หลวงตามหาบัว ตัดสินเรื่อง "บั้งไฟพญานาค"

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย mahamettayai, 12 ตุลาคม 2013.

  1. mahamettayai

    mahamettayai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +10,670
    หลวงตามหาบัว ตัดสินเรื่อง "บั้งไฟพญานาค"​


    [​IMG]


    เป็นปรากฎการณ์ที่ในแต่ละปี มีคนสนใจและรอพิสูจน์กันเยอะ แล้วปีนี้ก็ใกล้ออกพรรษาแล้ว

    ปริศนานี้มีญาติโยมเคยถามหลวงตา ฯ เอาไว้นานแล้วเหมือนกัน ลองอ่านดูว่าท่านจะไขปัญหา "บั้งไฟพญานาค" นี้อย่างไร


    โยม: อันนี้เขาส่งมาถามหลวงตา

    หลวงตา : ถามว่ายังไง ใครถามมา ชื่อ....ครับ

    หลวงตา : ผู้หญิงหรือผู้ชาย

    โยม : ผู้หญิงครับ

    หลวงตา : ถามเรื่องอะไรก็ไม่รู้ เราอ่านไม่คอยชัด ลองอ่านดูซิเป็นยังไง

    โยม : กราบเท้าพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่เคารพยิ่ง ขณะนี้สังคมไทยกำลังสับสนและถกเถียงกันเรื่องบั้งไฟพญานาค มีการสัมภาษณ์ คนลาวบอกว่าไม่มีใครดูบั้งไฟพญานาคเหมือนอย่างคนไทย

    นอกจากนั้นบริษัทแกรมมี่ยังทำภาพยนตร์เกี่ยวกับบั้งไฟพญานาค โดยเน้นที่บั้งไฟ ว่าพระลาวเป็นผู้ทำขึ้นมากกว่าข้อสันนิษฐานอย่างอื่น ข้าน้อยคิดว่าความเชื่อเรื่องบั้งไฟพญานาค มีผลต่อความเชื่อในศาสนาพุทธเกี่ยวกับภพภูมิต่าง ๆ ที่ตาเนื้อมองไม่เห็น

    รวมทั้งเรื่องตายแล้วเกิด และเรื่องกฎแห่งกรรม จึงขอให้พ่อแม่ครูบาอาจารย์โปรดกรุณาตอบเรื่องบั้งไฟพญานาค เพื่อให้เป็นหลักฐานแก่คนทั้งโลกได้ยินในครั้งนี้ด้วย ด้วยจิตคารวะ......

    หลวงตา : อันนี้เราก็เคยอธิบายมาแล้วตั้งแต่ยังไม่ถามปัญหานี้ขึ้นมา เรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องตายแล้วสูญ นี่เราเทศน์แทบทุกวันละมัง อันนี้มันล้วนแล้วตั้งแต่เรื่องของกิเลสหลอกสัตว์โลกที่เป็นนักเกิดตายด้วยกัน ไม่มีใครด้อยกว่ากัน การเกิดการตายนี้เป็นนัก นักเกิดนักตายมาทั่วหน้ากันหมด จำนวนการเกิดของตัวเองแต่ละคน ๆ นี้มีจำนวนเท่าไร ๆ นับมา เกิดมากี่กัปกี่กัลป์นับไม่ได้เลยด้วยกัน

    แต่กิเลสหูหนวกตาบอดมันก็มาบีบหูบีบตาคนเราซึ่งเป็นนักเกิดนักตายด้วยตัวเองนั้นแหละ ให้เชื่อตามมันว่า ตายแล้วสูญ นี่คือความโกหกของกิเลส ฝั่งของกิเลสว่าตายแล้วสูญจากใจดวงเดียวกัน

    ส่วนฝั่งของธรรมนั้นตายแล้วเกิดตลอดกัปตลอดกัลป์มา แล้วยังจะต้องตายแล้วเกิดต่อไปอีกถ้าเชื้อแห่งความเกิดยังไม่สิ้นซากจากจิตใจ แล้วความเกิดจะเกิดต่อไปตลอด ไม่มีต้นมีปลายเช่นเดียวกัน นี้คือหลักความจริงแห่งธรรม

    กิเลสมันไม่ได้พิสูจน์อะไรมันหลอกเอาเลย ว่าตายแล้วสูญ ๆ ลบล้างพวกเราที่เป็นนักเกิดนักตายตลอดสัตว์ทั้งหลายทั่วหน้ากันหมด ไม่มีงดเว้นว่าใครตายแล้วยังอยู่ไม่สูญ มีแต่ตายแล้วสูญ

    นี้เป็นโวหารของกิเลสหลอกลวงต้มตุ๋น หรือลูบหน้าปิดตาของสัตว์โลกให้เชื่อตามมันว่าตายแล้วสูญ นี่คือฝั่งของกิเลส ทีนี้ฝั่งของธรรม คำว่าฝั่ง ใจนี้เทียบเหมือนกับแม่น้ำลำคลอง

    ฝั่งทางนี้เป็นฝั่งกิเลสลบล้างอรรถธรรมความจริงทั้งหลาย ฝั่งข้างนี้เป็นฝั่งของธรรม ลบล้างตัวจอมปลอมคือกิเลสที่มันหลอกลวงโลกมาตลอดเวลาให้หายซากไป ทรงไว้แต่ความจริงล้วน ๆ เท่านั้น

    ทีนี้ฝั่งของกิเลส สัตว์โลกทั้งหลายที่ตายเกลื่อนมานี้นับกัปนับกัลป์ไม่ได้ แล้วยังจะเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกนับไม่ได้อีกเหมือนกัน กิเลสมันก็ลบล้างว่าตายแล้วสูญ นี่คือฝั่งของกิเลสตัวหลอกลวงสัตว์โลก ทีนี้ฝั่งของธรรมตายแล้วเกิด เพราะเหตุไร ทำไมถึงว่าตายแล้วเกิด กิเลสทำไมถึงว่าตายแล้วสูญ

    สูญเพราะเหตุไร กิเลสไม่มีเหตุผลว่าสูญเฉย ๆ สูญเพราะเหตุไรตอบไม่ได้ แต่ธรรมนี้ว่า ตายแล้วเกิด เกิดเพราะเหตุไรธรรมนี้พิสูจน์ได้เลย คืออวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา ฝังอยู่ในหัวใจสัตว์ ให้พาไปเกิดไปตายอยู่ตลอดมา ทีนี้เวลาธรรมนี้ชะล้างสิ่งปิดบังทั้งหลายให้สัตว์ทั้งหลายหลงงมงายว่า ตายแล้วสูญนี้ออกตามหลักความจริงว่าตายแล้วเกิดด้วยธรรม คือให้สะอาดสะอ้านภายในจิตใจ

    ชำระล้างจิตใจเข้าไปเรื่อย ๆ เฉพาะอย่างยิ่งด้วยจิตตภาวนา อันนี้เห็นชัดเจนร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างอื่นพิสูจน์ได้ยาก และพิสูจน์ไม่เห็นไม่มีทาง แต่เรื่องจิตตภาวนาออกจากหลักพุทธศาสนาของเราด้วยแล้วร้อยทั้งร้อย พิสูจน์เข้าไปจะไปเห็นตัวจริง ตัวที่เป็นเงาติดอยู่ในจิต พาให้สัตว์เกิดสัตว์ตายได้แก่ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา เป็นต้น

    นี้แลตัวแทรกอยู่ในตัวจิต เป็นเงาอยู่ในตัวจิต แต่ทำลายตัวจิต หมุนตัวจิตให้เกิดให้ตายไม่มีเวลายับยั้งหรือหยุดยั้งได้เลย คือตัวนี้เอง เวลาภาวนาเข้าไป นี่เราพูดให้นักภาวนาได้พิสูจน์ด้วยว่า อยากจะเห็นเรื่องนี้ให้ภาวนา ทำจิตใจให้มีความสงบเย็น

    ใจของเราวุ่นวายส่ายแส่ มีแต่กิเลสผลักดันออกไปให้คิด ให้ปรุงฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมไม่มีวันเข็ดหลาบอิ่มพอ หมุนอยู่อย่างนั้นตลอดไป นี้คือฝั่งของกิเลสลากสัตว์โลกให้เป็นเพื่อความลุ่มหลงตลอดไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2013
  2. mahamettayai

    mahamettayai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +10,670
    .....ทีนี้ทำจิตที่มันวุ่นวายทั้งหลายนี้ให้เข้าสู่ความสงบ เอ้า ความสงบเราจะเอาอะไรมาเป็นเครื่องกำกับใจของเราก็ได้ เช่น อย่างทางพุทธศาสนานี้ การที่จะนำคำบริกรรมมาเป็นที่เกาะที่ยึดของจิตนี้มีมากต่อมาก เช่น ท่านว่ากรรมฐาน ๔๐ ห้องมีได้ทั้งนั้น

    แต่เราจริตนิสัยชอบในบทใด เช่น ที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้เป็นจำนวนมากก็คือว่า พุทโธบ้าง ธัมโมบ้าง สังโฆบ้าง อานาปานสติบ้างหรือว่ามรณัสสติ เป็นคำบริกรรมติดอยู่กับใจ นึกบริกรรม หรือว่าเราตาย ๆ อย่างนี้ก็ได้

    หรือมรณัสสติว่าความตาย ๆ อยู่กับเราทุกคนอย่างนี้ก็ได้ ให้มีสติกำกับดูอยู่ในนั้น จิตของเราจะค่อยสงบลง ๆ พอจิตสงบลงแล้วเราจะเริ่มเห็นรากฐานของใจที่ตัวเงามันพาให้เกิดให้ตายคือ อวิชชา เราจะเริ่มเห็นเป็นลำดับลำดา

    จิตใจมีความสว่างไสวขึ้นเท่าไรก็ยิ่งจะเห็น ทั้งตัวของเราทั้งเงาที่เป็นภัยต่อเราอีกเป็นลำดับ จนกระทั่งพิจารณาชำระซักฟอกหมดเงาของกิเลสได้แก่ อวิชฺชายเตฺวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ เรื่อยไปเลย

    ทีนี้เมื่ออวิชชาดับภายในจิตใจแล้ว สังขาร วิญญาณ นาม รูป ดับหมด นี้แลเข้าถึงจิตที่ตัวตายแล้วเกิด ตายแล้วสูญ รู้ตัวนี้ แต่เวลาจิตได้เข้าถึงนี้แล้วเรียกว่า คำว่าตายแล้วเกิด ตายแล้วสูญหมดปัญหาไปเลย เหลือแต่ธรรมธาตุล้วน ๆ ปรากฏอยู่ภายในจิตใจ นี่ไม่มีเกิดไม่มีตาย

    ธรรมชาติที่เลิศเลอคือธรรมชาตินี้ ที่กิเลสมันต้มมันตุ๋น มันตีเสียแหลกว่าตายแล้วสูญ ๆ ไสสัตว์ให้ไปเกิดนรกอเวจี ที่ไหน ๆ เกิดหมดตายหมด ได้รับความทุกข์เพราะกิเลสหลอกด้วยกันทั้งนั้น

    ทีนี้พอกิเลสตัวนี้ตายแล้ว เรื่องตายแล้วสูญมันก็ไม่มี เพราะมันไม่เคยมี กิเลสหาเรื่องเฉย ๆ มีแต่ตายแล้วเกิด เมื่อชำระตัวตายแล้วเกิดนี้ออกหมดแล้ว ถึงความบริสุทธิ์เต็มที่แล้ว ทุกขํ นตฺถิ อชาตสฺส ทุกข์ย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่เกิด ไม่เกิดก็ไม่ตายอันเดียวกัน แล้วจะมีทุกข์มาจากไหน นี่พูดถึงเรื่องอะไรที่ถามปัญหานี่ลืมแล้วนะ อย่างนั้นนะ

    โยม : บั้งไฟพญานาคครับ

    หลวงตา : อย่าเอามายุ่งบั้งไฟพญานาคนั่น ให้พูดถึงนี้ ที่มันพันหัวใจเราอยู่เดี๋ยวนี้มันอะไร บั้งไฟพญานาคไม่ไปหาพัน เราไปพันมันต่างหาก

    โยม : เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด

    หลวงตา : เออ นี่ละ ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย ธรรมพิสูจน์อย่างนี้ แล้วจะเห็นตายแล้วไม่สูญ อมตะไม่ตายด้วย มีเท่านั้น มีอะไรอีกล่ะ

    โยม : ตกลงว่ามีบั้งไฟพญานาคจริง หรือว่าคนไทยถูกคนลาวหลอก คือหนังสือพิมพ์และไอ ที วี เขาไปทำสกู๊ปข่าวว่า ที่ไปดูบั้งไฟกันเป็นแสน ๆ เป็น ๕-๖ ปีมานี้ ที่ทำเนี่ย

    เขาว่าคนไทยนี้โง่ คือคล้าย ๆ กับคนไทยโง่เพราะฝั่งลาวไม่มีใครดูกัน เป็นทหารลาวเขายิงปืนส่องแสง ยิงปืนนำวิถีค่ะ ฉลองเทศกาลพญานาค แล้วคนไทยก็ฉลองเทศกาลออกพรรษา ไอ ที วี เขาทำข่าวว่า คนไทยที่ไปดูนั้นคล้าย ๆ กับเป็นคนโง่งมงายเจ้าค่ะ ทีนี้สังคมไทยก็ถกเถียงกันมาตั้งแต่งานบั้งไฟ จนบัดนี้หนังสือพิมพ์ยังเถียงกันอยู่

    หลวงตา : เราจะตัดสินนะ ทางลาวว่าคนไทยเราโง่ใช่ไหม ที่ไปดูบั้งไฟนะ ถ้าคนลาวไม่ไปดู คนลาวโง่ที่สุดเลยเข้าใจไหม เอาตรงนี้เลย เอาตรงนี้ละซิ ทำไมเขาดูกันทั้งประเทศเมืองไทย ทำไมไม่ดูถ้าไม่โง่เกินไป ก็มีเท่านั้นแหละ

    โยม เขาบอกว่าทหารลาวยิงปืนเจ้าค่ะ

    หลวงตา: นี่หมัดหยอกเล่น เข้าใจไหม ไอ้เรื่องโง่มันโง่ด้วยกันทุกคน ฉลาดด้วยกันทุกคนนั่นแหละ เข้าใจไหม แต่เรื่องบั้งไฟมันมีหมัดรับหมัดต่อย ก็ต่อยกันไปอย่างนั้น

    ไม่พูดละเรื่องนี้ช่างมันเถอะ มันมีอยู่ทั่วไป ไปหาดูวับ ๆ แวม ๆ อยู่ตามริมแม่น้ำโขง ฟาดขึ้นฟ้าดูพระอาทิตย์ ถ้าไม่กลัวตาแตกดูทั้งวันก็ได้ มันยากอะไร ไปหาเกาในที่ไม่คัน อุ๊ย.ยังไงกัน

    เอาจุดมันสำคัญ ๆ นี่ ที่เทศน์วันนี้เป็นคติเข้าใจไหม ตายแล้วเกิดตายแล้วสูญ พิสูจน์จิตดวงนี้ จ้าขึ้นมาแล้วคำว่าตายแล้วเกิดตายแล้วสูญหายทันทีเลย เหลือตั้งแต่ธรรมอันเลิศเลอ คือธรรมธาตุของจิตดวงนี้บริสุทธิ์แล้ว ไม่มีคำว่าเกิดว่าตายเข้าไปแทรกเลย นั่น ธรรมตัดสิน ตัดสินอย่างนี้แหละ ก็มีเท่านั้นแหละ

    ที่มาLuangta.Com - ��ǧ����Һ�� �ҳ����ѹ��
     
  3. SP6580

    SP6580 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +1,550
    ผมอ่านแต่ก็ยังไม่เข้าใจเหมือนเดิม แต่ให้ตีความเหมือนหลวงตาต้องการให้ใช้ปัญญาพิจารณากันเอาเอง โดยหลวงตาให้ข้อคิดว่าจะจริงจะปลอมมันก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปและดวงจิตของสัตว์อย่าวงรา ที่มีกิเลสเป็นเครื่องพันร้อยรัดเอาไว้ทุกชาติพบ ซึ่งโง่อยู่อย่างนั้นทุกครั้งที่เกิดขึ้นมา ไม่รู้จักที่จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากพันธนาการเหล่านั้น ซึ่งมีเครื่องมืออยู่ในตัวเราอยู่แล้ว ก็คือการภาวนาและวิปัสณาด้วยปัญญาอันไม่ข้องแวะด้วยสิ่งทั้งปวง แต่ก่อนผมจะตัดกิเลสนี้ กระผมขอลองเล่นไลน์ก่อน มารมันรบเร้าให้เล่นกับมันหน่อยครับหลวงตา ผมจะลองดูลีลาของมารมันหน่อยเห็นติดงอมกันทั่วโลกแล้ว เด๋วนี้เห็นใครว่างไม่ได้ ว่างเป็นอยู่กับหน้าจอไอ้เจ้ามารตั๋วนี้
     
  4. Limtied

    Limtied เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    822
    ค่าพลัง:
    +3,662
    หลวงตา : เราจะตัดสินนะ ทางลาวว่าคนไทยเราโง่ใช่ไหม ที่ไปดูบั้งไฟนะ ถ้าคนลาวไม่ไปดู คนลาวโง่ที่สุดเลยเข้าใจไหม เอาตรงนี้เลย เอาตรงนี้ละซิ ทำไมเขาดูกันทั้งประเทศเมืองไทย ทำไมไม่ดูถ้าไม่โง่เกินไป ก็มีเท่านั้นแหละ
     
  5. Limtied

    Limtied เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    822
    ค่าพลัง:
    +3,662
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  6. tos85xl

    tos85xl Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +40
    อ่านรอบแรกไม่ค่อยเข้าใจ อ่านรอบสองค่อยเข้าใจขึ้นมาอีกหน่อย ท่านคงหมายถึง มีจริงหรือไม่มีจริงไม่ใช่สิ่งที่ควรไปคิด เพราะไม่ใช่เหตุที่นำไปสู่การหลุดพ้น แต่ให้เฝ้าดูว่ามันมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แล้วน้อมนำธรรมมาพิจารณาครับ ไปดูแล้วพิจารณาได้ไม่ได้อย่างไร ก็ยังดีกว่าคนที่ไม่รู้จักสังเกตุ และพิจารณาอะไรเลยครับ

    อนุโมทนาครับ
     
  7. Electronic

    Electronic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +165
    ผมสรุปว่า ท่านเองก็ไม่กล้าฟันธงว่ามีหรือไม่มี แต่ท่านให้เราคิดว่าอย่าใส่ใจไปเลย คิดเรื่องภาวะของจิตว่าตัดกิเลสได้หรือยังดีกว่า และให้ศรัทธาในธรรมมะ
     
  8. ทิกเกอร์_ทิกเกอร์

    ทิกเกอร์_ทิกเกอร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +914
    อ่านๆ มาทั้งหมด หลวงตาท่านสอนทางสายกลางมากกว่า ที่จะเอาตัวเองไปยึดติดกับเรื่องบั้งไฟพญานาค ...

    แต่สุดท้ายแล้ว หลวงตาก็บอกว่า ถ้าหากอยากรู้ อยากเห็น ต้องปฎิบัติเอาเอง ถึงจะสัมผัสกับสิ่งเหล่านั้นได้ ถ้าหลวงตาชี้ชัดฟันธงไปว่า มีจริง .. พวกที่ไม่เชื่อก็ต้องท้าทายหลวงตาว่า .. "ถ้ามีจริงเอามาให้ดู ให้เห็นกันไปเลย" ถูกมั้ยล่ะ

    เปล่าประโยชน์ที่หลวงตาจะชี้ชัดฟันธง ... ภาษาธรรมะ เรียกว่าอะไรนะ..
    อจินไตย .. ใช่มั้ย
    อจินไตย แปลว่าสิ่งที่ไม่ควรคิด หมายถึงสิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยตรรกะสามัญของปุถุชน มี 4 อย่างได้แก่

    พุทธวิสัย วิสัยแห่งความมหัศจรรย์ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เช่น การเดินบนดอกบัว7ก้าวและเปล่งอาสภิวาจาของพระพุทธเจ้า
    ฌานวิสัย วิสัยแห่งอิทธิฤทธิ์ของผู้มีฌาน ทั้งมนุษย์ และเทวดา
    กรรมวิสัย วิสัยของกฎแห่งกรรม และวิบากกรรม คือการให้ผลของกรรมที่สามารถติดตามไปได้ทุกชาติ
    โลกวิสัย วิสัยแห่งโลก คือการมีอยู่ของสวรรค์ นรก และสังสาระวัฏ [1]




    สุดท้ายแล้วผู้ที่สงสัย ก็ยังคง สงสัย ((เหมือนเราตอนนี้หล่ะ)) แต่ไม่เคยปฎิบัติ ((ยอมรับตรงๆ))
    ฮ่า ฮ่า .. ก็สงสัยกันต่อไป ที่เข้ามาอ่านก็ ... เพราะเราเองก็สงสัยเหมือนกัน อิอิ
     
  9. piralrat

    piralrat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +927
    ท่านไม่บอกตรงๆ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของท่าน แต่ท่านได้แฝงบอกไว้กลายๆ ว่าเป็นปัจจัตตัง ความลี้ลับเหนือ ความเข้าใจ ถึงบอกไปก็ไม่ค่อยมีใครเชื่อ จะกลายเป็นข้อวิจารณ์กันต่อไปในเบื้องหน้า ลูกหลานมาทะเลาะกันด้วยเรื่อง ลี้ลับ
    สาธุ เรื่องแบบนี้ ไม่มีใครบอกให้เข้าใจ อย่างลึกซึ้งได้ จนกว่าจะปฏิบัติเอาเองและรู้เองค่ะ สาธุค่ะ
     
  10. พระประดับ

    พระประดับ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +35
    รู้เรื่องโลกกลมหรือโลกแบน แรงโน้มถ่วงเกิดได้อย่างไร บั้งไฟนี้กำเนิดมาแต่ใด??? ความรู้
    เหล่านี้ไม่ได้เป็นหนทางทำให้เกิดสัมมาทิฐิได้เลย แต่ความรู้ที่เกิดคุณประโยชน์คือ เห็น
    อย่างไรจิตจึงเป็นสมาธิ รู้อย่างไรเรียกว่าเป็นไปเพื่อมรรค รู้อย่างไรกิเลสจึงดับ ความรู้อย่าง
    นี้ต่างหากที่พวกเรา สาวก ควรเจริญให้มากๆ และยิ่งๆขึ้นไป
     
  11. thexjeab

    thexjeab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +685
    ขอบคุณมากครับสำหรับข้อความที่นำมาให้อ่านครับ

    ขอกราบหลวงตามหาบัวครับ
     
  12. aroonoldman

    aroonoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +462
    เรื่อง"บั้งไฟพญานาค"
    ผู้ถาม" ข้าน้อยคิดว่าความเชื่อเรื่องบั้งไฟพญานาค มีผลต่อความเชื่อในศาสนาพุทธเกี่ยวกับภพภูมิต่าง ๆ "
    หลวงตา" เรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องของกิเลส"

    (ผู้ถามต้องการแสดงความคิดเห็นแต่ไม่แสดงความคิดเห็นเป็นรูปธรรม
    หลวงตาผู้ตอบ ให้เข้าถึงความดับทุกข์
    ผมผู้อ่าน เลยได้งูมาสองตัว)
     
  13. พรหมาวตาร

    พรหมาวตาร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +66
    ถ้าบอกว่ามีจริงก็จะหลงไปเป็นจริงเป็นจังกับพญานาค ฝังจิตฝังใจชวนคนอื่นไปร่วมฝังจิตฝังใจ ก็จะไปเกิดเป็นพญานาคเสียจริงๆ

    ถ้าบอกว่าไม่มีจริง ก็จะพากันไม่เชื่อเรื่องเกิดเรื่องตาย พาลว่าคำสอนประวัติเรื่องเล่าต่างๆที่ผ่านมาเป็นเรื่องโกหกไปเสีย ไปเชื่อว่าตายสูญอีกเป็นสำคัญ

    ชี้ชัดไปฝั่งใดก็มีแต่เรื่องชี้โพรงให้กระรอก ไม่เกิดประโยชน์อันใด เพราะคนที่ถามปัญหา ไม่ได้มีความต้องการจะหาทางหลุดพ้นกิเลส แต่ชอบฤทธิ์ชอบเดชเสียมากกว่า จะพาลเสียเวลปฏิบัติทั้งของตนเองและผู้อื่น เอาให้มันกำกวมแล้วไปตีปริศนากันเองตามแต่จริตและวาสนา หลวงตาว่างั้น
     
  14. ศรัทธาพญาเวนไตย

    ศรัทธาพญาเวนไตย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    866
    ค่าพลัง:
    +1,380
    ผมไม่ค่อยเข้าใจคำสอนของหลวงตาเท่าไหร่ อาจโง่เขลาเพราะรู้น้อย หรือไม่ค่อยฟังธรรมเลยไม่เจนจัดศัพท์ทางศาสนา หากหลวงตาจะพูดให้เป็นปริศนาธรรม ตอนนั้นตัวผมไปนั่งฟังด้วย คงเปรียบเสมือนบัวใต้โคลน ผมเชื่อว่าหลวงตาเป็นพระปฏิบัติดี เเต่ผมโง่เขลาเอง เปิดฟังวิทยุทีไร ยังไม่เคยเข้าใจสักหลักธรรม เพียงเข้าใจหลักธรรมตื้นๆ ที่คนธรรมดาสามัญก็เข้าใจได้ ปัจจุบันจึงมีพระนักสอนสมัยใหม่เกิดขึ้น เพื่ออธิบายหลักธรรมให้เข้าใจง่าย เเละช่วยให้คนศรัทธากลับมาปฏิบัติเเละเข้าวัดมากขึ้น

    สำหรับตัวผมมองว่า ธรรมมะ ก็คือธรรมชาติ มันอยู่รอบตัวเรานั่นเเหละ เเต่อยู่ที่เราจะเข้าถึงธรรมชาติ คือความสงบสุข ได้หรือไม่ เเละเข้าใจในกฏเกณฑ์ธรรมชาติหรือไม่ หลักธรรมมะเปรียบดั่งสายทางลัดที่จะนำพาให้เข้าสู่ธรรมชาติได้ง่ายขึ้น โดยเราไม่ต้องเสียเวลาพิจารณาไตร่ตรองเสียเอง

    หากข้าพเจ้ากล่าววาจาล่วงเกินไป ก็ขออภัยใน ณ ที่นี้
     
  15. chang938

    chang938 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +451
    ผมคิดว่าไม่มีจริง เลยไม่ลำบากที่ต้องไปดู แต่ผมเชื่อเรื่อง เวียนว่าย ตาย เกิด ผมโง่ไหมครับ
     
  16. มเหศวร

    มเหศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2012
    โพสต์:
    2,776
    ค่าพลัง:
    +792
    โลกมนุษย์ พระ แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา เข้าศีล 3 เดือน
    โลกบาดาล( เมืองพญานาค) ก็ไม่ต่างกัน
    เมื่อครบ กำหนด3เดือน ก็ออกพรรษา พระพุทธองค์ เสด็จลงจาก ชั้นดาวดึงค์ ทรงแสดง ยมกปาฏิหารย์ คือ เปิดโลกทั้ง 3 ให้ได้เห็นกันหมด
    ช่วงเวลาที่พระพุทธองค์กำลังเสด็จลงสู่พื้นโลก เหล่าชาวพญานาค ที่เข้าศีล 3 เดือน มีตบะแก่กล้า ต่างพร้อมใจกันทั้งวัดในแม่น้ำโขง ทั้งในสระวัดที่ไม่ได้อยู่ในแม่น้ำโขง ลอกลูกแก้วจากวัดต่างๆที่อยู่ในเมืองบาดาล(เมืองพญานาค) พวยพุ่งขึ้นสู่นภากาศ ถวายเป็นพุทธบูชา ถ้าผู้มีบุญบารมีพอ....สามารถอธิษฐานจิตขอเอามาไว้บูชาได้ จากนภากาศ หรือ หรือจากบาดาล หลังจากได้ถวายบูชา เสร็จสิ้นดีแล้ว " ลูกแก้วพญานาค " นี้แหละจ้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2013
  17. anuchitpinyo

    anuchitpinyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2013
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +294
    ตอบนิดหน่อย

    ถ้าบอกว่ามีจริงก็จะหลงไปเป็นจริงเป็นจังกับพญานาค ฝังจิตฝังใจชวนคนอื่นไปร่วมฝังจิตฝังใจ ก็จะไปเกิดเป็นพญานาคเสียจริงๆ

    ถ้าบอกว่าไม่มีจริง ก็จะพากันไม่เชื่อเรื่องเกิดเรื่องตาย พาลว่าคำสอนประวัติเรื่องเล่าต่างๆที่ผ่านมาเป็นเรื่องโกหกไปเสีย ไปเชื่อว่าตายสูญอีกเป็นสำคัญ

    ชี้ชัดไปฝั่งใดก็มีแต่เรื่องชี้โพรงให้กระรอก ไม่เกิดประโยชน์อันใด เพราะคนที่ถามปัญหา ไม่ได้มีความต้องการจะหาทางหลุดพ้นกิเลส แต่ชอบฤทธิ์ชอบเดชเสียมากกว่า จะพาลเสียเวลปฏิบัติทั้งของตนเองและผู้อื่น เอาให้มันกำกวมแล้วไปตีปริศนากันเองตามแต่จริตและวาสนา หลวงตาว่างั้น


    คุณแก้วเมือง ตอบเหมือนที่ผมจะตอบทุกคำพูดเลย สาธุ โมทนาครับ
    หนังสือราคาถูก หนังสือใหม่ หนังสือมือสอง ขายหนังสือ : Inspired by LnwShop.com
    ที่นี่มีหนังสือธรรมมะ ให้อ่านฟรีครับ (กำลังจัดทำ)
     
  18. nun-rayong

    nun-rayong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +1,312
    ต้องเลือกที่จะเชื่อครับคนเราต้องมีสติปัญญา มันมีทั้งของจริงและของปลอม คนที่เห็นปืนส่องแสงยิงทางฝั่งลาวแล้วส่งเสียงเฮฮา นั่นเขาสติปัญญาน้อย คนที่ไม่เชื่อก็ต้องถามตัวเองว่าทำไมมันถึงเจาะจงที่จะขึ้นเฉพาะวันออกพรรษา เรื่องแบบนี้ไปถามหลวงตาบัวก็โดนด่า ต้องไปถามหลวงพี่เล็กวัดท่าขนุนครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...