สาเหตุที่ผู้ฝึกสมาธิวิปัสสนา เป็นโรคประสาทหรือเสียสติ และวิธีแก้ไข

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย tamma_numtang, 17 กรกฎาคม 2005.

  1. tamma_numtang

    tamma_numtang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +24

    Source : Kun เมล็ดบัว web Dhammajak.net


    สาเหตุที่ผู้ฝึกสมาธิวิปัสสนา เป็นโรคประสาทหรือเสียสติ และวิธีแก้ไข
    คัดมาจากหนังสือของพันเอกชม สุคันธรัต ที่ท่านได้รวบรวมมาจากพระไตรปิฎก,ท่านผู้รู้,พระในดง และจากประสบการณ์ของท่านเองที่ได้สอนลูกศิษย์มานานกว่า๒๕ปี

    สาเหตุที่ผู้ฝึกสมาธิวิปัสสนา เป็นโรคประสาทหรือเสียสติ และวิธีแก้ไข
    ๑.ฝึกไม่ถูกวิธี และพยายามจะให้ได้ผลดี
    ๒.ฝึกบ่อยครั้งเกินไป หรือฝึกนานเกินควร
    ๓.เกิดความกลัวหรือตกใจมากขณะจิตเริ่มสงบ
    ๔.ผู้ฝึกสมาธิเป็นโรคประสาทหรือโรคจิตอยู่ก่อนแล้ว

    วิธีแก้ไข
    ๑. ฝึกผิดวิธีและพยายามจะให้ได้ผลดี
    ควรเลือกวิธีที่เหมาะกับจิตและนิสัยของตน วิธีที่เหมาะกับคนทั่วไปคือ วิธีกำหนดลมหายใจ ควรมีครูที่ดีควบคุมใกล้ชิดจนเข้าใจและทำถูกต้องแล้ว จึงไปฝึกตามลำพังตนเอง การฝึกไม่ถูกวิธี เช่นที่ตั้งจิตไม่เหมาะกับตน การดำเนินการฝึกไม่ทำตามขั้นตอน ฝึกข้ามขั้นทำให้ผิดบ้างถูกบ้าง แต่พยายามจะเร่งให้ได้ผลเร็ว เป็นความโลภอยากมีอยากได้โดยไร้เหตุผล และทำให้เกิดความเครียดทางจิต จึงเป็นโรคประสาทเสียหรือเสียสติได้

    ๒. การฝึกบ่อยครั้งเกินไป โดยธรรมดาการฝึกอย่างเคร่งครัดวันหนึ่ง ท่านให้ฝึกไม่เกิน ๓ครั้ง และครั้งหนึ่งให้ห่างกันมากกว่า๓ ชั่วโมง ถ้าฝึกมากเกินไปจะเกิดความเครียด ส่วนการฝึกแบบสบายๆ คือจัดลมหายใจแบบสบาย มีสติรู้ลมหายใจโดยไม่ต้องภาวนาดังนี้ทำได้ตลอดไปทั้งในยามว่างหรือระหว่างทำงาน ระหว่างฟังวิทยุก็ทำได้ไม่เคร่งเครียด เผลอไปก็ทำใหม่ได้เรื่อยๆ ได้ตลอดเวลา หรือนึกถึงความตายอันจะมีแก่ตน บ้างนึกถึงความไม่สะอาด ความไม่น่ารักของร่างกาย วิธีใดที่ทำให้จิตสงบไม่ฟุ้งซ่านก็ใช้วิธีนั้น หรือวิธีใดมากระทบใจก็ใช้วิธีนั้น

    การฝึกครั้งหนึ่งอย่างเคร่งครัดนานก็ให้โทษ การฝึกตอนต้นๆจิตสงบลงบ้าง แล้วอย่าไปคิดอย่างอื่นอีก ต้องคอยแก้ให้จิตสงบๆใหม่สลับกันไป ดังนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่ควรฝึกนานกว่าชั่วโมง ถ้าฝึกนานไป จะให้โทษมากกว่าให้คุณ นอกจากจิตเป็นสมาธิติดต่อกันไปสงบและเพลิดเพลินไปเรื่อย ก็ฝึกนานกว่าหนึ่งชั่วโมงได้

    อย่าฝืนฝึกสมาธิวิปัสสนาจนเกินขอบเขตที่จะทนได้ ถ้าง่วงมากหรือเพลียมากฝืนไม่ไหวก็พักเสีย หรือนอนให้สบายเสียก่อนจะดีกว่า พยายามรวมสติอยู่กับลมสบาย ไม่คิดว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร คิดให้มั่นว่าการฝึกสมาธิวิปัสสนา เป็นการทำความดีเป็นบุญ ผลที่ได้รับต้องดีแน่ คิดว่าฝึกเพื่อให้เกิดความสบาย ไม่เร่งรีบจะเอาผลให้ทันใจ และหมั่นทำไม่ลดละ การฝึกจิตจะต้องปล่อยวางในเรื่องความรู้และเรื่องอื่นๆไม่สนใจทุกอย่าง สนใจอยู่เฉพาะลมหายใจ และมีสติรู้ลมดูลมด้วยจิตอยู่เสมอ

    ๓. ความกลัวความตกใจ ให้หมั่นพิจารณาว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ มีการเกิดดับอยู่เสมอ ไม่มีการหยุดยั้งแม้แต่เพียงขณะเดียว ความกลัวความตกใจ อาจมีเพราะคนหรือเสียง หรือเกิดภาพทางใจ ( คือนิมิต ) ขณะที่จิตสงบสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงมาร หรือสิ่งหลอกลวงขัดขวางความดีของเราทำร้ายอะไรเราไม่ได้ เกิดแล้วดับไปไม่ยั่งยืนควบคุมจิตใจให้ปกติไว้ ถ้ารู้วิธีใช้อำนาจจิต อำนาจคุณพระป้องกันอันตราย ก่อนนั่งสมาธิทุกครั้ง ดังนี้จะเป็นการป้องกันที่ดี

    ๔. ผู้ฝึกสมาธิวิปัสสนาเป็นโรคประสาทเป็นโรคจิตมาก่อนแล้ว หรือเป็นหลังจากฝึกไม่ถูกวิธี แก้โดยให้หยุดฝึกไปก่อนระยะหนึ่ง หาสิ่งที่เพลิดเพลินอย่างอื่นแทนให้หายจากโรคประสาทดีแล้ว จึงฝึกใหม่และถ้ามีการรักษาด้วยยา ด้วยพลังจิตช่วยด้วยก็จะทำให้ได้ผลดียิ่งขึ้น
     
  2. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ฝึกสมาธิ ไม่มีการเสียสติ มีแต่รักษาสติ
    ฝึกวิปัสสนา ยังไม่มีผู้ใดรู้ดอกว่า ฝึกวิปัสสนาอย่างไร เพราะรู้แต่ว่า ฝึกวิปัสสนา คือการคิดพิจารณาเพื่อให้รู้แจ้ง คิดมากไม่มีการควบคุมสติ คือสมาธิไม่ดี ย่อมฟุ้งซ่าน อาจบ้าได้
     
  3. NUI

    NUI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    389
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +983
    คิดดูให้ดี
     
  4. tamma_numtang

    tamma_numtang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +24
    ก็ไม่ทราบข้อเท็จจริงเหมือนกันค่ะ ไปพบข้อมูลนี้ เลยเอามาโพส คิดว่าอาจเป็นประโยชน์กับคนที่กลัวจะเสียสติ ค่ะ
     
  5. NUI

    NUI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    389
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +983
    ที่ว่าคิดดูให้ดีหมายถึง อยากให้ท่านผู้อ่านคิดพิจารณาในสิ่งที่คุณเทวดาเขียนมาให้อ่าน เพราะถ้าไม่พิจารณาให้ดีแล้วอาจเข้าใจผิดในธรรมของพระพุทธองค์ได้ เป็นผลเสียกับผู้อ่านจะหลงเข้าใจผิดทางการปฏิบัติธรรมได้

    การโพสธรรมให้ผู้อื่นทราบเป็นดาบสองคมเหมือนกัน ถ้าโพสเนื้อหาเรื่องราวที่ทำให้ผู้อื่นเห็นผิดหรือเข้าใจผิดในธรรมนั้นๆ............(คงเข้าใจนะ ว่าจะเป็นอย่างไร)
    แต่ถ้าให้ธรรมนั้นแก่ผู้รับนั้นถูกต้องตามทำนองคลองธรรมก็เป็นกุศล

    ฉะนั้นการที่เราจะโพสธรรมะให้ผู้อื่นรับทราบนั้น ถ้าเราไม่ใช้ผู้รู้จริงแล้วเราอย่าเขียนแต่งธรรมนั้นเอง ควรหามาจากหนังสือธรรมะของพระอริยะ หรือหาจากผู้รู้ธรรมจริงๆจะดีกว่าปลอดภัยกว่าไม่ตกนรก

    ใจจริงไม่อยากจะมาตอบขัดแย้งกับใครเลย แต่ก็เป็นห่วงผู้อ่านบางท่านที่อาจจะเพิ่งเข้ามาศึกษาธรรม
    ส่วนน้องdamn_amp ไม่ต้องคิดมากค่ะ
     
  6. tamma_numtang

    tamma_numtang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +24
    ขอบคุณ คุณ NUI มากค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ คราวหลังจะระมัดระวังในการโพสข้อมูลมากขึ้น

    [b-wai]

    "ขอมอบ ดอกไม้ในสวนให้เธอ หมดเลย"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. NUI

    NUI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    389
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +983
    หมดสวนเลยเหรอ.....โอ้โห..ขอบคุณมากกกกก....ค่ะ......
     

แชร์หน้านี้

Loading...