หลงทาง

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 3 พฤษภาคม 2013.

  1. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    สามอย่างที่อาจจะทำให้ผู้ปฏิบัติธรรมหลงทางหรือไม่ก้าวหน้าไปใหนคือ
    ๑ ติดองค์ภาวนา วางไม่ลง พุทโธ สัมมาอะระหัง ยุบหนอพองหนอ
    องค์ภาวนาเป็นอุบายให้จิตเราสงบ เหมือนเราใช้บรรไดข้ามน้ำ เมื่อข้ามไปแล้ว
    เราจะถือบรรไดอยู่ทำไม
    ๒ ติดที่ เวทนา เมื่อน้่งไปนานฯก็เกิดอาารคัน เมื่อย ชา อยากจะลุก
    ง่วงนอน จะหลับบ้าง ทนไม่ใหวบ้าง
    ๓ หลงนิมิต อันนี้เป็นกันมาก เห็นแสงสี ต่างฯ เทวาพรหม พระพุทธเจ้าปลอม
    ยักษ์ นาคา ผี วิญญาณ ต่างฯ

    พึงระวังทั้งสามข้อให้ดีครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      115
  2. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    หลงทางยินดีต้อนรับกลับกระทู้
    ช่วยกันดูเฝ้ากันแลพระศาสนา
    ตามพระธรรมคำสอนองค์สัมมาฯ
    ให้บรรดาชาวเว็บเก็บเอาไป

    สิ่งไหนออกนอกแนวจัดแถวใหม่
    ช่วยกันได้เตือนสติที่ยังหลง
    บอกทางเดินที่มีทางสายตรง
    พุทธองค์ทรงสอนแต่ก่อนมา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04720.JPG
      DSC04720.JPG
      ขนาดไฟล์:
      547.5 KB
      เปิดดู:
      116
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2013
  3. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    พระพุทธเจ้าของเราทรงสอนให้มองดูสิ่งที่ใกล้ตัวก่อนครับ
    อดีตผ่านไปแล้วเราไม่ต้องไปคำนึงถึงมาก ส่วนอนาคตยังไกลเกินไปอย่าไปกังวลนักในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
    ท่านให้มีสัมมาสติอยู่กับปัจจุบันอยู่ทุกขณะจิตครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01369.JPG
      DSC01369.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      100
    • DSC06331.JPG
      DSC06331.JPG
      ขนาดไฟล์:
      609.8 KB
      เปิดดู:
      110
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    "หลวงพ่อสดให้พิจารณาขันธุ์ 5 นี้ต่างหากล่ะ ที่เป็นหนทางสู่ความดับทุกข์..."

    สาธุค่ะ
     
  5. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    คือ

    ตอนเรียน ตามหนุ่ม ไปชมรมพุทธ (ธรรมกายค่ะ หนูบ้าผู้ชายนิดหน่อยค่ะ ๕๕๕๕)
    และเห็นเค้านั่งสมาธิมองตาเป็นคู่ๆ

    นับว่าหลงทาง เหมือนกัน
    แต่ฟังเทปแม่ชี แล้วแปลก ๆ ใจ
    แล้ว คนที่ชมรมก็พูดช้าๆ เหมือนสะกดจิต ตนเอง
    แต่แววตา ไม่เหมือนคำพูดจา


    ข้าน้อยเลย ห่างชมรมพุทธไปเหมือนกัน(เค้าว่า ข้าน้อยเป็นมารศาสนา ๕๕๕)
     
  6. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    สงกะสัยว่าจะมีพวกเอาธรรมะบังหน้าแบบกระผมเยอะล่ะสินะ....
    พอจะได้ทิพยจักขุญาณบ้าง ช่วงกำลังร้อนวิชา ก็มีขอไปดูแม่ชี กับหลวงพ่อ และท่านอื่นๆในวัดด้วยนะ...ไม่น่าเชื่อ...ได้แต่บอกว่า...เสียดาย เสียดาย 10 ทีเลย...มาว่าเรื่องหลงทางเราต่อดีกว่า...กระทู้นี้ไม่ค่อยมีเรื่องขำ เพราะหลงไปหลงมา ขำไม่ออก...มีแต่เรื่องทำผิดคิดไม่ดีเต็มไปหมด...
     
  7. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    สำหรับคนที่ฝึกกรรมฐานมานาน...
    จบอสุภกรรมฐาน ยันไป ฌาณ 4 ได้...
    การกอดแฟนตัวเอง ทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน นี่มันร้ายแรงมาก...
    เป็นเรื่องเลวมาก ที่ไม่น่าให้อภัยตัวเอง...
    นั่นมันคืนวันลอยกระทง...ไม่ใช่วาเลนไทน์ ซะหน่อย...
    สิ่งที่รู้สึกขึ้นมาขณะนั้นเลยคือ
    เราขาดสติ...
    แล้ว สติ คือ อะไร...
    ใช่..สติ คือ การระลึกรู้...แล้วรู้แบบไหน จึงเรียกว่า สติ...วันนั้นเกิดไม่รู้เสียแล้ว..
    รู้แต่ว่า สมาธิ ที่ ขาดสติ คุม...ก็เหมือน ให้เด็กถือมีด ถือปืน...
    มันอันตรายเสียแล้ว เราจะฉิบหายเสียแล้ว...

    ไม่รู้ว่าจะไปถามใคร ว่าถ้าจะฝึกสติ ต้องไปฝึกที่ไหน ใครสอน...
    จึงจุดธูป 5 ดอก ปักกลางแจ้ง แล้วอธิษฐาน ต่อพระรัตนตรัย เทพยาดา ครูบาอาจารย์ ขอให้ได้พบกับ ครูบาอาจารย์ที่สอนสติ...

    ว่าแล้วก็เก็บเสื้อผ้า ยัดใส่กระเป๋า ขึ้นรถไป...ไปไหนก็ไม่รู้...ไปมันเรื่อยเปื่อย...แล้วก็มาลงป้ายที่วัดกระโจมทอง...ได้เจอแม่ชี เชื้อ บอกว่าอยากมาขอฝึกสติ....
    แม่ชีบอกว่า ดีเลยคุณ มีพระธุดงค์ รูปหนึ่ง มาพักที่วัด คุณลองไปหาดู...
    ไปเห็นท่านนั่งรอ อยู่หน้ากุฏิ....
    ผมมาขอเรียนสติ...
    หลวงพ่อก็สอนแต่สติ...ถ้าคุณจะฝึก ก็ให้ทิ้งความรู้ที่คุณรู้ทั้งหลายเสีย...ฝึกตามที่บอก...ไม่ต้องสงสัย เพราะถึงหลวงพ่ออธิบายไปอย่างไร คุณก็ไม่เข้าใจอยู่ดี...ลองฝึกดู ถ้าไม่ดีก็เลิก...

    กินมื้อเดียว...
    ไม่ต้องทำวัตร...
    ฝึกในรูปแบบ แต่เน้น การเดินจงกรม รองมาคือ นั่งสมาธิ แนวหลวงพ่อเทียน...วันละ 17-19 ชม.
    นอนไม่เกิน 4 ชม.
    เวลาที่เหลือคือการฝึกนอกรูปแบบ คือ ใน 5 อริยาบทย่อย...

    ฝึกผิดมันอยู่อย่างนั้นแหละ...
    หลวงพ่อสอนถูก....แต่เราเข้าใจผิด...
    หลวงพ่อสอนถูก....เราเข้าใจถูก...แต่เวลาฝึกทำผิด...
    หลวงพ่อสอนถูก....เราเข้าใจถูก...แต่เวลาฝึก ทำผิด...แล้วยังเข้าใจว่าถูก...
    หลวงพ่อสอนถูก...เราเข้าใจถูก...เวลาฝึกก็ทำถูกแล้ว...แต่สำคัญว่าผิด...
    หลวงพ่อสอนถูก...เราเข้าใจถูก...เวลาฝึกก็ทำถูกแล้ว...แต่ไม่รู้ว่าถูกแล้ว...

    จึงกว่าจะรู้ว่าสติ คือ อะไร....
    หลงทางไปหลงทางมา...สิ้นเวลา 45 วัน จึงได้รู้ว่าสติ คือ การระลึกรู้...
    รู้อย่างสติ...ต่างจากรู้ จากสัญชาตญาณ อย่างไร...
    ต่างจากรู้ ตัววิญญาณ อย่างไร...
    ต่างจากรู้ ที่คิดว่ารู้ อย่างไร...
    รู้อย่างสติ...ต่างจากเพ่ง อย่างไร...

    ฝึกตั้งแต่หลวงพ่อ รู้สึกอ่อนใจ จนหลวงพ่อ เห็นว่ามันเอาจริง...
    โง่แต่อึด...
    หลวงพ่อบอกว่า ที่ดิน 100 ไร่ ก็สำเร็จด้วยการขุดเพียงหน้าจอบเดียว...
    ถ้าขุดไปไม่หยุด วันหนึ่ง ที่ดิน 100 ไร่ ก็ต้องขุดไปจนสำเร็จได้...

    วิริเยน ทุกขมัจเจติ ... บุคคลล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร...
    อีกวลีหนึ่งที่หลวงพ่อฝากไว้ให้จดจำคือ...
    "วันคืนล่วงไป ล่วงไป บัดนี้เราทำอะไรอยู่"
     
  8. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    วันคืนล่วงไป ล่วงไป บัดนี้เราทำอะไรอยู่

    ท่านป๋าล้อเล่น มัวเล่น อยู่ :':)':)'(
     
  9. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    พอจะเห็นว่าใช้ได้บ้างแล้ว...หลวงพ่อพระธุดงค์ ท่านจึงพาไปอยู่ สำนักปฏิบัติ ตามป่า ตามถ้ำ นอนกระต๊อบมุงแฝกเล็กๆขนาดก็เป็นไปตามพระวินัยกำหนด...นอนเสื่อ..ไม่มีไฟฟ้า...มีผ้าห่มบางๆเหมือนบนรถทัวร์ผืนหนึ่ง กลดคลุมกันยุง...กาน้ำและแก้วน้ำ...เทียนพรรษา เล่มหนึ่ง...ฝึกไป..ฝึกไป...

    ธรรมดาของปุถุชน...ใครติดเรื่องไหนมาก ก็จะปรากฎเรื่องนั้นๆมากวนใจ...
    ผมติดเรื่อง โมหะ...กามราคะ...นี่เองเป็นเหตุให้พยายามฝึกอสุภะมาแต่รุ่นๆ...
    ระหว่างเดินจงกรม ก็ปรากฎว่าคิดถึงแฟน นึกอยากจะเข้าไปกอด ไปหอมแก้ม...
    เพียงเท่านั้นเอง หลวงพ่อเดินเข้ามาที่ทางจงกรม...พร้อมบอกว่า...
    "การที่เราเจริญภาวนาแล้วเที่ยวไปคิดว่าจะไปกอดไปจูบผู้หญิงนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควร..."

    ความอับอายมันมากมาย จนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ไม่กล้าสบตาหลวงพ่อ
    หลวงพ่อพูดจบก็เดินจากไป...
    ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำความเพียรต่อไป...ทำให้มันมากขึ้น..ทำให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก..

    ยามเมื่อสติทรงตัวแน่น...
    สัมปชัญญะ รู้สึกตัวทั่วพร้อม ตลอดเวลา...
    กลางคืนมันก็ไม่ยอมหลับ...
    เหมือนจะหลับ แต่มันตื่นอยู่ด้วยกำลังสติ ตลอดเวลา...
    ผ่านไปกว่า 2 สัปดาห์...
    ร่างกายมันก็ทนไม่ได้...เป็นคนอื่นคงชินไปแล้ว...แต่ผมไม่ชิน...

    ความจริงผมขอเพียง เข้าสมาธิให้จิตเข้าภวังค์ สัก 15 นาที ก็เพียงพอแล้ว...
    เพียงแต่การฝึกสติ ถือเป็นส่วนหนึ่งของผู้ทำความเพียรเพื่อเข้าสู่ภูมิวิปัสสนา..
    เฉพาะประเทศไทย เขาจะรังเกียจผู้ที่ทำสมถะเหลือเกิน...เขาหาว่าพวกนี้มันโง่...
    แต่ผมไม่ไหวแล้ว...

    สายวันนั้นจึงทำ เป็น นั่งยองๆ ยกกาน้ำเทใส่แก้ว ได้ครึ่งแก้วก็เข้าสมาธิในท่านั้น..
    เข้าภวังค์แล้วดับจิตขณะนั้น เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน กะว่าสัก 15 นาที แล้วเราจะไปเดินจงกรมต่อนะ...
    ไม่ถึง 3 นาที...หลวงพ่อเดินมาหา...ทำให้ได้ยินเสียงว่ามา...
    ต้องออกจากสมาธิทันที...ดื่มน้ำแก้เก้อ...หลวงพ่อรู้...เราก็รู้ว่าหลวงพ่อรู้...
    รอแต่ว่าเมื่อไรจะโดนด่าเท่านั้นเอง.....

    ยามค่ำคืนที่หนาวเย็น ฝนพรำๆ ร่างกายเริ่มมีไข้ ก็หนาวสั่น...
    เจริญสติแล้ว แต่เอาไม่อยู่ มันสั่นไปถึงกะเพาะ ลำไส้...
    มันก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เวทนามันกินหนัก...
    ผ้าห่มบางๆผืนเดียวจะไหวได้อย่างไร...

    ก็ต้องงัดวิชาสมัยเด็กเอามาใช้...
    จับกสิณไฟขึ้นมาเป็นอุคหนิมิต วิตกไว้ว่า ขอให้อากาศรอบกายเรา หนึ่ง ศอก จงอุ่นขึ้น
    แล้วเข้าสมาธิไปสุดกำลัง ถอยออกมา อากาศก็อุ่น ร่างกายหายอาการหนาวสั่นแล้ว..
    จะนอนก็รู้แล้วว่า หลวงพ่อรู้แล้ว...พรุ่งนี้ไม่พ้นคงโดนด่า...แต่ก็เอาเถอะ...

    ตามทฤษฎี ต้องทรงอุปจารสมาธิ แล้วอธิษฐาน แล้วเข้าฌาณ 4 ถอยมาอุปจาร อธิษฐานอีกครั้ง แล้วเข้าฌาณ 4 อีกที ถอยออกมาถึงให้ผล...นั่นก็ว่ากันไปตามทฤษฎี...
    ผมคงทำผิด...ผมทรงฌาณไว้ตลอด ทรงสติ สัมปชัญญะไว้ตลอด เวลาต้องใช้ก็ซัดเลย ไม่ทันว่ากันตามทฤษฎี...แต่จะให้ผมมาใช้เพ่งจุดเทียน แบบนั้น ทำไม่ได้...ผมใช้ไฟแช็คง่ายกว่า...ผมเอาแค่ตัวรอดไปครั้งคราว...ได้แค่นี้เอง...

    หลวงพ่อก็เรียกไป...ไม่ด่า...ท่านเปรยๆเพียงว่า บางทีเวทนามันกล้ามากๆ
    สติคุมไม่อยู่...บางครั้งเราก็ต้องอาศัยสมถะบ้างเหมือนกัน..แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ต้องพูดออกไป เพราะพวกที่ฝึกทางนี้ จะไม่ชอบพวกสมถะ...

    อยู่ฝึกกับท่านได้ 2 ปีก็มรณะภาพ...
     
  10. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    มาให้ตื๊บซะดีๆ...:mad::mad:
     
  11. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    "เทียวทางเวิ้งเหิงหลายมันสิค่ำ มัวแต่กินหมากหว้ามันสิช้าค่ำทาง"

    ผญาอีสานว่าไว้ดังนี้ค่ะ
     
  12. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    ยินยอมฮับ........5555555555555555 อย่าตึ๊บแรงนะฮ้า.......
     
  13. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    เรื่องการจะละสักกายะฑิฐินั้น...
    หลวงพ่อฤษีท่านสอนไว้หลายอย่าง..
    การเจริญมรณานุสติ 1
    การแยกธาตุ 4 อย่างหนึ่ง
    การพิจารณาให้เป็นของน่ารังเกียจ อย่างหนึ่ง
    การพิจารณาให้เป็นอสุภะ อย่างหนึ่ง

    ผมทำไปหมดแล้ว โดยเฉพาะอสุภะนี่ทำไปถึง ฌาณ 4...
    แต่ผมก็ไม่เห็นทางเลยว่าจะละความยึดมั่นในตัวตนได้อย่างไร...
    หลงทางไปหลายปี...
    จนเมื่อสติมีกำลังเพียงพอ..สัมปชัญญะมีพร้อม...
    มรรคสมังคี...
    ธรรมอันไม่มีเหตุปัจจัย ปรากฎขึ้นแก่จิต...
    เป็นสภาวะธรรมที่ไม่มีภาษา
    เมื่อปรากฎขึ้นแล้ว ย่อมแจ้งแก่ใจของผู้นั้น
    ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้
    เห็นอยู่เฉพาะหน้าว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเราจริงๆ...
    ที่เราเคยรู้มาว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรานั้น มันยังไม่ใช่..
    จนเมื่อได้มาเห็นแล้วจึงได้แจ้งแก่จิต...
    เมื่อนั้นความยึดมั่นถือมั่นจะไม่มีอีก..
    การปล่อยวางก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ..
    เป็นธรรมอันทำให้สิ้นสงสัยแล้ว...

    เมื่อนั้นจึงได้รู้ว่า การจะละกิเลสได้นั้น จะอาศัยการคิดพิจารณา เป็นจินตมยปัญญานั้นไม่ได้
    ต้องเกิดจากการที่จิตเห็นจิต จนเกิดสภาวะธรรมอันเป็นปรมัตสัจจะ ขึ้นเฉพาะหน้าแล้ว จึงจะละได้ เมื่อละได้แล้ว ย่อมรู้เฉพาะตนว่าละได้แล้ว ย่อมไม่กลับคืนไปอีก...และพิจารณาให้เห็นธรรมนี้เป็นอนัตตา ก็จะวางธรรมนั้นลง...เมื่อนั้นย่อมไม่ถือเอา กาย เวทนา จิต และธรรม ว่าเป็นเรา ว่าตัวว่าตนของเรา...เมื่อนั้นอุปทานจึงสิ้นไป...เป็นอันสุดรอบ...

    แม้กระนั้นก็ไม่ได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลใดๆ...ยังเป็นเพียงปุถุชน...ได้เพียงเห็น แต่ไม่อาจเข้าถึง...เข้าถึงเพียงไตรสรณคมน์...

    กราบเรียนผลของการปฏิบัตินั้นแก่หลวงพ่อพระธุดงค์ ท่านก็เงียบไป นาน.....
    ท่านบอกเพียงว่า ดีแล้ว...
    ถามท่านว่าแล้วผมควรปฏิบัติอย่างไรต่อไป...
    ท่านบอกเพียงว่า ก็ทำต่อไป ดีแล้ว...

    เมื่อสิ้นหลวงพ่อพระธุดงค์ไม่นาน ก็สิ้นหลวงพ่อฤษี...
    มันก็เหมือนคนแพแตก ลอยคอไป ไม่เห็นหนทาง...
    กรรมฐานที่เคยฝึกมาก็เริ่มเสื่อมถอยลงอย่างช้าๆ...

    จนกระทั่งต้องมานั่งนับ พุท-โธ 1, พุท-โธ 2,......3
    และยังตกต่ำต่อไปถึงกับ พุท-โธ แล้วหยิบหินก้อนหนึ่งมาวาง...
    มันเหมือนเป็นนักปฏิบัติที่กลายเป็นอัมพาต...
    เหมือนคนจบ ป.โท. แล้วให้ไปนั่งลากเส้นเขียน ก.ไก่ ในชั้น อนุบาล 1....
    นี่ไง กรรมฐานที่ฝึกมาอย่างหนัก...ถึงกาลฉิบหาย..
    ไม่ได้ทำอะไรผิด...แม้จะเร่งทำความเพียรมากเพียงใด ก็ไร้ผล จนกลับมาเหมือนหรือแย่กว่าคนที่ไม่เคยฝึกกรรมฐานมาก่อน...
     
  14. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    20 ปีที่ฝึกฝน...ฝึกไปจนหลวงพ่อพระธุดงค์ท่านบอกว่าคุณทำตึงเกินไปแล้ว ให้ผ่อนลง เพราะทำกันไม่หลับนอน ความจริงนอน แต่ไม่หลับ...
    แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะผ่อนลงมาให้เป็นมัชฌิมาปฏิปทาได้อย่างไร...

    แล้วกรรมฐานที่สู้ฝึกฝน เอาชีวิตเป็นเดิมพัน...มันก็เสื่อม...
    มันเสื่อมทรามลง เหมือนคนไร้น้ำยา ไม่มีอะไรเหลือ...
    ถ้าทำผิด กรรมฐานให้เสื่อม ณ เดี๋ยวนั้นสิ...
    แต่นี่ไม่ใช่ กลับค่อยๆเสื่อม เสื่อมลงถึงตรงไหน เห็นอยู่ก็เร่งรัดเอาตรงจุดนั้น...
    แต่ก็ไม่เป็นผลยังคงเสื่อมทรามลงไปๆ...จนสุดก้นเหว...

    นี่ก็ไม่ใช่หลงทางแล้ว...ความจริงมันคือ ไปไม่เป็นแล้ว...
    ผมมานั่งพิจารณาดูเมื่อหลายๆชาติที่ผ่านมา ก็ได้ฌาณได้สมาบัติ แสดงฤทธิ์ได้..
    บวชเป็นพระธุดงค์มาก็มาก...ฝึกฝนมานับแสนชาติ..
    เกิดใหม่ทุกชาติ มันก็โบ๋ ต้องมาฝึกเอากันใหม่ทุกชาติ...
    ชาตินี้ก็มาฝึกกันใหม่อีก...ได้แล้วก็กลับเสื่อม...
    ฌาณสมาบัติที่เป็นของวิเศษทำได้ยาก ก็ยังไม่พ้นไตรลักษณ์
    สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว..ชื่อว่าไม่ดับไปเป็นไม่มี...
    หน้าที่เราทำได้คือ ฝึกต่อไป...ต่อให้ต้องไปนับใหม่ตั้งแต่ ศูนย์ เราก็จะทำต่อไป...

    ถามครูบาอาจารย์ แต่ละท่านก็ไม่แนะนำ บอกเพียงว่าฝึกไป ที่ทำมาก็ทำถูกอยู่แล้วนะ ทำต่อไป...

    นี่ก็เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ฝึกฝนว่า คนที่มันแย่กว่าพวกท่านนั้นยังมีอยู่ แต่มันไม่ยอมแพ้ มันยังหน้าด้าน ฝึกต่อไป ไม่สนใจว่าใครจะดูถูก ดูแคลน เหยียดหยาม...
    ไปเริ่มต้นจากสวดมนต์ นั่งนับลมหายใจ ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้เรื่อง
    ย่ำอยู่อย่างนี้นี่ เกือบ 10 ปี...ไม่ท้อ...ไม่น้อยใจ..ไม่ว่าไม่โทษใคร...
     
  15. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    ยังจำที่หลวงพ่อฤษีท่านบอกไว้ว่า
    พวกที่ปรารถนาพุทธภูมินี่ กรรมฐาน 40 ต้องเอาจนช่ำ มหาสติปฐาน 4 วิปัสสนาญาณ 9
    ต้องทำจนชำนาญ เพราะคนจะไปเป็นครูเขาได้นี่มันต้องทำจนช่ำชอง
    ดังนั้นการฝึกฝนใดๆก็จะได้ผลช้า เพราะต้องย่ำซ้ำไปซ้ำมาจนช่ำ
    ภาษาพระท่านเรียกว่า ทำจนเป็น วสี คือชำนาญจนเป็นไปอย่างอัตโนมัติ ว่ากันขนาดนั้น...

    เชื่อไหมว่า ยามตกต่ำนั้นมันตกต่ำจนถึงกระทั่ง คำบริกรรมก็บริกรรม พุท-โธ ไม่ขึ้น พุท-โธ นี่บริกรรมมาตั้งแต่จำความได้ จนในฝันก็ยัง พุท-โธ...มาวันนี้ เสื่อม....
    แต่ถึงจะเสื่อมอย่างไร
    สักกายะฑิฐิ ที่เห็นแจ้งแล้วนั้น ฑิฐิ นี้ไม่เสื่อมตามไปด้วย..
    วิจิกิจฉา ที่เห็นแจ้งแล้ว อันนี้ไม่เสื่อมไปด้วย..
    แต่ศีลพตปรามาส อันนี้ ไม่ผ่าน...

    ไม่ผ่านนี่คือ ผมยังมีบนบานศาลกล่าวอยู่...แม้ว่าบนแล้วไม่เคยได้เลย...นี่เรื่องติดสินบนพระพุทธเจ้านั้น พระพุทธองค์ไม่เคยตรัสสอน...การไปเที่ยวกราบอ้อนวอน เพื่อขอให้ประสบความสำเร็จนี่พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่เคยสอน...ทรงสอนให้ พึ่งตนเอง, เตือนตนเอง, สอน อิทธิบาท 4 เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม...

    เจอรุ่นพี่ ลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ ชวนศึกษาพระเครื่องก็เอากะเขา...ทั้งที่เลิกไปตั้งแต่วัยรุ่นแล้ว...เขาลากไปไหว้ไปกราบที่ไหนก็ไป...นี่ไง...เพื่อนมากลากไป...

    เพื่อน พาลบัณฑิตล้วน มีใน วัฏฏะนอ
    มาก มายาเหลี่ยมกลไก หลากชั้น
    ลาก สู่บุญบาปไถล ถลำต่อ ตนนา
    ไป สุดทางดั้นด้น โลกธรรม....

    เขาว่า พระพิคเณศดี เราก็ว่าดี...เขาว่าพระพรหมดี เราก็ว่าดี...
    เขาว่า งาช้างกำจัดดี เราก็ว่าดี...เขาว่าเหรียญโน่นดี เราก็ว่าดี..
    ก็เขาเป็นมหาเศรษฐีนี่นะ...เขาว่าดี มันก็คงจะดีแหละนะ...
    นี่แหละ ศีลพตปรามาส ทั้งนั้น...
     
  16. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    ว่าวแม่นแหล่วเด้อ...
    มื้อนี่สิเฮ็ดจนค่ำ...
    .....
    อาทิตย์หน้าค่อยมาพิมพ์ต่อนิ...ไปหลงทางก่อน...อิอิอิ..:boo:
    พิมพ์เผื่อไปให้อ่านได้ทั้งอาทิตย์แล้วนิ...
     
  17. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    โมทนา..สาธุ...
    1.คำบริกรรมไม่ค่อยเห็นมีใครติดสักเท่าไร เพราะพอผ่านอุปจารสมาธิ จะเข้าเขตปฐมฌาณ คำบริกรรมพวกนี้ก็หายไปเอง ต่อไปจะบริกรรมคำไหนก็เสมอกัน จิตเป็นสมาธิเหมือนกัน บ้างก็ใช้บทสวดมนต์ ก็เหมือนกัน เข้าเขตฌาณก็ดับไปเอง...
    2.ทุกขเวทนาไม่ค่อยมีใครอยากจะติดสักเท่าไร เรื่องอาการคันยิบๆนี่ ก็มีช่วงที่กายกับจิตกำลังจะแยกออกจากกัน เมื่อผ่านเข้าปฐมฌาณไปแล้วก็ไม่มีอาการ อาการเมื่อยชาก็เหมือนๆกัน ส่วนอาการง่วงหลับ เป็น ถีนนะมิททะ เรื่องของนิวรณ์ เมื่อสัมปชัญญะทรงตัวอาการนี้ก็ระงับไปได้ ไม่ใช่เรื่องหนัก...มีนิยมติดกันก็เป็น อาการของปีติ เพราะมีอาการสุขมาก...แต่มันก็ต้องผ่านกันไปทุกคนแหละนิ...คงมีบ้างที่ยังต้องอาศัยปีติหล่อเลี้ยงจิตก็เป็นครั้งคราวเวลาเร่งรัดการภาวนาจนร่างกายอิดโรย แต่ก็ไม่ค่อยเห็นใครติดกันนานนัก
    3.นิมิตนี่ติดกันเยอะแล้วติดกันง่าย แต่พอรู้แล้วก็เฉยกันไป จะจริงก็เฉย จะไม่จริงก็เฉย คือไม่ได้ว่าอะไร แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ไม่ได้ยินดีอะไร แต่ก็ไม่ได้ยินร้ายแต่อย่างใด บางคนติดตรงนี้20-30ปีไม่ไปไหนก็มาก...
    ที่เห็นติดกันมากอีกอย่างก็คือ ติดในธรรม... เมื่อปฏิบัติไปได้เห็นธรรมที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าแล้ว ก็อยากชวนคนอื่นๆมาฝึกบ้าง อยากเล่าให้เขาฟังบ้าง เป็นอาการคุยฟุ้งคุยอวด แล้วพอมีใครขัดบ้างก็จะมีอาการขุ่นเคืองเกิดขึ้น อันนี้ก็เคยเจอกับตัวเหมือนกัน...แต่ตรงนี้อยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ โดนเขกกระบาลสักหลายทีก็หาย...
    พวกนี้เป็นธรรมดาที่คนบริกรรมภาวนาทั้งหลายก็ต้องผ่านไป...เจอมากเจอน้อย ติดมากติดน้อย ติดนาน ติดไม่นาน ก็แล้วแต่คนๆไป...แต่จะไม่ติดอะไรเลยเห็นจะมีแต่พระขีนาสปเป็นต้นไปนี้เอง...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2013
  18. *ธรรมดา*

    *ธรรมดา* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +924
    อ่านเรื่องป๊ะป๋า มีกำลังใจแย้ว:cool:
     
  19. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    สาธุ สาธุ สาธุ ...
    บังเอิญหนอ .. วันนี้ก็ถามเรื่องนี้กับ มหา อยู่ แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี เพราะปัญญามันไม่ค่อยมี . เมื่อกี้ก่อนเข้ามานี้ก็ขอ ขอ ขอ แล้วก็ขอ ... ไม่รู้ว่าอยู่ๆจิตมันถูกบีบหรือกิเลสมันบีบจิตกันแน่ กลายเป็นลูกอีช่างขอ โดนท่านว่าการกราบอ้อนวอน พระพุทธองค์ท่านไม่เคยสอน (อ่านแล้วหน้าชา) ...
    จริงก็ไม่ขอใคร ขอกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และหลวงปู่

    ...............................................................................

    ส่วนที่ท่านว่ากฎไตรลักษณ์ ยังควบคุมแม้แต่ฌาณสมาบัติ เลยทำให้ตื่นขึ้นมารู้สึกตัวหน่อย ...
    (มีแต่อยาก ยังไม่ได้เน้ออ)


    ขอบคุณท่านมากที่ไม่หวงวิชา (ประสปการณ์ ) .. ท่านว่านอกคอกนั้นก็ถูก ไม่งั้นก็คงเอาแต่คอกมามัดไว้ขังไว้ ไม่มีโอกาสเห็นโลกที่อยู่นอกคอกนั้น ว่าแจ่มแจ้งเพียงใด

    หลงก็หลงเนาะ ถ้าสักวันมันถึงเวลา ทั่วฟ้าจบดินก็คงต้านเราไม่อยู่ (อันนี้ขอเชื่อ สมเด็จฯโต ท่านค่ะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2013
  20. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    .. อ่านไปมาเหมือนว่าจะเข้าตัวหลายเรื่อง ... เช่น ปากไวชอบทักเขาไปมั่ว .. ทำตัวแตกแหวกชาวบ้าน .. ปากดี บ่อย ๆ ถามเขาทันทีที่สงสัย ชอบทำอะไรเกินครูสอน ดื้อรั้น ไปไหนใครเขาก็ไม่อยากสอน .. สงสัยหนูคงเป็นพวก นอกคอก อีกคน 5555555555555
     

แชร์หน้านี้

Loading...