจ เป็นที่สุด
    จ้าวสมุทร เกษียรนี้ กลับชอกช้ำ
    ไร้ลักษมี ชายาคู่ กายกำยำ
    ท่านบอกย้ำ ปลีกวิเวก อเนกองค์

    ๐ ท่านวิษณุ ทรง วางจักร
    สีพระพักตร์ เศร้าหมอง ไม่ประสงค์
    พ่อเข้าใจ ในความ ที่ท่านปลง
    ท่านบอกตรง ว่าสุด จะบรรเทา...

    ๐ ครั้งก่อนนั้น พ่อเคยพูด ถึงผู้สร้าง
    พระพรหมปาง ก่อนนั้น ก็สุดเศร้า
    มาคราวนี้ ผู้ปกป้อง ก็แรงเบา
    โลกเขย่า ทุกครั้ง ท่านทำใจ

    ๐ พระปกป้อง ดูแล ณ สมุทร
    มีใจทรุด กับโลก เคยอาศัย
    ท่านร้องไห้ น้ำตาร่วง ทรวงมอดไหม้
    ข่มหัวใจ ทุกข์อยู่นาน คร้านคร้ามครั่น

    ๐ เรื่องพรหมา หยุดสร้าง วิไลโลก
    นารายณ์โศก เกรงโลก จะไหวหวั่น
    ทุกครั้งที่ แผ่นดิน สะเทือนลั่น
    เหล่าเทพสั่น ถึงสวรรค์ น่าตกใจ...

    ๐ ไร้ผู้สร้าง ร้างผู้ปก ปักษ์รักษา
    หมู่เทพา ไม่มีใจ ให้อาศัย
    เพราะเสื่อมจิต ในมนุษย์ ทุกคนไป
    เทพไม่ให้ ความช่วยเหลือ เพราะช้ำทรวง

    ๐ พ่อเลยกราบ ลาท่าน พระวิษณุ
    ขี่ตนุ ออกจาก บาดาลสรวง
    เจ้ารู้ไหม พ่อแทบ น้ำตาร่วง
    พ่อเป็นห่วง โลกของเรา จะบรรลัย

    ๐ วานฝากบอก พวกมนุษย์ สุดใจชั่ว
    อย่าวางตัว คิดว่าเก่ง เป็นไฉน
    ธรรมชาติ จะกำแหง ฤทธิ์เมื่อใด
    หมู่มารไซร้ ล้วนยินดี ย่ำยีซ้ำ

    ๐ ถามถึงเหตุ ว่าทำไม พ่อสงสาส์น
    เพราะหมู่มาร จะผลาญ กว้านยีย่ำ
    พ่อจะคอย แอบส่งสาส์น ทุกเช้าค่ำ
    แม้ต้องห้ำ หั่นกับมาร พ่อก็ยอม

    ๐ มารก็รู้ ว่าธรรมชาติ จะคอยเล่น
    มันเลยเห็น ว่าเป็น โอกาสย่อม
    มันจะแฝง ตัวไป เข้าเกลี่ยกล่อม
    แอบตะล่อม มวลมนุษย์ ให้หลงผิด

    ๐ อย่าหลงกล หมู่มาร ที่คิดผลาญ
    ชนะมาร ด้วยสติ ไว้ที่จิต
    จะสร้างกรรม ดีชั่ว ดำรงคิด
    วิปริต อาเพศหยุด เพราะความดี...

    ๐ กลับจาก เกษียร สมุทร
    ก็ออกยุด ครุฑไว้ ขึ้นขับขี่
    เหาะเหินบน เนินเมฆ ด้วยฤทธี
    ครุฑทรงนี้ พาไป ในเงาจันทร์

    ๐ สาส์นห้าจบ บทกวี ที่ชี้เหตุ
    องค์คเณศ กลับแล้ว ดูโศกศัลย์
    ทิ้งคราบ น้ำตาไว้ เศร้ารำพัน
    ตัวเรานั้น ขอจบ รสบทกลอน...

    หมายเหตุ

    สาสน์ฉบับที่ 1 - 9 รายละเอียดทั้งหมด อ่านได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ

    ที่มา http://www.golden-sweets.net/shop/g...etail&url=goldensweets&articleid=3656&lang=TH
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2017
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    องค์พระพิฆเณศ ทำนายภัยพิบัติโลก
    hqdefault.jpg

    องค์พระพิฆเณศ ทำนายภัยพิบัติโลกผ่าน อ.จตุพร ซึ่งร้ายแรงกว่าที่มนุษย์คิดไว้มากมายนัก (บทความนี้เขียนไว้เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2553)

    คำทำนาย ในประเทศไทย

    ทุกวันนี้โลกเราผิดปกติไปมากขึ้นทุกที แกนโลกเริ่มขยับตัวเคลื่อนที่อย่างมาก รอวันที่มันจะผลิกคว่ำ เมื่อคนไม่ดีมีเยอะมากขึ้น ศีลธรรมเสื่อมทรามลง แกนโลกจะคว่ำ เมื่อมันคว่ำแล้ว อะไรทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหมด บางจุดน้ำจะเป็นดิน ดินจะเป็นน้ำ

    หนาวจะร้อน ร้อนจะหนาว สภาวะขาดอาหารและน้ำ จะเกิดขึ้นไปทุกหย่อมหญ้า เงินจะไม่มีความหมาย อาหาร ยา เท่านั้นที่มีความหมาย คนไม่ดีจะเหลือน้อย คนดีจะเป็นใหญ่ ความสามัคคีจะเกิด ผู้คนจะช่วยกัน เริ่มเห็นใจกัน จะมีการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ อะไรก็ตามที่ใช้ไฟฟ้า แทบจะไม่มีความหมาย คนไทยจะเริ่มอพยพ ไปทิศใหม่ เมืองใหม่จะถูกสร้างขึ้น อารยธรรมใหม่จะเกิดขึ้นที่นั้น ทรัพย์พยากรใหม่ๆ จะออกมาตามรอยแยกแผ่นดินไหว จะมีแต่คนดีที่ครอบครอง ...สมาธิ จะเป็นบทนำที่อารยธรรมใหม่แห่งนี้

    คำทำนาย ในกรุงเทพมหานคร

    วันนั้นฟ้าจะเปลียน พระอาทิตย์จะปรากฎให้เห็นเป็น 2 ดวง ทางทิศตะวันตกในเวลาเดียวกัน ท้องฟ้าจะเป็นสีแสด อากาศผิดปกติ เป็นแบบนี้ไม่กี่วัน "คนมีบุญจะรวมกลุ่มกันหนี คนบาปจะอยู่กับบ้าน" เข้ายามราตรี ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง พายุขนาดใหญ่จะมา

    (ดวงอาทิตย์ที่เห็นเคียงคู่นั้น คือดาวหาง นิบิรุซึ่งเป็นดาวฤกษ์ กำลังโคจรเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ของสุริยจักรวาลมากขึ้น เพื่อวนรอบดวงอาทิตย์ ทุกๆ 13,000 ปี สีจะออกแดง)

    ไฟจะดับ น้ำจะเริ่มท่วม รถยนต์จะเริ่มลอย เสาไฟจะล้ม คลื่นยักษ์สูง 50 เมตร จะมากวาดทุกอย่างไปในพริบตา "คนมีบุญที่หนีได้ทัน จะไปอยู่บนยอดตึก บุญจะส่งให้เขามีเหตุให้ต้องไปอยู่บนยอดตึกในเวลานั้น" ตกเช้าน้ำจะไป ทิ้งไว้แต่โคลนสีส้มไปทั่วเมือง "กรุงเทพฯ ไม่เหมาะที่จะสร้างเป็นเมืองหลวงอีกต่อไป" ส่วนต่างจังหวัดอื่นๆ จะเกิดหนักเหมือนกัน แต่น้ำจะไปไม่เท่ากัน

    นัยว่าก่อนโลกจะย้ายขั้ว โลกจะหยุดหมุนรอบตัวเอง เช่นเดียวกับสุริยจักรวาล ที่โคจรรอบดาวหลุมดำ แกนกลางของกาแลกซี่ทางช้างเผือก กำลังโคจรเข้ามาสู่แรงดึงดูดของกาแลกซี่ไตรแองกุลัม ทางด้านทิศตะวันออก และเริ่มชลอตัวหยุดการหมุนรอบตนเอง มาตั้งแต่ 2 เม.ย. 2552 และเริ่มเดินเป็นปรกติ เมื่อ 1 ก.พ. 2554 ที่พระอาจารย์รัตน์ พบในสมาธิ สุริยจักรวาลใช้เวลาปรับตัว หมุนสวนทิศทางเดิมอยู่ประมาณ 22 เดือน

    ถ้าโลกจะย้ายแกนปลายปี 2555 ตามปฏิทินของชาวมายา และสโตนเฮนซ์ เตือนภัยอนาคตไว้กับคนรุ่นหลัง ก็จะใช้เวลาปรับตัวย้ายแกนโลกใหม่เป็นช่วงเวลาใกล้ๆกัน แต่ในขณะที่สุริยจักรวาลเปลี่ยนทิศทางการหมุนรอบตนเองแล้ว โลกเริ่มมีผลกระทบทั้งคลื่นกัดเซาะชายฝั่งมากขึ้น แมกม่าเปลี่ยนทิศทางเดิน จะเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟปะทุขึ้นทั่วโลก

    แต่เมื่อโลกย้ายแกน ของเหลวบนเปลือกโลก และแมกม่าใต้โลก จะเปลี่ยนทางเดินขนานใหญ่ รวมทั้งอากาศแปรปรวน เกิดภัยพิบัติต่างๆตามมาทั่วโลก แต่ของเหลวที่อยู่รอบผิวโลก เช่นน้ำในมหาสมุทรต่างๆ ไม่สามารถหยุดพร้อมกับโลกได้ ด้วยแรงเฉื่อยของน้ำในมหาสมุทรต่างๆ จึงพากันวิ่งขึ้นบนบก บริเวณริมทะเลต้องรับคลื่นสูงกว่าในแผ่นดินที่อยู่ลึกเข้าไป แต่ก็จะมีภัยจากน้ำท่วมกระทันหันเกิดขึ้นได้....

    ผู้ที่ไม่ประมาทจึงควรติดตามความเคลื่อนไหวของสิ่งแวดล้อมโลกอย่างใกล้ชิด และลองนำมาตรวจสอบกับ การคาดการณ์ที่กล่าวมาแล้วหรือไม่ ถึงอย่างไรก็ดี ผลการติดตามการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมโลกนี้ จะค่อยๆต่อภาพความเป็นจริงให้ทุกท่านประจักษ์ได้ด้วยตนเอง เป็นระยะๆไปแล้วเมื่อนั้นท่านจะเข้าใจ สิ่งที่พระพิฆเนศร์ ท่านเมตตามาเตือนภัยล่วงหน้า

    และชาวดาวอังคารก็มาทำ Crop Circle ที่ประเทศอินโดนีเซียเมื่อเร็วๆนี้ เตือนเหตุก่อนวิบัติกาลของโลกเช่นเดียวกับชาวมายา ในอดีต 5 พันปีได้รับการเตือนมาแล้ว ในลักษณะคล้ายๆกัน ผลสุดท้ายชาวมายาก็สูญพันธุ์ไปจากโลกใบนี้ แม้จะได้รับสัญญานเตือนล่วงหน้าแล้วก็ตาม
    ยังไม่ทราบว่าผลการชลอความเสียหายในวิบัติกาลของโลก คราวนี้จะสามารถลดความรุนแรง ลดความเสียหายได้น้อยลงได้มากสักเพียงใด โดยแทนที่จะปล่อยให้โลกสลับขั้วเหนือใต้ เช่นในคราวที่อาณาจักรแอตแลนตีสล่มจมทะเลเมื่อ 13,000 ปีก่อน รอบนี้เขาจะช่วยให้โลกย้ายแกนมาที่สฟิงซ์ หรือย้ายที่เพียง 90 องศา แทนที่จะเป็น 180 องศา การเตรียมการตรงนี้ได้เตรียมมาแล้ว 5 พันกว่าปี ก่อนลงมือสร้างสฟิงซ์ และพีระมิด ที่อียิปต์ โดยใช้เทคโนโลยี่ของชาวดาวอังคาร ในการเคลื่อนย้ายหินก้อนใหญ่ๆหนักหลายๆตัน โดยวิชชาอภิญญาใหญ่

    (ในกรณีที่โลกหยุดหมุนรอบตัวเอง และแรงดึงดูดของโลกจะเหลือน้อยเกือบศูนย์ ผู้คนจะลอยเคว้งคว้างในอากาศ เหมือนมนุษย์แหวกว่ายในอวกาศ พระอาจารย์รัตน์ ท่านเล่าให้บรรดาศิษย์ที่ไปฝึกวิปัสสนาที่วัดดอยเกิ้งฟังในวันหนึ่ง หลายเดือนมาแล้ว)

    คำทำนาย เกิดเมื่อไร

    "บอกแล้วอาจเคลื่อน เพราะเวลาจะล้างคนไม่ดี เขาไม่บอกให้ทราบล่วงหน้า ถ้าทราบล่วงหน้า คนไม่ดี หนีกันไปหมด ก็ไม่เกิดแน่นอน ก็จะผลักออกไป ให้มาเร็ว หรือช้า จนคนบนโลกประมาท เมื่อนั้น ก็จะล้างทันทีไม่ให้ตั้งตัว"

    ปัจจุบันมีผู้มีอภิญญาหลายท่านก็ทราบกันแล้ว และก็เตรียมพร้อมกันแล้ว แผนกดาราศาสตร์ขององค์การนาซ่า คำนวณว่า ดาวหางนิบิรุ จะโคจร มาเรียงแถวกับโลกและดาวต่างๆ ในเพลนของกาแลกซี่ทางช้างเผือก ในปลายปี 2555 หรือต้นๆปี 2556 แรงโน้มถ่วงของดาวนิบิรุ ที่มีขนาดใหญ่กว่าโลก และโคจรเฉียดกับโลกสวนทางกัน ตอนที่ดาวนิบิรุกำลังโคจรอ้อมดวงอาทิตย์ ช่วงเวลานั้นจะมีผลต่อโลกสูงที่สุด และที่น่าตื่นเต้นมากขึ้นไปอีกก็คือ ดาวหางดวงนี้เป็นดาวฤกษ์ที่มีดาวบริวารขนาดเท่าๆกับโลกอีก 5 ดวง ติดตามมาด้วย

    สนามแม่เหล็กโดยรวมของดาวนิบิรุ จึงมีอิทธิพลมากขึ้น จากดาวเดี่ยวๆ และสิ่งที่จะตกลงมาบนโลกจากส่วนหางของดาวดวงนี้ กลางๆปี 2555 ก็น่าจะได้สัมผัสกันบนโลก พร้อมอันตรายที่มันมีขนาดใหญ่นั่นเอง
    เวลาที่ดาวดวงนี้ใกล้เข้ามา ทุกคนน่าจะได้ยินข่าวคราวของมันอย่างใกล้ชิดเพิ่มขึ้น ก่อนที่จะปรากฏเคียงคู่กับดวงอาทิตย์ ส่งสัญญาณขั้นสุดท้าย ให้แก่ผู้ไม่ประมาทจะเคลื่อนย้ายสู่ทีกำบังที่ปลอดภัย....แล้วท่านมองๆหาทำเล และเตรียมการอย่างไรบ้างแล้ว?

    เท่าที่นายกอร์ดอน สแกลเลียน ผู้ตายแล้วฟื้น ได้มองเห็นแผนที่โลกใหม่ มาตั้งแต่ 1979 -1982 และได้ลงมือวาดแผนที่โลกใหม่ขึ้น มีส่วนสรุปคำทำนายของโซนเอเชียดังต่อไปนี้

    ผลสรุปการทำนายก็คือ ประเทศไทยจะยังเหลืออยู่บางส่วน ตามภาพที่ขยายออกมา ซึ่งคงได้ยินกันมาอยู่บ้างว่า ประเทศไทยจะเหลือมากที่สุด คือภาคเหนือ ส่วนอีสานบางส่วน และภาคใต้จะจมลงไปในทะเลพร้อมกับมาเลเซีย สิงคโปรและอินโดนีเซีย ส่วนชายฝั่งทะเลจะมาอยู่ที่ชัยภูมิ เพรชบูรณ์ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัยและตาก และแม่น้ำโขงจะกลายจากแม่น้ำเป็นทะเล

    เมื่อ 23 ก.พ. -25 ก.พ. 2554 ได้เกิดแผ่นดินไหว ดินยุบ ดินแยก ที่เกาะสุมาตราตะวันออก พร้อมกับมีเสียงระเบิดดังกึกก้องสะท้อนขึ้นมาจากใต้ดินตลอดวันตลอดคืน ทางการได้ส่งเจ้าหน้าที่มาทำการวิจัยหาสาเหตุว่าเสียงดังเกิดมาจากอะไร....ปรากฏการณ์นี้กำลังส่งสัญญาณให้มนุษย์ทราบว่า กำลังจะเกิดแผ่นดินยุบบริเวณกว้างเป็นจังหวัดๆ ไล่ถล่มออกไปเรื่อยๆ เนื่องจากแมกม่ากำลังปรับเปลี่ยนการไหลตลอดเวลา
    แผ่นดินถล่มมีโอกาสเกิดที่เกาะสุมาตราตะวันออก ในบริเวณตรงกันข้ามกับเกาะสิงค์โปร์ก่อน

    เนื่องจากใต้ดินบริเวณนั้นมีช่องว่างขนาดใหญ่เกิดขึ้น จากการเคลื่อนตัวของแมกม่า ทำให้แผ่นดินตั้งอยู่บนอากาศ เพดานถ้ำขนาดใหญ่จะไม่สามารถรับน้ำหนักตัวเองได้ และมวลของดินยังขาดการยึดเกาะไม่เหมือนเก่า เนื่องจากที่ผ่านมา 10 กว่าปี เปลือกโลกได้ถูกเกลียวพลังงานเส้นแรงแม่เหล็กชอนไช ทำให้ดินเสียแรงยึดเกาะระหว่างโมเลกุล ดินจึงถล่มง่ายกว่าในอดีต

    จึงต้องคอยติดตามข่าวต่อไปว่า เสียงระเบิดใต้ดินที่ดังกึกก้องตลอดเวลา นั้นหยุดลงหรือยังและยังจะมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นตามมาถี่ขึ้นหรือไม่ และสุดท้ายยังไม่ทราบแน่ว่าแผ่นเปลือกโลกในโซนนี้ จะถล่มลงในเวลาไล่ๆกันทั้งหมด เหมือนที่นายกอร์ดอน สแกลเลี่ยน ได้รับภาพหรือไม่...


    ที่มา https://www.sites.google.com/site/wimon601/khaw-phay-phibati-caeng-teuxn-phay-kxn-pi-2555
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภายใน 6 ปีนี้ โลกจะตีลังกากลับหัว?

    upside2-jpg.jpg

    จากคำพยากรณ์ของ อ.ปริญญา ตันสกุล ได้กล่าวถึงเหตุการณ์วันชำระโลกเอาไว้ว่า

    ดาวเคราะห์โลกจะค่อย ๆ ม้วนตัวก้มหัวเอาขั้วโลกเหนือ คว่ำลงแทนที่ตำแหน่งขั้วโลกใต้อย่างช้า ๆ โดยมีน้ำหนักจากขั้วโลกเหนือที่ไหลลงสู่ด้านล่าง และก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ทางด้านขั้วโลกใต้ ช่วยส่งเสริม กระบวนการทางเทคนิคนี้ให้แนบเนียนกลมกลืนยิ่งขึ้น เมื่อขั้วโลกเหนือย้ายตนเองไปสู่ขั้วโลกใต้แล้วก็จะค่อย ๆ พลิกม้วนตัวขึ้นเพื่อย้อนคืนสู่ตำแหน่งเดิมของตนต่อไป โดยไม่ย้อนรอยเดิม แนวแกนหมุนรอบตัวเองตำแหน่งใหม่ในยุคพลังงานใหม่ก็คือ 22 องศากับแนวดิ่ง เพื่อสร้างฤดูกาลใหม่ที่สมดุลให้กับมนุษย์ยุคพลังงานใหม่แห่งโลกเสรี ระยะเวลาที่โลกม้วนตัวตีลังกาครบ 1 รอบ จะใช้เวลาดำเนินการทั้งสิ้น 30 วัน!

    คำพยากรณ์นี้สอดคล้องกับคำทำนายของศาสนาอิสลาม ที่บอกเอาไว้ว่าในวันเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่นั้น ผู้คนจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก ซึ่งถ้าเกิดปรากฎการณ์โลกม้วนตัวตีลังกา เกิดขึ้นจริงก็จะทำให้ทิศต่างๆ เกิดการกลับด้านขึ้นเนื่องจากโลกหมุนผิดทิศทางไปจากเดิมนั่นเอง จึงทำให้ผู้คนมองเห็นว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก

    ในปัจจุบันนี้นักวิทยาศาสตร์ก็กำลังค้นพบแล้วว่า สนามแม่เหล็กโลกกำลังพลิกกลับขั้วจากขั้วโลกเหนือเป็นขั้วโลกใต้อย่างช้าๆ ถ้าในวันข้างหน้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายใน 30 วัน (ทำให้เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดพร้อมกันหลายๆ ลูก) ก็จะเป็นวันล้างโลกตามที่ได้ระบุไว้ในคำพยากรณ์โบราณอย่างไม่ต้องสงสัย


    ที่มา https://www.dek-d.com/board/view/991114/
     

แชร์หน้านี้

Loading...