สูตรพบพระเจ้า ไม่หวงแต่เสี่ยงหน่อย

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย SegaMegaHyperSuperCyberNeptune, 25 สิงหาคม 2018.

  1. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,560
    ค่าพลัง:
    +4,728
    วันนี้อยากกอดคุณจิตยิ้มจัง^^ จินเปลี่ยนใจแระ จินไม่เป็น FC Jedi แล้ว จินเป็น FC เจ้าหญิง Jusmin Jityim. ดีกว่า^^ _20180827_205327.JPG
     
  2. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,560
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ไปเก็บตัวก่อนนะคะ. จนกว่าจะได้รับอนุญาติ จะเข้ามาใหม่ ทุกคนน่ารักหมดเลย ^^ เวลาเห็นคุยกัน มันน่ารักงุงิงุงิดีจัง ขอบคุณที่ให้พื้นที่ในการสนทนานะคะ ^^ ขอให้มีความสุขทุกๆคนค่ะ^^
     
  3. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ต่ออีกนิดค่ะ

    คำที่ยังประทับใจไม่รู้ลืมจากสิ่งศักดิ์ "สิ่งใดที่เจ้าทำหรือแสดงออกเสียจนเคยตัวแล้ว เจ้าคิดว่าจะละวางมันได้ง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?"

    ทำให้นึกถึงคำว่า "บ่วง" หรือพันธการที่ผูกเอาไว้ สิ่งหนาแน่นก็ยิ่งแกะออกยาก ต้องค่อยแกะคลี่คลายออกทีละเปาะด้วยความมุมานะและความอดทน เพียรเพ่งพิจารณาหาหนทางที่จะแก้บ่วงพันธการนั้นให้ได้

    ถ้านิสัยของเรา เป็นบ่วงพันธการที่ผูกมักเราไว้ เป็นบ่วงกรรมที่ทำให้ใจเราไม่เป็นอิสระต้องตกเป็นทาสของกิเลสตัณหาที่เราคอยบงการเราให้คิดหรือกระทำโดยที่บางทีเราไม่อาจจะขัดขืนได้ ก็คือ เกิดการกระทำแล้วมาสำนึกผิดทีหลังว่าเราไม่น่าทำเช่นนั้นเลย

    ปัจจัยการของกิเลสมี 3 ประการ คือ ทิฐิ ตัณหา มานะ

    ทิฐิ เป็นความเห็น แล้วตัณหาเป็นความชอบใจ ไม่ชอบใจตามมา มานะ คือ ความยึดมั่นว่าเป็นตัวเราของเราจึงเกิดขึ้น จึงเป็นที่มาของนิสัย และ อุปนิสัยที่หมักดอง

    เมื่อขบวนการทั้งสามตัวนี้ทำงานต่อเนื่องกัน มโนกรรม จึงเกิดขึ้น จากนั้นก็มีผลพวงออกมาเป็นการกระทำ

    การเข้าไปเห็นทิฐิ จะเริ่มจากความคิดเป็นอันดับแรก ก่อนความคิดจะเกิด( มันจะมีอะไรไหว ๆ ขึ้นมาก่อน ) พอความคิดเกิดอารมณ์ความรู้สึกจะตามมาอัตโนมัติ พร้อมอาการยึด ยึดมากหรือยึดน้อยอยู่ที่ทิฐิเป็นสำคัญ

    การที่เราพิจารณาจางคลายจากทิฐิความเห็นที่เราได้พิจารณาเห็นคุณเห็นโทษดีแล้ว เป็นจุดเป็นเริ่มต้น เมื่อมีก้าวแรก ก็ย่อมมีก้าวต่อมา การละวางจางคลายมิใช่ทำแค่ครั้งเดียวนะค่ะ ขึ้นอยู่กำลังของบุญบารมีแต่ละคน บางคนครั้งเดียวเด็ดขาด บางคนต้องค่อย ๆ คลาย ค่อย ๆ แก้บ่วงปมแห่งพันธการของกิเลส ยิ่งเรามูกมัดแน่นเท่าไหร่ เราต้องใช้ความเพียรพยามมากเท่านั้นค่ะ

    ประสบการณ์ของตนเอง สัญญาอารมณ์บางเรื่องราวหาวิธีแก้ แก้อย่างไรก็ไม่หลุด ต่างก็คอยวนเวียนมาหลายครั้ง จนกระทั่งเราเกิดสติปัญญาเข้าถึงเหตุของปัญหา เรื่องนั้นก็คลี่คลายลง เมื่อประสบเหตุการณ์นั้น ๆ อีก มันไม่มีผลต่อจิตใจเราอีกต่อไป เพราะเราเกิดแสงสว่างรู้เหตุแห่งทุกข์นั่นแล้ว

    การสาวเข้าไปหาเหตุ คือ การสาวเข้าไปหาต้นตอแห่งเกิดอารมณ์กรรม หรือเหตุแห่งเกิดความทุกข์ ผลที่จะตามมา ต้องใช้กำลังสติและสมาธิ ที่จะสาวไปหาต้นเหตุของเรื่องนั้น ๆ ให้ได้จริง ๆ แม้มันจะยากเย็นสักเพียงใด เราต้องเข้าใจเหตุของที่มาของมันให้ได้ และตั้งสัจจะให้กับใจของตนเองในการกระทำไว้ หมั่นคลี่คลายแก้ปม ค่อย ๆ ขยาย ค่อย ๆ ขยับ มันออก จนมันไม่มีผลอิทธิพลต่อใจของเราอีกต่อไปเมื่อเราเจอเหตุนั่นอีกถือว่างปลดปลงลงแล้วสำหรับเรื่องราวนั่น ๆ ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2018
  4. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,493
    ค่าพลัง:
    +2,364
    เหตุปัจจัยโย อารมณปัจจัยโย อวิชชาเกิด แล้วจึงเกิดอารมณ์ครับ ส่วนวจีหรือมโนจิตสังขาร(ความคิด) เกิดทีหลังนะครับ
     
  5. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    สิ่งศักดิ์กล่าวว่า .....ถ้าโลกนี้มีแต่เจ้าเพียงลำพังมิมีผู้อื่นหรือสรรพสิ่งใดร่วมอยู่กับเจ้าด้วยแล้ว จะสามารถ หรือมีปัญญาพอที่จะสร้างแรงสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวกสูงสุดภายในตนเองด้วยตัวเองได้ โดยมิต้องอาศัยผู้อื่นหรือ สรรพสิ่งอื่นเป็นเงื่อนไขให้กระนั่นหรือ ? คำตอบ คือได้ เมื่อครั้งเกิดมาเป็นมนุษย์ในภพชาติแรก

    แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ง่ายทีจะกระทำด้วยตนเองคนเดียวเสียแล้ว เนื่องจากมิติปัญญาญาณมันได้ถูกปิดสนิทไปเสียตั้งนานแล้ว เหตุเพราะมีกิเลสตัณหาเข้าครอบงำจิตหยาบ (จิตใจมนุษย์) มันเป็นเหตุให้ไม่สามารถสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวกและปัญญาญาณของตนเองด้วยอำนาจในตนเองได้ ก็เพราะมีกิเลสและตัณหาเป็นอุปสรรคอยู่

    หนทางเดียวที่ง่าย คือการอาศัยผู้อื่นหรือสรรพสิ่งอื่น ช่วยเหลือกันด้วยการผลัดกันสร้างเงื่อนไขบวกบ้างลบบ้างให้แก่กันและกันนั่นเอง

    พันธะกรรมที่สร้างกันขึ้นมา ซึ่งล้วนเป็นผลมาจากการทำผิดคิดชั่วต่อกัน มีการเกี่ยวกรรมและกันไว้ในแบบต่างๆ โดยใช้จิตหยาบที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขยะอันเป็นกิเลสตัณหาขับเคลื่อนการแสดงออกและการกระทำ ทางกายและทางจิตใจที่เป็นอารมณืรู้สึกด้านลบต่อกัน เช่น ความโกรธแค้น ความโลภ และความงมงาย เป็นต้น

    ความจริงที่แท้จริงที่กำลังจะเปิดเผยว่า การกระทำตอบต่อผู้หยิบยื่นเงื่อนไขด้านลบนั้น ในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง คือ ต่อสู้ ตอบโต้ ต่อต้าน และหลีกเลี่ยง อย่างแน่นอน มันคือ การสอบตกหรือความล้มเหลวของมนุษย์นี่เอง

    แต่ถ้ารู้เท่าทันย่อมบอกตนเองได้ว่า เมื่อมนุษย์ใช้เงื่อนไขด้านลบนั้น แล้วสร้างจิตสำนึกเป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านบวกต่อเงื่อนไขนั้น หรือต่อผู้หยิบยื่นเงื่อนไขด้านลบมาให้นั้นให้จงได้

    มันคือ สำนึกแห่งการอดทน อดกลั้น และการให้อภัย นั่นเอง

    นี่คือกุศโลบาย ในการเข้าถึงพลังอำนาจสูงสุดด้านบวก

    ถ้าเจ้าสามารถอดทนต่อการกระทำไม่ถูกต้องต่อผู้อื่นได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่น่าจะอดทนไหว นั่นแสดงว่าเจ้าต้องรักตนเองมากทีเดียว

    ถ้าเจ้าสามารถอดกลั้นต่อการกระทำไม่ถูกต้องของผู้อื่นได้ทั้งๆ ที่เจ้าไม่น่าจะอดกลั้นไหว นั่นแสดงว่าเจ้าต้องมีความรักมีความเมตตาต่อมนุษย์ผู้นั้นมากทีเดียว

    ด้วยเหตุนี้เอง พระศาสดาได้นำโอวาทและสัจธรรม มาสื่อสอนให้เกิดสติทางวิญญาณและจิตสำนึกที่ถูกต้อง เพื่อปฏิบัติตนให้ถูกต้อง ในการสร้างจิตสำนึกด้านบวก ด้วยการไม่เบียดเบียนกัน ไม่ล่วงละเมิดซึ่งกันและกัน คิดดี พูดดี ทำดีต่อกันให้ได้ และชี้ช่องทางนิพพานเอาไว้ เพื่อให้นำจิตวิญญาณกลับสู่สุญญตา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2018
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    สาธุค่ะ สิ่งนั้นเป็นเหตุปัจจัยโยของการกำเนิดภพชาติแรก ตามมหาปัฏฐาน ในอภิธรรมคัมภีร์ หรือเปล่าค่ะ

    แต่สิ่งที่ตนเองกำลังศึกษาการสาวหาเหตุแห่งกรรมที่เก็บเอาไว้ในภวังคจิตค่ะ สิ่งที่เห็นชัดก่อนเลยคือ ทิฐิความเห็นค่ะ แล้วตามมาด้วยความชอบใจไม่ชอบใจ จึงมีการยึดมั่นถือมั่นตามมา เห็นแค่นี้ค่ะ และเคยเข้าไปเห็นอารมณ์เรื่องราวต่าง ๆ ที่เก็บไว้ว่าเรามีอารมณ์รู้สึก และการตัดสินใจต่อเหตุการณ์นั้นอย่างไร? ก็เลยเข้าไปสาวหาเหตุ และใช้วิธีทวนกระแสย้อนรอยจากจุดตรงนี้นะค่ะ
     
  7. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,493
    ค่าพลัง:
    +2,364
    ใช่ครับลองไปค้นเอาเองนะครับว่าจริงๆแล้วอะไรเกิดก่อน อารมณ์ดีจึงพูดจาสนุกสนาน อารมณ์ไม่ดีคำพูดจึงแดกดันบลาๆ มันตามจริตครับ แต่อารมณ์เกิดก่อนแน่นอนครับ
     
  8. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,111
    ค่าพลัง:
    +3,402
    เห็นพระเจ้าแล้วจะเกิดความกลัว เกรง พอเกิดความคิดไม่ดี เช่นอยากเป็นพระเจ้าซะเอง จึงไปกันใหญ่ แถมใครเห็นหน้าพระเจ้าแล้วยังรอดมาได้ถือว่ามีบุญมากเลยนะ ถ้ารีบไปพบอาจถูกแช่งตกนรกได้แบบผม ทนปวดหัวทุกวันจนจะเป็นโรคจิตอยู่แล้ว ทำอะไรก็ไม่รุ่งเพราะเส้นเลือดแตก ขี้ลืม การทำงานของสมองผิดพลาด แค่จะขยับตัวก็เกร็งไปหมด ดีคืนดีกับพระเจ้าทันแล้ว แต่บาปกรรมที่หลุดไปของพวกลูกน้องท่านนี่สิน่าเป็นห่วง
     

แชร์หน้านี้

Loading...