หลวงปู่ครูบาธรรมชัย แห่งวัดทุ่งหลวง กับความลี้ลับของป่า

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 4 กันยายน 2010.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    "อาตมากำลังบำเพ็ญเพียรเพื่อละทุกข์ทั้งปวง เสือเองก็อยู่เย็นเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยโดยความสวัสดีเถิด"

    แผ่เมตตาให้เสือมหึมาแล้ว ท่านยังเปิดโอกาสให้เสือร้ายได้กินเป็นภักษาหาร คือไม่ปิดกั้น

    "อาตมาหากเคยมีเวรานุเวรกับเสือนี้ เมื่อเสือยังจองเวรอันเคยทำกันมาแต่ชาติปางก่อน เสือจงสบายใจกระโดดเข้ามาจับอาตมากินให้คลายความขุ่นแค้นเสียเถิด"

    สิ่งประหลาดน่าพิศวงอุบัติขึ้นในฉับพลัน.....

    เสือใหญ่มหึมากระโจนพรวดย้อนกลับไปทางเดิม เผ่นโผนโจนทะยานขึ้นไปบนภูเขา ก่อนจะลับหายไปในความมืดของรัตติกาล

    "หลวงปู่ครูบาธรรมชัย" เล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดรู้ในภายหลังว่า เสือใหญ่ตัวนี้คือเทพยดาจำแลงแปลงกายมาทดสอบกำลังจิตของท่าน แต่ถ้ามีจิตหวาดเสียวแม้แต่สักนิด จะโดนข่มขวัญจนขนพองสยองเกล้าทีเดียว

    เรื่องความลี้ลับมหัศจรรย์ในป่าดงดิบสมัยกว่า ๖๐ ปีที่แล้ว เมืองไทยเราแค่ก้าวออกจากหมู่บ้าน คืบก็ป่า ศอกก็ป่า ทั้งสัตว์ดุร้าย และสัตว์อาถรรพ์ ตลอดจนภูตผีปีศาจ เป็นสิ่งที่ผู้เดินเข้าสู่ป่าจำต้องระมัดระวังตนเองตลอดเวลา เพราะสามารถหาเหตุเดือดร้อนใส่ตัวได้ง่าย ๆ แค่ปัสสาวะรดจอมปลวก รดโคนไม้ใหญ่อายุเป็น ๑๐๐ ปี ครั้นกลับถึงบ้านล้มป่วยด้วยโรคลึกลับหาสาเหตุไม่ได้ว่าป่วยเป็นอะไร กว่าจะคืนสู่สภาพเดิมนานนับเดือน เผลอ ๆ ล้มตายไปในที่สุด ด้วยเหตุจากความเลินเล่อประมาทกับสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่านั่นเอง

    วันหนึ่ง ครูบาธรรมชัยในวัยกลางคนออกจาริกธุดงค์ไปยังถ้ำเชียงดาว

    เส้นทางที่จำเป็นต้องผ่านไปในป่าชาวบ้านเรียกว่า "ป่าปางหก" ซึ่งเป็นดงดิบ เต็มไปด้วยงูเงี้ยวเขี้ยวขอเลื้อยเพ่นพ่านยั้วเยี้ยไปหมด มีที่เลื้อยอยู่ตามซอกหลืบของต้นไม้ใหญ่ หรือบนคาคบไม้ซึ่งขึ้นไปม้วนพันตัวอยู่ สัตว์หรือมนุษย์พลัดหลงเข้าทาง จะทิ้งตัวลงมารัดทันที เป็นมหาภัยของคนย่านนั้น หากไม่จำเป็นขั้นสุดขีดไม่มีใครอยากเดินผ่านป่าปางหก

    เพลานั้นใกล้มืดค่ำลงเต็มที ครูบาธรรมชัยจำเป็นจะต้องรีบเดินตัดป่าปางหกไปให้ถึง "บ้านปาง" อำเภอเชียงดาว ให้ได้ จึงไม่ปักกลดพักค้างแรมก่อนจะถึงดงงู

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ป่าปางหกตอนพลบค่ำ ป่าทั้งป่าจะมืดเหมือนหลับตาเดิน เนื่องจากต้นไม้ใบหญ้าไม่มีผู้คนเข้าไปรบกวน เพราะหวาดกลัวพวกงูเงี้ยวเขี้ยวขอ ยามกลางคืนยังสลัวลางมองแทบไม่เห็นพื้นดิน กิ่งไม้ใบไม้หนาทึบ เหมือนกางร่มกันแสงแดดไม่ให้สาดส่องลงมาถึงพื้นเบื้องล่าง

    ครูบาธรรมชัยเดินตัดผ่านเข้าไปในป่าปางหกตอนมืดค่ำเพียงครู่เดียว ก็เหยียบเอางูแมวเซาเข้าไปโดยไม่เจตนา จึงลองเอาไฟฉาย ฉายดูไปรอบด้าน

    พบด้วยความตื่นตาตื่นใจว่ามีงูแมวเซาจำนวนถึง ๑๖ ตัว ขดพันกันยั้วเยี้ยอยู่รอบ ๆ ตัวท่าน ประหลาดที่มันไม่ได้แสดงอาการดุร้ายหมายทำอันตรายท่านแต่อย่างใด

    ผ่านจากกลุ่มงูแมวเซาไปอีกสักระยะหนึ่ง ครูบาธรรมชัยสะดุดเอาขอนไม้ลื่น ๆ เข้าเต็มแรง จึงเอาไฟฉาย ฉายดูอีกครั้ง

    สิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตาคืองูเหลือมขนาดยักษ์ นอนขดเป็นวงกลมอยู่กลางด่านสัตว์ที่ท่านอาศัยเดิน เจตนาคือจะรอดักจับสัตว์กินเป็นอาหาร

    ครูบาธรรมชัยก้าวจากวงนอกเข้าไปอยู่ใจกลางวง ในที่ที่มันม้วนขดอยู่โดยบังเอิญ..!

    ธรรมดางูเหลือมยักษ์ต้องม้วนขนดขดตัว อย่างฉับพลันทันใด รวดเร็วเหมือนมีสปริงดีด เพื่อม้วนรัดเหยื่อให้กระดูกทั้งร่างแหลกเหลวก่อนจะกลืนเข้าปากลงกระเพาะตามวิสัยของมัน ต่อให้สัตว์ทรงพลังแข็งแรงมีความแคล่วคล่องว่องไวอย่างเสือผู้เป็นจ้าวป่า ก็อย่าหวังว่าจะรอดเมื่อตกเข้าไปอยู่ในใจกลางวงที่เป็นลำตัวงูเหลือม
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปรากฏเป็นที่น่าพิศวงว่ามันนอนขดอยู่เหมือนทองไม่รู้ร้อนไม่มีกิริยาจะทำร้ายท่านสักนิดเดียว เท่าที่เห็นคือนอนสงบนิ่งเฉย ช้อนตามองดูท่านด้วยท่าทางเฉยเมย

    ท่านจึงก้าวข้ามออกจากวงตัวงูเดินต่อไป เมื่อผ่านพ้นออกไปจากป่าปางหก จึงพ้นแหล่งชุมนุมของพวกงูไปได้

    เรื่องเจองูนี้ ท่านยังมีประสบการณ์ยิ่งกว่าในป่าปางหก คือที่ถ้ำเชียงดาว เพราะที่นั่นท่านพบพญางูยักษ์คือ พญานาค...!

    แต่ก่อนจะนำเรื่องเกี่ยวข้องกับพญานาคราชมากล่าวถึง ยังมีเรื่องที่ครูบาธรรมชัยพบความลี้ลับพิสดารในดงดิบอยู่อีก จะข้ามเลยสิ่งแปลกประหลาดอันเหลือเชื่อไปถึงเรื่องพญานาคเสียเลยทีเดียวก็ดูจะกระไรอยู่ เพราะเกี่ยวพันไปถึงอำนาจจิตอันฝึกมาดีแล้วของท่านเช่นกัน

    ปี พ.ศ. ๒๔๘๔ ครูบาธรรมชัยพอมีเวลาว่างจากศาสนกิจ สามารถปลีกวิเวกไปจาริกธุดงค์ตามป่าเขาเถื่อนถ้ำ
    ที่ท่านยึดเป็นหลักสำคัญในการเจริญสมาธิให้มีความก้าวหน้าในทางธรรม

    ครูบาธรรมชัยจึงท่องธุดงค์ไปทางเชียงใหม่ ขึ้นไปกราบนมัสการพระบรมธาตุแห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ดอยสุเทพ หลังจากที่ท่านเคยร่วมงานสร้างเส้นทางตัดขึ้นดอยสุเทพกับครูบาศรีวิชัยมาแล้ว

    ตอนนั้นท่านเคยพบว่าป่าใหญ่หลังดอยสุเทพ บริเวณ "ถ้ำฤๅษี" เป็นสถานที่สงัดวิเวกมีธรรมชาติงดงามเจริญหูเจริญตา เหมาะสมกับการพำนักเพื่อบำเพ็ญตบะธรรมให้แก่กล้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป

    ดังนั้น เมื่อขึ้นไปกราบถวายสักการะแด่พระบรมสารีริกธาตุ แห่งสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ครูบาธรรมชัยจึงเดินทางต่อไปสู่ถ้ำฤๅษี

    ขณะเดินไปถึงลำห้วย "แม่งาไซ" ซึ่งอยู่ในป่าด้านหลังดอยสุเทพอันเป็นป่าใหญ่ในสมัยนั้น ยังไม่มีผู้ใดไปหักร้างถางพง มีต้นไม้ใหญ่สลับด้วยกอไผ่อันกินบริเวณกว้างขวางร่มรื่น

    ระหว่างเส้นทางที่ก้าวเดิน ราวป่าข้างหนึ่งปรากฏเสียงโผงผางตึงตังเหมือนมีใครมาตัดไม้อยู่ เข้าใจในตอนแรกว่าเป็นชาวบ้านใกล้ป่ามาตัดไม้ไปทำฟืนหุงต้ม หรืออีกทีคือพวกมาตัดหน่อไม้กำลังฝ่าดงไผ่ด้วยคมมีด ท่านจึงไม่ทันได้เหลียวมอง

    แต่แล้วสังหรณ์อย่างไรไม่ทราบได้ ปรายตาไปมองทางนั้นนิดหนึ่งปรากฏว่าที่คิดว่าเป็นชาวบ้านป่ามาหาฟืนหรือหาหน่อไม้ แท้ที่จริงคือหมีควายร่างใหญ่ทะมึน ขณะยืนสองขาความสูงเหนือหัวมนุษย์เป็นศอก มันกำลังหักต้นไผ่หาหน่อไม้กินอย่างหงุดหงิดรำคาญใจเป็นกำลัง

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    หมีควายเหลียวหน้ามา เห็นพระภิกษุในจีวรเหลืองหม่นสะดุดตา ความเดือดดาลที่มันเอาหน่อไม้ไปกินได้ยากเย็น เกิดโทสะอันหาที่ระบายไม่ได้ จึงเดินสองขา ก้าวโงนเงนงุ่มง่ามออกจากราวป่าไผ่ ตรงเข้าหาครูบาธรรมชัยทันที

    ธรรมชาติของหมีควายยามที่เดินสองขา คล้ายกับงุ่มง่ามเชื่องช้า ถ้าผู้เผชิญหน้าตกอกตกใจเผ่นหนี หมีควายจะลงวิ่ง ๔ ขา รวดเร็วเกือบเท่าม้าวิ่ง คนมีเพียง ๒ ขา ไม่มีทางหนีพ้นการไล่ล่าของมันไปได้เลย

    ครูบาธรรมชัยล่วงรู้ธรรมชาติของหมีควายดี ท่านไม่ได้ตื่นตระหนกตกใจแต่อย่างใด คงยืนแน่วนิ่งอยู่กับที่ เจริญเมตตาแผ่ไปให้มัน

    "สัพเพ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรัน ตุ"

    "สัตว์โลกทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย กันทั้งหมดทั้งสิ้น อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย"

    "จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยด้วยกันทั้งสิ้นเถิด"


    ขณะที่เพิ่งเริ่มกำหนดจิตแผ่เมตตาให้ เจ้าหมีโทสะเดินย่างสามขุมเข้ามา ยืนห่างไปเพียงศอกเศษ เงือดเงื้อกรงเล็บขึ้นสุดล้า เตรียมจะตบลงมาด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาล ลมหายใจฟืดฟาดแสดงถึงโทสะอันร้อนแรง ดังเพลิงเผาผลาญจนใกล้จะคลุ้มคลั่ง

    บทแผ่เมตตาสร้างกระแสด้วยพลังจิตมหัศจรรย์ของครูบาธรรมชัย หมีดุตัวนั้นเงื้อแขนชะงักค้างกลางอากาศ กรงเล็บหาได้ตะปบลงมาดังที่มันตั้งใจ คล้ายกับโดนมนต์สะกด แท้ที่จริงคือมันรับกระแสแห่งมหาเมตตา ผ่านตรงเข้าไปถึงจิตใจของมันแล้ว

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    บารมีธรรมย่อมชนะได้ทุกสรรพสิ่ง เป็นความลี้ลับน่าอัศจรรย์เหนือธรรมชาติ เจ้าหมีควายร่างยักษ์เกิดมิตรจิตมิตรใจขึ้นทันที ล้มเลิกการมีโทสะกับครูบาธรรมชัยผู้ไม่ปองร้าย ไม่ต่อสู้ ไม่หนี ไม่หวาดกลัวต่อภยันตรายใด ๆ ที่พึงมีในโลก

    ครู่ต่อมา หมีควายหันหลังเดินกลับไปที่ป่าไผ่ หาหน่อไม้อันขุดได้ยากแค้นแสนเข็ญเพื่อกินเป็นอาหารต่อไป ครูบาธรรมชัยก้าวเดินไปตามทางของท่าน ยุติกรณีพิพาทกับหมีไว้เพียงแค่นั้น

    ผู้ไม่กลัวตาย ถึงคราวตายย่อมต้องตายเป็นธรรมดา แต่ถ้าไม่มีเวรกรรมสืบเนื่องกันมาแต่ชาติปางก่อน ผู้ไม่กลัวตายจะไม่มีวันตายเพราะอุบัติเหตุเภทภัย และการจู่โจมโดยไร้เจตนาของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งต้องหมายความด้วยว่า ผู้ไม่กลัวตายมีเหตุเนื่องเพราะจิตที่ฝึกมาดีแล้วจึงไม่หวาดเสียว ไม่กลัวตาย

    ผ่านจากหมีจอมโทสะ.....

    อีกคราวหนึ่ง ครูบาธรรมชัยท่องธุดงค์ผ่านป่าสักงาม "ดอยสะเก็ด" ตอนเวลาจวนเจียนจะมืด อาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า เป็นเวลาสมควรหยุดพักปักกลดในที่อันเหมาะควร

    ท่านเพิ่งเห็นสถานที่ร่มรื่นแห่งหนึ่ง แต่ก็เห็นสิ่งมีชีวิตอีกอย่างหนึ่งซึ่งทำให้ท่านต้องหยุดการเคลื่อนไหวใด ๆ ในทันที

    งูจงอางสีดำละเลื่อมราวกับเคลือบด้วยสีดำสะท้อนแสงจำนวน ๑๒ ตัว ขนาดเท่าท่อนแขนผู้ใหญ่ตัวล่ำ ๆ ทยอยกันเลื้อยปราด ๆ ออกมาจากจอมปลวกข้างทาง ชูคอแผ่แม่เบี้ยขวางทางท่านไว้
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    มองไปเบื้องหน้าเหมือนระลอกคลื่นสีดำนิลไหวไปมาตามการโยกคอหลอกล่อของจงอาง ทำท่าจะฉกกัดทันทีที่เห็นการเคลื่อนไหวผิดปกติจากฝ่ายมนุษย์ งูจงอางใหญ่ขนาดนี้เพียงตัวเดียวที่ฉกใส่ พิษอันร้ายกาจเกินพอในการทำลายชีวิตหนึ่งให้สิ้นสุดยุติลงได้อย่างง่ายดาย พวกมันยังแห่กันออกมาจากข้างทางถึง ๑๒ ตัว จะข่มขวัญผู้ที่พบเห็นถึงปานไหน

    ครูบาธรรมชัยยืนนิ่งสงบแต่ไม่ประหวั่นกับพวกงูจงอาง เห็นพวกมันเป็นเพียงสัตว์โลกผู้เวียนว่ายตายเกิดอันน่าสมเพช หมุนเวียนเปลี่ยนอัตภาพจากมนุษย์ไปเป็นสัตว์ จากสัตว์ชนิดน่าสะพรึงกลัวไปเป็นสัตว์อื่นอีก หมุนเวียนเปลี่ยนไปโดยไม่สามารถกำหนดชะตากรรมของตนเอง จึงเป็นสัตว์ดุร้ายผู้ควรค่าแก่ความเมตตาสงสารอย่างยิ่ง

    ท่านดำริเช่นนั้นแล้ว กำหนดจิตแผ่เมตตาอันไม่มีประมาณ ให้แก่ปวงงูจงอางที่เลื้อยออกมารายล้อมรอบบริเวณที่ท่านยืนอยู่

    งูจงอางปกติจะไม่สยบต่ออำนาจใด ๆ ทั้งสิ้น แม้กระทั่งพญาช้างสารมันยังกล้าแผ่แม่เบี้ยเข้าฉกกัดต่อสู้ แต่เมื่อดวงจิตอันกล้าไปด้วยตบะธรรมของครูบาธรรมชัย แผ่อำนาจเมตตาอันชุ่มเย็นไปถึงดวงจิตของพวกมัน งูจงอางผู้ดุร้ายทั้ง ๑๒ ตัว ค่อย ๆ ทยอยหุบแม่เบี้ยละความดุที่เป็นธรรมชาติวิสัย ค่อย ๆ เลื้อยกลับไปยังที่อยู่ของตนจนหมดสิ้น

    ครูบาธรรมชัยปักกลดอยู่ตรงบริเวณนั้น ใกล้กับจอมปลวกที่พวกงูจงอางอาศัยอยู่ ท่านจาริกธุดงค์กระทั่งศรัทธาในพระสัทธรรมขององค์พระบรมศาสดาอย่างแน่นแฟ้น เชื่อแน่ว่าผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบอยู่ที่แห่งใดก็ปลอดภัยในทุกประการ อยู่กลางป่าย่อมต้องเจอสัตว์นานาชนิดเป็นเรี่องธรรมดา ถ้าเจอสัตว์ดุร้ายแล้วนึกสะดุ้งหวาดเสียว จะท่องธุดงค์รอดได้อย่างไร

    อีกคราวหนึ่ง.....

    ครูบาธรรมชัยท่องธุดงค์ไปทางป่าเชียงดาว เมื่อไปถึง "ขุนห้วยแม่ตาด" ซึ่งเป็นต้นกำเนิด "แม่น้ำตาด" นั้น เวลาเย็นแดดผีตากผ้าอ้อมทอแสงเหลืองอร่ามจับผืนฟ้า เมื่อแดดผีตากผ้าอ้อมเลือนลับไปจากท้องฟ้า ราตรีกาลอันมืดทะมึนจะมาเยือนทั่วผืนป่า

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ท่านตกลงใจปักกลดที่ริมฝั่งห้วย แล้วลงไปสรงน้ำในลำห้วย เพื่อความสดชื่นของร่างกาย สามารถปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิได้กระปรี้กระเปร่า

    ทันใดนั้นเอง.....

    ช้างป่าโขลงหนึ่งเดินเหยาะย่างพ้นราวป่าออกมา ทุกเชือกสูงใหญ่พ่วงพีราวกับภูเขาย่อม ๆ เคลื่อนที่ได้ ในจำนวน ๘ เชือก มีที่งายาวงาม
    ๓-๔ เชือก พวกช้างสารเหล่านั้นกำลังมุ่งตรงลงมาหาน้ำดื่ม ในจุดที่ห่างครูบาธรรมชัยไม่ถึง ๓ วา

    เมื่อพวกมันเห็นท่านกำลังสรงน้ำอยู่เช่นนั้น มีอาการโกรธเกรี้ยวเฉียวฉุนในทันใด ต่างทำท่าจะควบตะลุยโลดแล่นเข้าใส่ไม่รอช้า

    ท่ามกลางความคับขันชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนปากเหว จ่าโขลงของช้างทั้งปวงชูงวงขึ้นสูง แผดเสียงแปร๋แปร๋นขึ้น ๓ ครั้ง ๓ ครา เป็นสัญญาณห้ามลูกโขลงไม่ให้ทำอันตรายพระธุดงค์

    ลูกโขลงเหมือนถูกติดเบรกท่าวิ่งชะงักค้าง จ่าโขลงจึงนำลูกโขลงย้ายทำเลออกไปหาน้ำดื่มไกลจากที่ท่านสรงน้ำไม่รบกวนไม่ทำอันตรายใด ๆ

    หลวงปู่คูรบาธรรมชัย เล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังในภายหลังว่า โขลงช้างไม่ทำอันตรายท่าน เป็นด้วยบารมีธรรมของท่านที่แผ่เมตตาก่อนลงสรงน้ำในห้วยนั่นเอง.....

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ป่าภาคเหนือเมื่อเกือบ ๑๐๐ ปีมาแล้ว มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลเกือบ ๙ ใน ๑๐ ของแผ่นดินล้านนาไทย

    ครั้งหนึ่ง ครูบาธรรมชัยไปนั่งสมาธิเจริญกรรมฐานอยู่ในป่าช้า "สันปูเลย" ใกล้กับวัด "ทุ่งหลวง" อำเภอแม่แตง อยู่ห่างจากตัวเมืองไม่มากเท่าไหร่

    เขตชุมชนหนาแน่นในสมัยนั้นก็ยังเป็นป่ารกชัฏ บรรยากาศยามค่ำคืนวิเวกวังเวงใจ โดยเฉพาะป่าช้า "สันปูเลย" เป็นป่าช้าที่น่าหวาดหวั่นของคนทั่วไป มีผีดิบปรากฏอยู่เสมอ คอยหลอกหลอนจนชาวบ้านขวัญหนีดีฝ่อไปตาม ๆ กัน ตกเย็นยังไม่ถึงกับมืดค่ำ ไม่มีแม้แต่สักคนเดียวที่กล้าเฉียดเข้าไปใกล้ป่าช้าแห่งนี้ สัปเหร่อของวัดไม่มีวิชาดีพอที่จะคุ้มครองตัวเองก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน

    แม้แต่ในเวลากลางวัน ถ้าไม่มีกิจธุระจำเป็น ชาวบ้านจะไม่ยอมเดินผ่านเข้าไปในป่าช้าเด็ดขาด เพราะเหล่าผีดิบไม่ละเว้นที่จะสำแดงเดช ป่าช้าสันปูเลยจึงเสมือนเขตหวงห้ามโดยไม่ต้องมีใครบังคับ

    ครูบาธรรมชัยเข้าไปปักกลดบำเพ็ญเพียรในสถานที่อย่างนี้ พวกชาวบ้านจึงวิตกกังวลแทน เกรงว่าท่านจะได้รับความตกอกตกใจ บำเพ็ญสมณธรรมไปไม่ตลอดรอดฝั่ง ท่านก็ไม่ฟังคำห้ามปรามของศรัทธาญาติโยม

    ระหว่างนั้น พ่อเลี้ยงคนหนึ่งซึ่งเป็นชาวบ้าน "ปางทางปางกว้าง" อำเภอแม่แตง ได้มีช้างตกมันอยู่เชือกหนึ่งแตกปลอก ออกอาละวาด ช้างตกมันจะดุร้ายเหมือนช้างวิปลาสคุ้มคลั่ง ไม่ฟังคำสอนของควาญช้าง
     
  9. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ควาญช้างพยายามออกติดตาม พบเข้าก็ปลอบโยนตามวิธีที่เคยใช้ได้ผล แต่เที่ยวนี้ช้างไม่ฟังคำหวานใด ๆ ไล่กระทืบควาญช้างดุเดือดเผ่นหนีแทบไม่ทัน จากนั้นไล่ทำร้ายชาวบ้านไม่เลือกหน้า ทำลายไร่นา สวนผลไม้แหลกราญกินบริเวณกว้างขวาง

    ชาวบ้านเห็นเส้นทางการบุกตะลุยของช้างตกมัน แน่ใจว่าต้องบุกมาทางป่าช้า "สันปูเลย" เป็นแน่ เกรงว่าครูบาธรรมชัยจะได้รับอันตรายจากช้างคลุ้มคลั่งอาละวาด รีบเสี่ยงกับความกลัวผีดิบมานิมนต์ท่านให้ถอนกลดหลบหนีช้างไปเสียก่อน

    ครูบาธรรมชัยไม่ประหวั่นกับความตาย ชี้แจงให้พวกชาวบ้านทราบว่า เมื่อปักกลดก็ตั้งสัตย์อธิษฐานไว้ว่าจะมาบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าช้า จะถอนกลดกลางคันไม่ได้ ไม่ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้น ท่านจะอยู่ในป่าช้าไม่ไปไหน ถ้าเวรกรรมมีอยู่กับช้าง ก็ขอยอมสละสังขารอยู่ในป่าช้าแห่งนี้

    อ้อนวอนกันอยู่เป็นนาน กระทั่งเห็นว่าท่านตั้งใจเด็ดเดี่ยวอยู่รอเผชิญหน้ากับช้างคลุ้มคลั่งอาละวาด พวกช้าวบ้านผู้หวังดีจึงนมัสการอำลากลับไปอย่างผิดหวัง และวิตกกังวลแทนครูบาธรรมชัยเป็นอย่างยิ่ง

    ปรากฏว่าช้างตกมันจนสติแปรปรวนเชือกนั้น อาละวาดละเรื่อยมาตามรายทาง กำลังบ่ายโฉมหน้าวิ่งควบป่าแตกมาทางป่าช้า "สันปูเลย" จริงดังที่ชาวบ้านคาดคะเน ป่าช้าผีดิบพินาศยับเยินไปเป็นแถบ ด้วยอานุภาพของช้างสารตัวหวิดเท่าภูเขาย่อม ๆ

    เมื่อเห็นกลดของครูบาธรรมชัยปักอยู่ ช้างตกมันบ้าคลั่งจึงตรงรี่เข้าไปเพื่อรื้อถอนให้ยับเยินสมกับความวิปริตของมัน
     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    บริเวณกลดของครูบาธรรมชัยมีด้ายสายสิญจน์ขึงไว้รอบปริมณฑลป้องกันสัตว์ร้ายและหมู่มารไม่ให้เข้ามารบกวนการบำเพ็ญภาวนา

    ช้างตกมันวิ่งปรี่เข้าถึงเส้นด้ายสีขาวบริสุทธิ์เหมือนใยแมงมุมในสายตาของมัน สิ่งแปลกประหลาดพลันอุบัติขึ้น ปรากฏว่าช้างคลุ้มคลั่งดุร้าย ปราศจากความกลัวเกรงในทุกสรรพสิ่ง เมื่อเจอด้ายสายสิญจน์ที่วงล้อมกลดเอาไว้กลับชะงักกึก มีทีท่าลังเลรี ๆ รอ ๆ ไม่กล้าก้าวข้ามด้ายสายสิญจน์ ทำหันรีหันขวางเหมือนตัดสินใจเด็ดขาดไม่ได้ งุ่นง่านขุ่นเคืองจนแผดเสียงแปร๋แปร๋นนานเป็นครู่ใหญ่

    จากนั้นหันตัวเดินไปหักกิ่งไม้ต้นไม้และถอนหญ้ากินอยู่แถวกลดของครูบาธรรมชัยไม่ยอมไปไหน ท่าทางยังคลุ้มคลั่งไม่เสื่อมคลายแม้แต่นิดเดียว รอแค่ว่าครูบาธรรมชัยก้าวออกมาพ้นด้ายสายสิญจน์ที่วงไว้เมื่อไร เป็นไม่ยอมรอช้า ต้องวิ่งเข้าใส่เพื่อทำร้ายท่านทันที

    ครูบาธรรมชัยเดินออกมานอกกลด และเดินจงกรมไปมาอยู่ในวงล้อมของสายสิญจน์เป็นปกติ ไม่หวาดกลัวช้างสารผู้โหดเหี้ยมดุร้ายที่ชายหูชายตามองท่านอยู่ไม่ว่างเว้น

    เมื่อเดินพอเหมาะพอควรแล้วท่านก็นั่งขัดสมาธิเจริญกรรมฐานต่อที่หน้ากลดบ้าง อยู่ข้างในกลดบ้าง ช้างดุร้ายตกมันไม่ยอมไปไหน เฝ้าคุมเชิงท่านอยู่ตลอดเวลาทั้งกลางวันกลางคืน เดินป้วนเปี้ยนไปมาอยู่แต่แถวนั้น เที่ยวรื้อถอนทุกสรรพสิ่งจนป่าช้า "สันปูเลย" ราบเป็นหน้ากลอง สภาพรกชัฏที่น่าพรั่นพรึงกลายเป็นพื้นดินกว้างขวางโล่งแจ้งไปกว่าครึ่งค่อน ลดความน่าหวาดกลัวเรื่องผีดิบลงไปไม่น้อย

    พวกชาวบ้านห่วงใยกังวลในความปลอดภัยของครูบาธรรมชัยมากกว่ากลัวผีกลัวช้าง เป็นทุกข์อยู่แต่ว่าช้างจะคลั่งถึงขีดสุด เผ่นโผนเข้ากระทืบกลดทำร้ายท่านถึงแก่ชีวิต แต่ชาวบ้านก็คร้ามเกรงอำนาจดุร้ายของช้าง ไม่กล้าทำสิ่งใดลงไปสักอย่างเดียว
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ควาญช้างมาถึง ยอมเสี่ยงอันตรายไปหลอกล่อมันด้วยประการต่าง ๆ โดนช้างเอางวงไล่ฟาดจนเผ่นออกมาแทบไม่ทันตามเคย

    ผู้เฒ่าผู้แก่พากันร้องไห้ระงม กลัวครูบาธรรมชัยพลาดท่าเสียทีช้างร้าย จะนำข้าวปลาอาหารไปถวายท่านก็ไม่ได้ เนื่องจากช้างบ้าคลั่งตัวนี้ทำพิกลไม่ยอมไปไหนทั้งสิ้น ผูกใจอยู่แต่กลดและครูบาท่าน จ้องรอคอยอยู่แต่ว่าด้ายสายสิญจน์ขาดสะบั้นลงเมื่อไรหรืออันตรธานไปในเวลาใด จะวิ่งเข้าหากลดเพื่อกระชากมาเหยียบกระทืบเสียให้หนำใจ

    เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า

    ท่ามกลางการคุมเชิงของช้างตกมัน

    ครูบาธรรมชัยไม่ได้ฉันอาหารใด ๆ แม้แต่น้ำสักหยด นานเท่าจำนวนวันที่ช้างตกมันเฝ้าคุมเชิงอยู่ มันเที่ยวเดินวนเวียนหาหญ้ากินจนสบายท้องแล้วก็เวียนมาทางกลดอีก เป็นอยู่เช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าน่าเบื่อหน่ายและน่าระทึกใจ เนื่องจากยิ่งนานเท่าไร ครูบาท่านก็จะยิ่งแย่เท่านั้น

    ๑๐ วันผ่านไปอย่างเหลือเชื่อ.....

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ๑๐ วัน อันทรหดอดทนทั้งครูบาธรรมชัยที่นั่งเจริญสมาธิภาวนาสงบนิ่ง ชาวบ้านทั้งหลายทั้งปวงผู้ห่วงใยท่านจนบอกไม่ถูก และช้างร้ายที่ลังเลไม่กล้าก้าวข้ามวงล้อมของสายสิญจน์แต่ก็ไม่ยอมผละไปไหน ยังเที่ยวหากินอยู่ในบริเวณนั้น อิ่มหนำสำราญดีแล้วก็ย้อนกลับมาทำกิริยางุ่นง่านฮึดฮัดแถวรอบ ๆ กลด

    ครูบาธรรมชัยอาศัยหยดน้ำที่เหลือเศษน้อยนิดในกาเพียงกลั้วปากให้ชุ่มชื่น และเจริญเมตตาภาวนาแผ่ส่วนกุศลให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย รวมถึงช้างตกมันตัวนั้นด้วย คืนแล้ววันเล่าที่ท่านทำอยู่เช่นนั้น

    กระทั่ง ๑๕ วันอันยาวนานเหมือนผ่านไปหนึ่งชาติ

    ลุถึงเช้าวันที่ ๑๕ นับตั้งแต่ช้างร้ายกักบริเวณครูบาธรรมชัยไว้ในปริมณฑลอันเท่าวงล้อมของสายสิญจน์ ผลที่สุดสิ่งที่เรียกกันว่า "อาการตกมัน" บรรเทาเบาบางจนหายไปจากร่างของช้างร้าย มันละพยศสร่างความคลั่งเหมือนช้างบ้าดีเดือด ควาญช้างผู้เจนจบในเรื่องของช้างทราบดีว่าเข้าใกล้มันได้เมื่อไหร่ จึงเข้าไปพูดจาปลอบโยนประเล้าประโลมและพามันเดินออกไปจากป่าช้า "สันปูเลย" โดยสงบเสงี่ยมน่ารักน่าเอ็นดู ต่างจากตอนเป็นช้างตกมันลิบลับ

    ศรัทธาญาติโยมอ่อนระอาแทบไม่มีผู้ใดคอยไปเฝ้าดูสถานการณ์ซึ่งกินระยะเวลายาวนานถึงขั้นเหลือเชื่อคือ ๑๕ วัน เมื่อรู้ข่าวว่าช้างถูกนำตัวกลับออกไปจากป่าช้า จึงรีบพากันแห่แหนเข้าไปดูครูบาธรรมชัยที่กลด สงสัยว่าท่านอาจถูกทำร้ายจนถึงแก่มรณภาพ หรืออดทั้งอาหารและอดน้ำจนมรณภาพไปแล้ว คือธรรมดาของคนเราทั่วไป อดอาหารสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ๗ - ๑๐ วัน แต่อดน้ำนานที่สุดแค่ ๓ วัน ชีวิตก็หลุดออกจากร่าง

    สภาพที่ชาวบ้านเห็นประจักษ์กับสายตาตนเองคือ.....
     
  13. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ครูบาธรรมชัยเดินจงกรมในลักษณะกิริยาสำรวมระวังเป็นปกติ ผิวพรรณวรรณะผ่องใสไม่หมองคล้ำ ท่าทางยังคึกคักกระฉับกระเฉง ไร้วี่แววว่าจะอ่อนเพลียเจียนเป็นเจียนตายเพราะอดข้าวอดน้ำแต่อย่างใดทั้งสิ้น

    นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ชาวบ้านไม่ได้เห็นกับตาตนเองจะไม่ยอมเชื่อเป็นอันขาด ว่าพระภิกษุสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึง ๑๕ วัน ไม่ต้องฉันข้าวดื่มน้ำ เหมือนร่างกายทำด้วยเหล็กไหลกระนั้น

    ทุกคนก้มลงกราบนมัสการด้วยความเลื่อมใสศรัทธา พร้อมกันนั้นก็โล่งอกไปตาม ๆ กัน เมื่อเห็นท่านยังอยู่ดีเป็นปกติสุข ท่ามกลางความปีติยินดีเป็นล้นพ้นของพวกชาวบ้าน ครูบาธรรมชัยกล่าวกับพวกเขาเหล่านั้นว่า

    "เฮาพ้นคอกแล้ว เขาขังเฮาอยู่ในป่าช้า ๑๕ วัน เพราะชาติก่อนเฮาเคยทำเขามา จึงต้องชดใช้หนี้กรรมให้เขาในชาตินี้"

    ชาวบ้านพากันนำอาหารใส่ถ้วยจานเข้ามาถวายครูบาธรรมชัย ท่านฉันได้เพียงเล็กน้อย เพราะร่างกายที่อดอาหารมาถึง ๑๕ วัน ยังไม่คุ้นชินกับการดื่มกิน

    หลังจากท่านถอนกลดจาริกธุดงค์อำลาไป ป่าช้า "สันปูเลย" ที่เคยอึกทึกครึกโครมตอนมีช้างเข้ามาอาละวาดก็ย้อนกลับเข้าสู่สภาพเดิม คือเริ่มมีวัชพืชกับต้นหญ้าขึ้นรกชัฏ ชาวบ้านคร้ามเกรงไม่กล้าเดินผ่านในเวลากลางวัน ยิ่งเวลากลางคืนแทบไม่ต้องเอ่ยถึง คือไม่มีผู้ใดย่างกรายเฉียดใกล้ป่าช้าเด็ดขาด
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ครูบาธรรมชัยได้รับนิมนต์ให้ไปจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำตับเตา อำเภอฝาง

    เนื่องด้วยทางคณะสงฆ์เห็นว่าถ้ำตับเตาชำรุดทรุดโทรมลงมาก สมควรที่จะได้พระภิกษุผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีชื่อเสียงดีงามเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนทุกหมู่เหล่า มาช่วยบูรณะปฏิสังขรณ์ให้ถ้ำตับเตาอันเสื่อมโทรมแข็งแรงคงทนถาวรสืบไป

    พิจารณากันรอบคอบถี่ถ้วนแล้ว คณะสงฆ์ทางภาคเหนือลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า "ครูบาธรรมชัย" เหมาะสมที่สุด ในการดำเนินงานพระศาสนาครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี

    ถ้ำตับเตาคืออะไร.....

    ถ้ำตับเตาเป็นโบราณสถานแห่งชาติอันสำคัญแห่งหนึ่ง อยู่ทางภาคเหนือของแผ่นดินสยาม มีชาวไทยและชาวต่างชาติไปนมัสการเยี่ยมเยียนสม่ำเสมอทุกฤดูกาล ทุกวันนี้เป็นสถานที่เคารพสักการะของเหล่าพุทธศาสนิกชนทั้งหลายทั้งปวง

    ก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ หรือที่คนภาคพื้นนี้เรียกกันว่า "สงครามมหาเอเชียบูรพา" พวกชาวไทยใหญ่ (เงี้ยว) และพวกชาวหลวงพระบาง ชาวนครเวียงจันทน์ พากันเดินทางรอนแรมมาถวายสักการะอยู่เนืองนิตย์
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    คำว่าถ้ำ "ตับเตา" เดิมเรียกกันว่า "ถ้ำตั๊บเต้า" ตามภาษาเหนือตรงกับภาษากลางว่า "ถ้ำทับเถ้า" หรือ "ถ้ำทับขี้เถ้า"

    ผู้คนชนชาวแถบถิ่นเหนือนิยมพูดถ้อยคำให้สั้นเช่น ถ้ำตั๊บขี้เต้า (ถ้ำทับขี้เถ้า) ตัดคำให้สั้นกระชับลงเป็น ถ้ำตั๊บเต้า (ถ้ำทับเถ้า) แต่คนภาคพื้นอื่นเรียกไปอีกอย่างว่า ถ้ำตับเตา

    ตำนานความเป็นมาของถ้ำตับเตา มีอยู่ใน "ศิลาจารึก" ที่ถ้ำจำนวน ๓ แผ่น เป็นตัวหนังสือพื้นเมืองเก่าแก่โบราณเนื้อความยาวเหยียด สรุปโดยย่นย่อมีอยู่ว่า

    สมัยอดีตกาลอันนานมาแล้ว ยังมีพระอรหันต์ผู้สิ้นอาสวะกิเลสโดยชอบ ตามนัยแห่งองค์พระเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสั่งสอนไว้ พระอรหันต์องค์นั้นเสด็จมาบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ ณ ที่หน้าถ้ำแห่งนี้ อยู่ต่อมาเมื่อสังขารอันไม่เที่ยงแท้แน่นอนเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา พระอรหันต์องค์นั้นเสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพานอันบรมสุขนิจนิรันดร์ ณ หน้าถ้ำแห่งนี้


    เทพยดากับเทพเจ้าทุกสรวงสวรรค์ชั้นวิมาน เหล่ารุกขเทวาผู้สถิตอยู่ในป่าเขาเถื่อนถ้ำ ได้พากันเหาะมาถวายเพลิงพระสรีระองค์อรหันต์ตรงหน้าถ้ำแห่งนี้ เพลิงทิพย์ซึ่งเกิดจากอำนาจฤทธาภินิหาริย์ของทวยเทพเทวาทั้งหลายทั้งปวง ที่ร่วมกันเผาธาตุขันธ์พระอรหันต์ ได้ลุกลามไหม้ป่าใหญ่กินบริเวณกว้างไกลไปถึง ๓ กิโลเมตร กว้าง ๒ กิโลเมตร

    นอกจากนั้นอำนาจเพลิงทิพย์อันเหนือกว่าไฟธรรมดายังลุกไหม้ลึกลงไปใต้พิภพ มีพลังอำนาจความร้อนแรงกล้าเกินที่จะหาสิ่งใดมายับยั้งอัคคีในคราวนี้ได้ เดือดร้อนไปถึงอาณาจักรใต้บาดาลของพญานาคราช ต้องกะเกณฑ์เหล่านาคากับนาคีหรือนาคหญิงชายให้เร่งรุดไปพ่นน้ำอาถรรพ์จากปากดับพิษไฟที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจของเหล่าเทพยดา

    ผลที่สุด ด้วยอิทธิฤทธิ์ที่มีขึ้นเองตามธรรมชาติของผู้ถือกำเนิดในภพพญานาค ทำให้ไฟจากอำนาจของเหล่าเทพยดาที่ลุกลามใกล้จะถึงพิภพพญานาคดับมอดสนิทลง
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ด้วยเหตุอันลี้ลับมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเมื่อสมัยดึกดำบรรพ์อันไกลโพ้น คือบริเวณหน้าถ้ำตับเตา จึงปรากฏเป็นสีเหมือนขี้เถ้ามาตราบถึงทุกวันนี้...

    ตำนานเก่าแก่ของคนโบราณ นักปราชญ์โบราณมักซ่อนเงื่อนปมอย่างลึกซึ้งเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังขบคิดตีความกันเอง ข้อเท็จจริงจะอย่างไรก็ต้องเป็นข้อเท็จจริงวันยังค่ำ

    เมื่อมาดูแลประจำอยู่ที่ถ้ำตับเตา ซึ่งเก่าแก่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ครูบาธรรมชัยได้ช่วยบูรณปฏิสังขรณ์ ปลูกสร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ อยู่นานถึง ๕ ปีเต็ม สิ้นแรงกายแรงใจไปมากมายมหาศาล สิ้นเงินไปถึง ๑๔๓,๙๐๐ บาท ซึ่งถือเป็นเงินก้อนใหญ่มากในสมัยนั้น

    ถ้ำตับเตาที่เคยรกร้างปรักหักพัง ยามค่ำคืนเป็นสถานที่น่าสะพรึงกลัวของศรัทธาสาธุชน จึงเปลี่ยนโฉมเป็นสถานที่น่าท่องเที่ยวชมปูชนียวัตถุและสิ่งแปลกที่มีอยู่ทั่วบริเวณ น่าเคารพกราบไหว้ ไม่มีผู้ใดนึกคร้ามเกรงในการที่จะเดินทางไปถ้ำตับเตาอีกต่อไป

    บริเวณหน้าถ้ำร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ปลูกไว้เป็นแถวเป็นแนว มีนกน้อยนานาพันธุ์ส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้วสดใสไพเราะ กระโดดโลดเต้นหาอาหารไม่กลัวผู้คน มีลิงค่างห้อยโหนอยู่ตามคบไม้ มีชะนีห้อยโหนโยนตัวไปมาจากไม้ต้นหนึ่งไปยังต้นไม้อีกต้นหนึ่ง เหมือนธรรมชาติอันแท้จริงที่มีอยู่ในป่าเขาลำเนาไพร

    ผู้ได้ไปเยือนถึงถ้ำตับเตาหลังจากการบูรณปฏิสังขรณ์ จะรู้สึกเสมือนได้พบสถานที่พิเศษสุด สงบสงัดประกอบไปด้วยสิ่งเป็นธรรมชาติ งดงาม เจริญหูเจริญตา สามารถบันดาลดลให้จิตใจเกิดความสุขได้เองเหมือนผู้ทรงศีลในทันที
     
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ถ้ำตับเตาแบ่งออกเป็น ๒ ถ้ำสำคัญ

    คือถ้ำแจ้งแห่งหนึ่ง กับถ้ำมืดอีกแห่งหนึ่ง.....


    เส้นทางทอดไปสู่ถ้ำแจ้งเป็นบันไดก่ออิฐถือปูน สูงประมาณ ๕๐ ขั้น มีศาลามุงกระเบื้องขึ้นไปถึงบนปากถ้ำแจ้ง มีรูปปั้นของบรมครูทางการแพทย์สมัยพุทธกาล "ท่านชีวกโกมารภัทร" ประดิษฐานอยู่ตรงปากถ้ำ

    พระประธานภายในถ้ำแจ้งเป็นพระพุทธรูปหน้าตักกว้าง ๙ วา ๒ ศอก สูง ๑๓ วา ๒ ศอก ถือว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ

    หน้าองค์พระพุทธรูปขนาดใหญ่อันเป็นพระประธาน มีพระธาตุแห้ง (เจดีย์) และพระเจ้าทันใจหนึ่งองค์

    ด้านหลังของพระประธาน ห่างออกไปเพียงเล็กน้อยมีบันไดสูง ขึ้นไปยัง "ถ้ำปราสาท" และถัดจากองค์พระประธานไปมีพระพุทธไสยาสน์ความยาวประมาณ ๕ วา

    หินศิลาจารึกเกี่ยวกับตำนานของถ้ำตับเตา จำนวน ๓ แผ่นก็อยู่ที่นี่
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ครูบาธรรมชัยยังบูรณปฏิสังขรณ์ให้ถ้ำแห่งนี้ มีความสวยงามพิสดารอีกมากมายหลายแห่ง

    ถ้ำมืดอาถรรพ์.....

    ถ้ำมืดอยู่ห่างจากถ้ำแจ้งขึ้นไปทางทิศเหนือประมาณ ๓๐๐ เมตรหน้าถ้ำมีบันไดก่ออิฐถือปูนขึ้นไปเช่นเดียวกัน

    ถ้ำมืดแห่งนี้ลึกกว่าถ้ำแจ้งมากมายหลายเท่า ประมาณว่าลึกถึง ๖๐๐ เมตร หรือร่วม ๑ กิโลเมตร เมื่อก้าวเดินไปภายในถ้ำไม่ลึกเท่าใด แสงสว่างจากภายนอกจะถูกหักเหจนมีแต่ความทึมทะมึน ยิ่งเดินลึกเข้าไปประมาณ ๑๐๐ เมตร จะมองไม่เห็นแม้แต่ร่างกายตนเองเหมือนตามืดบอดชั่วคราว

    ผู้ที่ก้าวเดินเข้าไปยังส่วนลึกของถ้ำ จำจะต้องมีตะเกียงเจ้าพายุช่วยส่องสว่าง หรือใช้คบเพลิงขนาดเขื่อง ไฟฉายนำมาใช้ไม่ค่อยได้ผลอย่างแปลกประหลาด จะมีแสงเพียงเลือนรางไม่สว่างเท่าที่ควร ภายในถ้ำยังมีเหวลึกเรียงรายอยู่ตามเส้นทางหลายแห่ง ดีไม่ดีผู้ใช้ไฟฉายมีหวังพลัดตกลงไปในเหวลึกเสียชีวิตไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

    นอกจากอันตรายตามธรรมชาติคือเหวที่มีอยู่หลายแห่งในถ้ำแล้ว ยังมีงูแอบซุ่มซ่อนอยู่ทั่วไปตามซอกหินหลืบหิน สามารถพบได้ทุกย่างก้าว การเดินเหินต้องระมัดระวังตัวแจ
     
  19. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    เมื่อขึ้นไปถึงปากถ้ำมืด ต้องไต่ลงไปตามขั้นบันไดในแนวดิ่ง ลึกประมาณ ๑๒ ขั้น พ้นจากขั้นบันไดจะพบพระพุทธรูปหลายองค์ ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ผ่านจากสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ลึกเข้าไปอีก จะเป็นเส้นทางสูง ๆ ต่ำ ๆ และแคบ ๆ ประกอบไปด้วยเหวลึกอยู่ประชิดทางแคบ ๆ หลายแห่ง หากพลัดตกลงไปในเหวลึก ก็หมดหวังที่จะเอาชีวิตรอดกลับไปจากถ้ำแน่นอน

    ครูบาธรรมชัยเล่าว่า ผู้มีจิตสกปรกหยาบช้าหนาไปด้วยกิเลส บังอาจแสดงทีท่าหยาบช้าอนาจารภายในถ้ำ เมื่อผ่านหุบเหวมาได้อย่างหวาดเสียว จะเผชิญหน้ากับฝูงงูลึกลับจำนวนนับไม่ถ้วน มีทั้งงูเห่า งูจงอาง งูเขียวหางไหม้ ขนาดเท่าท่อนแขนผู้ใหญ่เป็นอย่างเล็ก นอกจากนั้นยังมีงูเหลือม งูหลาม ตัวขนาดเท่าโคนขาผู้ใหญ่ขึ้นไป เลื้อยคลานอยู่ยั้วเยี้ยทั่วโพรงถ้ำ ปรากฏมีแม้ซอกมุมที่ไม่นึกจะมี แสดงว่าผู้ทรงอำนาจในแดนอาถรรพ์มีความรังเกียจ ไม่ต้องการให้บุคคลสันดานชั่วช้าสารเลว ผ่านเข้าสู่เขตหวงห้าม

    หากกล้าก้าวเข้าไปอีก ฝูงงูจำนวนนับไม่ถ้วนจะทำอันตรายโดยไม่รอช้า ผู้มีสันดานชั่วช้าถึงจะไม่ยอมรับหรือปิดบังคนธรรมดาได้ แต่สิ่งลึกลับผู้ทรงอำนาจภายในถ้ำมีฤทธิ์เดชมหาศาล รู้สันดานมนุษย์ได้ในทันทีที่เหยียบย่างถึงหน้าปากถ้ำ ผู้แอบมีนิสัยเลวทรามอย่างลอบเร้นสายตาคนธรรมดา ต้องรีบเผ่นออกจากบริเวณนั้นโดยด่วน ก่อนที่มหาภัยจะมาถึงตัว

    ถ้ำมืดจึงเป็นถ้ำลี้ลับอันแฝงไปด้วยอาถรรพ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น

    เมื่อครั้งถ้ำตับเตาโดนเผาผลาญบริเวณหน้าถ้ำด้วยเพลิงทิพย์ของทวยเทพเทวา พญานาคราชแห่งอาณาจักรใต้พื้นพิภพ ตรัสสั่งให้ปวงบริวารทั้งนาคชายและนาคหญิง ขึ้นมาจากเมืองบาดาลเพื่อพ่นน้ำดับไฟทิพย์ของเหล่าเทพยดา เส้นทางของพญานาคเหล่านั้นต้องผ่านมาทางถ้ำมืด งูที่มีอยู่ภายในถ้ำย่อมจะต้องเป็นเหล่าบริวารของพญานาคราชมาเฝ้าคอยระแวดระวัง ผู้ใดไม่มีบุญวาสนาแท้จริง จะผ่านฝูงงูผู้ควบคุมเส้นทางไปไม่ได้เด็ดขาด และเข้าไปแล้วจะกลับออกมาได้หรือเปล่าก็ไม่รู้

    แต่ครูบาธรรมชัยผ่านฝูงงูเข้าไปได้โดยปลอดภัยไร้อันตราย ลึกเข้าไปภายในโพรงถ้ำหลังผ่านจากฝูงงู มีประตูเรียกว่า "ประตูลอดบาป" เป็นจุดอาถรรพ์อันตรายที่สุดของถ้ำมืด
     
  20. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ไม่ว่าผู้ใดก็ตามเมื่อผ่านเข้ามาถึงประตูลอดบาป เป็นต้องเผชิญหน้ากับพญางูใหญ่ ม้วนขนดขดตัวขวางเส้นทางเอาไว้ แค่พบเห็นความมหึมา ผู้ที่เผชิญหน้าก็เข่าอ่อนด้วยความขนพองสยองเกล้า

    ตามตำนานระบุไว้ว่า.....

    "ปุคคละ..อันว่าบุคคลใด ที่มีจิตไม่เป็นบุญเป็นกุศล พูดจาสกปรกหยาบคายไม่เป็นมงคล ไม่เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง จะมีพญางูน้อยใหญ่มานอนขวางทาง ไม่ยอมให้บุคคลนั้นลอดบาป ผ่านเข้าไปในถ้ำด้านในได้เลย"

    ครูบาธรรมชัยผ่านเข้าไปถึงส่วนลึกที่สุดของถ้ำ ซึ่งสงบสงัดวิเวกวังเวง แสงสว่างแม้สักเท่าหัวเข็มหมุดก็ไม่มีให้เห็น บรรยากาศเปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นไอความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์

    ที่แห่งนี้อยู่ลึกเข้าไปเกือบถึงใจกลางขุนเขา มีสิ่งมหัศจรรย์อันลี้ลับไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระธาตุน้ำ หรือเจดีย์น้ำอันนุ่มนิ่ม มีบ่อน้ำทิพย์ที่ว่ากันว่า ดื่มกินเข้าไปแล้วล้างบาปล้างกรรมได้(ตามตำนานว่าไว้) มีพระธาตุน้ำผึ้ง ซึ่งถ้าหากเอานิ้วมือแตะดูและกดลงจะเป็นรอยบุ๋มตามแรงกดทันที ครั้นยกนิ้วมือออกก็จะพองกลับขึ้นมาเหมือนดังเดิม



    ยังมีพระพุทธรูปปางสมาธิ มีชื่อเรียกขานกันว่า "พระเจ้าเนื้อนิ่ม" ที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีใครเทียม องค์พระพุทธรูปเนื้อนิ่มไปทั้งองค์ เหมือนทำด้วยใยไหมบางเบาเหนียวแน่น แล้วบรรจุน้ำใสบริสุทธิ์ไว้ข้างในกระนั้น ไม่ว่าจะสัมผัสส่วนใดขององค์พระ จะนิ่มนวลเหมือนเนื้อคนจริง ครั้นละมือออกมา ก็จะนูนเต็มขึ้นมาดังเดิมอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่ตามความเป็นจริง องค์พระพุทธรูปก่อขึ้นด้วยสิ่งแข็งแกร่ง เป็นถาวรวัตถุมงคลอันศักดิ์สิทธิ์ มีอานุภาพประหลาดมหัศจรรย์เป็นล้นพ้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...