หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ "เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำโขง"

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย chirattha, 1 กันยายน 2012.

  1. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    ครั้งที่ ๒ ขณะนั้นองค์พระธาตุยังสร้างไม่เสร็จ ชาวบ้านห้วยไหล่ ซึ่งตั้งบ้านอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้านมหาชัย อยู่ห่างประมาณ ๔ กิโลเมตร ได้มองเห็นองค์พระธาตุโผล่พ้นยอดไม้ขึ้นมาดูเหลืองอร่ามสวยงามมาก เห็นเป็นอัศจรรย์เพราะพวกเขาก็รู้ว่าพระธาตุยังสร้างไม่เสร็จ แต่กลับมองเห็นสูงจนพ้นอยอดไม้ วันก่อน ๆ ไม่เคยปรากฏเช่นนี้ พวกชาวบ้านจึงแตกตื่นออกมาดู พอผู้คนจำนวนมากวิ่งออกมาดูเท่านั้น องค์พระธาตุที่โผล่พ้นยอดไม้อย่างสวยงามก็ค่อย ๆ จางหายไป รุ่งขึ้นวันใหม่ชาวบ้านห้วยไหล่หลายคนได้นำเรื่องนี้กราบเรียนให้หลวงปู่ทราบ นับว่าเป็นอภินิหารขององค์พระธาตุอีกครั้งหนึ่ง
     
  2. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    ครั้งที่ ๓ แม่เฒ่าไม วงศ์แก้ว ชาวบ้านมหาชัย ตั้งบ้านเรือนอยู่ติดเขตวัดใกล้องค์พระธาตุ วันนั้นเป็นคืนเดือนเพ็ญ ตอนกลางดึก แม่เฒ่าได้มองเห็นดวงดาวดวงหนึ่งมีแสงสว่างสุกใสกว่าดาวดวงอื่น โตประมาณเท่าไข่ห่าน ค่อย ๆ ลอยต่ำลงมาจากท้องฟ้า ลอยมาจนถึงยอดพระธาตุแล้วได้แตกกระจายส่องแสงสว่างไปทั่วบริเวณพระธาตุด้วยฉัพพรรณรังสีรัศมีหกประการสวยงามจนบอกไม่ถูก แม่เฒ่าตะลึงมองดูอยู่ประมาณห้านาที จึงค่อยจางหายไป รุ่งเช้าแม่เฒ่าได้บอกให้ผู้คนในละแวกบ้านฟัง
     
  3. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    ครั้งที่ ๔ เวลาประมาณสองทุ่มเศษ พระเณรในวัดกำลังอ่านหนังสือบนศาลาการเปรียญ ได้มองเห็นแสงสว่างคล้ายแสงไฟสว่างรอบองค์พระธาตุ พระเณรเหล่านั้นเกิดความสงสัยคิดว่ามีคนเอาดวงไฟมาประดับไว้ จึงพากันไปดูพอเข้าไปจวนจะถึงองค์พระธาตุแสงสว่างนั้นค่อยจางหายไป พระเณรต่างโจษขานกันถึงอภินิหารในครั้งนั้น

    องค์พระธาตุมหาชัยได้แสดงอภินิหารหลายครั้งในทำนองเดียวกันนี้ บางคนมองเห็นคล้ายกับผีพุ่งใต้ พอพุ่งมาถึงองค์พระธาตุก็เกิดแสงสว่างขึ้น ปรากฏหลายครั้งผู้พบเห็นอภินิหารที่เกิดขึ้นต่างได้นำมากราบเรียนให้หลวงปู่ฟังเสมอ บางครั้งพระเณรปฏิบัติธรรมกรรมฐานนั่งสมาธิในเขตบริเวณพระธาตุก็มักจะพบเห็นอยู่เสมอ นับเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง
     
  4. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    ช่วยบูรณะพระธาตุอุโมงค์ (แหล่งข้อมูลมาจากเวปกรุสยาม..ขออนุญาตเจ้าของบทความไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ)
    [​IMG]
    พระอาจารย์สมัย รักขิตธัมโมเป็นคนเมืองเลยติดตามหลวงปู่ฯมาอยู่วัดธาตุมหาชัยตั้งแต่เป็นเณรเล็ก ๆ ตอนนี้เป็นเจ้าอาวาสวัดธาตุมหาชัยต่อจากหลวงปู่ฯ มีใจแน่วแน่ที่จะบูรณะพระธาตุอุโมงที่บ้านยาง ตำบลท่าลี่ อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย เพราะหมอทรงเคยบอกท่านตั้งแต่เป็นเณรว่าเมื่อชาติก่อนพระอาจารย์สมัยเป็นพระได้ทำการสร้างพระธาตุ อุโมงค์แต่สร้างไม่เสร็จก็มรณะภาพก่อนเกิดมาชาตินี้มีความผูกพันในการที่จะสร้างให้เสร็จ หลวงปู่ฯ ท่านได้ช่วยเป็นประธานและเป็นธุระจนพระธาตุอุโมงค์สร้างเสร็จ โดยได้นำพ่อค้าและลูกศิษย์ชาวนครพนมไปบูรณะเกือบทุกปีที่ท่านมีชีวิตอยู่ และได้นำพระพุทธรูปที่ลูกศิษย์ถวาย ไปถวายรอบพระธาตุอุโมงค์และนำพระบรมสาริกธาตุของตัวท่านเองไปบรรจุ ซึ่งพระธาตุอุโมงค์จากการสอบถามชาวบ้านว่าเคยมีคนมาขุดค้นได้เงินสมัยรัชกาลที่ ห้า คิดว่าคงสร้างประมาณสมัยราชกาลที่ห้า และมีความเข็ดขลังพอสมควร เคยมีพระบวชใหม่มาพูดจาประพฤติไม่ดีอยู่เฉย ๆ ตัวร้อนฉันอาหารไม่ได้เจ็ดวัน พี่น้องได้พาไปให้หมอดูปรากฏว่าไม่เคารพพระธาตุ เป็นพระเจ้าพูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูด เจ้าที่เขาเลยเล่นงาน ในช่วงหลวงปู่ฯ มาพักแรมที่ข้างพระธาตุอุโมงค์ในครั้งแรกท่านได้นิมิตและบอกพระอาจารย์สมัยว่า พระธาตุนี้มีอารักษ์รักษาทั้งสี่ทิศคอยดูแลและปกปักรักษาและที่ต้นโพธิ์ใกล้พระธาตุมีชีผ้าขาวอาศัยอยู่และดูแลพระธาตุ ด้วย ผู้คนที่มาทำลายพระธาตุหรือขุดค้นด้วยความโลภ พวกอารักและชีผ้าขาวเขาจะคอยขัดขวางและทำโทษแก่ผู้ที่บุกรุกหรือทำสิ่งที่ไม่ดีไม่ร้าย แก่พระธาตุและสถานที่ใกล้ ๆ พระธาตุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2012
  5. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    แคล้วคลาดจริง ๆ

    สามเณรศรีบุญฮงได้เล่าเหตุการณ์ในการเดินทางว่าปกติแล้วหลวงปู่ฯเวลาท่านอธิฐานจิตลงในวัตถุมงคลท่านจะกำหนดจิตเป็นเมตตาและแคล้วคลาด ผู้นำวัตถุมงคลไปใช้มักจะแคล้วคลาดเสมอทุก ๆ ด้าน รวมถึงทั้งด้านการเดินทางด้วยรถยนต์หรือยานพาหนะต่าง ๆ ครั้งหนึ่งเมื่อหลวงปู่ฯได้เดินทางไปทางภาคเหนือของประเทศไทยโดยรถของพันตรี วิรัตน์ ดิศวัตน์ ลูกศิษย์ของท่านในยศขณะนั้น ไปถึงจังหวัดพิษณุโลกประมาณตีสี่ พอพักได้สองถึงสามชั่วโมงจึงเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ต่อ ซึ่งมีโยมมารอรับเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ได้นิมนต์หลวงปู่ฯไปดูโรงเรียนเอกชนที่จังหวัดน่าน ซึ่งมีช่างซ่อมรถเป็นคนขับรถ พอเดินทางไปถึงโรงเรียน ก่อนทำพิธีแผ่เมตตาและแนะนำวิธีการต่าง ๆ ให้แก่ผู้อำนวยการโรงเรียนเอกชน หลังจากนั้นก็เดินทางกลับจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งการเดินทางผ่านเขาลาดชันและหุบเหวลึกเส้นทางน่ากลัวมาก สามเณรศรีบุญฮง กล่าวว่าเมื่อเดินทางมา ถึงจังหวัดเชียงใหม่ปรากฏว่า รถสตาร์ทไม่ติด ช่างเกิดความสงสัยจึงเปิดกระโปรงหน้ารถและทำการตรวจซ่อมเครื่องดู ผลปรากฏว่าเครื่องยนต์มีปัญหาแหวนข้างหน้าในเครื่องพังหมด อะไหล่เกิดความเสียหายหลายอย่าง ไม่รู้ว่ารถกลับมาถึงจังหวัดเชียงใหม่ได้อย่างไรนายช่างกล่าวด้วยความตื่นเต้นและอัศจรรย์ใจ
     
  6. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    พญานาคโกรธพระติดตามหลวงปู่

    หลวงปู่เป็นพระสุปฏิปันโนมีความเมตตาประมาณนับมิได้ ให้การสงเคราะห์แก่บุคคลไม่มีแบ่งชั้นวรรณะ ท่านจึงเป็นที่เคารพรักของคนทั่วไปทั้งประเทศ เวลามีงานพุทธาภิเษก ไม่ว่าจะเป็นวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดบวรเวศนิเวศ มักจะนิมนต์ท่านเสมอ ช่วงหลังหลวงปู่ฯท่านสุขภาพไม่ดีจึงไม่รับนิมนต์ ประมาณปี 2535 วัดทางจังหวัดเพชรบูรณ์ได้กราบนิมนต์หลวงปู่ฯ ไปร่วมงานพิธีพุทธาภิเษกระยะทางไกล แต่ด้วยความเมตตาของหลวงปู่ฯ จึงรับกิจนิมนต์ ทราบข่าวถึงพระอาทิตย์และพระสุภัทร จึงขออนุญาตติดตามไปด้วยกับรถตู้ของวัด รวมทั้งพระอาจารย์ประเทือง พุทธริกขธัมโมด้วย พระอาจารย์ประเทืองเล่าให้ฟังว่า พระสุภัทรกล่าวว่ามีถ้ำๆ หนึ่งใน จังหวัดเพชรบูรณ์จำชื่อไม่ได้คิดว่าชื่อถ้ำนางหงษ์ เป็นถ้ำเก่าแก่ เขาเล่าว่ามีหินหล่นมาคล้ายลูกน้อยหน่า อยากจะไปดูจึงบอกคนขับรถหลวงปู่ฯ ให้แวะไปดูที่ถ้ำโดยการโทรศัพท์ประสานกับผู้รู้ทางกรุงเทพฯ หลังจากนั้นจึงขับรถไปยังที่บอก ไปถึงถ้ำอยู่บนที่สูงชัน หลวงปู่ฯ ไม่ได้ขึ้นไปท่านนั่งอยู่ภายในรถ พระทั้งสามรูปเดินขึ้นไป พระอาจารย์ประเทืองกล่าวว่าหน้าถ้ำมีต้นไม้ใหญ่ และมีศาลเจ้าอยู่ พระทั้งสามรูปจึงเดินเข้าไปภายในถ้ำไม่เห็นมีหินหล่นเหมือนที่ได้ยินมา จึงเดินทางกลับ ช่วงนั้นหลวงปู่ฯ ทำสมาธิกำหนดจิตอยู่ที่ในรถยนต์ ได้เห็นพญานาคไล่ทำร้ายพระทั้งสามรูป ท่านจึงแผ่เมตตาให้ ช่วงที่พระทั้งสามรูปจะเดินทางกลับปรากฏมีลำแสงสว่างออกจากผนังถ้ำพุ่งออกมา พระทั้งสามรูปเห็นสักพักพระสุภัทรกล่าวว่าสงสัยจะเป็นเพชรจึงชวนกันเดินไปที่ผนังถ้ำตรงจุดนั้น แล้วพระสุภัทรก็เอาไฟแช๊กจุดเผาหินที่ลำแสงพุงออกมาด้วยคิดว่าเป็นเพชร จะได้นำไปขายเพื่อแบ่งเงินกัน ทันใดนั้นเองพระอาทิตย์ก็ได้ยินเสียงถ้ำเคลื่อนย้ายคล้ายพญานาคยักษ์ขยับตัว ส่วนพระอาจารย์ประเทืองได้ยินเสียงเหมือนถ้ำจะพังลงมาทับ และหินลงมาปิดปากถ้ำเอาไว้ พระทั้งสามรูปวิ่งหนีออกมาหาหลวงปู่ฯ พอมาถึงหลวงปู่ฯ พูดว่าพวกเจ้าโลภอยากจะได้เพชรไปขาย พญานาคเขาโกรธ เพราะช่วงหลวงปู่ฯ ท่านอยู่ในรถท่านได้ติดต่อกับพญานาคว่า พระสามรูปนั้นเป็นพระบวชใหม่ ขอให้ยกโทษและอโหสิกรรมให้ที่ได้ล่วงเกินเอาไฟไปรนเผาพญานาค ด้วยความคิดโลภอยากจะนำเพชรไปขาย และท่านได้กล่าวกับพระทั้งสามรูปว่าดีแล้วที่ไม่ตายในถ้ำหรือว่ายบกออกมา ช่วงหลังพระอาทิตย์และพระสุภัทรก็ลาสิกขาบทออกไป ส่วนพระอาจารย์ประเทืองปัจจุบันได้เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าอรัญญาคาม พระสุภัทรที่ลาสิกขาบทออกไป ผู้เป็นต้นคิดที่จะนำเพชรไปขายเป็นคนกรุงเทพฯ พ่อเขาเป็นเซียนพระชื่อดังที่ทุกคนรู้จักในนาม “เง็กบางลำภู”
     
  7. jaguarnusing

    jaguarnusing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2011
    โพสต์:
    4,901
    ค่าพลัง:
    +15,583
    ยินดีมากครับ ผมเป็นคนบ้านแพงครับ ขออนุญาตติดตามเรื่อย ๆ นะครับ
     
  8. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    ได้เลยครับ..มีอะไรดี ๆ ก็เอามาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ (บ้านใกล้กันครับ ผมคนโพนสวรรค์ครับ)
     
  9. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    พญานาค

    ในพระไตรปิฏกพระพุทธศาสนากับพญานาคมีความสัมพันธ์กันมาตลอด พญานาคเป็นสัตว์ใจบุญและศรัทธาในพระพุทธศาสนา ฉะนั้นพระอุโบสถศาลาการเปรียญและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาจึงได้พบว่ามีการปั้นรูปพญานาคลักษณะต่างๆไว้ จากพระไตรปิฎกเมื่ออดีตชาติก่อนที่พระพุทธเจ้าจะสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น อดีตชาติท่านเคยเป็นพญานาค ชื่อ ภูริทัตต์ ทรงบำเพ็ญศีลบารมีขั้นสูงสุด พญานาคแบ่งออกเป็นสี่ประเภทด้วยกัน คือพญานาคที่เกิดกับไข่ พญานาคที่ถือกำเนิดในครรภ์ พญานาคที่ถือกำเนิดขึ้นจากเถ้าไคลที่ชื้นแฉะ และพญานาคที่เกิดแบบผุดขึ้นคล้ายเทวดา ซึ่งเรียกว่าพญานาคโอปปาติกะ มีความละเอียดมากกว่าพญานาคประเภทอื่น ส่วนแหล่งกำเนิดของพญานาคนั้นเรียกา นาคพิภพ แบ่งออกเป็น พญานาคถลชะมีแหล่งกำเนินอาศัยอยู่บนบก และพญานาคชลชะ มีแหล่งกำเนิดอาศัยในน้ำ
     
  10. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    ที่อยู่หรือภพภูมิของพญานาค
    ตามตำนานกล่าวว่าพญานาคที่กำเนิดมาจากไข่หรือ จากครรภ์และจากเถ้าไคลน้ำนั้น ส่วนมากจะมีแหล่งกำเนิดที่อยู่อาศัยบนบก ในส่วนพญานาคจำพวกโอปปาติกะจะมีแหล่งถิ่นอาศัยอยู่ใต้น้ำตั้งแต่ห้วย หนอง คลองบึงจนถึงมหาสมุทรและมีความละเอียดประณีตตามของบุพกรรมของตนเป็นตัวกำหนด ที่มีความละเอียดที่อยู่ของนาค ก็คือใต้พิภพบาดาลนั้นเป็นเมืองทิพย์ พญานาคที่อยู่ใต้เมืองบาดาลนั้นจะเสวยสมบัติเป็นทิพย์คล้ายกับเหล่าเทวดาบนสรวงสวรรค์(พระไตรปิฏกเล่มที่ ๒๘ หน้า ๒๒๑-๒๒๓)
    จากการศึกษาในชาดกเรื่องภูริทัตฺต์ ได้พูดถึงสถานที่อยู่หรือภพของพญานาคภูริทัตต์ไว้ว่าห้วงน้ำลึกวนอยู่ทุกมื่อ น่ากลัว ห้วงน้ำนั้นเป็นที่อยู่อันรุ่งเรืองของเรา ลึกหลายร้อยชั่วบุรุษในดินแดนของนาคพิภพนั้นเป็นเช่นเดียวกันกับทิพย์สมบัติของเทวดาภูริทัตต์นาคได้พรรณนาสรรเสริญไว้ดังต่อไปนี้ “แผ่นดินมีพื้นสวยราบเรียบ ประกอบด้วยต้นไม้กฤษณาเป็นอันมากดารดาษด้วยหมู่แมลงค่อมทอง มีหญ้าขึ้นเขียวชอุ่มงามอุดม หมู่ไม้อันน่ารื่นรมย์มีสระโบกขรณีที่สร้างไว้สวยงามมาก ระงมด้วยเสียงหงษ์ มีดอกปทุมล่วงหล่นอยู่เกลื่อนกลาด และ มีปราสาท 8 มุมเมือง มีเสาพันเสาอันและขัดเกลาดีทุกเสาสำเร็จสวยด้วยแก้วไพฑูรย์ เรืองจรูญด้วยเหล่าสนมนางนาคกัญญา พระองค์บังเกิดในวิมานอันทิพย์กว้างใหญ่และ เป็นวิมานเกษมสำราญรื่นรมย์ จะมีสุขอันใดจะเปรียบปานมิได้ ด้วยบุญบารมีของพระองค์ พระองค์เห็นจะไม่ทรงหวังวิมานอย่างพระอินทร์ เพราะฤทธิ์อันยิ่งใหญ่และไพบูลย์ของพระองค์นี้ก็เหมือนของท้าวสักกะผู้รุ่งเรือง ดังนั้นนาคพิภพอันเป็นวิมานท้าววิรูปักษ์ผู้เป็นใหญ่กว่าพญานาคทั้งปวง และเป็นหนึ่งในท้าวจตุโลกบาลผู้รักษาทางโลกด้านทิศตะวันตก ปรากฏในคาถาอาฎานาฎิยสูตรว่า (อาฏานาฏิยสูตร ทีฆนิกาย หน้า๒๑๓)
    “พระสุริยะคือพระอาทิตย์มีมณฑลใหญ่ตกทางทิศใด เมื่อพระอาทิตย์ตก ลางหายไป เมื่อพระอาทิตย์ตกเรียกกันว่ากลางคืน ในที่พระอาทิตย์ตกนั้นมีห้วงน้ำลึก คือมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยน้ำ หมู่ชนทั้งหลายรู้จักห้วงน้ำนั้นว่าสมุทรที่เต็มด้วยน้ำ คนเรียกทิศนั้นคือทิศตะวักตก จากภูเขาสิเนรุนี้ขึ้นไป ซึ่งเป็นทิศที่ท้าวมหาราชผู้มียศองค์นั้นอภิบาลรักษาอยู่ ท้าวมหาราชนั้นมีพระนามเรียกว่าวิรูปักษ์ ทรงเป็นหัวหน้าของพญานาคมีนาคแวดล้อม พระองค์ทรงโปรดการร้องรำและการขับร้อง”
    ตามไตรภูมิพระร่วงได้บรรยายลักษณะของเมืองบาดาลว่า นาคพิภพเป็นที่อยู่ของหมู่นาคนั้นปราสาทแก้ว ปราสาทเงินและ ปราสาททอง อยู่ใต้เขาหิมพานต์กว้าง 500 โยชน์ มีแก้ว 7 ประการ เป็นแผ่นดินงามดังที่อยู่พระอินทร์ มีสระใหญ่ หลายแห่งให้ฝูงนาคได้เล่นน้ำ ส่วนน้ำในสระนั้นก็ใสสอาดดุจแผ่นแก้ว มีปลาใหญ่ปลาน้อยแหวกว่ายไปมา มีดอกบัว อยู่5 ชนิด เมื่อน้ำกระเพื่อมดูงามยิ่งนัก( ปฐมรัตน์ สุธีมายานนท์ “นาค” หน้า๑๒)
    หนังสือไตรภูมิพระร่วงยังกล่าวถึงนาค สอง ประการไว้ว่า พญานาคนั้นสามารถเนรมิตกายเป็นเทวดา นางฟ้า และรูปลักษณ์อะไรก็ได้ แต่พญานาคถลชะสามารถเนรมิตร่างกายของตนได้เฉพาะบนบก เท่านั้นเนรมิตในน้ำไม่ได้ พญานาคชลชะ สามารถเนรมิตในน้ำได้ไม่สามารถเนรมิตกายในบกได้

     
  11. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    พญานาควัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร
    พระธาตุพนมเป็นปูชณียสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพรักของคนไทยทั่วประเทศและชาวลาวที่อยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง เป็นที่บรรจุพระอุรังคธาตุ (กระดูกหัวอก) ของพระพุทธเจ้า พญานาคที่รักษาองค์พระธาตุพนมได้แสดงความศักดิ์สิทธิ์ให้ประจักโดยเริ่มต้น ในวันฝนตกหนัก ขึ้นห้าค่ำเดือนสิบเอ็ดปี พ.ศ. 2500 นายไกฮวดและภรรยาได้ออกมารองน้ำฝนไว้ดื่มในเขตอำเภอธาตุพนมได้เห็นแสงสว่างเป็นลำโตเท่าต้นตาลสีต่างกันเจ็ดสีสวยงามมาก ลำแสงได้พุ่งมาจากทางทิศเหนือ แซงกันไปมามองเห็นแต่ไกล นายไกฮวดได้ร้องเรียกภรรยามาดู ลำแสงทั้งเจ็ดได้เคลื่อนเข้าสู่ซุ้มทางเข้าวัดพระธาตุพนมตอนเช้าจึงนำความมาเล่าให้แก่ผู้คนในอำเภอธาตุพนมให้ทราบ หลังจากนั้นพญานาคก็เข้าประทับทรงเณรแล้วแจ้งแก่เจ้าอาวาสในขณะนั้นว่า “มาสองคืนแล้วมาจากสระโนดาตในเทือกเขาหิมาลัย เพื่อมาปกปักรักษาพระธาตุพนมและช่วยเหลือประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยาก”
     
  12. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    กราบนมัสการ หลวงปู่จันทร์ เขมิโย
    [​IMG]

    ท่านเจ้าคุณปู่หลวงปู่จันทร์ เขมิโย (พระเทพสิทธิธาจารย์) ปฐมกำเนิดธรรมยุตองค์แรกของจังหวัดนครพนมเป็นพระเถระที่มีเมตตาสูงท่านปรารถนาพุทธภูมิ ครั้งหนึ่งหลวงปู่ฯบวชได้ห้าพรรษาได้เดินทางไปกราบท่านตอนนั้นท่านเป็นเจ้าคุณสารภารมุนี และได้สนทนาธรรมกันพอสมควร หลวงปู่จันทร์ได้จับแขนข้างขวาของหลวงปู่ฯ ลูบลงเบา ๆ กล่าวชมเชยว่า “ท่านเป็นสมณะสารูปจริง ๆ จะหาพระอย่างท่านยากมาก เอาอย่างนี้บุญกุศลที่ผมบำเพ็ญมาถึงหกสิบพรรษาขอแบ่งให้ท่านครึ่งหนึ่ง ก็แล้วกัน ต่อไปในอนาคตท่านจะได้เป็นที่พึ่งของประชาน ชาวจังหวัดนครพนมและประชาชนทั่วประเทศต่อไป” หลวงตาหนูวัดศรีเทพ จังหวัดนครพนมกล่าวว่า อยู่กับหลวงปู่จันทร์มานาน เห็นท่านเปรยๆ ยังไม่พบพระที่เห็นในนิมิตที่อยู่ในจังหวัดนครพนม สังเกตุหามาห้าปี แล้ว และท่านก็เจอแล้ว คือหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญนั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2012
  13. jaguarnusing

    jaguarnusing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2011
    โพสต์:
    4,901
    ค่าพลัง:
    +15,583
    กราบหลวงปู่คำพันธ์

    [​IMG]
    [​IMG]
     
  14. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    แจ่มจันทร์คร๊าาาาาบ...:z5
     
  15. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    สร้างวัดป่าอรัญญาคาม
    เวลาต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๗ ท่านได้เป็นประธานในการสร้างวัดป่าขึ้นในบริเวณป่าที่เรียกว่า หนองดินดิบ ชาวบ้านบางคนเรียกว่า หนองขี้หมาจอก เพราะมีสุนัขจิ้งจอกอาศัยอยู่มากสถานที่เป็นป่ารกชัฏ น่ากลัวแม้ตอนกลางวันก็ไม่ค่อยมีใครอยากเข้าไปในป่าแถวบริเวณนี้ หนองน้ำนี้มีบริเวณกว้างเป็นปริมณฑลมีน้ำตลอดปี

    หลวงปู่ฯท่านเคยเล่าให้ฟังว่า ในสมัยที่ท่านเป็นเจ้าคณะตำบลมหาชัย เมื่อไปประชุมเกี่ยวกับกิจของสงฆ์ที่ตัวอำเภอ ต้องเดินไปเพราะไม่มีทางรถ และในการเดินนั้นจะต้องผ่านบริเวณนี้ทุกครั้ง เมื่อมาถึงบริเวณนี้ครั้งใดจะมีความรู้สึกชุ่มชื่นเบิกบานใจมีความรู้สึกว่า เหมือนกับสถานที่แห่งนี้จะเป็นที่กำเนิดของพระอริยะสงฆ์ในเวลาต่อมาหลวงปู่ฯได้ให้ลูกศิษย์ของท่านที่เป็นพระภิกษุสามเณรและนักปฏิบัติให้ลองไปนั่งสมาธิ ภาวนาในบริเวณนั้นดู ขณะที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน พวกลูกศิษย์ได้พบเห็นงูใหญ่ กำลังเลื้อยขึ้นมาจากหนองน้ำนั้น และเลื้อยเข้าสู่ป่าทางทิศตะวันออก พอรุ่งเช้าได้กลับวัดแต่เล่าเรื่องที่พบงูใหญ่ให้ท่านฟัง ท่านเกิดความรู้สึกในใจว่าสถานที่แห่งนี้คงเป็นสถานที่พญานาคเคยมาอาศัยอยู่ท่านจึงดำริที่จะสร้างวัดขึ้นและในเวลาต่อมา ก็ได้ดำเนินการก่อสร้าง หลวงปู่ฯท่านได้ตั้งชื่อว่า วัดป่าอรัญญาคามวัดป่าแห่งนี้หลวงปู่ฯท่านสร้างไว้เป็นที่ปฏิบัติธรรมของลูกศิษย์ เพราะเป็นที่สัปปายะ และไม่ห่างจากหมู่บ้านมากนัก เป็นศูนย์รวมจิตใจของญาติโยม เพราะตั้งอยู่จุดศูนย์กลางระหว่าง ๕ หมู่บ้าน ในทุกปีจะจัดให้มีการปฏิบัติธรรมกรรมฐาน และนี้ คือ เหตุที่ท่านสร้างวัดป่าขึ้น


    แม่ชี 5 องค์
    หลังจากหลวงปู่ฯตัดสินใจสร้างวัดป่าขึ้นมา ลูกศิษย์แต่ละหมู่บ้านก็เริ่มทยอยกันสร้างกุฏิถวายหลวงปู่ฯ วันหนึ่งหลวงปู่ฯพร้อมเณรก็ได้เดินทางมายังกุฏิเล็กๆ ที่สร้างภายในวัดป่าอรัญญาคามเป็นช่วงเวลาประมาณบ่ายสามถึงบ่ายสี่โมงเย็น หลังจากหลวงปู่ฯเดินดูสภาพทั่วๆ ไปภายในวัดป่าอรัญญาคามแล้วท่านได้มานอนพักโดยนอนตะแคง เณรที่ติดตามก็ได้ทำการนวดให้หลวงปู่ฯ ซึ่งอยู่บนกุฏิเล็กๆ มีบันไดเดินขึ้นมาข้างบนเวลานั้นเป็นเวลาตะวันใกล้จะตกดินในช่วงที่เณรนวดไปเรื่อยๆ หลวงปู่ฯก็ได้มองเห็นแม่ชี 5 องค์นั่งอยู่แถวด้านล่าง คนหนึ่งเป็นคนแก่แต่ตัวต่ำส่วนอีกสี่คนอายุใกล้ๆ กันหันหน้ามาหาหลวงปู่ฯพนมมือ หลวงปู่ฯก็นอนอยู่เฉยๆ แม่ชีทั้งห้าเขามาขอฟังเทศน์ เขามาขอส่วนบุญ หลวงปู่ฯก็เลยอุทิศให้และพวกเขาเป็นพวกภูมิซึ่งอายุยืนยาวกว่าพวกมนุษย์

    มิติซับซ้อนในวัดป่าอรัญญาคาม
    วัดป่าอรัญญาคามก่อนวันเกิดหลวงปู่ฯทุกปี คือวันที่ 10 มกราคม จะมีการปฏิบัติธรรมโดยมีชาวบ้านและพระเณรเข้าร่วมปฏิบัติธรรม พวกที่ไม่ได้เป็นพระเณรก็บวชชีพราหมณ์นุ่งขาวห่มขาวถือศีลแปด โดยมีครูบา อาจารย์เข้าร่วมปฏิบัติธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลวงปู่ฯท่านจะสอนพระเณรและชีพราหมณ์ตลอดเวลาโดยมีการเทศน์ฯ อบรมสั่งสอนซึ่งลูกศิษย์ลูกหาจดบันทึกไว้อย่างมาก เพราะหลวงปู่ฯต้องการสอนธรรมะหลักปฏิบัติเพื่อนำสัตว์โลกให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ต่าง ๆ และมีการฝึกปฏิบัติจริง ๆ พระอาจารย์ประเทือง พุทธรักขิโต ท่านได้มาร่วมปฏิบัติธรรมด้วยหลังจากฟังธรรมะจากหลวงปู่ฯเสร็จเรียบร้อยแล้วก็แยกตัวมากุฏิและไหว้พระสวดมนต์ทำสมาธิ เมื่อดึกพอประมาณแล้วก็ได้หลับพักผ่อน และแล้วในคืนนั้นท่านได้นิมิตประหลาดว่ามีโยมได้ขึ้นกุฏิมาหาท่านและกราบพร้อมกับพูดว่าพระอาจารย์อยากเห็นพระอรหันต์ไหม ท่านได้ดูโยมที่มากล่าวชวน การแต่งกายเหมือนคนสมัยก่อนท่านเลยตอบว่าอยากจะเห็นเพื่อเป็นบุญตา เขาบอกว่าถ้าอยากเห็นตามลงมาเลย พระอาจารย์ตอบว่า “ขอครองผ้าสังฆาก่อน”โยมตอบว่า ไม่ต้องครองมาเลย แล้วท่านก็เดินตามไป จำได้ว่าอยู่ใกล้ศาลาการเปรียญที่สร้างขึ้นใหม่ ทันใดนั้นเหมือนกับท่านแวบเข้าไปสู่อีกมิติหนึ่งเดินทางเข้าหมู่บ้านสักพักได้เห็นคนประมาณสองร้อยคนแต่งกายเหมือนคนโบราณสมัยก่อน รุมล้อมพระรูปหนึ่ง กราบไหว้ปรนนิบัติรับใช้ ดูลักษณะแล้วแสดงเหมือนชาวบ้านเคารพศรัทธาพระรูปนี้มาก พิจารณาผิวพรรณลักษณะแล้วคิดว่าเป็นพระอรหันต์เหมือนโยมที่นิมนต์มาชมจริง ๆ จึงได้ก้มกราบสามครั้ง เกิดปิติอิ่มเอิบอย่างบอกไม่ถูก พอรุ่งเช้าได้ตื่นมาปฏิบัติธรรมไหว้พระสวดมนต์ หลังจากว่างแล้วได้ขึ้นมากราบหลวงปู่ฯ ที่กุฏิภายในวัดป่าอรัญญาคามและได้เล่าเหตุการณ์ให้ท่านฟัง ท่านได้พูดกับพระอาจารย์ประเทืองว่า วัดป่าอรัญญาคามแห่งนี้ในอดีตชาติก่อนเป็นที่ปฏิบัติธรรมสั่งสอนคนและเป็นที่ปฏิบัติธรรมของพระอริยะสงฆ์หลายรูปและมีพระหลายรูปบรรลุธรรมชั้นสูงในสถานที่แห่งนี้ ขอให้เร่งปฏิบัติความเพียรพยายามพิจารณาไปเรื่อย ๆ อย่าได้ย่อท้อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2012
  16. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    บูรณะวัดสร้างพระอินทร์
    ลุถึงปี พ.ศ. 2537 เมื่อท่านได้มีโอกาสขึ้นไปบูรณะปฏิสังขรณ์หอ พระไตรปิฎกที่สำนักสงฆ์ ถ้ำส้างพระอินทร์ ได้รำลึกถึงว่าสถานที่แห่งนี้ เป็นที่ที่ท่านมักขึ้นมาบำเพ็ญธรรมอยู่เสมอ และสมัยที่เป็นเด็กก็เคยมาเลี้ยงวัว ควายอาศัยอยู่ที่แห่งนี้ พระสงฆ์ผู้ทรงอภิญญาก็เคยอยู่จำพรรษาอยู่ที่นี้วันหนึ่งท่านได้มาพักอยู่ที่กุฏิหลังเล็กช่วงท่านหลับท่านได้นิมิตรเห็นพระภูมิเจ้าที่ทั้งหลายมากราบท่านเขาทั้งหลายอยากจะได้รูปพระศาสดาซึ่งเป็นที่เคารพของเทพเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายและเห็นว่าหลวงปู่ฯเป็นผู้มีบุญบารมีเป็นที่พึ่งพาของสัพพสัตว์เลยมาขอบารมีของหลวงปู่ฯหลังจากนั้นหลวงปู่ฯจึงสร้างพระพุทธรูปพระประธานองค์ใหญ่ขึ้นชื่อว่าพระพุทธการุณเป็นปูชณียสถานที่เคราพบูชาของมหาชนในเวลาต่อไป และในปี ๒๕๓๘ จึงแล้วเสร็จบนสถานที่แห่งนี้ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเคยใช้เป็นสถานที่ทรงงานตามโครงการพระราชดำริ

    วิญญานบนวัดสร้างพระอินทร์
    สามเณรติ พลไชยราช เป็นสามเณรติตตามหลวงปู่ฯ ช่วงปี พ.ศ. 2539 ได้ติดตามหลวงปู่ฯขึ้นไปบูรณะวัดส้างพระอินทร์ ซึ่งอยู่บนเทือกเขาภูพานน้อยอำเภอนาแกจังหวัดนครพนม สามเณรตินอนอยู่นอกระเบียงกุฏิกับโยมที่ติดตามไปด้วยส่วนหลวงปู่ฯนอนอยู่ด้านในมีตะเกียงเป็นแสงส่องทางและแล้วสามเณรติและโยมที่ติดตามก็ได้มีประสบการณ์ในชีวิตที่ไม่เคยลืมเลือนคือ วันนั้น สามเณรติได้ยินเสียงผู้หญิงร้องเสียงโหยหวนมาเป็นระยะ นอนก็นอนไม่หลับนอนมองหน้ากันกับโยมที่ติดตามหลวงปู่ฯ ต่างคนต่างมองหน้ากันและไม่พูดจา จะเคาะประตูบอกหลวงปู่ฯก็กลัวท่านว่า นึกแต่เรื่องขึ้นมาสร้างพระพุทธรูปมาทำบุญ เสียงโหยหวนทำเอาขนลุกขนพองตลอดคืนลืมไปว่า หลับตอนใดไม่ทราบได้ยินเสียงหลวงปู่ฯคล้ายหลวงปู่ฯจะตำหมากจึงตื่นขึ้นมา พากันมากราบหลวงปู่ ฯเห็นท่านพูดจับใจความพอได้ว่า “ผู้หญิงสาวหนาวไม่มีเสื้อผ้าใส่พี่น้องไม่ทำบุญไปให้เลยจึงมาขอส่วนบุญ”

    อีกครั้งหนึ่งเมื่อสามเณรติ ติดตามหลวงปู่ฯขึ้นไปวัดสร้างพระอินทร์ เทือกเขาภูพานน้อย คือตอนที่สร้างศาลาการเปรียญ ต้องขึ้นไปบนยอดเขาภูพานน้อย ชาวบ้านเขาทำกุฏิถวายหลวงปู่ฯไว้ด้านบน สามเณรติก็ตามหลวงปู่ฯขึ้นไปเหมือนเช่นเคย คืนนั้นก็ได้ยินเสียงโหยหวนเสียงหวีดวิว ฟังแล้วรู้สึกวังเวง ขนลุกขนพอง พยายามที่จะแผ่เมตตา แต่ปากแข็งกว่าจะตั้งสติได้ ต้องอาศัยเวลานาน ฝนก็ตกเป็นช่วง ก่อนเข้าพรรษาเสียงหวีดสลับกับเสียงฝนเป็นจังหวะมองไปข้างนอกก็ไม่เห็นมีอะไร พอตอนเช้าก็จับใจความหลวงปู่ฯพูดว่า “เปรตเข้ามาขอส่วนบุญเขาจะไปผุดไปเกิด” หลวงปู่แผ่เมตตาให้เขาไปแล้ว
     
  17. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    คนธรรพ์
    พระอาจารย์ปราโมทย์ จันทโชโตท่าน ได้เล่าให้ฟังว่า ช่วงที่ท่านหลวงปู่ฯท่านขึ้นบนเขาภูพานน้อยวัดสร้างพระอินทรฺ์ อำเภอนาแกจังหวัดนครพนมถ้าท่านมีเวลาอยู่กับพระเณรท่านจะอบรมสอนธรรมะหลักปฏิบัติและให้ลองไปปฏิบัติทำเอง หากมีปัญหาใด ๆ ท่านก็จะให้คำแนะนำ และบอกวิธีแก้ไขในปี 2543 บนเขาวัดสร้างพระอินทร์ท่านได้พูดคุยกับพระอาจารย์ปราโมทย์ว่าคนธรรพ์เขาจะอาศัยอยู่ในต้นไม้ใหญ่ ๆ ในป่าและถ้าจะสังเกต ดูต้นไม้ใดมีเปลือกไม้ใหญ่ ๆ จะเป็นวิมานของพวกเขาอาศัยกันอยู่เป็นจำนวนมาก เวลาเปลือกไม้ตกหล่นลงพื้นดินเขาจะไปสร้างวิมานใหม่ พระอาจารย์ปราโมทย์คิดในใจว่าพระธุดงค์สมัยก่อนเวลาเดินทางเข้าป่าใหญ่ ไม่มีคนมาบิณฑบาต ไม่มีอาหารฉัน แต่มีคนมาทำบุญใส่บาตรเป็นข้าวทิพย์คงเป็นพวกคนธรรพ์เขามาใส่บาตร ฉะนั้นผู้ที่มีบุญญาบารมีเท่านั้นจึงจะรู้และทราบเรื่องคนธรรพ์ ดังเช่น หลวงปู่ฯ แต่ท่านก็ไม่ได้ พูดอะไรมากไปกว่านี้

    เทวดาขอฟังธรรม
    พระสุปฏิปัณโณผู้สำเร็จอภิญญาชั้นสูงอยู่ที่ใดย่อมที่เคารพนับถือแก่เทวดาคนธรรพ์ พวกเทวดาจะปกป้องคุ้มครองและดูแล และเมื่อลับตาคนก็จะเข้ามากราบนมัสการขอพรและขอฟังธรรม พระอาจารย์ปราโมทย์ จันทโรโต ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าในช่วงปี 2543 ช่วงก่อนเข้าพรรษาหลวงปู่ฯได้ขึ้นไปวัดส้างพระอินทร์ซึ่งอาจารย์ปราโมทย์ได้ปฏิบัติธรรมกรรมฐานโดยได้ปักกรดหน้าพระพุทธการุณ ตลอดวันนั้นหลวงปู่ฯได้เรียกพระอาจารย์ปราโมทย์ให้ขึ้นมานอนบนกุฏิเล็กด้วยกัน พระอาจารย์ปราโมทย์จึงขึ้นมาบนกุฏิเล็ก หลวงปู่ฯพักด้านในด้านข้างสามเณรสิงห์ เณรอุปถากพักอยู่ จึงตัดสินใจนอนหน้าประตูทางเข้ากุฏิ โดยนอนที่ประตูทางเข้า เวลาประมาณ 6 ทุ่มพระอาจารย์ปราโมทย์ กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่นก็ปรากฏภาพที่เห็นด้วยตาเปล่ามีคนสามคนเดินขึ้นมาบนกุฏิหลวงปู่ฯ คนหนึ่งโพกผ้าสีแดง นุ่งจูงกระเบนสีแดง คนหนึ่งโพกผ้าสีเขียว นุ่งโจงกระเบนสีเขียวและอีกคนหนึ่งโพกผ้าสีน้ำเงินนุ่งโจงกระเบนสีน้ำเงินได้โผล่หัวขึ้นมาบนบันไดจะขึ้นมา คิดว่าจะเข้าไปกราบหลวงปู่ฯ แต่เข้าไปไม่ได้ พอรุ่งเช้าพระอาจารย์ปราโมทย์นึกในใจว่าจะเล่าเรื่อง ทั้งหมดให้หลวงปู่ ฯ ฟัง แต่ท่านได้พูดขึ้นก่อนว่าเมื่อคืนนี้เห็นอะไรไหม พระอาจารย์ปราโมทย์จึงเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้ฟังจนหมดสิ้น ท่านได้บอกพระอาจารย์ปราโมทย์ว่าเวลาท่านมาพักที่วัดสร้างพระอินทร์ พวกเทวดาเขาจะมาขอฟังธรรมเสมอวันนี้เขาเข้ามาแต่เข้าไม่ได้เพราะมีพระมานอนขวางประตู นอกจากเขามาฟังธรรมแล้วเขายังมาไหว้พระบรมสารีริกธาตุด้วย เพราะหลวงปู่ฯได้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุของท่านบางส่วนมาบรรจุไว้ในพระพุทธการุณ
     
  18. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    วิญญาณผีแขกขอส่วนบุญ
    กลุ่มลูกศิษย์จังหวัดสมุทรปราการมีหลายท่านที่อุปถากหลวงปู่ฯ ตั้งแต่หลวงปู่ฯ มาสร้างวัดใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณวัชรี ห้องภาพฉายากร ปากน้ำผ้าม่าน ตลอดจนพ่อค้าคหบดี เรือประมง จนถึงรัฐมนตรีและหนึ่งในจำนวนนั้นมีคุณพิพัฒน์ ไกรการ (ตอนนี้เสียชีวิตไปแล้ว) เป็นบุคคลที่เคารพศรัทธาหลวงปู่ฯมากได้นิมนต์หลวงปู่ฯ ไปพักที่บ้านเพื่อนเพื่อความเป็นสิริมงคลเพราะค้าขายไม่ค่อยดีอยู่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งไม่รู้ถนนอะไร เพื่อนคุณพิพัฒน์ถ้าจำชื่อไม่ผิดคือคุณ นรินทร์ โชติพนัง (หากชื่อนามสกุลผิดขอกราบขออภัยด้วย) เมื่อหลวงปู่ฯไปพักท่านก็ได้ไหว้พระสวดมนต์เข้าสมาธิตามกิจของสงฆ์ กับเณรที่ติดตามท่านไปด้วย ในคืนนั้นเองท่านนอนหลับท่านได้นิมิตว่าได้เห็นแขกสองคน (ผีแขก) หน้าตาเศร้าหมองมากได้กราบท่านและบอกว่าให้ช่วยหน่อยตายอยู่ที่นี้มานานแล้วไม่มีใครทำบุญอุทิศมาให้เลย อดยากมากมีทุกข์มาก นับว่าเป็นบุญกุศลที่หลวงปู่ฯมาที่นี้ช่วยแผ่เมตตาให้เขาพ้นทุกข์หน่อยและขอความกรุณาให้บอกเจ้าของบ้านทำบุญตักบาตรและอุทิศส่วนกุศลให้เขาด้วย เขาจะได้ไปผุดไปเกิด พอตอนใกล้เช้าหลวงปู่ฯ ท่านก็แผ่เมตตาให้ผีแขกที่ได้ในนิมิต ช่วงก่อนเดินทางกลับจังหวัดนครพนม ท่านได้เล่าเหตุการณ์ให้คุณนรินทร์และให้ทำบุญแผ่ส่วนกุศลให้ด้วย ถ้าทำแล้วจะดี ภูมิแห่งนี้จะสร้างความเจริญให้ดีขึ้น หลังจากคุณนรินทร์ปฏิบัติตาม ก็ขายอาหารดีเป็นเทน้ำเทท่า ขยายกิจการออกไปอีกมากมาย
     
  19. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    ตรวจสอบการอ่านใจคน
    หลวงปู่ฯ ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบสอนธรรมะล้วน ๆ หลักธรรมคำสอนลึกซึ้งและเป็นธรรมชาติ ท่านชอบสอนธรรมะและการปฏิบัติธรรม หากลูกศิษย์คนใดมีข้อสงสัยไปถามท่าน ท่านก็จะตอบยกตัวอย่างและให้คำแนะนำโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านมีวิถีญาณที่นิ่งใสบริสุทธิ์สะอาดสามารถรู้อะไรได้ทุกอย่างถ้าท่านจะกำหนดรู้ได้มีลูกศิษย์ที่เป็นพระต่างสำนักมาศึกษากับท่าน และนำไปปฏิบัติเหมือนนักเรียนที่เรียนวิชาแล้วให้กลับไปทำเป็นการบ้านและมาสนทนาธรรมอีก ครั้งหนึ่ง ช่วงมหาศรีบุญฮงเป็นเณร ได้มีพระที่ฝึกธรรมกับท่าน (ฝึกกรรมฐาน) มากราบท่าน หลังจากนั้นท่านก็ให้ไปรอที่พระธาตุมหาชัย และท่านได้เรียกมหาศรีบุญฮงตามท่านไปด้วย เมื่อถึงพระธาตุท่านก็บอกมหาศรีบุญฮงให้คิดเรื่องอะไรก็ได้ และบอกพระรูปนี้ว่าให้ตรวจสอบดูซิว่าเณรรูปนี้คิดอย่างไร มหาศรีบุญฮงก็เลยนึกพิจารณาร่างกาย เกสา คือ ผม โลมา คือ ขน นขา คือ เล็บ พันตา คือ ฟัน ตโจ คือ หนัง เป็นต้น และนึกว่ากายนี้เต็มไปด้วยของไม่สะอาดมีประการดังนี้กล่าวเสร็จแล้วพระรูปนั้นก็ใช้เวลานานสักหน่อยก็ตอบหลวงปู่ฯ ตามที่มหาฮงนึกซึ่งถูกต้องทุกอย่าง เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจยิ่งนัก หลวงปู่ฯ ตอบว่าพอใช้ได้ให้หมั่นฝึกฝนไปเรื่อย ๆ นะ หลังจากนั้นหลวงปู่ฯก็สนทนาธรรมในเรื่องต่าง ๆ และก็แยกกลับที่พักโดยพระรูปนั้นก็จำวัดอยู่ที่มหาชัยวันรุ่งขึ้นฉันอาหารเสร็จ ก็กราบลาหลวงปู่ฯกลับ
     
  20. auto1471

    auto1471 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,480
    ค่าพลัง:
    +6,418

    น้องณุ ของใครนิ แจ่มมั๊กๆๆ เอามาให้พี่ เดี๋ยวไปเลี่ยมเอง 5555
    (ping)
     

แชร์หน้านี้

Loading...