หลวงปู่ขาว อนาลโยตอบปัญญาธรรม

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 1 มกราคม 2010.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ถาม คนชนิดนี้ที่เป็นเครื่องมือของกิเลสเพื่อทำลายธรรมและหัวใจประชาชนมีอยู่หรือปู่

    ตอบ จะไม่มีอย่างไร นอกจากไม่พูดกันว่า มีเต็มแผ่นดินเท่านั้น ก็อยู่ไปสังเวชไปในวงผู้ดีมีธรรมและทรงธรรมคือมรรคผลนิพพานทั้งหลาย ทั้งนี้เพราะคนมีธรรมย่อมมี หิริโอตตัปปะในใจ ไม่พูดสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่พูดแบบสุ่มเดาเกาหมัดเพราะไม่มีขี้เรื้อนบ่อนทำลาย ไม่เหมือนคลังกิเลสที่ไม่สนใจในธรรม มันพูดได้ทั้งนั้นในเรื่องเสียๆ หายๆ เพราะไม่มี หิริโอตตัปปะ ในหัวใจ จะเอาอะไรมากระดากอาย มีแต่ตัวหน้าด้านสันดานทำลาย ถือเป็นความสนุกให้เขามองหน้าแย็บหนึ่งก็ว่าตัวเด่น ใครจะได้รับความเสียหายเพราะตัวเองไม่คำนึง

    แม้ธรรมก็เป็นธรรม มรรคผลนิพพานก็เป็นมรรคผลนิพพานอยู่นั่นแล มิได้เอนเอียงหรือถลอกปอกเปิกไปเพราะปากสกปรกก็จริง แต่ผู้กำลังสนใจธรรมปฏิบัติ ธรรมเพื่อมรรคผลนิพพานซึ่งยังไม่เคยรู้เคยเห็นธรรมนั่นซิ มีส่วนเสียด้วยลมปากสกปรกอันนี้ได้ ท่านผู้รู้ผู้ทรงมรรคผลนิพพานอยู่เต็มหัวใจแล้ว ท่านจะหวั่นไหวอะไรกับปากกิเลสตัวทำลายนี้เล่า คนเราพอใจแสวงหาอะไรก็ได้ก็มีสิ่งนั้น แสวงหากิเลสก็ได้ก็มีกิเลส แสวงมากก็มีมาก ขึ้นอยู่กับการเสาะแสวง แสวงธรรมก็ได้ก็มีธรรม แสวงมากก็มีมากจนสมบูรณ์ในหัวใจ ดังพระพุทธเจ้าและสาวกท่านแสดงกันและได้มาเป็นสรณะของชาวพุทธเรา คือท่านผู้แสวงธรรม รู้เห็นธรรมและทรงธรรมแท้ โดยหลักธรรมชาติมิใช่ธรรมจดจำ แต่เป็นธรรมแท้จริงในหัวใจ

    คำว่าธรรมมีอยู่ตลอดอนันตกาลนั้น พึงทราบว่าธรรมมิใช่ ดิน น้ำ ลม ไฟ แร่ธาตุต่างๆ มิใช่ อากาศ อวกาศ มิใช่สิ่งทั้งมวลในแดนสมมุติ ธรรมคือธรรม มิใช่สิ่งดังกล่าว เครื่องพิสูจน์ธรรมก็มิใช่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ซึ่งเป็นวิสัยเพียงดูรูปฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส สัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็ง ซึ่งอยู่ในฐานะของตนที่จะรับรู้สัมผัสได้เท่านั้น มิได้ลึกซึ้งกว้างขวางพอจะสามารถหยั่งรู้เห็นธรรมดังกล่าวนั้นได้ สิ่งที่สามารถสัมผัสรับรู้ธรรมทุกขั้นทุกภูมิได้ มีใจดวงเดียวนี้เท่านั้น ใจจึงเป็นของคู่ควรแก่ธรรมทั้งหลายทั้งหยาบ กลาง ละเอียด จนถึงวิมุติธรรม นอกนั้นไม่มีอะไรสามารถสัมผัสรับรู้ธรรมได้ พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระสาวกของพระพุทธเจ้าทุกๆ องค์ทรงรู้ธรรมเห็นธรรมด้วยใจมิใช่ด้วยตา หู จมูก ลิ้น กาย เลย ใจจึงเป็นภาชนะอันเหมาะสมกับธรรมทุกชั้นทุกภูมิอย่างยิ่ง เมื่อได้รับการปรับปรุงแก้ไขและการบำรุงรักษาโดยถูกทาง เช่นการปฏิบัติจิตภาวนาเป็นต้น



    ถาม คำว่าธรรมมีอยู่นั้น มีอยู่ที่ไหน ปู่

    ตอบ มีอยู่ที่ธรรม ถ้าใจปฏิบัติธรรมมีสมถะ - วิปัสสนาธรรม เป็นต้น ธรรมก็สัมผัสที่ใจ รู้กันที่ใจ เกิดที่ใจ และธรรมก็อยู๋ที่ใจ เช่น สมาธิ ผู้ปฏิบัติจิตภาวนา ต้องทำที่ใจและรู้สมาธิขึ้นที่ใจ จากนั้นใจนั้นก็มีสมาธิ สมาธิก็อยู่ที่ใจดวงนั้น แม้วิปัสสนาตลอดวิมุตติหลุดพ้นก็เป็นไปกับใจในทำนองเดียวกันกับสมาธิเกิดที่ใจนี้ด้วยเหตุนี้

    ธรรมจึงไม่อยู่ที่ไหน นอกจากอยู่กับธรรมและอยู่กับใจของผู้ทำให้เกิดให้มีเท่านั้น ฉะนั้นธรรมแท้จึงมิได้อยู่ในวงสมมุติ นอกจากสัญญาธรรม คือธรรมในความจำเป็นธรรมในขอบข่าย ของสมมุติจึงอยู่ในสมมุติ เพราะสมมุติพาอยู่พาไปพาให้เสื่อม พาให้เจริญพาให้ทันสมัย พาให้ล้าสมัย ธรรมแท้มิได้อยู่ในขอบข่ายแห่งสมมุติ จึงไม่มีคำว่า ล้าหรือทันสมัย



    ถาม แหม ละเอียดและน่าอัศจรรย์มากนะปู่ ธรรมที่ฟังวันนี้กระผมยังไม่เคยฟังจากที่ใดผู้ใดมาก่อนเลย เพิ่งได้ฟังวันนี้อย่างจุใจที่หิวกระหายมานาน ธรรมแท้ที่กล่าวถึงนี้ ถ้าผู้ไม่รู้ก็พูดไม่ได้พูดไม่ถูก พูดไม่เป็น เพราะไม่ใช่ธรรมคาดคะเน ธรรมด้นเดา แต่เป็นธรรมของจริงจากใจโดยแท้ ดังธรรมในพระทัยของพระพุทธเจ้าและธรรมในใจของสาวกท่าน อัศจรรย์จริง สมใจ วันที่มาวันนี้ ธรรมนี้คนกิเลสหนาๆ ดังพวกกระผมจะมีทางรู้ได้ไหมปู่

    ตอบ ขณะยังมีกิเลสหนาๆ ไม่ว่าใครๆ รู้ไม่ได้ทั้งสิ้น แม้พระพุทธเจ้าก็ยังรู้ไม่ได้ ขณะจะรู้และขณะรู้กิเลสต้องเบาบางและกิเลสต้องหมดสิ้นไปจากใจเพราะธรรมปฏิบัติสังหารทำลาย ฉะนั้น ท่านจึงสอนให้อบรมฝึกฝนจิตใจชำระจิตใจซึ่งเป็นการชะล้างกิเลสในขณะเดียวกัน จนกิเลสสิ้นจากใจแล้วย่อมรู้ได้ทุกคน เพราะธรรมไม่มีคำว่าลำเอียง

    .........................................................

    คัดลอกมาจาก ::
    หนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ขาว อนาลโย
    และคัดลอกบางส่วนจากหนังสืออนาลโยวาท
    http://www.dharma-gateway.com/
     

แชร์หน้านี้

Loading...