สิ่งสำคัญในการจัดเตรียมเครื่องบวงสรวง

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 24 เมษายน 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    พระอาจารย์ กล่าวถึงเรื่องการจัดเตรียมเครื่องบวงสรวงว่า เครื่องบวงสรวงจะมีส่วนสำคัญอยู่สามสี่อย่าง

    อย่างแรก คือ ต้นบายศรี ไม่ว่าเราจะทำบายศรีเป็นสีอะไรก็ตาม ให้ติดสีแดงไว้นิดหนึ่ง ถ้าไม่มีอะไรจะเอากลีบกุหลาบแดงติดยอดบายศรีก็ได้ ท่านบอกว่าสีแดงเป็นสีของท้าวมหาราชทั้ง ๔ ส่วนใหญ่ในงานบวงสรวงท้าวมหาราชทั้ง ๔ ท่านจะรับภาระโดยตรง ให้ติดสีแดงไว้บ้างเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของท่าน

    ประการที่สอง ก็คือ สีของบายศรีปากชามสี่ทิศ แต่ละทิศเป็นสีจำเพาะของท้าวมหาราชแต่ละพระองค์ คือ ทิศเหนือสีแดง ทิศใต้สีม่วง ทิศตะวันออกสีเหลือง ทิศตะวันตกสีขาว

    อีกส่วนหนึ่ง ก็คือ หัวหมูกับไก่ สามทิศวางหัวหมู แต่ทิศเหนือต้องวางไก่เท่านั้น อย่าผิดทิศเป็นอันขาด อาตมาไปย้ายให้มาหลายเจ้าแล้ว บางเจ้าสี่ทิศก็ผิด และมีบางรายเห็นวัดมีสัปทนก็เลยกางบ้าง แต่ไม่รู้ว่าเขากางตามสีทิศเหมือนกัน เพราะฉะนั้น..สัปทนถ้าจะใช้ก็สี่สีเหมือนกัน คือ เหนือแดง ใต้ม่วง ตะวันออกเหลือง ตะวันตกขาว

    ถาม : ทิศนี่ดูตามเข็มทิศหรือคะ ?

    ตอบ : เอาทิศจริงเป็นหลักจ้ะ ตามเข็มทิศไม่ได้ ถ้าตามเข็มทิศ ทิศจะเพี้ยนไป ๒๓ องศาครึ่ง เคยเรียนมาหรือเปล่า ? ถ้าเรียนมาเขาจะบอกว่าแกนโลกเอียง ๒๓ ๑/๒ องศา เพราะฉะนั้น..ทิศจริงกับทิศเข็มทิศจะเพี้ยน ๒๓ ๑/๒ องศา

    ถาม : แล้วควรทำอย่างไรคะ ?

    ตอบ : ดูตะวันเป็นหลัก ถ้าตะวันไม่มีก็ถามเจ้าของสถานที่ว่าแดดออกทางไหน

    ถาม : บวก ๒๓ องศาครึ่งไปทางไหน ?

    ตอบ : ไม่ต้องบวกต้องลบ ดูของจริงเลย ถึงเวลาคุณหันหน้าเข้าหาเหนือ ขวามือคือตะวันออก ฯลฯ ถ้าคุณไม่มั่นใจ คุณก็หันไหล่ขวาเข้าหาดวงตะวัน ตรงหน้าคุณคือทิศเหนือ ถ้าหลังคือทิศใต้ ซ้ายมือคือตะวันตก แต่ถ้าเป็นตอนบ่ายก็ตรงกันข้าม ตอนบ่ายหันหน้าเข้าหาทิศใต้ ซ้ายมือคือตะวันออก

    ถาม : ไก่กับบายศรีจำเป็นต้องวางตรงกันเป๊ะๆ เลยไหมครับ ?

    ตอบ : เอาทิศที่ใกล้เคียงที่สุด

    ถาม : ทั้งไก่และบายศรีเลยหรือครับ ?

    ตอบ : ใกล้เคียงที่สุด ใกล้ความจริงที่สุด ถ้าเป๊ะๆ เลยยิ่งดี

    ถาม : แล้วทำไมต้องทาสีแดง ?

    ตอบ : เรื่องของการทาสีหรือรองด้วยกระดาษแดง เกิดจากครั้งหนึ่งพระท่านบอกหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า ถ้ารองหัวหมูและไก่ด้วยกระดาษแดงจะป้องกันเรื่องไฟไหม้และฟ้าผ่าได้ ใครทำการบวงสรวงที่บ้าน ควรจะทำอย่างนั้น อธิษฐานขอให้ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ท่านสงเคราะห์เรื่องกันไฟไหม้กันฟ้าผ่าได้

    พอหลวงพ่อท่านถามท้าวมหาราชทั้ง ๔ ท่านให้เพิ่มว่า ถ้าต้องการป้องกันวินาศภัย ให้ทาหัวหมูและไก่ด้วยสีแดง ถ้ารองด้วยกระดาษสีแดงกันไฟไหม้กันฟ้าผ่า แต่ถ้าทาหัวหมูและไก่ด้วยสีแดง จะป้องกันวินาศภัยได้ด้วย

    แสดงว่า ห้างเซ็นเตอร์วัน ไม่ได้ทำอย่างนี้ เลยโดนเผากระจาย ตึกข้างๆ บ้านอนุสาวรีย์นี่ก็โดน จนกระทั่งคนเขาตกใจว่าบ้านอนุสาวรีย์โดนเผาไปด้วยแล้ว เพราะไฟไหม้ตึกแถวเดียวกัน แต่ขอโทษ..บ้านอนุสาวรีย์บวงสรวงมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

    ถาม : จำเป็นว่า ต้องเป็นบายศรี ๙ ชั้นหรือเปล่า ?

    ตอบ : ขึ้นอยู่กับว่าเรามีแรงทำเท่าไร บายศรีจะมี ๕ ชั้น ๗ ชั้น ๙ ชั้น แล้วแต่เราจะทำ แต่สำคัญตรงลูกบายศรี (ลูกบายศรี คือ ชั้นที่เหมือนกับนิ้วมือ) ถ้าไหว้พระ ลูกบายศรีให้มีอย่างน้อย ๙ ชั้น แต่ถ้าไหว้พรหมหรือเทวดาให้มีน้อยกว่านั้น ส่วนใหญ่เขาเลือก ๗ ชั้น จะได้เป็นสัญลักษณ์ว่าชุดนี้ไหว้พระหรือไหว้พรหมเทวดา

    [​IMG]
    ลูกบายศรี


    คำว่า บาย เป็นภาษาเขมร แปลว่า ข้าว บายศรี ก็คือ ขวัญข้าว แต่ถ้าซีบาย แปลว่า กินข้าว แต่ถ้ากินน้ำ ภาษาเขมรว่า อมตรึ๊ก


    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๔



    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2524&page=2



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2011
  2. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    ถาม : เขาบอกว่า บายศรี ๕ ชั้น สำหรับเสกพระบูชา ๙ ชั้นสำหรับเสกพระเครื่องด้วย จริงหรือเปล่าครับ?

    ตอบ : มะเหงกแน่ะ..! เสกพระบูชาไม่จำเป็นต้องมีหัวหมูกับไก่ แต่ถ้าพุทธาภิเษกพระเครื่องต้องมีหัวหมูกับไก่ ขาดไม่ได้

    ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ท่านขอเอาไว้ว่า การเสกพระเครื่องไม่เหมือนกับพระบูชา พระบูชาเราตั้งไว้บูชาที่บ้าน แต่ พระเครื่องเราติดตัวไว้ เป็นการตัดเคราะห์ไปในตัว ด้วยอำนาจของพุทธานุภาพ ถ้าเคราะห์หนักจะเป็นเบา เคราะห์เบาจะเป็นหาย เพราะฉะนั้น..การพุทธาภิเษกพระเครื่อง เครื่องบวงสรวงชุดบายศรีต้องเต็มชุดขาดไม่ได้ แต่ถ้าพุทธาภิเษกพระพุทธรูปที่บูชาอยู่กับบ้าน ไม่ต้องมีหัวหมูกับไก่ก็ได้

    ฟังแล้วเข้าใจซะใหม่นะ แต่ไม่ต้องไปอธิบายให้เขาฟังหรอก ปล่อยให้เขาโง่ต่อไป..! อาตมาก็สงสัยเหมือนกันว่า เรียนมาด้วยกัน แต่ทำไมบางคนจำมาไม่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ไม่สงสัยแล้ว

    ระยะหลังพวกเราจะเห็นอะไรเพิ่มมาบนโต๊ะบายศรีเยอะแยะไปหมด บางรายก็เป็นปลากะพงแป๊ะซะ ขอยืนยันว่า..ตำราหลวงพ่อวัดท่าซุงต้องเป็นปลาช่อนแป๊ะซะเท่านั้น และขอร้องอย่าราดน้ำจิ้มมา เคยมีตัวอย่างราดน้ำจิ้มมาเรียบร้อยเลย ถ้าอยากจิ้มมากนักให้เตรียมไว้ต่างหาก ลาเสร็จแล้วค่อยมาว่ากัน

    มีหลายแห่งที่จัดผลไม้ ๙ อย่างมา ซึ่งก็ถือว่าเกินดีกว่าขาด แต่ต้องมีกล้วยน้ำว้า ส้มโอ มะพร้าวอ่อนเป็นหลัก เพราะสามอย่างนี้เป็นสิ่งที่ท่านขอไว้ อีก ๖ อย่างเราจะจัดเพิ่มก็ไม่ว่า เกินดีกว่าขาด แต่ถ้าพอดีจะดีที่สุด

    ที่เห็นเกินมาเยอะก็คือ ทองหยิบ ฝอยทอง กับขนมจีนน้ำพริก เป็นของที่ใช้ใน ถ้าเป็นขนมจีนไม่ว่าจะน้ำพริก น้ำยา ซาวน้ำอย่างเดียว โดยไม่มีฝอยทอง เขาเอาไว้สำหรับการบวงสรวงเฉพาะในวัดท่าซุงเท่านั้น เพราะว่า หลวงปู่ขนมจีน ท่านชอบอย่างนั้น และท่านมีหน้าที่เป็นจเรทั่วไป คือ ตรวจดูความประพฤติของพระของเณรในวัด

    ในเมื่อหลวงปู่ท่านมีหน้าที่ทั่วไปในการตรวจควบคุม ท่านก็เลยขอไว้ว่า เมื่อถึงเวลาบวงสรวงให้มีสัญลักษณ์ของท่านด้วย ก็คือ ให้มีขนมจีนสักถ้วยหนึ่ง จะเป็นน้ำยา น้ำพริก หรือซาวน้ำก็ไม่ว่า แต่ให้มีไว้ ก็แปลว่าขนมจีน ถ้าไม่ใช่ขนมจีนพร้อมกับทองหยิบฝอยทองซึ่งเป็นของที่ใช้บนเสด็จในกรมหลวงชุมพรแล้ว เอาไว้สำหรับใช้ในการบวงสรวงเฉพาะในวัดท่าซุงเท่านั้น

    ของอีกอย่างที่เห็นเกินมา คือ ถั่วลาชมาศ เขาใช้ในการบวงสรวงเพื่ออัญเชิญพระภูมิเจ้าที่ ถ้าตั้งศาลใหม่ก็ใส่ถั่วลาชมาศเข้าไป แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ต้องมี เห็นหรือยังว่าเรียนมาด้วยกันแท้ๆ แต่เขาแตกแขนงไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ?

    เหมือนกับพระพุทธศาสนามหายาน ต้นฉบับที่เป็น มูลสรวาสติวาท หายหมดแล้ว..ใช่ไหม ? กลายเป็นโยคาจารย์ เป็นอาจาริยวาท ในที่สุดก็กลายเป็นเกจิอาจารย์ คำว่า เกจิอาจารย์ แปลว่า อาจารย์ต่างๆ แต่ในปัจจุบันเรามาใช้ในความหมายว่าเป็นผู้ขลังไปแล้ว

    ถาม : ถ้าเราไหว้พระที่บ้าน ตั้งบายศรีไหว้พระเฉยๆ แล้วนึกถึงหลวงปู่ขนมจีน ก็เลยตั้งขนมจีน ?

    ตอบ : ถ้าเจตนาอย่างนั้นก็ทำไป แต่บางท่านเข้าใจผิด เห็นว่าที่วัดท่าซุงมีขนมจีน ถ่ายรูปไว้ด้วยนะ แล้วจัดตามที่วัดท่าซุง แต่ไม่รู้เขาจัดไว้ทำไม ก็จัดตามไปแบบ เถรส่องบาตร เห็นอาจารย์ส่องก็ส่องบ้าง แต่ไม่รู้ว่าอาจารย์ท่านส่องทำไม



    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๔



    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2524&page=3




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2011
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...