หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ "หลวงปู่พูดว่า"

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธีระนะโม, 15 ธันวาคม 2017.

  1. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=b85f641c3f9ee1578de9b4222c9e74f5.jpg
    “ถ้าหลวงปู่ไม่อยู่แล้ว(มรณภาพ)ไม่ต้องแสวงหาครูบาอาจารย์ที่ไหน
    ถ้าไม่แน่ใจในการปฏิบัติว่า ถูกหรือผิด ให้กลับไปหา พระไตรปิฏก
    นั่นแหละคือบรมครูของเรา มาเทียบเคียงในการปฏิบัติ”
    ถ้ามีคนมาถามว่า ท่านสายไหน(ธรรมยุติ-มหานิกาย) ให้ตอบไปว่า สายพระพุทธเจ้า

    แสงนิมิต
    หลวงปู่เป็นคนชอบในการปฏิบัติธรรม ทั้งกลางวันและกลางคืนวันหนึ่งจึงชวนโยมอุบาสกคนหนึ่ง ชื่อว่า จารย์ปุ้ยซึ่งเป็นคนชอบในการปฏิบัติธรรม และเคยเป็นนักบวชมาก่อน
    จนเป็นที่นับถือของคนทั่วไป เหตุนี้จึงมีสรรพนามใช้เรียกนำหน้าคนที่บวชมานาน
    และเป็นที่นับถือของคนทั้งหลาย จึงเรียกว่า จารย์ เมื่อจารย์ปุ้ยตกลงก็พากันไปในป่าช้าแห่งหนึ่งเพื่อฝึกจิตภาวนาในขณะที่เจริญสมาธิอยู่นั้น ก็เกิดแสงประหลาดเกิดขึ้น แสงนั้นสว่างไสวเป็นวงกลม อยู่ในองค์แห่งสมาธิ ก็กำหนดรู้ แล้วก็ภาวนาต่อไปเรื่อยๆ ครั้นพอออกจากสมาธิ แสงนั้นยังปรากฏไม่หายไปไหน เห็นในขณะที่ลืมตา จะหลับตาหรือลืมตา แสงนั้นมันก็ไม่หายไปไหนท่านเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า แสงนั้นสีขาวสว่างมาก
    ลูกโตเท่ากับแสงตะเกียงเจ้าพายุ ข้าพเจ้าก็พอนึกออกเพราะเคยเห็น
    แต่ในปัจจุบันนี้ มีแต่เสียงไฟนีออน ถ้าเปรียบเทียบแสงสว่างนั้นแล้ว
    ก็เท่ากับลูกส้มโอ ท่านเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า นี้มันอะไร ก็เพ่งดูให้แน่ชัดว่ามันอะไรกันแน่ ว่าดังแก้วมันก็ไม่ใช่ หรือเป็นดวงจิตของเรา มันก็อยู่ตรงโน้น มันไม่อยู่ตรงนี้
    มองกลับมาที่ตัวของท่านเอง ก็ไม่เห็นมีอะไร ท่านก็คิดกลับไปกลับมา เพื่อจะค้นหาคำตอบ
    พอถึงสมควรแล้ว ก็ออกจากที่ปฏิบัติธรรม มาพบกับโยมจารย์ปุ้ย ก็ถามว่า ไม่รู้ว่าแสงอะไร
    เหมือนแสงตะเกียงเจ้าพายุนี้แหละ อยู่ที่ปลายต้นไม้โน้น แสงดวงนั้นอยู่ ไม่หายไปไหน
    โยมจารย์ปุ้ยก็พูดขึ้นว่า “อันนี้แหละ ที่เขาเรียกว่า ดวงธรรม ”
    เมื่อโยมจารย์ปุ้ยพูดอย่างนี้ ท่านก็รู้สึกดีใจ
    และกลับไปนั่งเจริญสมาธิตรงที่เดิม แสงนั้นก็ยังอยู่ไม่หายไปไหน
    ท่านก็คิดในใจว่า เป็นดวงธรรมจริงๆหรือ
    ถ้าเป็นดวงธรรมจริงๆ ดั่งที่โยมจารย์ปุ้ยว่าก็ลองอธิษฐานให้เข้ามาในใจ ให้มันสว่างไสว
    อยู่ในใจ ให้มันมองเห็นหมดทุกสิ่งอย่างให้ปัญญาเกิดทะลุปรุโปร่ง”
    เมื่ออธิษฐานแล้วดวงแก้วนั้น ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมท่านก็คิดว่า ไม่ใช่กระมัง มันเป็นตัวหลอกให้เราหลงทาง หรือที่ครูบาอาจารย์เคยบอกไว้ว่า ระวังพวกแสง-สี-เสียง เป็นนิมิตเกิดขึ้น มันเป็นวิปัสสนูกิเลสมันไม่ใช่ธรรมแท้ เมื่อความคิดเดินมาถึงตรงนี้
    แสงนั้นก็หายไป ท่านพูดให้ข้าพเจ้าฟังต่อไปว่า
    “ธรรมแท้ มันต้องดับทุกข์ได้
    พวกแสงพวกสีนั้น ให้ระวังนะ อย่าไปหลง อย่าไปติดถ้าติดแล้วไม่ไหนละ
    ข้าพเจ้าถามหลวงปู่ว่า.....โยมจารย์ปุ้ยพูดกับหลวงปู่ว่า “เป็นดวงธรรม”
    แสดงว่าโยมยังหลงอยู่ใช่หรือเปล่าครับ “ใช่ โยมจารย์ปุ้ยยังหลงอยู่ว่าเป็นดวงธรรม”
    เขาก็ฝึกปฏิบัติมานานเหมือนกัน ก็ยังหลง ดังนั้นการฝึกสมาธิปฏิบัตินี้
    จึงให้มีครูบาอาจารย์กำกับ เมื่อเราหลงทาง


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...