หนุมานคชสาร เหรียญลพ.ณรงค์ วัดมะเกลือ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 กุมภาพันธ์ 2016.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,191
    ค่าพลัง:
    +21,324
    http://www.ittiyano.com/index.php?option=com_content&task=view&id=18&Itemid=8
    ลองอ่านบทความผู้สร้างหนุมานหลวงปู่ทิมสมัยนั้นครับ ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลอย่างสูงครับ
    หนุมานหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ หนุมานอับหนึ่งของเมืองไทย
    ผมส่งประกวดติดรางวัลที่๓งานศูนย์ราชการเมื่อเดือนกันยายน ใบประกาศยังไม่ได้รับครับ สวยเดิมๆอุดผงพรายมีรอยจารลายมือชัดเจนครับ สุดยอดหายากแน่นอนสร้างไว้หลักพัน ไม่ต้องเชียร์ต้องดันต้องปั่นต้องปั้นเล่าอะไรอีกสำหรับวัตถุมงคลหลวงปู่ทิม
    * เข้าประกวดอีก 2งาน ติดงานประวัติศาสตรืของสมาคมที่มีคนส่งพระเข้าประกวดมากที่สุด บัตรขายหมดทุกใบ งานของนายกสมาคม พยัพ ติดที่๓ และงานของสมาคมที่จ.สระบุรี ติดรางวัลที่๑
    ให้บูชา 200,000 บาท สองแสนบาทครับ

    AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A1-jpg.jpg B%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A11-jpg.jpg 8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%8B%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A211-copy-jpg.jpg B2%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%9B-%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B21-2-copy-jpg.jpg

    9%E0%B8%A5%E0%B8%9B-%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-jpg.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,191
    ค่าพลัง:
    +21,324
    เหรียญเสือคาบดาบ ลพ.สมชาย วัดเขาสุกิม รุ่นนิยม

    ให้บูชา 400 บาท

    ลพ.สมชาย.jpg ลพ.สมชายหลัง.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,191
    ค่าพลัง:
    +21,324
    เบอร์บัญชีผมครับ
    เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu
    โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบหรือทางPMแล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,191
    ค่าพลัง:
    +21,324
    จัดส่ง
    EV 2081 3358 1 TH คำเขื่อนแก้ว

    EV 2081 3359 5 TH ไทรน้อย

    EV 2081 3360 4 TH ลาดพร้าว

    ขอบคุณครับ
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,191
    ค่าพลัง:
    +21,324
    เหรียญหลวงปู่หมุน ออกวัดคลองทราย จันทบุรี
    ให้บูชา 10000 บาทครับ

    ลป.หมุน.JPG ลป.หมุนหลัง.JPG ลป.หมุนกล่อง.JPG
     
  6. พื้นทราย

    พื้นทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2015
    โพสต์:
    752
    ค่าพลัง:
    +624
    ขอจองครับ
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,191
    ค่าพลัง:
    +21,324
    iy[mik[8iy
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,191
    ค่าพลัง:
    +21,324
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่ทวด หลวงพ่อลำใย วัดสะแก อยุธยา 2547

    ให้บูชา400บาทครับ

    ลพ.ลำใย.JPG ลพ.ลำใยหลัง.JPG
     
  9. พื้นทราย

    พื้นทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2015
    โพสต์:
    752
    ค่าพลัง:
    +624
    แจ้งโอนเงินครับ
    พระผงเจ็ดป่าช้าหลวงพ่อจําเนียร 100+50
    พระปิดตาหลวงพ่อจักร 100+50
    เป็นเงิน 300 บาท 22/07/18 เวลา 19.15
    ที่จัดส่งแจ้งpmครับ
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,191
    ค่าพลัง:
    +21,324
    เบอร์บัญชีผมครับ
    เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu
    โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบหรือทางPMแล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    ติดต่อได้ที่ 08..1.70..4..72..64
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,191
    ค่าพลัง:
    +21,324
    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อพระลับ ปีพ.ศ. 2538
    หลังพระธาตุขามแก่น - เทศบาลนครขอนแก่นสร้าง

    จากการศึกษาพระพุทธลักษณะ สันนิษฐานว่า "หลวงพ่อพระลับ" สร้างขึ้นโดย "พระเจ้าโพธิสาร พระมหาธรรมิกราชาธิราช" ประมาณ ปี พ.ศ. 2068 ณ นครหลวงพระบาง พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 1 (พศ. 2077 - พ.ศ. 2114) เป็นกษัตริย์ครองเมืองหลวงพระบาง เมื่อพม่ายกทัพมาตีเมืองหลวงพระบาง พ.ศ. 2090 พระองค์อพยพไปตั้งเมืองหลวงใหม่ ชื่อ "เวียงจันทน์บุรีศรีสัตนาค" การอพยพครั้งนี้ได้นำพระแก้วมรกต พระบาง พระพุทธรูปองค์อื่นๆไปด้วย

    การอพยพและการสร้างเมืองมีมาอย่างต่อเนื่อง จวบจนถึงสมัยของ “เจ้าแก้วมงคล” ซึ่งได้อพยพครอบครัวพร้อมประชาชนพลเมือง และได้นำเอาพระพุทธรูปเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์ที่นำมาจากเวียงจันทน์ ไปสร้างเมืองทง หรือ "เมืองสุวรรณภูมิ" (ปัจจุบันคือ อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด) เจ้าแก้วมงคล ได้เป็นเจ้าเมืองสุวรรณภูมิคนแรก

    จากนั้นก็มีเจ้าเมืองสืบต่อมาจนถึง พ.ศ. 2326"ท้าวศักดิ์" ซึ่งมีตำแหน่ง "เพียงเมืองแพน" ก็อพยพประชาชนพลเมือง ประมาณ 330 ครอบครัว พร้อนำเอาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์หลายองค์ไปไว้เคารพสักการะเป็นมิ่งขวัญเมืองด้วย เมื่อสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยเรียบร้อยแล้ว จึงได้สร้างวัดขึ้น 4 วัด คือ
    "วัดเหนือ" ให้เจ้าเมืองและลูกไปทำบุญอุปัฎฐาก
    "วัดกลาง" ให้เสนาอำมาตย์พร้อมลูกหลานไปทำบุญอุปฎฐาก
    "วัดใต้" ให้ประชาชนพลเมืองทั่วไปทำบุญอุปัฎฐาก
    "วัดถ่าแขก" อยู่ฝั่งบึงด้านทิศตะวันออก สำหรับพระภิกษุอาคันตุกะจากถิ่นอื่นๆ มาพักประกอบพุทธศาสนพิธี

    ในการสร้างปูชนียสถานทางพุทธศาสนาของชาวลาวล้วนชำนาญการใช้วัสดุก่อสร้าง วัดที่สร้างด้วยไม้จึงไม่แข็งแรงมั่นคง จึงได้นำเอาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดไปซ่อนไว้โดยถือเป็นความลับเพราะกลัวขโมย หรือพวกอันธพาลมาลัก มาทำลาย เมื่อสร้างวัดเหนือแล้วจึงสร้างพระธาตุมีอุโมงค์ภายในนำเอาพระพุทธรูปไปเก็บซ่อนไว้อย่างลับที่สุด รู้แต่เจ้าอาวาสวัดเหนือเท่านั้น คนทั้งหลายจึงเรียกว่า "พระลับ" หรือ "หลวงพ่อพระลับ" สืบมาจนถึงทุกวันนี้ จนกระทั่ง พ.ศ. 2340

    "หลวงปู่พระเทพวิมลโมลี" (เหล่า สุมโน) เจ้าอาวาสวัดเหนือ (วัดธาตุ พระอารามหลวง) และรองเจ้าคณะภาค 9 (มหานิกาย) รองอธิการบดี มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ วิทยาเขตขอนแก่น ขณะนั้นท่านมีอายุได้ 86 ปี ท่านได้เชิญ "นายกวี สุภธีระ" ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น มาเป็นสักขีพยานเปิดเผยพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์นี้ให้เป็นพระพุทธรูปคู่เมืองขอนแก่น และทำพิธีสมโภชอย่างเป็นทางการ เมื่อวันออกพรรษาปี 2537 ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 10 ปีจอ ( 18 ตุลาคม พ.ศ. 2537) "หลวงพ่อพระลับ" จึงเป็นที่รู้จักและได้รับความเคารพสักการะบูชาของพุทธศาสนิกชนตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

    ทางเทศบาลนครขอนแก่นได้จัดสร้างเหรียญรุ่นแรก “หลวงพ่อพระลับ” และจัดพิธีพุทธาภิเษก โดยมีหลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง ปลุกเสก ที่ วัดธาตุ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ประกอบพิธีพุทธาภิเษกเมื่อ วันที่ 12 สิงหาคม 2538 โดยมีพระเกจิอาจารย์ ร่วมนั่งปรกอธิฐานจิต ดังนี้
    o พระเทพวิมลโมลี วัดธาตุ ขอนแก่น
    o ลป.เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญบรรพต หนองคาย
    o ลป.ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง ร้อยเอ็ด
    o ลป.คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย นครพนม
    o ลป.วรพต วิธาน วัดจุมพล ขอนแก่น
    o ลป.ธีร์ สารสุนทร วัดมิ่งเมือง ขอนแก่น
    o ลป.โพธิ์ วัดโพธิ์โนทัน ขอนแก่น
    o ลป.บุญมา วัดบ้านหนองตูม ขอนแก่น
    o ลป.ลี วัดปัจฉิม ขอนแก่น
    o ลพ.คูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ โคราช
    o ลพ.คูณ วัดหนองแวง ขอนแก่น
    o ลพ.บุญทัน วัดป่าสามัคคีธรรม ขอนแก่น

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสุงครับ

    เหรียญพระลับเนื้อนวะโลหะพิธีดีดูรายนามพระคณาจารย์ครับ แต่ละอง์ พระอริยสงฆ์ทุกองค์ องค์นี้เนื้อนวะดลหะตอกโค๊ตด้านหลังบริเวณเจดีย์

    ให้บูชา 600 บาทครับ

    พระลับ.JPG พระลับหลัง.JPG
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,191
    ค่าพลัง:
    +21,324
    index.php?PHPSESSID=a1o8jr57n013polquslng1rlc2&action=dlattach;topic=2781.jpg

    เหรียญรุ่นสร้างตะบัน หลวงพ่อณรงค์ วัดมะเกลือ กรุงเทพฯ ปี2518 สวยเดิมๆ สร้างน้อยหายาก รุ่นนี้เป็นรุ่นที่หลวงพ่อท่านปลุกเสก แล้วมีประสบการณ์มากมาย ลูกศิษย์สายนี้เก็บกันเงียบครับ

    หลวงพ่อณรงค์ วัดมะเกลือ " ท่านเกิดเมื่อวันเสาร์ เดือน12 ปีจอ พุทธศักราช 2429 ณ อำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อ นายจันทร์ มารดาชื่อ นางชื่น อำพลผล เมื่ออายุได้ 10กว่าปี บิดามารดาก็นำไปฝากกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.เมือง จ.ชัยนาท เพราะหลวงปู่ศุขเป็นลูกผู้พี่ของนายจันทร์ ในระยะนั้นหลวงปู่ศุขกำลังมีชื่อเสียงมาก ใครก็รู้จักหลวงปู่ศุขเป็นอย่างดี ทั้งนี้เพราะในกรมเสด็จกรมหลวงชุมพรฯ ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านนั่นเอง หลวงปู่ณรงค์ได้เล่าเรียนวิชาภาษาขอมอยู่กับหลวงปู่ศุข 6ปี จนมีความรู้ความชำนาญพอสมควร พออายุได้ 19ปี ก็ถูกเกณฑ์ทหาร และได้รับราชการทหารเรื่อยมาจนได้ยศจ่าเอก จึงได้กลับไปเยี่ยมหลวงปู่ศุข พอดีในขณะนั้นกรมหลวงชุมพรฯอยู่ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่าด้วย หลวงปู่ศุขจึงได้ฝากฝังกับกรมหลวงชุมพรฯ บอกว่าเป็นหลานชายของท่านเอง กรมหลวงชุมพรฯทรงรับเป็นผู้อุปการะ ต่อมาหลวงปู่ณรงค์ได้รับยศเป็นร้อยเอก โดยเป็นนายทหารอยู่ที่ ร.พัน6 ต่อมาเมื่อหลวงปู่ณรงค์อายุได้ 57ปี ตรงกับพุทธศักราช 2486 ได้ลาออกจากราชการมาอุปสมบท ณ วัดนางนอง เขตบางขุนเทียน "

    หลวงพ่อณรงค์ วัด มะเกลือ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ เป็นพระเกจิที่เลื่องชื่อในด้านคงกระพันในแถบพื้นที่ฝั่งธนบุรี จะให้รู้จักกันเป็นอย่างดี หลวงพ่อณรงค์ เป็นชาวอยุธยา เกิดปี 2429 ในสมัยเด็กบิดาได้ไปฝากอยู่กับหลวงปู่ศุข วัดปากกคลองมะขามเฒ่า ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุง ได้เรียนวิชาอยู่ถึง 6 ปีเมื่ออายุครบเกณฑ์หารได้รับราชการจนได้ยศเป็นนายร้อยเอก ต่อมาท่านคงเบื่อหน่ายทางโลก จึงลาออกจากราชการเมื่ออายุ 57ปี ในปี 2487ที่วัดนางนอง จำได้ว่ามีหลวงพ่อเม่ง วัดบางสะแก เป็นพระกรรมวาจารย์ อยู่ในตอนนั้นด้วย หลวงพ่อณรงค์ เมื่อบวชเป็นพระได้สละสมบัติส่วนตัวเช่นที่ดิน มาพัฒนาวัดมะเกลือ ซึ่งสมัยนั้นเกือบจะเป็นวัดร้าง และ พื้นที่ของวัดส่วนใหญ่ถูกชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบๆครอบครอง เมื่อหลวงพ่อณรงค์ ได้มาอยู่ที่วัดมะเกลือ ท่านต้องต่อสู้ทางกฎหมายเอาที่ดินของวัดคืนมาจากชาวบ้าน ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จได้ที่ดินกลับคืนมากว่าสิบไร่ หลวงพ่อณรงค์ ท่านชอบศึกษาด้านวิชาอาคมมาตั้งแต่สมัยอยู่กับหลวงปู่ศุข เมื่อเป็นพระ ทำให้มีผู้มาเลื่อมใสได้อย่างรวดเร็ว สังเกตได้ว่าเหรียญรุ่นแรก สร้างปี 2495 ซึ่งหลวงพ่อ ยังบวชได้ไม่ถึง 10 พรรษา หลวงพ่อณรงค์ จัดสร้างวัตถุมงคลเพียงไม่กี่รุ่น เช่น เหรียญรุ่นแรกปี 2495 เหรียญรุ่นลุงหลาน ปี2518 เหรียญรุ่นเสกตะบัน เหรียญรุ่นสร้างตะบัน พระสมเด็จหลังรูปหลวงพ่อ พระผงรูปหลวงพ่อ เหรียญหนุมาน เป็นต้น พระเครื่องของท่านจะมีประสบการณ์เยี่ยมด้านคงกระพัน แคล้วคลาด

    เป็นเหรียญรุ่นสุดท้ายที่หลวงพ่อทำขึ้น โดยรวบรวมตะกรุดทุกดอกที่ได้จากลุง (หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อณรงค์ท่านเป็นหลาน และยังได้เรียนวิชาจากหลวงปู่ศุขอีกด้วย) ตลอดจนแผ่นยันต์ที่หลวงพ่อจารแล้วลบถมอีกเป็นจำนวนมาก ปั๊มแล้วจึงนำมาเศก เป็นเหรียญรุ่นที่มีประสพการณ์มากๆ รุ่นหนึ่ง ของหลวงพ่อเนื่องจากสร้างเป็นจำนวนมาก และหลายรูปแบบ และหลายเนื้อ แต่ที่นิยมจะเป็นเนื้อตะกั่วมากกว่าเนื้ออื่น ผมได้ถามคุณลุงท่านหนึ่งท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อว่า ถ้าหาตะกรุดไม่ได้ ใช้วัตถุมงคลรุ่นไหนดี คุณลุงได้ตอบว่า ใช้เหรียญเนื้อตะกั่วรุ่นนี้ได้เลย หลวงพ่อท่านดังเรื่องบู๊มากๆ เพราะท่านเป็นทหารเก่ามาก่อน ไม่ว่าจะเป็น คงกระพัน แคล้วคลาด มหาอุด ท่านทำได้ทั้งหมด ตลอดจน เมตตามหาเสน่ห์ ท่านก็ไม่แพ้ใครในย่านนั้น จนมีเรื่องเล่าว่าเด็กวัดหนัง กับ เด็กวัดมะเกลือ ตีกันทีไรกินกันไม่ลงสักครั้ง ต่างอยู่คงกันทั้งนั้น นักเลงในย่าน ดาวคะนอง จอมทอง บางขุนเทียน ในคอนอกจากวัดหนังแล้ว ต้องมีหลวงพ่อณรงค์พกกันแทบทุกคน ไม่ตะกรุด ก็ต้องมีเหรียญ ถ้าท่านใดผ่านย่านนั้นลองสอบถามประสพการณ์ดูได้

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญสร้างตะบันเนื้อตะกั่ว ให้บุชา 600 บาทครับ สวยเดิมๆสภาพนี้หายากแล้วครับ

    ลพ.ณรงค์.jpg ลพ.ณรงค์หลัง.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,191
    ค่าพลัง:
    +21,324
    หลวงปู่แบน จนฺทสโร แห่งวัดพุน้อยชัยมงคล ต.ชอนม่วง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี พระเกจิอาจารย์ต้นตำรับแห่งการปลุกเสก สร้าง “เรือแม่ตะเคียนทอง” ที่โด่งดังที่สุด เนื่องจากในอดีตกาลที่หลวงปู่แบนยังเป็นฆราวาส ได้อาศัยประกอบอาชีพค้าขายอยู่ในเรือสำปั้น ล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอดีตหลวงปู่แบนท่านชอบเรียนวิชาคาถาอาคม ครั้นเมื่อมาบวชเป็นพระท่านจึงได้แตกฉานในวิชาแขนงนี้จนมีชื่อเสียงโด่งดัง
    ประมาณ พ.ศ.๒๕๑๖ หลวงปู่แบนท่านก็ได้รับถวายต้นตะเคียนทองต้นใหญ่จากชาวบ้านซึ่งขุดพบฝังอยู่ในดินเป็นเวลานับร้อยๆ ปี โดยมีรุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ในต้นตะเคียนทอง ครั้นเมื่อไปถึงหลวงปู่แบน ท่านก็อัญเชิญวิญญาณของแม่ตะเคียนทองซึ่งเป็นรุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ในต้นตะเคียนทอง ให้มาสร้างบารมีอยู่ที่วัดพุน้อยด้วย หลังจากนำเอาตะเคียนทองใหญ่มาไว้ที่วัดพุน้อย ก็ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น เมื่อญาณของแม่ตะเคียนทองเข้าไปในนิมิตของหลวงปู่แบนว่า “อยากจะร่วมสร้างบารมีบุญกับหลวงปู่ด้วย !!!” โดยแม่ตะเคียนทองได้ขอให้หลวงปู่แบนเอาต้นตะเคียนทองที่ตนอาศัยอยู่นั้นมาทำเป็นเรือแม่ตะเคียนทอง เพื่อหลวงปู่จะได้นำเรือนี้ไปช่วยเหลือผู้คนในด้านทำมาหากิน ค้าขายให้เจริญรุ่งเรืองขึ้น

    ด้วยนิมิตดังกล่าว หลวงปู่แบน จนฺทสโร ก็นำเอาตะเคียนทองใหญ่นั้นมาทำเป็นเรือสำปั้น ปลุกเสกด้วยคาถาเมตตาทำมาหากินคล่อง และอัญเชิญญาณบารมีแม่ตะเคียนทองนี้ไปอยู่ด้วย (ซึ่งเป็นรุกขเทวดา) ได้สถิตอยู่ในเรือทุกลำ ครั้นเมื่อญาติโยมผู้ใดอยากจะได้ไปบูชาก็ต้องทำพิธีรับเรือด้วยตนเอง และอัญเชิญบารมีแม่ตะเคียนทองนี้ไปอยู่ด้วย เพื่อจะได้ช่วยดลบันดาลให้กิจการงาน ทำมาหากิน ค้าขาย เจริญรุ่งเรืองประสบผลสำเร็จ ซึ่งก็เป็นที่ฮือฮาอัศจรรย์จริงๆ เพราะถ้าหากว่าใครสามารถที่จะยกเรือขึ้นได้วัดจึงจะให้บูชาไป ถ้าหากใครยกไม่ขึ้น วันหลังถึงค่อยมายกใหม่ หรือจนกว่าจะยกขึ้นวัดจึงจะให้บูชาไป ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่าแม่ตะเคียนทองเขายังไม่ยอมให้เรา หลวงปู่แบนท่านว่าอย่างนั้น

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของที่มาบทความข้อมุลอย่างสุงครับ
    http://www.komchadluek.net/news/knowledge/220360

    รูปถ่ายอัดกระจกหลวงพ่อแบน วัดพุน้อย ให้บูชา 300 บาทครับ

    ลพ.แบน.jpg ลพ.แบนหลัง.jpg
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,191
    ค่าพลัง:
    +21,324
    คชสารหนุมาน อาจารย์ธิ วัดพระยาญาติ บางปะอิน อยุธยา

    ท่านเป็นพระอาจารย์สักยันต์ วัตถุมงคลท่านสวยงดงามเข้มขลังไม่ค่อยพบเห็นลองหาอานประวัติท่านดูกันนะครับ

    ให้บูชา 800 บาทครับหายากครับสร้างไม่เยอะส่วนมากศิษย์เก็บติดตัวกันหมด
    หนุมานคฃสาร.jpg หนุมานคฃสารหลัง.jpg
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,191
    ค่าพลัง:
    +21,324
    หลวงพ่ออินเทวดา วัดราษฎร์รังสรรค์ (วัดใหญ่ตาอิน) พระประแดง สมุทรปราการ ผู้ทรงวิทยาคม
    หลวง พ่ออิน ท่านเกิดในครอบครัวชาวสวน บิดาของท่านชื่อ เปล่ง เทศเนตร มารดา ชื่อ แช่ม ท่านเกิดวันอาทิตย์ แรม ๑๒ ค่ำเดือน ๗ ปีวอก ตรงกับวันที่ ๗ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๓๙ บิดาให้ชื่อบุตรคนแรกนี้ว่า อิน เทศเนตร ในวัยเยาว์ท่านไม่ได้รับการศึกษาจึงทำให้ท่านไม่รู้หนังสือ แต่ด้วยสติปัญญาและปฏิภาณไหวพริบอันเป็นเลิศ ท่านสามารถจำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ เมื่อท่านเจริญวัยจนอายุได้ ๒๐ ปี ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดกองแก้ว บวชอยู่ระยะหนึ่งจึงสึกออกมาช่วยบิดาทำสวน ต่อมาท่านได้สมรสกับ นางแดง ช้างแก้ว มีบุตรด้วยกัน ๕ คน นายอิน เทศเนตร มีฝีมือทางช่างตัดผมได้เที่ยวรับจ้างตัดผมให้แก่ชาวบ้านทั่วไปในระแวกหมู่ บ้านใกล้เคียง การแต่งกายของท่านไม่เหมือนกับบุคคลทั่วไป ท่านชอบสวมใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ปุปะขาดวิ่น ในช่วงที่ท่านตระเวนรับจ้างตัดผมนั้น ท่านได้ใช้เวลาว่างสึกษาวิทยาการ จากอาจารย์ของท่านได้แก่หลวงปู่ต่วน(พระครูวิบูลธรรมคุต) แห่งวัดกองแก้ว ในด้านคาถาอาคม หลวงพ่อวงษ์ วัดปริวาสในด้านกรรมฐานวิปัสนาส่วนหลวงปู่ต่วนสอนในด้านวิชาการ จนมีความรู้แตกฉานในวิทยาคมศึกษาพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าจนเข้าใจในคำสอนนั้นอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะด้านกรรมฐานท่านมีความสนใจมาก มีชาวบ้านบางคนคิดทดสอบท่านโดยให้ตรวจดูดวงชะตา ท่านก็สามารถทายได้อย่างถูกต้องแม่นยำ จนชาวบ้านให้สมญานามท่านว่า “ ตาอินเทวดา” ท่านเป็นผู้ใฝ่รู้ ที่ใดมีสำนักอาจารย์ดีท่านจะไปขอสมัครเป็นศิษย์เพื่อศึกษาวิทยาการจากท่าน อาจารย์เหล่านั้น ทำให้ท่านมีความรู้กว้างขวางขึ้น ตามปกติแล้วถ้าว่างจากภารกิจท่านมักไปนั่งกรรมฐานที่บริเวณเนินดินที่มีเป็น วัดร้างเก่าแก่ที่เรียกกันทั่วไปว่า “ ป่าวัดใหญ่ไ วันหนึ่งขณะที่ท่านกำลังนั่งกำหนดจิตให้เป็นสมาธิอยู่นั้นก็บังเกิดนิมิต ขึ้น เห็นพระพุทธรูปองค์งาม ต่อมาท่านได้ถวายนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “ หลวงพ่อใหญ่สัมมกะโท” ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระวิหารจนกระทั่งทุกวันนี้ ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๔๙๙ ท่านได้อุปสมบทอีกครั้งหนึ่งเป็นการเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์อย่างถาวร มีนามทางเพศบรรชิตว่า “ อิน ฉายา อินทญาโน” ท่านได้บูรณะบริเวณเนินดินที่เป็นวัดร้างนั้นให้เป็นที่พำนักของสงฆ์และให้ ชื่อว่า “ สำนักสงฆ์วัดใหญ่ตาอิน” ท่านได้สร้างศาลา กุฏิสงฆ์ สร้างวิหารเพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อใหญ่สัมมกะโท โดยท่านได้ตั้งชื่อวิหารนี้ว่า “ วิหารหลวงพ่อใหญ่ นิมิตสัมมะโท สลักวิหารตะวันวิหารสีนิลบำรุงปิ่นปกตลกนัก” แรกเริ่มไม่มีอุโบสถเพื่อใช้ทำสังฆกรรมหลวงพ่ออินท่านได้สร้างโบสถ์เล็ก ๆ ขึ้นหลังหนึ่งโดยมีน้ำล้อมรอบเป็นเขตวิสงคามสีมาให้ชื่อว่า “ โบสถ์น้ำ” ต่อมามีพระสงฆ์มากขึ้นจึงมีพุทธศาสนิกชนผู้เลื่อมใสศรัทธาได้ร่วมกันสร้าง กุฏิและศาลาต่าง ๆ และที่สำคัญได้ร่วมกันสร้างอุโบสถขึ้นและได้รับอนุญาตพระราชทานวิสุงคามสีมา ถูกต้องตามระเบียบประเพณีและได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ วัดราษฎร์รังสรรค์” ในปัจจุบัน หลวงพ่ออิน อินทญาโน เริ่มอาพาธด้วยโรคทางเดินหายใจในปี 2520 ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลหลายครั้งจนทั้งนี้น่าจะเกิดจากความชราภาพในที่สุดท่านก็ละสังขารไปด้วยอาการอันสงบเมื่อวันพฤหัสบดี กลางเดือนสี่ ปีพุทธศักราช ๒๕๒๑ สิริรวมอายุได้ ๘๒ ปี
    วัตถุมงคลสมัยท่านยังมีชีวิตอยู่

    หลวงพ่อสดสอนธรรมกายให้ตาอิน เทวดา
    ในสมัยก่อน ก่อนปีสองพันห้าร้อย จะมีพวกนักสิทธิ์ที่เก่งกล้าในวิทยาคมมาก และจะทำตัวเหมือนคนสติไม่ดี ตระเวณไปทั่ว แต่เมื่อจำเป็นจะแสดงฤทธิ์อันอัศจรรย์ขึ้นมา เหมือนหลวงพ่ออิน เทวดา เมื่อตอนเป็นฆราวาส ก็แต่งตัวกระเร้อกระรัง แต่ทั้งด้านพลังจิต การแสดงฤทธิ์ของท่าน เป็นที่เลื่องลือของคนพระประแดง แอดมิน ไปอ่านเจอข้อความนี้ แล้วชอบมาก จึงขอนำมาลงให้แฟนเพจได้อ่านกัน
    ในสมัยที่ หลวงพ่อสด จนทฺสโร หรือ พระมงคลเทพมุนี หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มีชื่อเสียงและกิตติคุณไพศาลยิ่ง ด้วยเป็นผู้ค้นพบวิชาพระธรรมกาย และได้เผยแผ่วิชานี้

    จนมีพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา พากันมาขอเรียนวิชาธรรมกายปราบมารนี้ จนแน่นขนัดบริเวณวัดทุกเมื่อเชื่อวัน

    อีกทั้งมีศิษย์ที่เป็นโยมอุปฐากวัด ทั้งที่เป็นข้าราชการระดับสูง ทั้งขุนทหาร ตำรวจ และข้าราชการศาลยุติธรรม เจ้าสัว มหาเศรษฐี ตลอดจนผู้มีหน้า มีตาในวงสังคมชั้นสูงอีกจำนวนมาก มากราบฝากตัวเป็นศิษย์

    วัดปากน้ำ ณ เวลานั้น จึงคราคร่ำ แน่นเนืองไปด้วยผู้คน ราวกับวัดมีงานรื่นเริงอยู่ตลอดเวลา

    วันหนึ่ง เมื่อหลวงพ่อวัดปากน้ำ ฉันเพลเสร็จ และบอกกรรมฐานให้กับผู้ต้องการขึ้นวิชาธรรมกายปราบมาร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ก็ถึงเวลาที่ท่านรับแขก คือสงเคราะห์ญาติโยม เมื่อหลวงพ่อท่านนั่งอยู่ ณ ที่ใด ที่นั้นย่อมเต็มไปด้วยผู้คน ทั้งที่เป็นโยมวัด โยมอุปฐาก แขกผู้มาเยือน ตลอดจนชาวบ้าน พากันเบียดเสียดเพื่อรอชมบารมีท่านไม่ห่างตา

    ที่เชิงบันไดขึ้นศาลาใหญ่ ที่หลวงพ่อวัดปากน้ำนั่งรับแขกอยู่นั้น มีชายชราผู้หนึ่งเนื้อตัวสกปรกมอมแมม ผมเผ้ารุงรัง ใส่หมวกผ้าใบเก่า

    เสื้อผ้าล้วนแล้วแต่ นุ่งห่มด้วยเสื้อผ้าขาดๆ ปะปุรอบตัวปากแดงด้วยเลอะคราบหมาก ลักษณะท่าทาง เสื้อผ้า เหมือนขอทานไม่มีผิดเพี้ยน

    กำลังแหวกคน ขอทางเพื่อขึ้นไปกราบหลวงพ่อวัดปากน้ำ เมื่อชายขอทานเดินผ่านหน้าใคร หญิงชาย คนชรา รวมทั้งเด็กเล็ก เด็กโต ต่างพากันรีบหลีกเป็นช่องให้ เพราะรังเกียจ และกลัวความสกปรก จะมาพาลติดตัว

    แต่แปลก ที่ชายชราขอทานผู้นี้ กลับไม่มีกลิ่นตัว เหม็นสาบ เหม็นสางเลยแม้แต่น้อย

    ใบหน้าชายชราอิ่มเอิบ ยิ้มย่องผ่องใส แววตาฉายแววประหลาดลึกซึ้ง ชายหนุ่มหลายคน ที่ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย รีบกางมือห้ามไม่ให้ขึ้นไปบนศาลา

    “คนบ้า ไปเสียให้พ้น ๆ” บ้างก็ว่า

    “ถ้าปล่อยให้เข้าพบหลวงพ่อ แล้วเกิดคุ้มคลั่ง จะว่า อย่างไร ไม่น่าไว้ใจ”

    แต่ชายชรา กลับแสดงอาการนอบน้อมยกมือไหว้ ขอเข้าพบหลวงพ่อวัดปากน้ำ หลายคนชี้ชวนกันดู พลางพูดว่า ดูซิ บารมีของหลวงพ่อวัดปากน้ำนี่ท่านดีจริง

    แม้แต่คนบ้าก็ยังดั้นด้นมากราบท่านเลย คนแก่หลายคนสงสาร ขอให้เจ้าหน้าที่วัด ช่วยหลีกทางให้ชายขอทานนี้ ได้พบหลวงพ่อวัดปากน้ำสมดังความตั้งใจด้วย

    สายตาของทุกคู่ บนศาลาการเปรียญ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญวันนั้น พากันจ้องมองชายขอทานคนนี้ เป็นตาเดียว มีแต่หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ เท่านั้นที่ยิ้มที่มุมปาก

    เมื่อชายขอทานชรา มาอยู่ตรงหน้าหลวงพ่อสด วัดปากน้ำแล้วก็ก้มลงกราบงาม ๆ 3 ที พอเงยหน้าขึ้น ก็บอกกับหลวงพ่อว่า

    “ผมชื่ออิน จะมาขอเรียนวิชาธรรมกายด้วยคน”

    หลวงพ่อวัดปากน้ำ รินน้ำชาส่งให้ พร้อมกับบอกว่า

    “อินเอ๊ย จะมัวซ่อนร่างอยู่ทำไม จงทำร่างให้ปรากฏตามความจริง ให้ถูกต้องเสียเถิด คนเขาจะได้รู้ตามความเป็นจริงเสียที”

    ตาอิน อมยิ้ม สอบถามหลวงพ่อสด ถึงวิชาธรรมกาย ซึ่งท่านก็ตอบข้อสงสัยให้จนเสร็จสิ้น

    ถ้าใครเคยฝึกวิชาธรรมกายชั้นสูง ก็จะรู้ว่า คำถามของขอทานอิน กับคำตอบของหลวงพ่อสดนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นข้ออรรถ ข้อธรรม ในวิปัสสนาชั้นสูงทั้งสิ้น

    แสดงให้เห็นถึงภูมิรู้ของผู้ถาม และแสดงให้เห็นภูมิธรรม ของผู้ตอบ อย่างชัดเจนที่สุดว่าต่างก็เป็น นักวิปัสสนาชั้นยอดด้วยกันทั้งคู่

    บ่ายคล้อย ตาอินเสร็จสิ้นคำถาม ได้กราบลาหลวงพ่อสด กลับบ้านที่พระประแดง

    ตอนนั้นศิษย์รุ่นเก่าที่เข้าถึงธรรมกายของหลวงพ่อสด พากันยกมือไหว้ คุณตาอินกันทุกคน

    และถ้าจะมีใครเดินตามขอทานอิน หรือตาอิน หรือคุณตาอิน ไปเพื่อซักถามประวัติ ความสนใจในวิปัสสนา และอภิญญาจิตของตาอินแล้ว ละก็เขาก็จะได้รู้ว่า ตาอินผู้นี้ อีกไม่ช้าไม่นาน ก็จะมีคนรู้จักในนาม

    หลวงพ่ออิน เทวดา หรือหลวงพ่ออิน ตาทิพย์ แห่งวัดใหม่ตาอินทร์ หรือวัดราษฎร์รังสรรค์ ต.บางกระเจ้า อ.พระปะแดง จังหวัดสมุทรปราการ

    ผู้ที่มรณภาพแล้ว ร่างกายไม่เน่าไม่เปื่อย และเป็นพระอภิญญาจารย์ ผู้มีฤทธิ์ ดุจพระอรหันต์ จี้กง นั่นเอง

    15871899_1085948631527015_1560946396508868309_n.jpg
    15823411_1085948911526987_2896865522560009424_n.jpg
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียยรุ่น๓หลวงพ่ออิน ให้บูชา 300 บาทครับ

    ลพ.อิน.jpg ลพ.อินหลัง.jpg
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,191
    ค่าพลัง:
    +21,324
    เบอร์บัญชีผมครับ
    เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu
    โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบหรือทางPMแล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    ติดต่อได้ที่ 08..1.70..4..72..64
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,191
    ค่าพลัง:
    +21,324
    พระอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร

    จากหนังสือ "วิญญาณมีจริงหรือ" เล่มที่ ๑๑

    โดยคุณทองทิว สุวรรณทัต

    bar-1s.jpg

    สืบเนื่องจากเรื่อง "เบื้องหลังท่านอาจารย์ศรีนวล มรณภาพ” แต่เรื่องนี้จะจบบริบูรณ์ไม่ได้ถ้าไม่กล่าวถึง "พระอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร" เพราะอาจจะมีผู้อ่านบางท่านสงสัยว่า พระอาจารย์ซ่วนคือท่านผู้ใด ? มีคุณธรรมวิเศษขนาดไหน ? จึงสามารถทำนายทายทักคุณสมบูรณ์ ฦาไชยได้ถูกต้องทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย ทั้งยังพูดถึง "เจ้าแม่พระนางจามเทวี" ได้ตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแก่ท่านอาจารย์ศรีนวล ในเวลาใกล้เคียงกันอย่างที่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นเช่นนั้นได้

    ด้วยเหตุการณ์นี้ ผู้เขียนขอยกเอาบทความที่ท่าน "อาจารย์เสริมศรี เกษมศรี" (ถึงแก่กรรมไปแล้ว) ได้เขียนในหนังสือ "กตัญญุตานุสรณ์ ๒๕๒๔" เรื่อง "พระอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร วัดท่าลาดใต้ อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา" นำมาลงเพื่อท่านผู้อ่านทั้งหลายจะได้หายสงสัยดังต่อไปนี้

    "คุณวาริณี องคสิงห์ เพื่อนของคุณเสริมศรี นำไปนมัสการ ท่านอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร ในตอนแรก ๆ เสริมศรีเห็นท่านเป็น "พระหมอดู" จึงไม่ใคร่สนใจเท่าไรนัก ต่อมาตอนที่เสริมศรีจะขึ้นบัญชีท่านเป็นอาจารย์รูปที่ ๑๕ คือตอนที่ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ราชสุดา จะเสด็จไปวางศิลาฤกษ์โบสถ์วัดท่าลาดใต้ พวกคุณวาริณีซึ่งมีเสริมศรีรวมอยู่ด้วยได้ไปช่วยจัดการรับเสด็จ พวกเราไม่ทราบจะไปพักแต่งตัวเครื่องไทยรับเสด็จเจ้านายที่ไหนดี

    ท่านอาจารย์ซ่วนตัดสินง่าย ๆ ให้ไปแต่งตัวที่กุฏิของท่านซึ่งเป็นกุฏิเล็ก ๆ ให้ลูกศิษย์เปิดให้พวกเรา ตัวท่านมัววุ่นจัดการงานอยู่ทางอื่น เราจึงได้ไปเห็นภายในกุฏิของท่านซึ่งผิดกับกุฏิของพระรูปอื่น ๆ ที่เคยเห็นมา คือไม่มีข้าวของอะไรมาก อยู่อย่างง่าย ๆ เตียงนอนของท่านมีแต่พรมน้ำมันปู หมอน ผ้าห่ม

    ลูกศิษย์บอกว่า ท่านฉันอาหารวันละมื้อเดียวตอน ๑๐.๐๐ น. บางวันมีคนมาขอให้ท่านช่วยมากรายด้วยกันท่านก็เลยไม่ได้ฉันก็มี เสริมศรีจึงนับถือว่าท่านเป็นนักบวชที่ดีคือ เป็นอยู่อย่าง่ายและไม่สะสมของ ท่านเป็นคนพูดตรงไปตรงมา ใครพูดไม่เข้าท่า ท่านก็ดุอย่างไม่ไว้หน้า เสริมศรีเคยเรียนถามท่านตรง ๆ ว่าท่านสร้างรูปปั้นปูนต่างไว้เพื่ออะไร ? ท่านก็ตอบว่า ไม่สร้างไม่ได้ มันร้อนวิชา คนเขามีเรื่องมาหาขอให้ช่วยอะไร ๆ เรื่องของเขามันจะต้องแก้ด้วยอะไรก็ต้องบอกให้เขาทำ เขาก็ทำไว้ที่วัดนี้ ท่านไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อแสดงบารมีของท่านเองเลย !

    "บอกเหตุกันภัย"

    ตอน พ.ศ. ๒๕๑๕ พี่ส่องศรี เทพหัสดิน ชวนเสริมศรีกับคุณหมอเทียมจันทร์ไปนมัสการท่านอาจารย์ซ่วน เช้าวันนั้นท่านเล่าเรื่องพระสงฆ์ตามวัดบ้านป่า แม้ในจังหวัดฉะเชิงเทราและใกล้เคียงนี้ พระไม่มีพระพุทธรูปจะบูชา ต้องแกะสลักท่อนไม้เป็นพระพุทธรูปตามแต่จะทำได้ ที่ส่องศรีกล่าวว่าจะสร้างพระพุทธรูปถวายบ้าง ท่านให้พี่ส่องศรีจุดธูปกล่าวคำถวายพระพุทธรูปขนาดสองศอกเศษต่อหน้า "หลวงพ่อโยก" พระประธานในวิหารนั้นของท่าน เสริมศรีนึกตำหนิท่านว่า ท่านรวบหัวรวบหางเกินไป พอเขาแสดงความสนใจก็ให้กล่าวปฏิญาณตนทันที ฝ่ายคุณหมอเทียมจันทร์ ก็ให้ท่านตรวจดูดวงชะตาให้ ท่านบอกว่าชะตาร้ายอาจถึงตาย มีดีเหลือ ๕ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ถ้าไม่ตายคราวนี้จะได้งานที่ในต่างประเทศ ได้เงินแพงกลับมา คุณหมอเทียมจันทร์นำยาต่าง ๆ ไปถวายท่านด้วย

    บ่ายวันนั้น พวกสามสาวแก่เสร็จธุระที่ฉะเชิงเทราแล้ว ยังมีเวลาเหลือจึงชวนกันไปอ่างศิลาจนกระทั่งประสบอุบัติเหตุ สามสาวพากันซี่โครงหัก คอเกือบจะหัก แต่ละคนซี่โครงหักคนละสองซี่

    ครั้นเสริมศรีหายเจ็บ ขับรถได้แล้วจึงได้ไปเยี่ยม คุณวาริณี องคสิงห์ ที่บ้านเธอ ฝั่งธนบุรี เล่าเหตุการณ์ที่น่าหวาดเสียวให้เธอฟัง พร้อมกันแสดงความประหลาดใจว่า "ทำไมจึงไม่มีใครตายไม่ทราบ ?"

    คุณวาริณีนั่งสงบนิ่งสักครู่แล้วพูดว่า "เห็นรถคันที่ไปวันนั้น มีพระแก่ ๆ นั่งไปบนหลังคารถ สักครู่ได้เห็นพระพุทธรูปองค์โตมากและจิตรู้ขึ้นมาว่า ใครคนหนึ่งเคยทำบุญกับพระอรหันต์มาแล้ว" กุศลเหล่านี้จึงช่วยไม่ให้มีคนตายเพราะอุบัติเหตุนั้น

    เสริมศรีก็เรียนคุณวาริณีว่า ตนอาราธนาหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดไปพิทักษ์รักษา พี่กลางถูกท่านอาจารย์ซ่วนเกณฑ์ให้กล่าวปฏิญาณว่า จะถวายพระพุทธรูปองค์สองศอกเศษ ส่วนคุณหมอเทียมจันทร์นั้นจะต้องไปซักไซ้ไล่เลียงต่อไป

    ต่อมาได้ถามคุณหมอเทียมจันทร์ว่า เคยทำบุญกับท่านอาจารย์ซ่วน ไหม ?"

    เธอตอบว่า เธอเคยถวายยา ท่านประทานเหรียญรูปท่านมาหนึ่งเหรียญพร้อมกับสั่งว่า ถ้าไปดื่มสุราก็อย่าให้นำพระนี้ไปด้วยเลย

    เมื่อค่ำวันก่อนเดินทาง คุณหมอเทียมจันทร์มีแขกพิเศษเป็นแหม่มมาจากเมืองเยอรมัน จึงพาไปเลี้ยงค็อกเทล ดังนั้นวันที่เกิดเหตุ เหรียญท่านอาจารย์ซ่วนอยู่ในพวงกุญแจรถยนต์แทนที่จะอยู่ในตัวคุณหมอเทียมจันทร์

    เสริมศรีสำนึกผิดขึ้นมาว่า ตนได้ตำหนิท่านอาจารย์ซ่วนไว้ดังกล่าวมาแล้ว เราไม่ควรตำหนิท่านเลย ท่านอาจารย์รู้อะไรล่วงหน้าแต่บอกเราไม่ได้จึงจัดพิธี "รวบหัวรวบหาง" เช่นนั้นเพื่อคุ้มครองพวกเราทั้งรถ

    ตอนนี้เสริมศรีได้เปลี่ยนทัศนคติอย่างสำคัญ คือก่อนนั้นไม่ค่อยเลื่อมใสในการสร้างพระพุทธรูปเท่าไรนัก เหตุผลก็คือที่บุพการีของเราแต่ก่อนท่านสร้างพระพุทธรูปไว้ มีอยู่มากแล้ว

    เชื่อว่าพระพุทธรูปแต่ละองค์มีเทพรักษาอยู่ ถ้าสร้างขึ้นมาใหม่อีกเกรงว่าเทพจะรักษาหรือไม่ ชักไม่แน่ใจ เมื่อได้ฟังคุณวาริณีพูดดังกล่าว จึงเกิดความเลื่อมใสในการสร้างพระพุทธรูปขึ้นมาว่า เพียงแต่ประกาศบอกกล่าวว่าจะสร้างพระพุทธรูปขนาดนั้น ๆ ก็ยังมีอานุภาพคุ้มครองรักษาชีวิตพวกเราได้

    พร้อมกันนั้น ก็ระลึกถึงความผิดบาปของตนที่นึกตำหนิท่านอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร ในวันนั้นด้วย จึงได้ชวนพี่ไปนมัสการท่าน กล่าวขอประทานอภัย ขออโหสิกรรมอย่าให้มีภัยเวรต่อไปเลย ท่านก็อภัยให้"

    "วิญญาณพี่ชาย"

    ภายหลังที่ได้ทำพิธีถวาย "ศาลากรรมฐาน" ที่วัดจันทารามเพื่อพระศาสนาแล้ว พอถึงวันวิสาขบูชา คณะผู้ทำงานพระธาตุจอมกิตติ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ได้พากันไปนมัสการพระธาตุจอมกิตติ คราวนี้คณะได้นิมนต์พระอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร ไปด้วยเพราะท่านเคยไปครั้งพระธาตุจอมกิตติยังทรุดโทรม เอียงอยู่รอวันพังเท่านั้น บัดนี้พวกเราได้ช่วยกันบูรณะแล้ว

    ท่านอาจารย์ซ่วนได้ชวนท่านอาจารย์เดชไปด้วยอีกรูปหนึ่ง ขากลับจากเชียงแสน รถบัสที่พวกเรากลับนั้นถึงกรุงเทพ ฯ ดึกมาก พี่หมออวยกับพี่พงศ์พูนเกษม (พ.ต.อ. หม่อมราชวงศ์ พงศ์พูนเกษม เกษมศรี) จึงนัดกันว่า พี่หมออวยจะนิมนต์ท่านอาจารย์ซ่วนกับท่านอาจารย์เดฃไปพักค้างคืนที่บ้านพี่หมอ รุ่งขึ้นพี่พงศ์จึงมารับพระท่านไปส่งที่วัดท่าลาดใต้ อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทราเพราะบ้านพี่พงศ์ก็อยู่ถึงปากน้ำเหมือนกัน

    คืนนั้น พวกผู้หญิงที่บ้านพี่หมออวยพากันไปนอนที่โรงเรียนสวนบัวหมด เหลือแต่พี่หมออวยกับพระสองรูปพักที่บ้านเท่านั้น

    วันรุ่งขึ้น พวกเรามีคุณวาริณี องคสิงห์ รวมอยู่ด้วยได้จัดอาหารถวายพระทั้งสองรูป ท่านฉันเสร็จแล้วจึงมานั่งสนทนากับพวกเรา ท่านอาจารย์ซ่วนเล่าว่า เมื่อเวลาตี ๔ ท่านลุกขึ้นสวดมนต์ทำสมาธิเช่นเคยในห้องพระของพี่หมอ ครั้งนี้มีผู้มาหาท่านสองราย ท่านถามพี่หมอส่งศรี เกษมศรีว่า "คุณโยมมีญาติผู้ใหญ่ผู้ชายคนหนึ่งตายด้วยโรคหัวใจไหม เป็นชั่วโมงเดียวตายบ้างไหม ?

    ท่านผู้นี้เป็นผู้ใหญ่แล้วก็จริงยังสมาร์ทอยู่ มาพูดกับอาตมาว่า ได้ตามพวกเราไปทำบุญที่พระธาตุจอมกิตติด้วย แล้วก็ตามมานี่ ด้วยอยากจะให้อาตมาบอกคุณโยมว่า เขาเป็นพี่ชายคุณโยมสองคนนี้ กับอีกคนหนึ่งที่ไม่อยู่ที่นี่ เขาเป็นพี่ชายก็สำนึกในหน้าที่ว่าต้องดูแลน้องตลอดจนทรัพย์สินอะไรต่าง ๆ ไม่เคยนึกว่าน้อง ๆ จะคิดถึงคุณเขา แล้วน้องหญิงทั้งสามคนได้นำทรัพย์มรดกที่ได้ ไปสร้างกุฏิถวายวัดที่อยู่ริมน้ำ อุทิศส่วนกุศลให้เขา เขาให้อาตมาเห็นกุฏินั้นด้วย

    เขาเล่าต่อไปว่า ตัวเขาเองเคยบวชเรียนแล้วแต่เขากลับไม่เลื่อมใสในพระสงฆ์ จึงมิได้ทำบุญกับพระสงฆ์แต่ได้ช่วยเหลือคนยากด้วยเมตตา เขาไม่ทำบาป เขาตายไปแล้วก็อยู่สบายดีแต่ไม่มีที่อยู่อาศัยจนกระทั่งน้อง ๆ สร้างกุฏิถวายวัดอุทิศกุศลให้เขา เขาจึงมีที่อยู่สบายมาก" *๑๐

    พี่หมอส่งศรีกับเสริมศรีระลึกได้ทันทีว่า นี่คือพี่ระพีของเรา (ม.ร.ว. ระพีพันธุ์ เกษมศรี) พี่ชายที่ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๓ เสริมศรีร้องไห้โฮ เพราะวิธีคิด วิธีพูดอย่างที่ท่านอาจารย์ซ่วนบอกนั้นเป็นอย่างเดียวกับพี่ระพีพันธุ์ ! และนาน ๆ ท่านจะได้พบพวกเราสักที ท่านไม่เคยรู้เรื่องของพวกเราด้วย

    "คลื่นกระทบฝั่ง"

    เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๐ เสริมศรีได้ติดตามพี่หมอทั้งสองไปนมัสการท่านอาจารย์ซ๋วน ปัญญาธโร ยุคนี้ เสริมศรีปลงผมแล้ว ถือศีลแปด แต่งกายนุ่งผ้าถุงสีดำ ใส่เสื้อสีขาวแขนสามส่วนเป็นอุบาสิกาแล้ว ท่านอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร ได้แสดงความยินดีที่เสริมศรีหันเข้าหาธรรมะ ท่านได้สอนเสริมศรีว่า

    "บัดนี้เราได้มาอยู่ในเพศนี้คือผู้ปฏิบัติธรรม จงถือหลักวางตนเป็น "คลื่นกระทบฝั่ง"

    ท่านอธิบายว่า "เรื่องใด เรื่องอะไรที่ใครพูดกับเรา ให้ฟังไว้ พิจารณาดับความเสีย อย่าพูดต่อไปหรืออย่าให้ใครพูดต่อไป เรื่องทั้งหลายจะเรียบร้อยรวดเร็จดังคลื่นกระทบฝั่ง"

    เสริมศรีได้ทดลองปฏิบัติแล้ว ได้ผลดีมากจึงปฏิบัติสืบมาจนทุกวันนี้

    ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

    การที่ผู้เขียนได้นำบทความที่เกี่ยวกับพระอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร ซึ่งเขียนโดย อาจารย์ ม.ร.ว. เสริมศรี เกษมศรี มาลง ณ โอกาสนี้ก็เพื่อให้ท่านผู้อ่านทั้งหลายได้ประจักษ์ว่า "วิญญาณนั้นมีจริง! มิใช่ของพูดกันเล่น ๆ และอีกประการหนึ่ง ก็ด้วยความเคารพในความรอบรู้ของพระอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร ที่ผู้เขียนมีโอกาสไปนมัสการมา โดยความเอื้อเฟื้อของคุณ สมบูรณ์ ฦาไชย เพื่อนของผู้เขียนและได้ประจักษ์แก่ตนเองมาแล้ว ส่วนในแง่ลบที่มีผู้กล่าวถึงท่านนั้น ผู้เขียนขอละเว้นที่จะนำมากล่าวเพราะมิได้รู้และเห็นด้วยตัวผู้เขียนเอง ทั้งไม่อยากจะรู้และเห็นด้วย ทั้งนี้เพื่อประสงค์จะปฏิบัติตนเป็น "คลื่นกระทบฝั่ง" ดังที่ท่านเคยสอน ม.ร.ว. เสริมศรี เกษมศรีไว้

    จึงขอยุติเรื่อง "เบื้องหลังท่านอาจารย์ศรีนวล มรณภาพ” แต่เพียงนี้ ...
    http://www.dharma-gateway.com/misc/misc-thongtue/misc-115.htm
    ขอขอบคุณท่านเจ้ของบทความข้อมูลที่มาอย่างสุงครับ

    เหรียญหลวงพ่อซ่วน ให้บูชา 200 บาทครับ

    ลพ.ซ่วน.jpg ลพ.ซ่วนหลัง.jpg
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,191
    ค่าพลัง:
    +21,324
    ปี 2521 เหรียญสุบินนิมิต หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

    วัตถุมงคลชุดไตรมงคล จัดสร้างโดยวัดเจดีย์หลวง ได้จัดพิธีพุทธาภิเษกที่วัดเจดีย์หลวง โดยมีหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม.เป็นประธานจุดเทียนชัยและคณาจารย์นั่งปรกปลุกเสกดังนี้
    1.หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม.
    2.หลวงปู่คำแสน คุณาลังกโร วัดป่าดอนมูล เชียงใหม่
    3.หลวงปู่คำมี พุทธสาโร วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ลพบุรี
    4.ครูบาธรรมชัย ธัมมชโย วัดทุ่งหลวง เชียงใหม่
    5.พระอาจารย์ทองบัว ตันติกโร วัดโรงธรรมสามัคคี เชียงใหม่
    6.ครูบาผัด วัดศรีดอนมูล เชียงใหม่
    7.พระอาจารย์ทองอินทร์ วัดสันติธรรม เชียงใหม่
    8.ครูบาจำปี วัดป่าเจริญธรรม เชียงใหม่

    เหรียญสุบินนิมิตได้แกะแบบจากบันทึกมูลเหตุสำคัญที่ทำให้พระอาจารย์มั่นได้พบแก่นแท้ของวิปัสสนากัมมัฎฐาน ในบันทึกกล่าวไว้ว่าระหว่างที่พระอาจารย์มั่นกำลังสงบทำบำเพ็ญเพียรอยู่นั้น ได้นิมิตไปว่าได้มีม้าสีขาวสะอาดตาพาท่านวิ่งไปตามโขดเขาต่างๆ และได้พบกับตู้พระไตรปิฎกออยู่กลางป่า อันเป็นมูลเหตุสำคัญให้ท่านมีความมานะพากเพียรต่อการปฎิษัติอย่างยิ่งจนเป็นที่เคารพนับถือกันอย่างกว้างขวาง
    เหรียญสุบินนิมิต ทางวัดเจดีย์หลวงได้จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระอาจารย์มั่น ที่ได้นิมิตดังกล่าว

    เหรียญหลวงปู่แหวนรุ่นรวมใจสามัคคี เข้าพิธีเหรียญสุบินนิมิต สภาพผ่านการแขวนบูชา ให้บูชาพร้อมเหรียญพิทักษ์เมืองไทย 2 เหรียญ 300 บาทครับ

    ลป.แหวน 1.jpg ลป.แหวน 1หลัง.jpg ลป.แหวน 2.jpg ลป.แหวน 2หลัง.jpg
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,191
    ค่าพลัง:
    +21,324
    เหรียญกรมหลวงชุมพร หน่วยซีลสร้าง
    ให้บูชา 200 บาทครับ

    กรมหลวง.jpg กรมหลวงหลัง.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...