สุกขวิปัสสโก

เก็บไว้บอกตัวเองดีกว่านะ

...เวลาทำอะไรใครไว้ หัดจำให้ได้ด้วย ..จะได้ไม่เป็นคนดียย์อยู่ฝ่ายเดียว ...


ถ้ามรึงไม่เริ่มก่อน รับรองว่าไม่เห็นกรูโหมดนี้แน่

 

ก็กูนี่ไม่มีอะไรเลย กูก็งง ว่าเรื่องอะไรไหลมาหามากมายขนาดนี้
ไม่ได้ทำอะไร แล้วมีอะไรให้จำล่ะมึง ..วัยทองป่ะเนี้ย

 

เป็นอรหันต์สุกขวิปัสสโกหลุดพ้นแล้ว
ไม่มาหวนคืนมีความอยากได้อภิญญา๕
อภิญญา๕ต้องฝึกก่อนเป็นอรหันต์
ฝึกเหมือนฤษีในป่าไม่เป็นอรหันต์ก็สามารถมีอภิญญา๕ได้
อภิญญา๕มาจากอำนาจของฌาณที่เกิดจากสมาธิ ๑,๒,๓,๔
ผู้ที่ไม่เคยฝึกฌาณ ๑,๒,๓,๔ มาก่อน
เมื่อเป็นพระอรหันต์ก็เป็นสุกขวิปัสสโก
ส่วนผู้ที่ฝึกฌาณมาก็จะมีคุณวิเศษตามที่ตัวเองฝึกมา
จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับฝึกมามากฝึกมาน้อยคับ
สุกขวิปัสสโกมีอภิญญาที่ ๖ ก็เพียงพอต่อการหลุดพ้น

 

จขกท. เขาก็หาเรื่องถามไปงั้นแหล่ะ

เดี๋ยวไม่ทัน สุรีสาว นะ

 

มา กระมู้ว์ นี้ก็ดีและ กำลังอยาก แซะ อยู่

" จิต มโน วิญญาณ มโนธาตุ วิญญาณธาตุ มโนวิญญาณธาตุ "

ล้วนเป็น คำศัพท์ใช้เรียก จิต ได้หมด ฮับ มีค่าเท่ากัน
ไม่แยกจากกัน

คำว่า ธาตุ เป็น ภาษาบาลี เป็นหน่วยนับ คำศัพท์

เช่น กไก่ อันนี้มี สองคำ เวลาพูดบาลี ก็จะพูดว่า มี สองธาตุ

ธาตุ จึงเป็น คำที่ใช้เป็น หน่วยนับ เฉยๆ

ไม่ได้หมายถึง element ที่แตกต่าง แบบ ธาตุเคมี

 

ส่วน ฤทธิ์ จะต้องฝึกก่อน สำเร็จโสดาบัน
อรหันต์ อันนี้เป็น ความเข้าใจผิด

ยังจัดว่ามี ความเห็นผิดแบบ เดียรถีย์

ยังแยก ตัณหา ฉันทะ ไม่ได้

ยังแยก เจตนา กับ จิตรำพึง ไม่ได้

ยังไม่เคยสัมผัส อธิษฐาน(ไม่เสื่อม) กับ ขอมีขอเป็น(เสื่อม หากผิดต่อครู)

 

ก็ถึงบอกไง ทำไรใครไว้ หัดจำให้ได้ด้วย เวลาด่า มรึงจะได้ไม่เป็นคนดีย์อยู่ฝ่ายเดียว

หรือถ้ามรึงด่าแล้วลืมตลอด ด่าแล้วแอ๊บไม่รู้ ด่าแล้วทำแอ๊บอินโนเซ้นต์ มรึงก็รูดซิบปากมรึง แล้วอย่าสาระแนพูดแขวะเรื่องชาวบ้าน ทั้งที่มรึงเอง ก็ไม่แม้แต่จะรู้ความจริง

 

แต่เคยได้ยินพระชื่อดังท่านนึงกล่าวว่า หากต้องการอภิญญาแนะนำให้ฝึกตอนได้อนาคามีจะดีกว่า

ท่านๆคิดเห็นเช่นไร

 

หาเอามาให้ดูหน่อยซิ

 

มโนเป็นอสังขตธาตุ วิณญาณสังขตธาตุ
มโนกับวิณญาณคือสองสิ่งปฏิสนธิกัน
จึงมีคำว่ามโนวิณญาณธาตุ
อสังขตธาตุกับสังขตธาตุปฏิสนธิกันจึงเกิดมีร่างกายขึ้มมาคับ

 

ต้องทำความเข้าใจ ให้ดีๆ

สิ่งที่เป็น อุตริมนุษยธรรม นั้น ในพุทธศาสนา
จะต้องมี ด้วยเหตุ

หากเหตุไม่มี ต่อให้ฝึกคล่องตัว สุดท้ายคือไม่เหลือ

เพราะ เหตุไม่มี มันก็ไม่ต้องใช้

เหตุในการมี คือ เอาไว้ใช้สอนให้ คน ตรงหน้า(เท่านั้น)
บรรลุธรรม หลังแสดงเสร็จ

ถ้า แสดงสิ่งที่เป็น อุตริมนุษยธรรม แล้ว คนที่เห็น
โบ๋เบ๋ ไม่เกิดการบรรลุ ก็จะจัดลงเป็น อนุสมปันบัน
กรณีที่ไม่ได้บวช

หากผู้แสดงยังไม่บรรลุอรหันต์ คุณธรรม จะถูก ขุด
และหยุด ตรงนั้น จะเจริญไม่ได้อีกเลย จนกว่า
จะยอมรับว่า ผิด แล้ว ปลงอาบัติซะ

หากไม่ได้เป็นโสดาบันเลย ก็ ขุด ปิดนิพพานไปเลย
เพราะ พระพุทธองค์ไม่ได้ให้ วิธีแก้เอาไว้

การอ้างว่า ไม่มีการบัญญัติวินัยเอาไว้ ฆราวาสแสดง
ได้โจงขรึ้ม เป็นเรื่อง เฮีย ส่งมาเกิด สถาณเดียว

 

เหตุ ที่ทรงแสดง วิธีแก้ ให้กับ พระภิกษุ เท่านั้น

เพราะ เวลาบวช จะมีการทำปฏิญญาว่า จะทำนิพพานให้แจ้งในชาตินี้

เพื่ออนุเคราะห์ จึงทรงแสดงวิธีแก้

ส่วน ฆราวาส ไม่ได้ทำ ปฏิญญาอะไร

ก็ปล่อยไป ตามเวร ตามกรรม ที่ ส่งมาเกิด


" การฝึกให้ได้ก่อน บรรลุธรรม " จึงเป็นเรื่อง เดียรถีย สถาณเดียว

 

ลองหาเองดูดิ ใช้ยูสไหนมั่งหล่ะ ...

แต่เดี๋ยวคงจะจบที่ ไม่รู้ จำไม่ได้ พูดลอยๆ

 

สุกขวิปัสสโกมีฤทธิ์ก็ไม่ใช่สุกขวิปัสสโก
รู้โน่นเห็นนี่เหาะได้เป็นอภิญญา๕แล้วคับ

 

เอิ่ม... ไม่เป็นคนนี้ได้มั้ย

 

ถ้าหาว่ากูด่า มึงต้องเอามา
ถ้าไม่เอามา แสดงว่ามึงไม่แน่จริง
กูแมนพอ เข้าใจไหม หามากูบอกเลยว่ามึงอ่ะบาปเต็มๆ

 

การ บัญญัติว่า เป็น อรหันต์ประเภทไหน
เขาจะ นับ ขณะที่ บรรลุธรรม

อย่าง กรณี พระพุทธองค์ หากจะไม่กล่าว ตู่
พระศาสดา มี นาหญ้าขึ้นรกเป็นที่ไปแน่นอน

จะต้องกล่าวว่า พระศาสดาเป็น อรหันต์วิชา3 เท่านั้น

เพราะ ขณะบรรลุ จิตโคจรด้วย มรรควิธี วิชา3

ทั้งๆที่ ขณะอื่นๆ ก็ บำเพญสมณธรรม วิหารธรรม
อื่นๆ มากมาย นับไม่ถ้วน

เรียกว่า ระหว่าง ภาวนา ก็จะใช้ ทุกปฏิปทา

แต่จะเป็น ประเภทไหน ก็ต้องดู ตอนวินาที บรรลุ

 

ใครที่บอกว่ามีฤทธิ์แบบไม่มีเหตุปัจจัยให้เกิดฤทธิ์
คือเห็นผิดจากความเป็นจริง
พระพุทธเจ้าที่มีฤทธิ์มากก็เพราะเคยฝึกสมาธิแบบฤษีมานับไม่ถ้วนก่อนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

 

บาปอะไรหรอ ..ไม่บาปหรอก ..เพราะกรูไม่ได้เริ่มก่อน
คนที่เริ่มคือมรึง...กรูก้อบอกให้มรึงไปค้นในยูสมรึงเอาเอง ด่าไรกรูมาบ้าง ไม่ได้เกี่ยวกับแน่ไม่แน่เร้ย ...ใจป่ะเจ๊อึ่ง

 

อันนี้ โดน ฤาษีลิงกัง แหกตา แล้วฮับ

พระศาสดา จะใช้ อภิญญาณ ญาณตัวเดียว
ชื่อ " สัพพัญุตาญาณ " ซึ่ง ฤาษี ม่ายมีทางรู้จัก !!!

ด้วย สัพพัญุตาญาณ นั้น จึงโคจรไปใน
ญาณทัสนได้ไม่จำกัด

แล้ว

จึงโคจรเพื่อไปทราบเหตุ ของญาณทัสนะ ต่างๆ
ลงรายละเอียดอีกที จน คล่องตัว จึงจะสามารถ
ประกาศว่าเป็น "อนุตรสัมมา" อีกที

ซึ่งอะไรพวกนี้ อย่าเอาไปถาม สาวก

จะหาอ่านได้ ก็ต้อง พระสารีบุตรบรรยายเท่านั้น
จึงจะใกล้เคียง

ไม่เช่นนั้น โดนข้อหา กล่าวตู่ศาสดา แน่นวล

นาหญ้าขึ้นรก รอ


ปล : เว้นแต่กล่าวเป็น อุบาย ให้ บึ๊ดจั๊มบึด ก็อนุโลม