*~ สิ่งบอกเหตุ เภทภัยธรรมชาติ ~*

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ~:*พนมวัน*:~, 3 มิถุนายน 2010.

  1. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    <IFRAME style="Z-INDEX: 100000; BORDER-BOTTOM: 0px; POSITION: absolute; BORDER-LEFT: 0px; WIDTH: 1px; HEIGHT: 1px; BORDER-TOP: 0px; BORDER-RIGHT: 0px; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=_atssh337 height=1 src="//s7.addthis.com/static/r07/sh18.html#cb=0&ab=-&dh=palungjit.org&dr=&du=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff178%2F%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4-10-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A7-242235.html%23post3373415&dt=&inst=1&lng=th&pc=men250&pub=xa-4a38f0f6636e48fa&ssl=0&sid=4c06957485373101&srd=0.1&srf=0.02&srp=0.2&srx=0&ver=250&xck=0&rev=77322&xd=1" frameBorder=0 width=1 name=_atssh337></IFRAME>
    กรณีศึกษาจากจีน อ้างอิงข้อมูลมาค่ะ โปรดใช้วิจารณญาณ


    จีนกับแผ่นดินไหว (14 เมย.53)

    <SCRIPT type=text/javascript src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa"></SCRIPT>
    [​IMG]





    6.9 ริคเตอร์เจ็บกว่าหมื่นเสียหายกว้าง

    แผ่นดินไหว 6.9 ริคเตอร์ ในมณฑลชิงไห่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน ติดกับเขตปกครองตนเองทิเบต เมื่อเช้าวันพุธที่ผ่านมา ได้รับรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตแล้ว 400 ศพ บาดเจ็บอีกกว่าหมื่นคน เผยความเสียหายกินอาณาบริเวณกว้าง ขณะที่ทางการระดมกำลังทหารเข้าไปช่วยเหลือพื้นที่ประสบ ภัยแล้ว

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจาก กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 14 เม.ย. ว่า สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐแจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 07.49 น. เช้าวันพุธตามเวลาท้องถิ่น หรือ 06.49 น. เช้าวันเดียวกันตามเวลาในประเทศไทย ได้เกิดแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.9 ริคเตอร์

    โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 46 กม. และอยู่ห่าง 380 กม.ทางทิศใต้ถึงตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองโกลมุด ในเขตมณฑลชิงไห่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน และติดกับเขตปกครองตนเองทิเบต

    อย่างไรก็ตาม สำนักงานตรวจวัดแผ่นดินไหวของจีน ระบุว่า แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวครั้งนี้วัดได้ 7.1 ริคเตอร์ และ ยังสร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง เช่นรอยร้าวกับตัว เขื่อนด้วย

    เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวของทางการจีนว่า บ้านเรือนราษฎรที่สร้างจากอิฐและไม้ได้รับความเสียหายพังถล่มลงมา เพราะอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว

    โดยเฉพาะที่เมืองจี้กู คิดเป็นตัวเลขประมาณร้อยละ 85 ของบ้านเรือนราษฎรที่พังถล่มลงมา อาคารใหญ่ เช่น โรงแรมยูซู สูง 4 ชั้นมีรอยร้าวเกิดขึ้น และโรงเรียนอาชีวะแห่งหนึ่งพังถล่มลงมา

    มีเด็กนักเรียนติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ส่วนสถานีโทรทัศน์ซีทีทีวี ของทางการจีน รายงานการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่หน่วยสถานการณ์ฉุกเฉินของมณฑลชิงไห่ว่า ได้รับรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตแล้ว อย่างน้อย 400 ศพ และบาดเจ็บอีกกว่า 10,000 คน

    โฆษกหน่วยสถานการณ์ฉุกเฉินของมณฑลชิงไห่ แถลงว่า กำลังทหาร 700 คน ได้รับคำสั่งให้เดินทางมาช่วยเหลือในปฏิบัติการกู้ภัย เพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตใต้ซากปรักหักพังแล้ว และจะเสริมกำลังทหารอีก 1,000 คน

    แต่ก็มีอุปสรรคตรงที่ยังขาดอุปกรณ์การขุด รวมถึงเครื่องเวชภัณฑ์ นอกจากนั้น ความเสียหายที่เกิดกับระบบสาธารณูปโภคเช่น ถนนหนทาง ซึ่งถูกดินถล่มลงมาปิดเส้นทาง กลายเป็นอุปสรรคอีกเช่นกัน สำหรับการจัดส่งความช่วยเหลือเข้าไปในพื้นที่ประสบภัย

    โดยทางกระทรวงกิจการพลเรือนของจีนแจ้ง ว่า เตรียมส่งเต็นท์ 5,000 หลัง ผ้าห่ม 50,000 ผืน และ ผ้าปูนอน 50,000 ผืนไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย

    สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐระบุด้วยว่า เกิดอาฟเตอร์ช็อกหรือแรงสั่นสะเทือน ตามหลังแผ่นดินไหวหลายครั้งในพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวรุนแรงของมณฑลชิงไห่ วัดแรงสั่นสะเทือนสูงสุดได้ที่ 5.8 ริค เตอร์ แรงสั่นสะเทือนยังรับรู้ได้ในพื้นที่ใกล้เคียง

    อาทิ เขตปกครองตนเองทิเบต เจ้าหน้าที่ศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวของจีนในกรุงปักกิ่ง เกรงว่าจะมีอาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้นอีกหลายครั้งในช่วงหนึ่งถึงสองวันนี้

    ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อไปยังรัฐบาลท้องถิ่น ภาคธุรกิจ และ สนามบินในเขตยูซูของมณฑลชิงไห่ ใกล้กับศูนย์กลางแผ่นดินไหว แต่ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งทางสื่อมวลชนของจีนแจ้งว่า การสื่อสารกับสนามบินถูกตัดขาด และเส้นทางสัญจรทางบกไปยังสนามบินก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน

    เมื่อเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว ในเขตพื้นที่ของเมืองโกลมุด เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 6.2 ริคเตอร์ ยังผลให้มีบ้านเรือนราษฎรพังถล่ม 30 หลังคาเรือน แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ

    แต่ที่รุนแรงที่สุด เป็น แผ่นดินไหว 8.0 ริคเตอร์ เมื่อเดือน พ.ค. 2551 ที่มณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน มีผู้เสียชีวิตและสูญหายรวมแล้ว 87,000 คน

    [​IMG]







    โดย 10 วัน ก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ในจีนเมื่อปี 2551 มีสัญญาณจากธรรมชาติหลายอย่างด้วยกันคือ


    1. เกิดหนองน้ำใหม่


    [​IMG]

    [​IMG]


    หนองน้ำประหลาด ? ก่อนหน้าเกิดเหตุแผ่นดินไหว 2 สัปดาห์ หรือ 14 วันในเขต Enshi ห่างจากเมือง Wuhan ประมาณ 400 โล ชาวบ้านรายงานไปยังหนังสือพิมพ์ว่า อยู่ๆ วันหนึ่ง ตื่นมาตอนเช้าก็พบหนองน้ำประหลาด ไม่รู้ใครมาขุดตั้งแต่เมื่อไหร่

    เพียงแต่ช่วงบ่ายๆ ก่อนหน้าวันนั้น ชาวบ้านได้ยินเสียงครืนๆ แปลกๆ อยู่รอบๆ หมู่บ้าน สัก 4 ชั่วโมงได้ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งมาเจอบ่อที่ค่อยๆ มีน้ำผุดขึ้นมาเรื่อยๆ และจุได้ถึง 80,000 ตันเลยทีเดียว

    เมื่อถ่ายรูปหนองน้ำที่ยังแห้งผากลงข่าวในหนังสือพิมพ์เรียบร้อยแล้ว ไม่กี่วันถัดมา นักวิจัยที่กลับมาสำรวจก็ต้องอึ้งเมื่อพบว่าน้ำเต็มบ่อ แถมยังมีปลาตัวใหญ่เบ้อเร่อให้ชาวนาได้จับไว้กินอีกด้วย


    2.
    [​IMG]


    เมื่อสัตว์เคลื่อนทัพ ? หลายวันก่อนแผ่นดินไหว บริเวณที่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 60 ไมล์ มีคนตื่นตะลึงกับจำนวนผีเสื้อนับล้านตัว ที่พากันบินว่อน เกาะกลุ่มเคลื่อนทัพราวกับว่าจะย้ายที่อยู่อาศัยไปไหนก็ไม่รู้

    หลายวันถัดมา คือ วันที่ 9 พฤษภาคม 2551 ก่อนหน้าเกิดเหตุ 4 วัน ในมลฑล Jiangsu ก็พบฝูงกบนับพัน พากันออกจากทุ่งนามาข้ามถนนอย่างไม่กลัวตาย

    ในข่าวบอกว่าหลังจากบันทึกภาพไว้แล้ว พวกมันก็โดนรถทับเละ ไม่รู้ว่ามีกี่ตัวที่อพยพได้สำเร็จ (รูป) กบนับหมื่นตัวพากันข้ามถนนในจีน ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2551 ก่อนเกิดแผ่นดินไหว 2 วัน


    3. แพนด้าไดเอท

    [​IMG]

    ภาพหมีแพนด้าที่ถูกบันทึกว่ามีท่าทีเศร้าสร้อยและไม่ยอมกินไม้ไผ่อาหารโปรด


    4.

    [​IMG]

    ภาพกบสามตัวที่เกาะกันแน่นไม่ยอมปล่อย รอดชีวิตอยู่ภายใต้เศษหินจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ​


    5. เมฆแผ่นดินไหว​

    [​IMG]

    เรื่องเมฆแผ่นดินไหว ตามทฤษฎีของ Zhonghao Shou นักเคมีชาวจีนที่ศึกษามานานมาก จนยืนยันว่า 70% ของก้อนเมฆที่ถ่ายรูปไว้ มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นตามมา ​

    ในเหตุการณ์นี้ก็เหมือนกัน มีนักถ่ายภาพคนหนึ่งถ่ายรูปเมฆเอาไว้เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2551 ก็คือ 2 วันก่อนแผ่นดินไหว ในบริเวณ Linyi มณฑฉาตง (Shandong) ​

    [​IMG]



    จากนั้นเขาเอาภาพเหล่านี้ไปแปะไว้ในเวบไซต์ http://www.daqi.com

    และวิเคราะห์กันว่า เมฆประเภทคลื่นนี้ เป็นเมฆแผ่นดินไหวที่ชัดเจนที่สุดภาพหนึ่งทีเดียว มันมีลักษณะการเรียงตัวเป็นคลื่นและมีเส้นแสงบนเมฆ

    [​IMG]

    นอกจากนี้ ยังมีปรากฏการณ์แสงรุ้งบนก้อนเมฆ หรือ “เมฆเรืองแสง” ที่มณฑลชานซี ที่ฮือฮาในข่าวอยู่หลายวัน ซึ่งปรากฏอยู่บนท้องฟ้า 30 นาทีถึง 10 นาทีก่อนเกิดเหตุ ตอนนี้ 200 กว่าเวบไซต์มีการพูดคุยเรื่องลางสังหรณ์เหล่านี้ทั้งอย่างวิเคราะห์

    และบางคนเชื่อว่า นี่คือลางบอกเหตุที่ชัดเจนมากๆ และบอกด้วยว่า ในช่วงหลายวันก่อนเกิดเหตุนั้น นาย Li Shihui นักวิทยาศาสตร์ของจีนได้ทำนายและตั้งข้อสังเกตเหล่านี้ในเวบบล็อกของเขาว่า น่าจะเกิดเหตุแผ่นดินไหวในสเกลที่ใหญ่ว่า 7.0 ริกเตอร์เป็นแน่แท้ จึงมีการเตือนให้รับมือครั้งใหญ่ แต่ทว่าในช่วงเวลานั้น ไม่มีใครสนใจมากนัก


    [​IMG]



    http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=5&contentID=60057

    http://atcloud.com/stories/30113

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 เมษายน 2012
  2. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    ของกรมทรัพยากรธรณีไทยเราก็มีนะคะ


    สิ่งบอกเหตุก่อนเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่
    <TABLE class=text_normal border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="93%" align=center><TBODY><TR><TD>

    </TD></TR><TR><TD>ปรากฏการณ์ล่วงหน้า (Precursory phenomena) อาจเป็นสิ่งเตือนภัย หรือลางบอกเหตุสัญญาณให้รู้ว่า อีกไม่นานจะมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น ในอเมริกา รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น ต่างให้ความสนใจ พยายามค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับปรากฏการบางอย่างกันมาก ได้แก่


    </TD></TR><TR><TD>1) พื้นดินเกิดการยกตัวขึ้นมาอย่างผิดปกติ 2) ค่าความเข้มสนามแม่เหล็กโลกเปลี่ยนแปลงไป
    3) สภาพการนำไฟฟ้าของหินเปลี่ยนแปลง
    4) เกิดแผ่นดินไหวเล็กๆ เกิดขึ้นเป็นการเตือนภัยก่อน
    5) มีปริมาณก๊าชเรดอนในบ่อน้ำสูงกว่าปกติ

    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>สัญชาตญาณของสัตว์
    จากการศึกษาวิจัยของผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวพบว่า หากสัตว์ป่ามีพฤติกรรมผิดไปจากปกติ มักจะเกี่ยวข้องกับการเกิดภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว ทั้งนี้เพราะสัตว์มีความสามารถรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดแผ่นดินไหว เป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งในการเอาชีวิตรอด

    พฤติกรรมผิดปกติของนก
    นกมีความรู้สึกไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะนกพิราบป่าจะไวเป็นพิเศษ ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวประเทศจีนพบว่า ขณะเกิดแผ่นดินไหวแรงสั่นสะเทือน 3 ริกเตอร์ขึ้นไป

    ฝูงนกพิราบป่าที่อยู่ภายในรัศมี 50 กม. จากศูนย์กลางแผ่นดินไหวจะล่วงรู้ล่วงหน้า และบินหนีไปภายใน 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ กาและนกเลี้ยงบางชนิด เช่น นกแก้ว ก็มีความรู้สึกไวต่อการเกิดแผ่นดินไหวเช่นกัน

    พฤติกรรมผิดปกติของปลา
    - ปลาน้ำเค็ม เมื่อ ค.ศ. 1995 ก่อนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่โกเบ ชาวประมงจับปลาได้ปลาได้มากกว่าปกติ และมีปลาจากทะเลลึกว่ายเข้ามาในเขตน้ำตื้นด้วย
    -ปลาน้ำจืด ปลาน้ำจืดในแม่น้ำหรือทะเลสาบที่มีความรู้สึกไวต่อการเกิดแผ่นดินไหวหรือปลาคาร์ป ก่อนเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง เคยมีคนเห็นปลาคาร์ปจำนวนมากกระโดดขึ้นมาบนผิวน้ำเหมือนตกใจหนีอะไรบางอย่าง

    พฤติกรรมผิดปกติของสัตว์เลื้อยคลาน
    ผลการวิจัยพบว่า สัตว์ที่รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดแผ่นดินไหวก่อนใครคืองู ทั้งนี้เพราะงูจำศีลอยู่ในโพรงใต้ดิน (งูในประเทศเขตหนาว) จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ง่ายเมื่อมีการสั่นสะเทือนของเปลือกโลก มีก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ มีการเปลี่ยนแปลงของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ฯลฯ และจะหลบภัยด้วยการเลื้อยขึ้นมาบนดินแม้จะเป็นช่วงฤดูหนาวก็ตาม

    ตัวอย่างเช่นเมื่อ ค.ศ. 1855 ก่อนเกิดแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นหนึ่งวัน พบฝูงงูเลื้อยขึ้นมาบนดินหลายตัว เมื่อ ค.ศ. 1977 ตอนเกิดแผ่นดินไหวที่โรมาเนีย ก็มีฝูงงูเลื้อยขึ้นมาแข็งตายบนดิน เมื่อ ค.ศ. 1976 หนึ่งวันก่อนเกิดแผ่นดินไหวที่เมืองถังซานประเทศจีน ก็มีฝูงงูจำนวนมากเข้าไปหลบอยู่ในซอกหิน

    พฤติกรรมผิดปกติของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ
    กบก็แสดงพฤติกรรมผิดปกติเช่นเดียวกับงู เมื่อ ค.ศ. 1976 ไม่กี่ชั่งโมงก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่เมืองถังซานในประเทศจีน มีคนเห็นฝูงกบนับพันนับหมื่นตัวพากันอพยพ

    พฤติกรรมผิดปกติของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
    สุนัข ตอนที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่โกเบ มีรายงานว่าสุนัขจะแสดงพฤติกรรมแปลกๆ มากที่สุด สุนัขเป็นสัตว์ที่ใกล้ชิดกับคน จึงสังเกตความผิดปกติจากสุนัขได้ง่าย และพบว่าก่อนเกิดแผ่นดินไหว สุนัขจะมีอาการตื่นตระหนก วิ่งไปวิ่งมา บางตัวก้าวร้าวขึ้น ส่วนบางตัวก็เห่าและหอน

    แมว ก่อนเกิดแผ่นดินไหว แมวส่วนใหญ่จะหาที่หลบ ญี่ปุ่นมีคำโบราณกล่าวไว้ว่า "ก่อนแผ่นดินไหว แมวจะปีนขึ้นต้นไม้สูง" และมีคนเห็นเช่นนี้จริงๆ ก่อนเกิดแผ่นไหว แมวบางตัวแสดงอาการงุ่นง่าน วิ่งไปมา และส่งเสียงร้องอย่างกระวนกระวาย

    หนู เมื่อ ค.ศ. 1923 ก่อนเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่คันโต หนูพากันหลบหนีไปหมด และตอนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่โกเบ ก็พบปรากฏการณ์หนูพากันหลบหนีเช่นกัน นอกจากนี้ยังพบว่าก่อนเกิดแผ่นดินไหวจะมีหนูติดกับดักเพิ่มขึ้น และหนูบางตัววิ่งพล่านไปทั่ว

    การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำใต้ดิน
    นับแต่โบราณ ชาวจีนค้นคว้าหาความสัมพันธ์ระหว่างการเกิดแผ่นดินไหวกับระดับน้ำใต้ดิน และนำมาใช้ในการคาดการณ์การเกิดแผ่นดินไหว ตั้งแต่ ค.ศ. 1981-1985 มีรายงานความผิดปกติของระดับน้ำใต้ดินหลายครั้ง เป็นการลดลง 27 ครั้ง เพิ่มลดสลับกัน 3 ครั้ง น้ำใต้ดินเกิดคลื่น 3 ครั้ง และระดับน้ำทะเลเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ 12 ครั้ง

    ค.ศ. 1975 มีการคาดการณ์แผ่นดินไหวที่ชายฝั่งทะเลของประเทศจีนเป็นครั้งแรกของโลก จากผลการศึกษาวิจัยพบว่า ก่อนเกิดแผ่นดินไหวที่มีความสั่นสะเทือน 7 ริกเตอร์ขึ้นไป

    บางครั้งระดับน้ำใต้ดินที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงศูนย์กลางแผ่นดินไหวจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติล่วงหน้าเป็นปี ๆ แต่หากแผ่นดินไหวที่มีความสั่นสะเทือนต่ำกว่า 6 ริกเตอร์ การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำใต้ดินครั้งแรกเกิดขึ้นราวสองสามเดือนก่อนแผ่นดินไหว

    ความสั่นสะเทือนที่ใต้ดิน
    ลางบอกเหตุแผ่นดินไหวที่พิเศษที่สุดคือเสียงสั่นสะเทือนที่ใต้ดิน เท่าที่ค้นพบในเวลานี้มีบันทึกเกี่ยวกับเสี่ยงสั่นสะเทือนจากใต้ดินในสมัยราชวงศ์เว่ย เมื่อ 1,500 ปีก่อนแล้ว ซึ่งบันทึกไว้ว่า ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 464 เกิดแผ่นดินไหวที่บริเวณเมืองเยียนเหมินฉี (มณฑลชานซีในปัจจุบัน)

    ก่อนเกิดแผ่นดินไหวมีเสียงสั่นสะเทือนจากใต้ดินดังครืนๆ เหมือนฟ้าร้องพอสงบลงก็เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง และในปี ค.ศ 1967 หลังเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงที่เมืองถังซาน ได้มีการสอบถามผู้คนที่อาศัยอยู่ในรัศมี 1,000 กิโลเมตรจากศูนย์กลางของแผ่นดินไหว พบว่า 95 % ได้ยินเสียงดังครืนๆ อย่างชัดเจน

    ชนิดของเสียงสั่นสะเทือนที่ใต้ดิน
    เสียงสั่นสะเทือนที่พื้นดินที่เป็นลางบอกเหตุแผ่นดินไหวมีมากหลายแบบ จากผลการวิจัยแบ่งได้เป็น 6 แบบคือ

    1. เสียงฟ้อง : เป็นเสียงที่พบบ่อยที่สุด มักจะดังขึ้นก่อนเกิดแผ่นดินไหว
    2. เสียงพายุ: ดังเหมือนพายุพัด คล้ายเสียงร้องของช้างพลาย
    3. เสียงระเบิด: ดังตูมตามเหมือนเสียงระเบิดขนาดใหญ่
    4. เสียงเครื่องยนต์: ดังเหมือนเสียงรถยนต์ รถไถ รถรางไฟฟ้า หรือเครื่องบิน
    5. เสียงเลื่อยไม้: ตอนเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่เมืองถังซาน มีคนจำนวนไม่น้อยได้ยินเสียสั่นสะเทือนที่ใต้ดินที่ดังเหมือนเสียงระเบิดและเสียงเลื่อยไม้
    6. เสียงฉีกผ้า: เสียงนี้มักได้ยินที่ทะเลมากกว่าบนบก

    ท้องฟ้าก็บอกเหตุแผ่นดินไหว
    ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยเชื่อว่า ท้องฟ้าก็บอกเหตุแผ่นดินไหว โดยก่อนแผ่นดินไหวรุนแรง ท้องฟ้าจะมี ปรากฏการณ์ที่ผิดปกติ เช่น มีเมฆรูปร่างประหลาด เกิดประกายแสง มีรุ้งกินน้ำ เป็นต้น แต่ที่พบบ่อยที่สุดคือมี "เมฆแผ่นดินไหว" (Earthquake Clouds)

    โมเดลของการเกิดเมฆแผ่นดินไหว
    หลักการของการเกิด "เมฆแผ่นดินไหว" นั้น Zhonghao Shou (Earthquake Prediction Center, New York, USA) อธิบายไว้ว่า ในบริเวณที่มีแนวรอยเลื่อนมีพลัง เมื่อหินถูกแรงเค้นจากภายนอกเข้ากระทำ ทำให้หินบริเวณนั้นแตกร้าวบางส่วน เป็นรอยเลื่อนในชั้นหิน

    และเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กทันที (ก่อแผ่นดินไหวใหญ่จะตามมา) แอ่งน้ำร้อนที่สะสมตัวใต้ดิน/หิน (Hydrothermal) จะกลายเป็นไอที่มีอุณหภูมิร้อน และความดันสูง ไหลพุ่งขึ้นมาตามรอยเลื่อนนี้ ระเหยขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน

    ขณะที่บรรยากาศโดยรอบมีอุณหภูมิเย็น จะก่อให้เกิด เมฆแผ่นดินไหว ปรากฏเหนือและ ขนานยาวตามแนวรอยเลื่อนนั้นๆ

    </TD></TR><TR><TD align=middle><TABLE class=text_normal border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%"><TBODY><TR><TD>[​IMG]
    </TD><TD>[​IMG]
    </TD><TD>[​IMG]
    </TD></TR><TR><TD>รูป 1 (08/01/2537 NW)
    </TD><TD>รูป 2 (13/02/2537 NE)
    </TD><TD>รูป 3 (31/08/2537 NW)
    </TD></TR><TR><TD></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR><TD>[​IMG]
    </TD><TD>[​IMG]
    </TD><TD>[​IMG]
    </TD></TR><TR><TD>รูป 4(18/10/2537 NE)
    </TD><TD>รูป 5 (15/11/2537 NW)
    </TD><TD>รูป 6 (22/07/2539 NE)

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพถ่ายลักษณะต่างๆ ของเมฆแผ่นดินไหว ที่ไม่สามารถอธิบายด้วยวิชาอุตุนิยมวิทยา ถูกบันทึกภาพโดย Zhonghao Shou ในพื้นที่ของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (ใต้รูปภาพบอก วัน/เดือน/ปี พ.ศ. ที่ถ่ายภาพ และทิศทางที่มอง)

    รูป 1 เมฆรูปเส้นตรง (Line-shaped cloud) พบบริเวณเมือง Pasadena ในวันที่ 8 มกราคม 2537 ที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์แผ่นดินไหว ขนาด 6.7 ริกเตอร์ ของวันที่ 17 มกราคม 2537 (Northridge earthquake, ศูนย์กลางแผ่นดินไหว 34.21N, 118.53W)

    รูป 2 เมฆรูปคลื่น (Wave-shaped cloud) ที่บันทึกภาพได้วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2537 ก่อนเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.3 ริกเตอร์ ของวันที่ 20 มีนาคม 2537 (Northridge earthquake)

    รูป 3 เมฆรูปเส้นตรง ที่ถูกถ่ายภาพไว้ได้วันที่ 31 สิงหาคม 2537 ก่อนเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.1 ริกเตอร์ ของวันที่ 1 กันยายน 2537 บริเวณนอกชายฝั่งทะเลตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (ศูนย์กลางแผ่นดินไหว 40.40N, 125.68W)

    รูป 4 เมฆรูปขนนก (Feather-shaped cloud) ) ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าในวันที่ 18 ตุลาคม 2537 ก่อนเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 ริกเตอร์ ของวันที่ 27 ตุลาคม 2537 บริเวณนอกชายฝั่งทะเลของรัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา (ศูนย์กลางแผ่นดินไหว 43.51N, 127.42W)

    รูป 5 เมฆรูปตะเกรียง (Lantern-shaped cloud) ถูกบันทึกภาพได้เหนือท้องฟ้าเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2537 ก่อนเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.8 ริกเตอร์ ของวันทื่ 19 กุมภาพันธ์ 2538 บริเวณนอกชายฝั่งทะเลตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (ศูนย์กลางแผ่นดินไหว 40.55N, 125.53W)

    รูป 6 เมฆรูปรัศมี (Radiation-pattern-shape cloud) ที่ถูกถ่ายภาพไว้ได้วันที่ 22 กรกฎาคม 2539 ก่อนเกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.4 ริกเตอร์ ของวันที่ 14 สิงหาคม 2539 บริเวณเมือง Joshua Tree (ศูนย์กลางแผ่นดินไหว 34.59N, 116.28W)

    </TD></TR><TR><TD align=middle>
    </TD></TR><TR><TD align=middle><TABLE style="WIDTH: 100%; BORDER-COLLAPSE: collapse" class=text_normal><TBODY><TR><TD>[​IMG]
    </TD><TD>[​IMG]

    </TD></TR><TR><TD>
    ภาพดาวเทียมของ University College London ได้บันทึกไว้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2541 เวลา 7:32 ปรากฏ เมฆแผ่นดินไหวรูปตะแกรง เหนือ ประเทศอัฟกานิสถาน ก่อนเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.1 ริกเตอร์ ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2541

    </TD><TD vAlign=top>
    ภาพดาวเทียมที่บันทึกไว้เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2542 ปรากฎ เมฆแผ่นดินไหวรูปขนนก เหนือพื้นที่ตอนกลางประเทศเม็กซิโก ก่อนเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.7 ริกเตอร์ ในวันที่ 15 มิถุนายน 2542

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.dmr.go.th/main.php?filename=precursory
     
  3. new_mansum

    new_mansum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    3,793
    ค่าพลัง:
    +5,396
    เมฆแบบนี้เพิ่งเห็นวันที่สองมิถนาอะ -_-"

    [​IMG]
     
  4. ทองอ้วน

    ทองอ้วน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +135
    ผมว่าน่าจะสังเกต จากแสงที่เป็นสีรุ้งที่อยู่บนท้องฟ้า ที่คุณ new mansum และ รูปอื่นๆ รวมถึง สัตว์ต่างๆที่เตรียมอพพย เอาไว้เป็นแนวทางในการเตือนภัยล่วงหน้าได้นะครับ
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
     
  5. crimsonn

    crimsonn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +455
    ขอเอาไปโพสต่อได้ไหมครับเป็นความรู้เพิ่มเติมแก่คนไทย
     
  6. กสิณี

    กสิณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2009
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +333
    เช้าวันนี้เห็นเมฆรูปคลื่นแถวคลองตันหล่ะ จะเป็นไรมั๊ยเนี่ย ช่วงนี้รู้สึกแปลกๆ ด้วย
     
  7. oil-Nudchanat

    oil-Nudchanat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +508
    และแล้วรัสเซียก้อเจอแผ่นดินไหวหลังจากพบเมฆเรืองแสงเมื่อวานนี้..เหมือนที่จีนเลยอ่ะ
     
  8. โอกระบี่

    โอกระบี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,477
    ค่าพลัง:
    +1,651
    ขอบพระคุณที่อุตสาห์นำมาให้ได้อ่าน ได้ชมกันครับ กับบทความดี ๆ
     
  9. moopanda_kae

    moopanda_kae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2009
    โพสต์:
    546
    ค่าพลัง:
    +1,107
    โมทนาสาธุสำหรับบทความดีๆ มีประโยชน์มากเลยค่ะ

    ถ้าเราจะขออนุญาตเอาไปลง Blog ได้ไหมคะ เผื่อจะได้เตือนภัยหลายๆ คนที่ไม่รู้ทางอ้อมน่ะค่ะ
     
  10. ญานทิพย์

    ญานทิพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +404
    ขออนุโมทนาบุญกับข้อความดีๆนี้..สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการเตือนผ่านท้องฟ้าโดยเพื่อนต่างดาว UFO ให้สังเกตุที่ก้อนเมฆ เขาจะนิมิตเป็นรูปต่างๆ สำหรับประเทศไทยผมเคยมีนิมิตเข้ามา
    เป็นรูป ที่ 5 นั่นแหละจะรุนแรงเกิน 7 ริกเตอร์ บ้านเรามีสัตว์มงคลคือช้าง ประสาทสำผัสจะไวมากๆ สัตว์และแมลง แตกตื่น มนุษย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐจงพึงระวัง
    เพราะมนุษย์คือผู้ทำลาย ไม่รู้จักคำว่า...พอเพียง
     
  11. leia17

    leia17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +1,368
    ขอดัน เนื่องจากหากระทู้เรื่องเมฆแผ่นดินไหวมาหลายวัน

    เจอพอดี
     
  12. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ลางสังหรณ์พวกสัตว์เขาแม่นเชียวหล่ะ ถ้ามีสัตว์เลี้ยงชนิดไหนก้แล้วแต่

    ลองสังเกตว่า เขาตระหนกตกใจ ลุกลี้ลุกลน อยู่ไม่สุข ทั้งที่รอบข้างเราไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ นั่นแปลว่าสัตว์เขารู้โดยสัญชาติญาณล่วงหน้า ไม่ต่ำกว่า 1 - 3 วัน ว่าธรรมชาติจะแปรปรวน

    ส่วนพวกมดแมลง อึ่งอ่าง คางคก กบ เขียด นั่นแม่นอยู่แล้ว เรื่องฝนฟ้ากับน้ำท่วม
     
  13. ปธ6

    ปธ6 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    349
    ค่าพลัง:
    +292
    ใช่คับ สัตว์ที่อาศัยใต้ดินส่วนมากจะรู้ก่อนเสมอ
     
  14. navyhawk

    navyhawk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +33
    รูป 2,5 เห็นเมื่อเช้าวันนี้ที่ อ.บ้านตาขุน สุราษฎร์ ประมาณ 09:00 -
     
  15. เกศภัทร์

    เกศภัทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    906
    ค่าพลัง:
    +732
    ผลงาน HARRP แน่นอน ...

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 มีนาคม 2012
  16. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    ก่อนภัยฯ ..จะใกล้ตัว

    มหันตภัยที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน อย่าง "ภัยพิบัติธรรมชาติ" เป็นสิ่งที่หลายคนมีความกังวลใจ เพราะบทเรียนที่โลกได้รับจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดการทำลายล้างทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาล

    [​IMG]

    แม้ภัยพิบัติต่างๆ จะมีความรุนแรงเป็นที่น่าหวาดเกรง ทั้งยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่หากมีการเตรียมความพร้อมที่ดี หรือมีระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ย่อมช่วยลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินได้

    โดยมีปัจจัยที่สำคัญคือ ระบบการเตือนภัย ระบบแผนการเตรียมพร้อมรับภัย และอาคารหลบภัย

    ในส่วนของประเทศไทย มีความเสี่ยงที่จะเกิดภัยพิบัติต่างๆ กว่า 8 ประเภท เช่น แผ่นดินไหว แม้ที่ผ่านมาจะไม่รุนแรงอย่างในประเทศจีน ญี่ปุ่น หรืออินโดนีเซีย

    เนื่องจาก ไม่ได้ตั้งอยู่ในแนวแผ่นดินไหว แต่ความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวจากรอยเลื่อนที่ยังมีพลังกว่า 13 แห่งทั่วประเทศ (ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือและภาคตะวันตก)

    เรียกได้ว่า ประเทศไทยยังมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวได้เช่นกัน โดยความเสียหายส่วนใหญ่ จะเกิดกับสิ่งปลูกสร้างที่สร้างคร่อมแนวรอยเลื่อน เช่น สะพาน ฟุตบาท แหล่งเก็บกักน้ำ ฯ ซึ่งจะมีการเลื่อนเหลื่อมออกจากแนวเดิมอย่างช้าๆ

    นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครของไทย ยังเป็นดินตะกอนแม่น้ำซึ่งหากมีคลื่นแผ่นดินไหวเคลื่อนที่ผ่าน ก็จะส่งผลให้ขนาดของคลื่นแผ่นดินไหว ขยายตัวได้อีก 3-4 เท่า สร้างความเสียหายให้กับสิ่งปลูกสร้าง อาคาร ที่ไม่ต้านทานแรงสั่นสะเทือนได้

    ภัยที่มักเกิดตามมา ภายหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวสงบลง ซึ่งต้องมากว่า 7 ริกเตอร์ขึ้นไป ที่ควรให้ความสำคัญคือ คือ สึนามิ

    ประเทศไทยเคยได้รับบทเรียนจากภัยพิบัติดังกล่าวมาแล้ว เมื่อปลายปี 2547 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่คนไทยได้รู้จักกับภัยประเภทนี้

    [​IMG]


    เมื่อเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเล น้ำทะเลจะถูกดูดเข้าไปตามรอยแยก และถูกดันออกมา ทำให้น้ำทะเลกระเพื่อม โยนตัวไปมาเป็นคลื่นขนาดใหญ่ หรือที่เรียกกันว่า คลื่นสึนามิ

    แต่บริเวณที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหว และมีคลื่นสึนามิได้ จะอยู่ในแนวเขตแผ่นดินไหวใหญ่ๆ โดยเฉพาะในมหาสมุทรแปซิฟิก

    เนื่องจาก ใต้พื้นมหาสมุทร เป็นบริเวณรอยต่อแผ่นเปลือกโลก ทำให้มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟปะทุ ได้มากกว่าบริเวณอื่นๆ

    นักธรณีวิทยา ให้ชื่อบริเวณที่มักเกิดแผ่นดินไหว และภูเขาไฟปะทุในมหาสมุทรแปซิฟิกนี้ว่า "วงแหวนไฟ" ซึ่งแต่เดิม มีความเชื่อว่า ในมหาสมุทรอินเดียจะไม่เกิดคลื่นสึนามิ เนื่องจากประวัติที่ผ่านมา ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สึนามิในครั้งนั้น จึงนับเป็นครั้งแรกในมหาสมุทรอินเดีย

    พายุหมุนเขตร้อน เป็นพายุที่เกิดขึ้นในทะเลหรือมหาสมุทรในแถบเขตร้อน แถบเส้นศูนย์สูตร ซึ่งมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป ในแต่ละพื้นที่ เช่น บริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิกและในทะเลจีนใต้ เรียกว่า พายุไต้ฝุ่น

    เกิดในอ่าวเบงกอล และทะเลอาหรับ ในมหาสมุทรอินเดีย เรียกว่า พายุไซโคลน เกิดบริเวณมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ทะเลแคริบเบียน อ่าวเม็กซิโก เรียกพายุเฮอริเคน ฯ

    ประเทศไทย ตั้งอยู่ระหว่างแหล่งกำเนิดของพายุหมุนเขตร้อนทั้ง 2 ด้าน คือ ด้านชายฝั่งทะเลตะวันออกทางมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้ (พายุไต้ฝุ่น) กับด้านชายฝั่งทะเลตะวันตกทางอ่าวเบงกอลและทะเลอันดามัน (พายุไซโคลน)

    แต่ส่วนใหญ่ พายุหมุนเขตร้อนที่เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย มาจากฝั่งตะวันออก คือด้านทะเลจีนใต้ มากกว่าด้านตะวันตกหรืออ่าวเบงกอล ซึ่งมักจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นเป็นส่วนมาก

    เนื่องจากพื้ นดินและเทือกเขาของประเทศพม่า เวียดนาม ลาว และกัมพูชาที่ล้อมรอบประเทศไทยตอนบน เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยลดความรุนแรงของพายุ ก่อนที่จะเคลื่อนเข้ามาถึง

    ความเสียหายที่เกิดจากแรงลม จึงน้อยกว่าภาคใต้ ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นพื้นที่เปิดสู่ทะเล พายุที่เคลื่อนเข้าสู่อ่าวไทย และขึ้นฝั่งที่ภาคใต้ ขณะมีกำลังแรงขนาดพายุโซนร้อน หรือไต้ฝุ่น

    จะมีผลกระทบเป็นอย่างมาก จากคลื่นพายุซัดฝั่งลมที่พัดแรงจัด และฝนที่ตกหนักถึงหนักมากจนเกิดอุทกภัย รวมทั้ง คลื่นลมแรงในอ่าวไทย

    บทเรียนที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นเพียงครั้งเดียวคือ พายุไต้ฝุ่นเกย์ ในปีพ.ศ 2532 ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างหนักทั้งจากวาตภัยและอุทกภัย

    นอกจากนี้ ยังมีพายุหมุนเขตร้อนที่อาจมีความเร็วไม่ถึงไต้ฝุ่น แต่เคยสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยมาก่อนหน้านี้คือ พายุลินดา ซึ่งพัดเข้าถล่มจังหวัดชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และ เพชรบุรี ในปี 2540

    น้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลาก เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นประจำทุกปีในทั่วทุกภาคของประเทศไทย ตั้งแต่ในตัวเมือง ไปจนถึง เรือกสวน ไร่นา และหมู่บ้านที่ห่างไกล

    ซึ่งปัญหาน้ำท่วม นอกจากจะส่งผลกระทบต่อเรื่องการสัญจรไปมา และสุขอนามัยแล้ว น้ำที่ท่วมขังระยะเวลานาน ยังก่อให้เกิดการสูญเสียความสมดุลของชุมชม และระบบนิเวศน์ในบริเวณพื้นที่ถูกน้ำท่วม

    เนื่องจาก น้ำท่วมได้สร้างความเสียหายให้พื้นที่การเกษตร เพราะการชะล้างของหน้าดินมีสูง สูญเสียธาตุอาหารไปจากหน้าดินส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง

    [​IMG][​IMG]

    น้ำท่วม และโคลนถล่ม

    ปัญหาน้ำท่วมขึ้นอยู่กับสภาพลมฟ้า อากาศ และปริมาณฝนเป็นหลักเป็นสิ่งที่ไม่สามารถกำหนดได้ก็จริง แต่การเตรียมรับมือป้องกันที่มีประสิทธิภาพ เช่น การขุดทางระบายน้ำ การเตรียมกระสอบทราย

    หรือการเตรียมตัว อพยพเคลื่อนย้ายผู้คน โดยเฉพาะ ในพื้นที่ซึ่งเคยเกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก เป็นเรื่องที่เราสามารถเตรียมพร้อมรับมือเพื่อลดความสูญเสียจากปัญหาดังกล่าวได้

    อีกภัยหนึ่ง ที่มักเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ฝนตกหนักคือ โคลนถล่ม เนื่องจากเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะซึมลงไปในดินอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ดินอุ้มน้ำจนอิ่มตัว จนเหลวไม่สามารถยึดเกาะกันต่อไปได้ จึงเกิดการเลื่อนไหล ตามลักษณะพื้นที่เอียงลาด

    โดยพื้นที่เสี่ยงภัยส่วนใหญ่ จะอยู่ตามที่ลาดเชิงเขา ปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เกิดดินโคลนถล่มในประเทศไทย เชื่อว่า เกิดจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภูเขา และป่าไม้บนภูเขาถูกทำลาย เช่น การทำถนนหนทาง การถางป่าเพื่อทำการเกษตร จะส่งผลให้ขาดรากต้นไม้คอยยึดหน้าดิน และดูดซับน้ำเอาไว้

    เมื่อมีฝนตกหนัก หรือตกต่อเนื่องกัน เป็นเวลานานจึงทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะเกิดโคลนถล่มตามมา

    [​IMG]

    แม้ประเทศไทย จะขึ้นชื่อว่าเมืองแห่งอู่ข้าวอู่น้ำ แต่เกษตรกรไทยก็ยังต้องเจอกับ ปัญหาภัยแล้ง แทบทุกปี โดยเฉพาะ ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    ประเทศไทย จัดอยู่ในเขตภูมิอากาศชื้นและแห้ง มีลักษณะภูมิอากาศ แบ่งเป็น 2 ช่วง คือช่วงแล้งระยะสั้น คือความชื้นในดินไม่เพียงพอให้พืชได้เจริญเติบโตโดยไม่หยุดชะงัก และช่วงแห้งแล้งระยะยาว

    คือ ความชื้นในดินหมดไป จนกระทั่ง พืชบางชนิดต้องตายไป หรือไม่ก็ต้องปรับตัวโดยวิธีการต่างๆ เพื่อให้ดำรงชีพได้ในช่วงที่แห้งแล้ง ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาภัยแล้งในประเทศไทย คือ ฝนทิ้งช่วง และฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล

    ปัญหาที่ตามมาจากภัยแล้งส่วนใหญ่ คือ ผู้คนขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ เนื่องจากน้ำตามแหล่งเก็บกักน้ำตื้นเขินไม่เพียงพอ ในส่วนของเกษตรกรจะส่งผลต่อพืชพรรณต่างๆ ที่ปลูกเอาไว้ เช่นข้าว และพืชไร่ต่างๆ ล้มตาย และไม่เจริญเติบโต

    อาจส่งผลให้เกิดภาวะการขาดแคลนอาหารตามมา ซึ่งระบบการชดเชยความเสียหายในพื้นที่ประสบภัยแล้งยังอยู่ในอัตราที่ต่ำ ยังไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิตที่เกษตรกรสูญเสียไป

    นอกจากนี้ ยังมีภัยซ้ำซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งคือ การเกิดไฟป่า หรือสภาวะอากาศแปรปรวน พายุฟ้าคะนองตามมา ลูกเห็บตก ตามมาได้

    ภัยหนาว แม้ในบ้านเราภัยหนาวจะไม่รุนแรงอย่างในต่างประเทศ จนเกิดปรากฏการณ์อาคาร ตึก ร้าว หรือรางรถไฟบิดงอได้ แต่ภัยหนาว ก็ส่งผลกระทบต่อคนไทยในเรื่องสุขภาพ และโรคภัยที่มาพร้อมกับอากาศนาว

    โดยเฉพาะ ผู้คนที่อาศัยในแถบเทือกเขาสูงทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มักได้รับผลกระทบจากภัยนี้มาก เนื่องจาก ขาดแคลนผ้าห่มและเครื่องกันหนาว รวมทั้ง วิธีการดูแลสุขภาพเพื่อรับมือกับอากาศหนาวที่ดี

    นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบในด้านการเกษตรและสัตว์เลี้ยง เช่น พืชที่ไม่ทนต่อสภาพอากาศหนาว หรือสัตว์ที่ล้มตายเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวจัด

    ไฟป่า เป็นภัยสุดท้ายที่กล่าวถึง มักเกิดในแถบภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงฤดูแล้ง ส่วนใหญ่ จะเกิดจากฝีมือมนุษย์ เช่นการจุดหาของป่าในยามค่ำคืน การเผาไร่เพื่อทำการเกษตร หรือแม้แต่การทิ้งก้นบุหรี่ลงสองข้างทางก็อาจทำให้เกิดไฟป่าได้แล้ว

    ผลกระทบจากไฟป่า จะทำให้เกิดทัศนวิสัยที่ไม่ดีในการจราจรจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุ และก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจที่ส่งผลเสียต่อทั้งร่างกายและจิตใจของผู้ที่อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เกิดไฟป่าด้วย

    นอกจากนี้ เราทราบดีว่า ป่าเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธารเมื่อเกิดไฟป่าขึ้นจึงทำให้ ยังทำให้สูญเสียระบบนิเวศน์ที่สำคัญเนื่องจากต้นไม้ถูกทำลาย เกิดโรคระบาดที่มากับแมลง ทำให้พืชบางชนิดหายไป โครงสร้างของป่าเปลี่ยนแปลงไป

    ขณะที่ สัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในป่าลดปริมาณลงจากความแห้งแล้งเพราะขาดแคลนแหล่งอาหาร นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อโครงสร้างดินเกิดการเปลี่ยนแปลง ความชื้นลดลง

    ทำให้ความอุดมสมบูรณ์ในดินเปลี่ยนแปลงไป ความสามารถในการดูดซับน้ำของดินก็จะลดลง เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนอาจทำให้เกิดดินโคลนถล่มในบริเวณนั้นได้

    [​IMG][​IMG]

    ภัยหนาว และไฟป่า

    ทั้ง 8 ภัยพิบัติที่กล่าวมา ถือเป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวและไม่ควรนิ่งนอนใจ ปัจจุบันมีหลายหน่วยงานที่ให้ความสำคัญและความตื่นตัวในเรื่องดังกล่าว ออกมาให้ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับภัยต่างๆ อยู่เป็นระยะๆ

    แต่การจัดการภัยพิบัติ เป็นเรื่องที่ต้องเกี่ยวข้องกันทุกภาคส่วน นับตั้งแต่หน่วยงานภาครัฐที่คอยวางนโยบายและมาตรการต่างๆ ในการดูแลการเตรียมความพร้อมรับมือ องค์กรสนับสนุนต่างๆ ที่คอยให้ข้อมูล และการติดตามเฝ้าระวังภัยอย่างมีประสิทธิภาพ

    องค์กรท้องถิ่น อาสาสมัคร โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ที่จะร่วมมือกันวางแผนรับมือภัยพิบัติประเภทต่างๆ เพื่อลดความสูญเสียในทุกๆ ด้านให้ลดน้อยลง

    [​IMG]

    ลางบอกเหตุภัยพิบัติ..เรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

    แม้ภัยธรรมชาติ ที่นำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เป็นเรื่องที่เราไม่อาจป้องกันได้ แต่หากเรารู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นล่วงหน้า แล้วมีการเตรียมพร้อมรับมือที่ดี เราก็สามารถลดความสูญเสียดังกล่าวที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่ปัญหาที่สำคัญ คือ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร?

    [​IMG]

    คำถามนี้คงอยู่ในความสงสัยของใครหลายคนที่ยังจดจำเรื่องราวที่กลุ่มมอแกนรอดชีวิตจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิเข้าถล่มชายฝั่งภาคใต้ เมื่อปลายปี 2547 ได้

    แม้พวกเขาจะอ่านหนังสือไม่ออก และไม่เคยมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติมาก่อน

    แต่เหตุใดจึงไม่มีคนในหมู่บ้านเสียชีวิตไปกับโศกนาฏกรรมดังกล่าวแม้แต่รายเดียว ในขณะที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติต้องสังเวยชีวิตไปกว่า 5,000 คน

    ก่อนวันเกิดสึนามิ ชาวประมงริมฝั่งอันดามันเล่าว่า ได้สังเกตเห็นพฤติกรรมของชาวมอแกน ในการอพยพผู้คนในหมู่บ้านขึ้นไปอยู่ที่สูง อย่างไม่ทราบสาเหตุ พวกเขาเพียงแต่เล่านิทานประจำเผ่า ให้ชาวเรือเหล่านั้นฟังว่า จะมีคลื่นน้ำ ทำลายทุกอย่างให้เสียหายแต่ไม่มีใครเชื่อและไม่ได้สนใจที่จะฟัง

    ชาวมอแกนริมฝั่งอันดามัน ใช้ชีวิตอยู่ในทะเลมานานกว่าร้อยปี ซึ่งยังคงนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์และวิญญาณต่างๆ ในธรรมชาติ รวมทั้งวิญญาณบรรพบุรุษ การทำนายโชคชะตา คือสัญชาตญาณการเอาตัวรอดจากภัยทางทะเลรวมทั้งสึนามิ

    แม้มนุษย์มีเหตุมีผล เนื่องจากมีมันสมองใหญ่กว่ามีประสบการณ์ มีความสามารถในการเรียนรู้มากกว่าสัตว์ชนิดต่างๆ แต่สำหรับการเอาตัวรอด โดยเฉพาะเกี่ยวกับภัยธรรมชาติแล้ว มีคนกล่าวเอาไว้ว่า สัตว์นั้นรู้ตัวล่วงหน้าได้รวดเร็วกว่ามาก

    เพราะสัญชาตญาณคนกับสัตว์ ถูกธรรมชาติสร้างมาแตกต่างกัน สัญชาตญาณที่รับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของสัตว์จึงเร็วกว่าของมนุษย์ นั่นเอง

    ก่อนเกิดสึนามิ ช้าง ในพังงาหลายเชือก จะมีอาการคล้ายตกมัน แล้ววิ่งหนีขึ้นที่สูงอย่างบ้าคลั่ง เป็นที่ผิดสังเกต แต่คนยังนิ่งนอนใจ

    นอกจากนี้ ก็มีเสียงสุนัขเห่าหอน ตื่นกลัว วิ่งวุ่น

    เสียงนกร้องผิดปกติ ในเวลากลางคืน

    การขนย้ายของแมลงต่างๆ

    สาเหตุหนึ่งที่ทำให้สัตว์ตอบสนองได้ก่อนมนุษย์ คือ การที่สัตว์ สามารถรับรู้ถึงคลื่นในตัวกลางที่เคลื่อนที่ได้รวดเร็วกว่าคลื่นพื้นผิวได้ไวและดีกว่ามนุษย์ จึงทำให้สัตว์เหล่านี้ ตอบสนองได้ ก่อนที่มนุษย์เราจะรู้สึก เมื่อคลื่นพื้นผิว ที่มีแอมพลิจูดใหญ่กว่า เดินทางมาถึง

    แต่อย่างไรก็ตาม เวลาที่แตกต่าง ระหว่างการเดินทางมาถึงของคลื่น ในตัวกลาง หรือเวลาที่สัตว์ตอบสนอง กับเวลาที่คลื่นพื้นผิวเคลื่อนที่มาถึงยังน้อยมากไม่เพียงพอกับการใช้เป็นเครื่องเตือนภัยสำหรับมนุษย์

    [​IMG]

    จากการศึกษาวิจัยของผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวพบว่า หากสัตว์ป่ามีพฤติกรรมผิดไปจากปกติ มักจะเกี่ยวข้องกับการเกิดภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว

    ทั้งนี้ เพราะสัตว์มีความสามารถรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดแผ่นดินไหว เป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งในการเอาชีวิตรอด

    เช่น พฤติกรรมผิดปกติของนก นกมีความรู้สึกไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม

    หรือปลา เมื่อชาวประมงจะจับปลาได้ปลาได้มากกว่าปกติ และมีปลาจากทะเลลึกว่ายเข้ามาในเขตน้ำตื้นด้วย นั่นหมายถึง ปลาในน้ำลึก จะรู้สึกไวต่อแผ่นดินไหว และหาพื้นที่ปลอดภัยในการเอาตัวรอด

    พฤติกรรมผิดปกติของสัตว์เลื้อยคลาน ผลการวิจัยพบว่า สัตว์ที่รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดแผ่นดินไหวได้ก่อนสัตว์ชนิดอื่นๆ คือ งู ทั้งนี้เนื่องจาก งูจำศีลอยู่ในโพรงใต้ดิน (งูในประเทศเขตหนาว) จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ง่าย

    เมื่อมีการสั่นสะเทือนของเปลือกโลก งูจะรู้สึกได้ก่อน และหลบภัย ด้วยการเลื้อยขึ้นมาบนดิน

    ตัวอย่างเช่น เมื่อ ค.ศ. 1855 ก่อนเกิดแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นหนึ่งวัน พบฝูงงูเลื้อยขึ้นมาบนดินหลายตัว

    เมื่อ ค.ศ. 1977 ตอนเกิดแผ่นดินไหวที่โรมาเนีย ก็มีฝูงงูเลื้อยขึ้นมาแข็งตายบนดิน

    เมื่อ ค.ศ. 1976 หนึ่งวันก่อนเกิดแผ่นดินไหว ที่เมืองถังซานประเทศจีน ก็มีฝูงงูจำนวนมากเข้าไปหลบอยู่ในซอกหิน

    [​IMG]

    [​IMG]

    ส่วนสุนัขนั้น ก่อนเกิดแผ่นดินไหว สุนัขจะมีอาการตื่นตระหนก วิ่งไปวิ่งมา บางตัวก้าวร้าวขึ้นส่งเสียงเห่าและหอนดังไปทั่ว

    [​IMG]

    แมวก็เช่นเดียวกัน ก่อนเกิดแผ่นดินไหวแมวส่วนใหญ่จะหาที่หลบ บางตัวแสดงอาการงุ่นง่าน วิ่งไปมา และส่งเสียงร้องอย่างกระวนกระวาย

    [​IMG]

    [​IMG]

    ลางบอกเหตุแผ่นดินไหว ที่พิเศษที่สุดเท่าที่ค้นพบในเวลานี้ คือ เสียงสั่นสะเทือนที่ใต้ดิน ชนิดของเสียงสั่นสะเทือนที่ใต้ดิน ที่เป็นลางบอกเหตุแผ่นดินไหว มีมากหลายแบบ จากผลการวิจัยแบ่งได้เป็น 6 แบบคือ

    1. เสียงฟ้าร้อง เป็นเสียงที่พบบ่อยที่สุด มักจะดังขึ้นก่อนเกิดแผ่นดินไหว

    2. เสียงพายุ ดังเหมือนพายุพัด คล้ายเสียงร้องของช้างพลาย

    3. เสียงระเบิด ดังตูมตามเหมือนเสียงระเบิดขนาดใหญ่

    4. เสียงเครื่องยนต์ ดังเหมือนเสียงรถยนต์ รถไถ รถรางไฟฟ้า หรือเครื่องบิน

    5. เสียงเลื่อยไม้ ตอนเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่เมืองถังซาน มีคนจำนวนไม่น้อยได้ยินเสียงสั่นสะเทือนที่ใต้ดิน ที่ดังเหมือนเสียงระเบิด และเสียงเลื่อยไม้

    6. เสียงฉีกผ้า เสียงนี้มักได้ยินที่ทะเล มากกว่าบนบก

    ในวันที่เกิดสึนามิมีเรื่องผิดสังเกต คือ น้ำทะเลลดยาวเป็นกิโล มีปลาน้ำลึกจำพวก ปลากระเบน ปลาฉลาม และปลาโลมา เกยตื้นเป็นจำนวนมาก ผู้คนนับร้อยก็เลยไปยืนดู ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานา

    และเพียงชั่วอึดใจนั้นเอง คลื่นยักษ์ก็ซัดเข้าสู่ชายฝั่ง โดยที่ผู้คนไม่ทันตั้งตัว คลื่นอยู่ในทะเล มันก็คือคลื่นธรรมดา แต่สูงกว่าปกติเท่านั้น แต่พอเข้าใกล้ชายฝั่ง คลื่นจะมารวมตัวกันหน้าหาดทราย แตกกระจาย แล้วดาหน้าซัดเข้าสู่ชายฝั่งอย่างรวดเร็ว

    [​IMG]

    ภูมิปัญญาอีสาน กับการสังเกตภัยธรรมชาติ


    คนโบราณอีสาน ประสบกับภัยแล้งอย่างแสนสาหัสมาหลายชั่วอายุคน ส่งผลให้วัฒนธรรมของคนอีสาน กลายเป็นเครื่องมือชั้นยอด ในการสังเกตภัยจากธรรมชาติ

    ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง น้ำท่วม หรือภัยหนาว มีสิ่งรอบๆ ตัว ที่ให้สังเกตได้หลายอย่าง ตั้งแต่ต้นไม้ หรือแม้แต่สัตว์ตัวเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ในดิน อย่างจิ้งหรีด เพราะจิ้งหรีดต้องการน้ำและชุ่มชื้นสูง

    ในปีที่แล้งจัด เช่น การสังเกตต้นไม้ อย่าง มะขาม หว้า คร้อ ปีใดติดผลมาก แสดงว่าปีนั้น จะมีปริมาณฝนมาก

    การสังเกตจอมปลวก หากจอมปลวกมีขนาดเล็กและแข็ง แสดงว่า ปีนั้นจะเกิดภัยแล้งเนื่องจากปริมาณน้ำในดินมีน้อย และปลวกจะสร้างรังอยู่บริเวณที่ต่ำ ในระดับพื้นดินด้วย แต่หากปีใดที่รังปลวกอยู่สูงจนผิดสังเกต อาจหมายถึงน้ำจะมากผิดปกติ อาจเกิดภาวะน้ำท่วมได้ เป็นต้น

    แม้ลางบอกเหตุที่กล่าวมา อาจไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาตร์ หากแต่เป็นความรู้และประสบการณ์ ที่สั่งสมกันมาแต่อดีต ในยุคที่มนุษย์ ยังมีความใกล้ชิดและพึ่งพาวิถีทางธรรมชาติ ซึ่งองค์ความรู้เหล่านั้นเริ่มเลือนหายไปตามกาลเวลา และการพึ่งพาธรรมชาติที่มีน้อยลง


    ทีมงาน ThaiNGO
    มูลนิธิกองทุนไทย
    webmaster@thaingo.org
    19 ธันวาคม 2551

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 เมษายน 2012
  17. ZincOxide

    ZincOxide เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +1,703
    คลิปนี้น่าสนใจดีครับ

    ที่ยะลา

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=lbOUehoPAlk]แผ่นดินไหว จ.ยะลารับรู้ได้ - YouTube[/ame]

    อันนี้น่าจะลงวันที่ผิด

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=oO0PkhFI7YY]แผ่นดินไหว 16/1/55 สระว่ายน้ำ rt-swim - YouTube[/ame]
    อันนี้ก็เห็นชัด

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=eupXm9333rE]น้ำกระเพื่อมจากแผ่นดินไหว - YouTube[/ame]


    credit : คุณ นินจาจัง ห้องหว้ากอ และขอบคุณเจ้าของคลิบทุกท่านครับ
     
  18. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    ขอบคุณสำหรับคลิปนะคะ น่าสนใจค่ะ เห็นชัดเลยค่ะ
     
  19. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    ท่ามกลางความไม่แน่นอนของธรรมชาติอย่างนี้ เรามาใช้โอกาสนี้ ฝึกสัมผัสที่ 6 ของเรา ให้ตื่นอย่างเต็มที่กันมั้ยคะ


    สัมผัสที่ 6 (six sense) สัมผัสธรรมดาที่ไม่ธรรมด



    สัมผัสที่ 6 (six sense) ฟังดูเหมือนไม่ธรรมดา ใครมีซิกเซ็นส์เขาถือว่าคนนั้นมีความสามารถพิเศษไม่ธรรมดาเลย แต่ความเป็นจริงแล้ว สัมผัสที่ 6 ก็คือ อายตนะที่ 6 คือใจที่ทำหน้าที่รับรู้อารมณ์ เรียกว่า ธรรมารมณ์ อายตนะ แปลว่า เครื่องสืบต่อ มีอยู่ทั้งหมด 6 ทาง คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจนี่เอง

    ในการเจริญสติ เราต้องรอบรู้ในกองสังขารที่มาจากการสัมผัสทั้ง 6 ช่องทางนี้ให้ละเอียดรอบด้าน กิเลสความหลงความปรุงแต่งไปในอดีต ในอนาคต สุขทุกข์ ล้วนมีจุดก่อกำเนิดเกิดเป็นอัตตาตัวตนมาจากการหลงไม่รู้เท่าทันในการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น ลิ้มรส สัมผัสทางกายและทางใจนี้ทั้งสิ้น จึงมีคำกล่าวว่า

    หากไม่รู้จักทุกข์จะวางทุกข์ได้อย่างไร หากไม่รู้จักสังขาร (ความปรุงแต่ง) จะวางสังขารได้อย่างไร

    หากจะตั้งหน้าตั้งตาวางอย่างเดียว อะไรเกิดขึ้น เกิดดับอย่างไรไม่รู้จักต้นตอของการเกิดการดับของกิเลสความอยากเหล่านั้น ก็ชื่อว่าเป็นการวางที่ไม่ประกอบด้วยปัญญาด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้ อย่างสูงเราละจากโลกนี้ไป เราก็ไปได้แค่พรหมโลกเท่านั้นเอง

    ทั้งนี้เพราะว่า เรายังหลงอยู่ เรายังไม่เข้าใจว่าเขาเกิดเขาดับขึ้นมาให้เราวางได้อย่างไร เรามาวางกันที่ผลที่ปลายเหตุ ยังไม่รู้จักสมุทัยหรือเหตุแห่งทุกข์ได้อย่างแท้จริง

    ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระพุทธเจ้าทรงตรัสเหตุ และความดับไปแห่งเหตุแห่งธรรมนั้น นั้นหมายความว่า เราต้องรู้ที่ต้นตอและดับเหตุแห่งทุกข์ที่ต้นตอนั้น จึงจะดำเนินสู่หนทางแห่งมรรคมีองค์ 8 ได้อย่างแท้จริง

    อายตนะที่ 6 แท้จริงแล้ว มีการทำงานอยู่ตลอดเวลา แต่เพราะความที่มันเป็นของที่ละเอียดมากเป็นนามธรรมนั้นเอง การจะรู้จักหน้าที่การทำงานของเขาอย่างแท้จริง จึงต้องอาศัยความสงบ มีสติสัมปชัญญะที่ต่อเนื่องและการรู้จักสังเกตจึงจะรับรู้และเข้าใจในหน้าที่ของเขาได้ นั่นหมายความว่า

    เราต้องรู้จักฝึกสติสัมปชัญญะ หรือฝึกความรู้สึกตัวที่ต่อเนื่องขึ้นมา อาศัยความตั้งมั่นจากความต่อเนื่องตรงนั้น ความจำสภาวะได้ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้น เราจึงจะได้เห็นได้สัมผัสสภาพที่เป็นธรรมารมณ์ที่แตกต่างออกไปจากเดิมนั้นได้อย่างชัดเจน

    การรับรู้ตรงนี้จึงกลายเป็นเรื่องปกติของผู้ฝึกเจริญสติสร้างความรู้สึกตัวจนชำนิชำนาญและรู้จักการสังเกตได้ดีแล้วนั่นเอง

    สรุปแล้ว สัมผัสที่ 6 ของเราทุกคน ทำงานอยู่ตลอดเวลาเป็นปกติ เราเองต่างหากที่ไม่มีสติสัมปชัญญะพอที่จะไปรู้สึกรับรู้ตรงนั้นเองต่างหาก เราไม่ปกติเอง เพราะจิตเราไม่ตั้งมั่น สติเราไม่ต่อเนื่องพอ เราขาดการสังเกต ขาดการน้อมเข้ามาดูกายดูใจของตนเอง

    เรามีแต่หลงส่งจิตออกนอก หลงความคิดความปรุงแต่ง จินตนาการไปต่าง ๆ นานา ไม่มีเวลาให้กับจิตกับใจตัวเองจริง ๆ เลยสักที จนกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว แล้วเราก็กลับไปมองคนที่เขามีสติสัมปชัญญะ สามารถสัมผัสรับรู้ธรรมารมณ์เหล่านี้ได้อย่างต่อเนื่องเป็นปกติว่า เป็นคนที่มีความสามารถพิเศษ ไม่ธรรมดา หรือเป็นคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดานั่นเอง

    สัมผัสที่ 6 (six sense) สัมผัสธรรมดาที่ไม่ธรรมดา - คลิปแมส
     

แชร์หน้านี้

Loading...