สาส์นจาก“ลุงพุฒ”(พระยายมราช)

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 27 มีนาคม 2007.

  1. tirajung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +118
    “ลุงพุฒ” (พระยายมราช) มีจริงๆหรอเนี่ย
    หรือว่าเราคิดไปเองคนเดียว
     
  2. มังกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +436
    เหตุการ์ณร้ายแรงที่ว่าคือ พันธมิตร หรือเปล่าครับ
     
  3. สุธรรมพจน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +157
    สาธุ สาธุ อนุโมทามิ ครับ

    เลยนำ กุศลกรรม บท 10 ประการ มาฝาก ครับ


    กุศลกรรม บท 10 ประการ

    1. งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ที่มีชีวิตให้ตาย และไม่ใช้ให้ผู้อื่นฆ่า สร้างจิตให้เมตตารักใคร่คน และสัตว์ดิรัจฉาน มีความปรารถนาอย่างจริงใจที่จะให้คน มีความปราศจากทุกข์โดยทั่วหน้ากัน มีความกรุณาสงสารคนและสัตว์ผู้ประสบความทุกข์ยาก งดเว้นการเบียดเบียนให้คนและสัตว์เดือดร้อน เช่น ทำให้อวัยวะ มีแขน ขา เป็นต้น ของคนและสัตว์ให้หักหรือพิการ หรือทรมานสัตว์ให้ได้รับความเหนื่อยยากลำบาก มีมุทิตาพลอยยินดีในเมื่อคนและสัตว์ได้ดี มีลาภ มียศ มีความสุข ความเจริญ งดเว้นจากการอิจฉาริษยาคนและสัตว์ที่ดีกว่าตน และตั้งจิตเป็นอุเบกขาวางเฉย ในเมื่อประสบคนและสัตว์ที่ถึงความปิติ จนไม่สามารถจะช่วยได้ โดยพิจารณาว่าเป็นกรรมของคนและสัตว์นั้นเอง

    2. งดเว้นจากการลักขโมยสิ่งของ ๆ คนและสัตว์ และไม่ใช้ให้ผู้อื่นลักขโมย ไม่หลอกลวงให้ผู้อื่นต้องเสียทรัพย์และชื่อเสียง

    หมั่นบำเพ็ญทาน และสละทรัพย์ และสิ่งของให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น และสาธารณประโยชน์เสมอ ๆ เพื่อทำให้จิตใจบรรเทาเบาบางลงจากความตระหนี่ และความโลภอยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของตน

    3. งดเว้นจากการประพฤติผิดในกามทั้งหลาย คือ ไม่ข่มขืน ทำลามกอนาจาร ล่วงละเมิดสิทธิสตรีและบุรุษอื่น เรียกว่าไม่ทำชู้ในสามีและภรรยาของผู้อื่น พยายามถือสันโดษ ยินดีเฉพาะในภรรยาหรือสามีของตนเท่านั้น ไม่รักหญิงอื่นยิ่งกว่าภรรยาของตน

    แม้สิ่งของใด ๆ ของใคร ๆ ก็ไม่ถือโอกาสเอาไปใช้ หรือแตะต้องก่อนได้รับอนุญาติจากเจ้าของ โดยถือหลักว่า “เมื่อไม่มีสิ่งที่ตัวชอบ จงชอบสิ่งที่ตัวมี”

    4. งดเว้นจากการพูดเท็จ คือ ไม่พูดโกหกหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดตามที่ตนพูด เช่น สิ่งใดที่เรารู้เราเห็น เมื่อเขาถาม เรากลับตอบว่าเราไม่รู้เราไม่เห็น และสิ่งใดที่เราไม่รู้ไม่เห็น แต่กลับตอบว่าเรารู้เราเห็น เป็นต้นเช่นนี้

    พยายามพูดแต่คำที่สัตย์จริง หากคำใดเราเห็นว่าพูดออกไปแล้วแม้เป็นความจริง แต่จะทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น เราก็งดเสียไม่พูดเลย เพราะถ้าไม่พูดคำจริงเราก็พูดเท็จ อันเป็นการทำให้เราเสียกุศลกรรมบถอันนี้

    5. งดเว้นจากการพูดส่อเสียด ได้แก่การฟังข้างนี้ แล้วเอาไปบอกข้างโน้น เพื่อจะทำลายข้างนี้ หรือได้ฟังข้างโน้นแล้วเอามาบอกข้างนี้ เพื่อจะทำลายข้างโน้น คือ มุ่งหมายยุยงให้เขาแตกจากกัน ทำลายความพร้อมเพรียงกัน

    ส่งเสริมผู้ที่แตกกันแล้วให้แตกมากยิ่งขึ้น ยินดีเพลิดเพลินในความเป็นพรรคเป็นพวก เข้าข้างพวกโน้นบ้างพวกนี้บ้าง ทำพรรคต่อพรรคให้แตกจากกัน ตั้งใจพูดแต่คำที่จะสมานไมตรีเชื่อมโยงให้คนโน้นคนนี้มีความรักใคร่ นับถือกัน พูดให้พรรคต่อพรรคปรองดองกลมเกลียวสามัคคีกัน ถ้าเห็นว่าจะช่วยให้เขาสามัคคีกันไม่ได้ก็งดเสีย







    6. งดเว้นจากการพูดวาจาหยาบคายที่เผ็ดร้อน ที่เป็นปม เป็นที่ขัดข้องของผู้อื่น เป็นที่ระคายหูของผู้ที่ได้ยินได้ฟัง ยิ่งเป็นคำด่าคำแช่ง แม้แต่กับสัตว์ดิรัจฉานก็ไม่ควรพูดเลย เพราะเป็นการส่อสันดานของตนเองว่าเป็นคนเลว

    พยายามพูดแต่คำที่อ่อนหวาน เรียบร้อย นุ่มนวล ละมุนละไม เป็นที่พอใจชุ่มชื่นเบิกบานใจของผู้ที่ได้ยินได้ฟัง

    7. งดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ ได้แก่ งดการพูดในเวลาที่ไม่ควรพูด ในสถานที่ที่เขาไม่ต้องการให้เราพูด การพูดมากไปกว่าความจริง พูดไม่มีเหตุผล พูดวาจาไม่มีหลักฐาน ไม่พูดตามธรรมวินัย พูดไม่รู้จักหยุด แม้ไม่มีใครอยากฟังแล้วก็ยังพูดเรื่อยเปื่อยไปโดยไม่มีประโยชน์

    ต้องใช้สติสัมปชัญญะในการพูดทุกครั้ง ถึงเป็นเรื่องจริงก็ต้องพูดให้ถูกกาลเทศะ พูดให้มีเหตุผลพอที่จะเชื่อถือได้ พูดให้ถูกตามธรรมตามวินัย พูดแต่พอเหมาะพอสมควรไม่ให้มากเกินเรื่องราวจนจับไม่ได้ว่าเรื่องอะไร ซึ่งเรียกว่า “พูดเป็นน้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง” หรือ “พูดกระบุงเอาสักกระบายไม่ได้” ดังนี้ ถ้าเห็นว่าพูดแล้วมีประโยชน์แก่ผู้ฟังจึงพูด ถ้าเห็นว่าพูดแล้วจะไม่มีประโยชน์เลยก็อย่าพูดเสียดีกว่า จงนึกถึงภาษิตโบราณไว้เสมอว่า
    “อันดีชั่วสุดนิยมที่ลมปาก
    จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา

    จะถูกผิดเป็นมนุษย์เพราะพูดจา

    จะเจรจาจงพิเคราะห์ให้เหมาะความ”

    8. ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของตน ได้แก่ เมื่อเห็นพัสดุอุปกรณ์เครื่องใช้สอย ทั้งที่มีวิญญาณ และไม่มีวิญญาณของผู้อื่นแล้ว แม้ตนจะชอบพอใจก็ไม่พยายามเพ่งว่า ขอให้สมบัติของผู้นั้นจงมาเป็นของเรา หรือครุ่นคิดแต่ในใจว่า ทำไฉนเราจึงจะได้ทรัพย์สมบัติของผู้นั้นหนอดังนี้

    จงพยายามคิดให้เห็นว่า ทรัพย์สมบัติเครื่องใช้สอยอย่างดีเป็นอันมาก เกิดขึ้นแก่ผู้นั้นก็เพราะเขาได้ทำความดีเป็นบุญเป็นกุศลมาก่อน แม้ชาตินี้เราไม่เห็นเขาทำอะไร ก็คงเป็นเพราะเขาทำมาแล้วแต่อดีตชาติโน้น ผลจึงเกิดสนองให้เขาเป็นคนมั่งมีด้วยทรัพย์สมบัติอันน่าปลื้มใจ เช่นนั้นถ้าเราไปโลภอยากได้ของเขา จะทำให้เกิดเป็นบาปแก่ใจ คือเป็นสนิมเกาะกินจิตใจของเราเหมือนสนิมอันเกิดแก่เหล็ก และเกาะกินเนื้อเหล็กฉะนั้น ทำให้จิตใจของเรากร่อนอ่อนกำลังลงไม่สามารถจะทำความดีอย่างอื่นได้

    ควรพยายามแสดงมุทิตาจิตพลอยยินดีต่อผู้นั้น แล้วพยายามบำเพ็ญบุญกุศล เช่นให้ทาน เสียสละความโลภของตนให้เบาบางลง และขวนขวายช่วยเหลือผู้อื่นในการทำความดีเป็นต้น ผลจะบังเกิดแก่ตนเองในภายหลัง

    9. ไม่พยาบาทปองร้ายเขา คือ ไม่คิดอยากให้ผู้อื่นเดือดร้อน ไม่จองเวรต่อสัตว์และคนอื่น ไม่ตั้งใจที่จะให้ใคร ๆ เป็นผู้ฉิบหาย หรือวิบัติด้วยประการใด

    แม้จะโกรธเคืองใครบ้าง โดยที่เขามาทำอะไรให้เสียหาย หรือมาด่าว่าให้เกิดความเจ็บช้ำน้ำใจ ก็ไม่อาจอาฆาตพยาบาทจองเวรผู้นั้นต่อไปอีก เช่น เขามาทำร้ายเราก็ให้คิดเสียว่า เพราะเราระวังตัวไม่ดีหรือเพราะเราเคยทำร้ายให้เขาเดือดร้อนมาก่อนแล้ว กรรมจึงติดตามมาสนองเรา ขอให้เป็นการใช้หนี้

    กรรมกันสุดสิ้นแต่เพียงชาตินี้เถิด หรือเขามาโกงเงินเรา โดยยืมไปแล้วไม่ใช้คืน หรือเข้าหุ้นกันแล้วเขาโกงไปเสีย เช่นนี้จงคิดว่าเราเคยโกงเขามาแล้วในชาติก่อนโน้น เขาจึงโกงเอาคืนไป ขอให้สิ้นสุดเวรกรรมกันเสียที ตั้งใจแผ่เมตตาให้เขาเหล่านั้นจงเป็นผู้มีความสุขปราศจากทุกข์ มีความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปเถิด อย่าพยาบาทจองเวรซึ่งกันและกันเลย พิจารณาให้เห็นโทษว่า การพยาบาทนั้นมันทำให้เราเดือดร้อนกระวนกระวาย กระสับกระส่ายเป็นทุกข์ใจไปคนเดียว เราเป็นผู้ขาดทุนคนเดียวแท้ ๆ จักผ่อนคลายความพยาบาทลงได้มากทีเดียว หรือคิดให้เห็นว่า ความพยาบาทนี้หากจองเวรกันตลอดไปแล้วย่อมไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนงูเห่ากับพังพอน

    10. เห็นชอบตามทำนองคลองธรรม ได้แก่ เห็นว่าบุญมีจริงบาปมีจริง ผลของบุญมี ผลของบาปมี คนทำดีย่อมได้ดี คนทำชั่วย่อมได้ชั่ว นรกมี สวรรค์มี และนิพพานก็มี โลกนี้โลกอื่นมี ชาตินี้ชาติหน้ามี

    สัตว์ที่ยังมีกิเลสทำกรรมไว้ ตายแล้วย่อมต้องเกิดเสวยผลของกรรมนั้นอีก ผู้ที่ไม่มีกิเลสอันเป็นเหตุให้ทำกรรมมีจิตสงบบริสุทธิ์หมดจดตายแล้วย่อมไม่ต้องเกิดอีก เพราะหมดเหตุหมดปัจจัยอันจะทำให้เกิดแล้ว

    จงระวังอย่าให้จิตเห็นผิดว่านรกไม่มี สวรรค์ไม่มี นิพพานไม่มี ทำบุญไม่ได้บุญ ทำบาปไม่ได้บาป คนจะดีชั่วก็ดีเองชั่วเอง พ่อแม่ไม่มีตายแล้วก็สูญ เกิดมาแล้วต้องกินให้เต็มที่ สนุกให้เต็มที่ ดังนี้
     
  4. sunzilo สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2008
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +1
    อนุโมทนาบุญด้วยคนครับ สัมปจิตฉามิ ขอบคุณมากนะครับ
     
  5. วิมลรัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +302
    อนุโมทนา เพื่อความไม่ประมาท เริ่มทำความดีเร่งด่วน ศิล 5 อย่าให้พร่อง ผู้ใดจะถือศิล 8 ศิล 10 ก็แล้วแต่ขอให้เคร่งครัด ผลบุญจะเกิดทันตาเห็นรู้ได้ด้วยตนเอง
     
  6. klod สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +9
  7. no-ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,199
    ค่าพลัง:
    +3,381
    อนุโมทนาสาธุนะคะ รักองค์พ่อพญายมมากค่ะ ท่านเปี่ยมไปด้วยความเมตตาจริงๆ
     
  8. star seed สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +7
    อนุโมทนาสาธุ ค่ะ ต่อไปนี้เราต้องหมั่นทำความดีกันเยอะๆ แล้วนะคะ
     
  9. bank5811 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +236
    อนุโมทนาคับ ส่งเสริมคับ ใครทำดีก็ทำดีต่อไป จิตเป็นกุศล คนอื่นจะได้มีกำลังใจ
     
  10. PaerwThidarat หลังคาบ้านกูมี3หลังเดะ 55555

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +111
    ท่าน งานท่านหนักนะ...
    นี้ขนาดยังไม่สงครามโลกก็ภัยพิบัติมาทวงกันแล้ว
    ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงแล้ว พูดไรก็ไม่ได้!!!!! งั้น กรรมใดใครก่อกรรมนั้นคืนสนองแล้วกัน...
     
  11. ทาสความดี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +25
    อยากทราบว่าท่านยม กับท่านท้าวเวสสุวรรณ ใช่องค์เดียวกันมั๊ยค่ะ พอดีว่าก่อนที่จะมาข่าวโรคระบาดฝันเห็นท่านยักษ์ องค์สีแดง ท่านนังบัลลังค์ แล้วมองมาที่เรา ตัวท่านสูงใหญ่มีอำนาจมาก
    ความสูงที่เรายืนได้แค่ระดับข้อเท้าท่านเองค่ะ ถ้าฝันลักษณะนี้เป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ดีใช่มั๊ยค่ะ
     
  12. ecco1 พุทธัง บังเกิด ธัมมัง บังเกิด สังฆัง บังเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +87
    สิ่งที่ช่วยต้านโรคระบาด ที่หลวงพ่อฤาษีฯท่านบอกไว้

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(ฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
    เล่าถึงอานุภาพของเหรียญมงกุฏเพชรไว้เมื่อครั้งปลุกเสกเมื่อเดือนกันยายน 2532 ว่าดังนี้…..

    “พอเต็มแล้ว ฉันก็ขึ้นไปกราบพระ พระใหญ่คือองค์ปฐม ท่านเป็นประธานอยู่ถามว่าของทั้งหมด ทั้งพระบูชา และก็มงกุฏเพชรนี่ มีประโยชน์อย่างไรครับ มีอะไรบ้าง ท่านก็บอกเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ด้วยอำนาจพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ เทวานุภาพ พรหมานุภาพ ทั้งหมดต้องมีความไม่ประมาทอาราธนาไว้เสมอ...

    อันดับแรกที่ฉันจะบอกเธอนะ คือ กันโรคระบาดทุกอย่าง ขึ้นชื่อว่าโรคระบาดทุกอย่างนี่กันหมด พอท่านบอกแบบนี้
    เจ้าของโรคระบาดก็ปรากฏตัวเป็นกลุ่มใหญ่ โรคระบาดขั้นถึงตายอย่างอหิวาต์นี่ชุดแดง คนนะ โรคระบาดสัตว์นี่ชุดเขียว บอก "ผมครับเป็นเจ้าหน้าที่โรคระบาดทั้งสองฝ่าย..."

    สีแดง...น่าเป็น เจ้าของโรคระบาด หรือป่าว
     
  13. gatkung Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +51
    :):)อนุโมทนาครับ
     

แชร์หน้านี้