หลวงปู่ทวด ทะเลซุง 2508 (ท่านที่ไม่เล่นทะเลซุงกรุณาอย่าเข้ามาอ่านเลยครับ)

หลายคนที่เล่นหลวงปู่ทวด มีทั้งเก็บและไม่เก็บทะเลซุง ในกลุ่มที่ไม่เก็บทะเลซุง ถึงแม้จะมีหนังสือของอาจารย์ขัยนฤทธิ์ ใหญ่ท่าไม้ หรือแม้กระทั้งลงหนังสือพิมพ์ พวกกลุ่มนี้ยังไงก็ไม่เก็บครับ แต่ในอนาคตเมื่อมีการเล่นแพร่หลายกันอย่างกว้างขวางแล้ว ที่เรียกว่ามีราคากันแล้ว พวกนี้ก็ไม่แน่นอนเหมือนกัน


ตอนนี้ช่วงเวลาเริ่มใกล้ที่จะมีการเล่นทะเลซุงกันมากแล้ว แต่ก็ยังคงมีเสียงคัดค้านต้านทานอยู่เป็นระยะๆจากพวกที่ไม่เก็บทะเลซุง ซึ่งพวกนี้ก็มีเหตุผลของตนเองประกอบความเชื่อเช่นกัน และน่าสนใจอีกด้วย (ผมไม่เอาเหตุผลเหล่านั้นมาลงในนี้นะครับ) แต่ส่วนมากเกือบทั้งหมดฟังต่อๆกันมา


พ.ศ.2508 ตอนนั้นนักเล่นพระเครืองสมัยนี้ พวกเราเกิดไม่ทันกัน หรือเกิดทันแต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้สนใจเล่นพระเครือง หรือเกิดทันและสนใจเล่นพระเครื่องแต่ก็ไม่ได้สนใจเล่นหลวงปู่ทวด หรือ….ฯ แล้วปัจจุบันเราควรเชื่อใครดี


สายตรงปัจจุบันนี้เห็นแต่จะมี อ.ชัยนฤทธิ์ และ อ.แหลม เป็นต้น ที่พอเป็นที่ปรึกษาหลักให้กับวงการพระเครื่องสายหลวงปู่ทวดได้ ทุกคนเป็นว่าเข้าใจตรงกัน แต่ที่น่าสับสนคือเมื่อผู้ที่เราให้การนับถือ ในวงการพระเครื่องสายหลวงปู่ทวด ได้ออกมาแสดงความชัดเจนว่า หลวงปู่ทวด ทะเลซุง สร้างในปี2508 กันจริง โดยมีการสรุป ลงในหนังสือเล่มใหม่ชัดเจนแบบไม่ปิดบัง


แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตามก็ยังมีกระแสคัดค้านอยู่ดี และทำให้ความชัดเจนนั้นกลับไปคลุมเคลืออีก ซึ่งผมเชื่อว่า กระแสเหล่านี้จะอยู่ซักระยะหนึ่ง เพราะ ทุกอย่างค่อนข้างจะชัดเจนมากแล้ว เนื่องมาจากองค์พระเครื่อง มีระบุพ.ศ.2508 ชัดเจน มีการแยกพิมพ์บล็อกไว้แล้ว สภาพพระได้อายุ ขอบตัวตัดชัดเจนมีระบุไว้ กลุ่มคนเล่นเริ่มกว้างมากขึ้น มีการให้ข้อมูลผ่านตามสื่อต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เหลือแต่เพียงระยะเวลาที่เพียงพอเท่านั้น กระแสพระชุดทะเลซุง จะเพิ่มระดับความแรงขึ้นอีกมากมายครับ

 

ผมกลัวบางท่านที่ไม่ได้เล่นหาหรือเก็บทะเลซุง จะเป็นกังวลใจเลยขอออกตัวก่อนนะครับ

อย่าอ่านเลยครับ ข้อความต่อไปนี้ ไม่ดีต่อสุขภาพจิตท่านแน่นอน

 

เรื่องภัยพิบัติทะเลซุงที่บ้านกะทูน นครศรี ธรรมราช ว่าเกิดขึ้นเมื่อ..........

ฝ่ายธรณีพิบัติภัย กองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม บันทึกเหตุการณ์ดินถล่มในประเทศไทย ไว้ในเว็บไซต์ของกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2531 เกิดเหตุดินถล่มที่บ้านกะทูนเหนือ อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตประมาณ 230 คน บ้านเรือนเสียหายประมาณ 1,500 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหาย 6,150 ไร่ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท


ค้นดูข้อมูลของสื่อมวลชนหลายสำนักในช่วงปีนั้น ระบุว่า เหตุการณ์หายนะครั้งนั้นครอบคลุมพื้นที่หลายตำบลใน จ.นครศรีธรรมราช ทั้ง ต.กะทูน ซึ่งอยู่ใน อ.พิปูน และหมู่ บ้านคีรีวง ต.กำโลน อ.ลานสกา ซึ่งลักษณะทางภูมิศาสตร์ของทั้ง 2 แห่งเป็นที่ราบหุบเขา มีภูเขาล้อมรอบและมีป่าอุดมสมบูรณ์


ก่อนเกิดเหตุในเดือนพฤศจิกายน มีพายุฝนตกหนักในพื้นที่ติดต่อกันหลายวันและมีลมพายุพัดกระหน่ำอย่างรุนแรงจนถึงเวลาค่อนรุ่งของวันที่ 22 ชาวบ้านที่กำลังนอนหลับพักผ่อนภายในบ้านก็ได้ยินเสียงดังโครมครามพร้อมกับมรสุมกระแสน้ำป่าที่ไหลทะลักมาพร้อมกับต้นยางพาราที่หลุดโค่นทั้งรากเข้าถล่มบ้านเรือนที่พักอาศัยอย่างชนิดตั้งตัวไม่ติด


แต่เหตุที่กะทูนเลวร้ายกว่า เพราะนอกจากจะมีต้นไม้ที่มีรากไม้โค่นล้มลงมาถล่มทับแล้วยังมีท่อนซุงขนาดใหญ่หลายพันท่อนที่ขบวนการลักลอบตัดไม้ทิ้งเอาไว้ถูกกระแสน้ำพัดพาลงมาเบื้องล่างด้วย ทำให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้านอย่างมากมายมหาศาล


นับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปีในเวลานั้น
หลังเกิดเหตุหลายหน่วยงานพยายามเดินทางเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่เต็มไปด้วยความยากลำบาก ช่วงแรกใช้การเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์เท่านั้น การค้นหาและช่วยเหลือผู้รอดชีวิตเป็นไปอย่างต่อเนื่องหลายวัน


เหตุครั้งนั้นส่งผลให้ชาวพิปูนที่รอดตายต้องอพยพไปอยู่อาศัยในที่ต่างๆ หลายแห่ง เช่น กิ่งอำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่ นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล ที่ดินป่าสงวนกรุงหยัน ตำบลกุแหระ อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ดินทุ่งนาเมืองชัย ตำบลท่ายาง อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช


เป็นพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้ทรงช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยการจัดหาที่พักอาศัยและพื้นที่ทำกินให้กับผู้ประสบภัยอย่างถาวร โดยจัดตั้งเป็นหมู่บ้าน จุฬาภรณ์ และอพยพผู้ประสบภัยเข้าไปอยู่อาศัย มีการส่งเสริมอาชีพให้กับราษฎรในหมู่บ้านอย่างครบวงจร


นอกจากนี้ยังมีโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการสร้างอ่างเก็บน้ำคลองกะทูนและโครงการ สร้างอ่างเก็บน้ำคลองดินแดง เพื่อป้องกันภัยอย่างถาวรให้แก่ชาวบ้านด้วย


ทั้งนี้สื่อมวลชนยังระบุด้วยว่า ความสูญเสียในครั้งนั้นส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากการตัดไม้ทำลายป่า โดยเฉพาะพื้นที่ที่บ้านกะทูน จุดเกิดเหตุทะเลซุงนั่นเอง

 

หนังสือ สนามพระ คู่มือนักสะสม ฉบับเดือนธันวาคม พ.ศ. 2552 เกี่ยวกับ หลวงปู่ทวด "ทะเลซุง" เขียนโดย สมพันธุ์ เลขะพันธุ์


เหรียญหลวงปู่ทวดปี 2508 เล็กจิ๋วมีประสบการณ์ยิ่งใหญ่ ใครๆก็รู้จักกันดี "เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นทะเลซุง"


ทะเลซุง ทำลายบ้านเรือนและคร่าชีวิตผู้คนนับร้อย ที่หมู่บ้านกะทูนเหนือ ตำบลกะทูน อำเภอพิปูน นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2531 ครั้งนั้น สะเทือนขวัญคนไทยทั้งประเทศ ฝังลึกอยู่ในความทรงจำมาถึงวันนี้และตลอดไป


ผู้ประสบภัยพิบัติจากทะเลซุงที่รอดชีวิตมาได้อย่างบอบช้ำ หลายคนเล่าว่ารอดมาได้เพราะ คุณพระคุ้มครอง หญิงชรารายหนึ่งกล่าวด้วยความมั่นใจว่า เหรียญหลวงปู่ทวด ปี 08 องค์เดียวจริงๆ ที่เหลือติดกับตัว หลังจากที่เผชิญกับน้ำ โคลน กิ่งไม้ และท่อนซุง นานถึง 2 คืน 3 วัน


เรื่องจริง อ้างอิงได้ชัดๆอย่างนี้ ย่อมหนุนนำให้เกิดศรัทธาในเหรีบญหลวงปู่ทวดเหรียญเล็กๆ เหรียญนี้ไม่น้อยทีเดียว ท่านผู้อ่านเก็บสะสมไว้บ้างหรือเปล่าครับ ถ้ามีอยู่ สงสัยว่าจะใช่เหรียญนี้หรือไม่ เรามาพิจารณาร่วมกันครับ

 

วันจันทร์ที่ 15 เมษายน 2556 หนังสือพิมพ์บ้านเมือง


@@@ ที่สนามงามวงศ์วาน พันธุ์ทิพย์ ได้เห็นกันจะๆ ร.ต.ต ดร.สุรเชษฐ เชื่อศรี เจ้าสัวเครื่องสำอางลาชูเล่คอสเมติค คนชอบเก็บพระหลวงพ่อทวดย่องเงียบ บุกซื้อพระหลวงพ่อทวดรุ่นทะเลซุง เนื้อทองคำไป 2 องค์ จาก พล.อ.เชวงศักดิ์ ทองสลวย และของ ชัยนฤทธิ์ เพชรพันธุ์ทอง และยังเหมารุ่นทะเลซุงพิมพ์กลางเนื้อโลหะชุบทอง 300 องค์ เนื้ออัลปาก้าชุบนิกเกิล 150 องค์ จ่ายไป 1 ล้าน 5 แสน พระหลวงพ่อทวดรุ่นทะเลซุงสร้างปี 08 ปีเดียวกับเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ ซึ่ง ร.ต.ต. ดร.สุรเชษฐ เชื่อศรี เป็นคนชอบเลข 8 เป็นเหรียญที่ร้านทองภาคใต้สร้างไว้ สมัยก่อนองค์ละไม่กี่ร้อยบาท แจกคนไทย-คนจีนในมาเลเซีย และทหารชายแดน

 

http://uauction3.uamulet.com/AuctionDetail.aspx?bid=366&qid=43851

 

การแขวนและขายพระเครื่อง : พอเราแสดงความเห็นต่าง บางคนก็รับไม่ได้


คุณธรรมของคนทั่วไปได้ศีลห้าก็ดีแล้ว รักษากันไว้ให้ดี(เพื่อตัวเราเอง)เป็นยิ่งกว่าศิริมงคลและวัตถุมงคลใดๆ ทีนี้สมัยนี้มีวตถุมงคลพระเครื่องที่สร้างชูขึ้นมา เพื่อตอบสนองความ ศรัทธาต่อครูบาอาจารย์ของแต่ละคน ซึ่งนั้นก็เป็นกุศโลบายที่ดีในการมีเคารพพระรัตนตรัย หรือบางความเชื่อบางความเห็นอาจจะแปลความหมายไปในทางอิทธิฤทธิ นั่นคือ พุทธคุณ
เมื่อพูดกันถึงพุทธคุณแล้วชาวพุทธทั่วไปจะนึกถึงบทสวดอิติปิโส เพราะบทสวดนั้นเป็นการสรรเสริญพุทธคุณ9 ข้อ แต่กับนักเล่นพระเครื่องแล้วจะนึกถึงพลังอำนาจวิเศษที่อยู่ในวัตถุมงคลกันเป็นส่วนมาก ทำให้มีความคาดเคลื่อนจากความเป็นชาวพุทธ ไปไกลมากขึ้น จนจะกลายเป็นพราหมณ์หรือฮินดูไปเสียแล้ว เพราะชาวพุทธจะต้องมี กรรมที่ตนเองทำเป็นที่พึ่งอาศัย และเป็นไปตามวิบากกรรมที่ตนเองได้กระทำมา หรือพูดอีกอย่างคือให้มีศีลมีธรรมไว้ในจิตใจ เพื่อเป็นเกราะคุ้มครองตน เพราะเมื่อมีศีลมีธรรม เราก็จะไม่ไปทำให้ใครเดือดร้อน ทั้งทาง กาย และวาจาครับ


ต่อมาเนื่องจากวัตถุมงคลมีจำนวนจำกัด จึงเริ่มมีการแบ่งกันจะให้ฟรีหรือจะขายก็ตามที ซึ่งไม่ได้ทำผิดต่อครูบาอาจารย์แต่อย่างใด เพราะการบูชาครูที่ดีที่สุดคือการปฏิบัติบูชา หาใช่โดยการสวดอ้อนวอนท่านเลย


แต่ทีนี้ก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่คิดว่าการขายพระเครื่องเป็นการลบหลู่ครูบาอาจารย์ เพราะมีรูปครูบาอาจารย์อยู่ นับว่าเป็นความคิดที่คับแคบมากเลย(แต่ก็ไม่ได้ว่าผิดนะครับ เพราะมันเป็นความเห็นส่วนบุคคล) เพราะคนอื่นที่อยากได้ก็มี นอกไปจากเราอีกมากมาย แล้วเราได้วัตถุมงคลสมัยนี้เกือบทั้งหมดก็ต้องมีการเสียเงินกันทั้งนั้น ดังนั้นการแบ่งวัตถุมงคลสมัยนี้ นั่นก็คือการขายพระเครื่องเป็นส่วนใหญ่นั่นแหล่ะ(ความจริงก็คือความจริง) หรืออีกคำหนึ่งก็เรียกกันว่า พุทธพาณิชย์


คนบางคนมีความเชื่อในเรื่องการขายพระเป็นการลบหลู่ครูบาอาจารย์เข้มข้นมาก ซึ่งเดิมทีผมก็เป็นเช่นนั้นนะครับ ผมเก็บพระเครื่องได้ประมาณหลายๆพันองค์ เพราะผมไม่เคยขายเลย มีแต่แจกอย่างเดียว ผมจึงมีความเข้าใจกลุ่มนี้เป็นพิเศษครับ แต่ภายหลังผมมาเล่นแบบพาณิชย์เต็มตัวแล้ว และก็เข้าใจกลุ่มนี้เช่นกัน


ส่วนสาเหตุที่ผมพิมพ์มาในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการปรับความเข้าใจ เพราะตกใจที่มีเพื่อนสมาชิก บอกถึงว่า "ใครเล่นพระแบบพาณิชย์ แล้วจะไม่เจริญ" ซำ้ยังบอกให้ล่มจมไปอีก ซึ่งนั่นผิดเพี้ยนไปจากหลักศีลหลักธรรม เพราะไม่มีคำสอนของพระพุทธเจ้าข้อใดที่สอนให้เราไปสาปแช่งคนอื่นเลย ซำ้การสาปแช่งยังเป็นการผิดศีลธรรมเสียด้วยซำ้


หากให้เลือกได้ระหว่างศีลธรรม และพระเครื่อง หากพระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ ผมคาดว่าเอาเองว่าท่านคงทรงต้องการให้เรามีศีลธรรมในใจ มากกว่าศรัทธาพระเครื่องอีกนะครับ

 

จะเป็นความศรัทธาหรือไม่...จะเป็นพุทธพาณิชย์หรือไม่...ทั้งหมดอยู่ที่"เจตนา"ของตนเองของแต่ละคน ให้ดูที่เจตนาของตัวเราเองตั้งแต่ตอนที่ความคิดมันเริ่มมีเริ่มออกมานั่นแหละครับ แล้วจะรู้ว่าเรียกว่าลบหลู่ครูอาจารย์หรือไม่ เรียกว่าเป็นสัมมาอาชีวะได้หรือไม่ ทั้งตอนที่เริ่มคิดจะเช่าและตอนที่คิดจะปล่อย หิริโอตตัปปะและศีลทั้งห้าข้อประกอบอยู่ในเจตนาของเราหรือไม่...แล้วเราจะได้คำตอบของตนเองโดนไม่ต้องไปถามจากใครที่ไหนเลยครับ

 

เอ่อ... นีท่านมาแนวเทศนาโวหารเลยนะครับ สาธุครับ

 

ข่าวดี ข่าวด่วน

ท่านใดที่เล่นสายหลวงปู่ทวดมานานคงรู้จักท่านอ.ฉ่อย ท่าพระจันทร์เป็นแน่แท้ ซึ่งตอนนี่ท่านอยู่ระหว่างการเตรียมการทำหนังสือหลวงปู่ทวดฉบับปี2508 ซึ่งในนั้นมีพระกลุ่มทะเลซุง อยู่ด้วยนะครับ น่ายินดีมากๆเลย

 

ผมคอมเม้น อ ฉ่อย ท่านเก่งแต่เนื้อว่านกับเตารีดครับ (ประสบการณ์ส่วนตัว)

ส่วนเรื่อง ขายพระ อืมมมม ลองอ่าน ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำนะครับ

 

ทุกคนต่างมั่นใจในจุดยืนตน ผมเคารพทุกความคิดเห็นนะครับ ส่วนตัวผมเชื่อว่าอย่างสนิทใจว่าทันท่านอาจารย์ทิมเสกนะครับ ไม่อยากชี้แจงเหตผลครับ(รอเรื่องมันกระจ่างเองดีกว่า เปลืองตัวเปล่าๆ ลูกคนสร้างก็ยังอยู่) ส่วนตัวผมเชื่อว่าอย่างไรคนไม่เชื่อก็คือไม่เชื่อ เพราะงั้นต่างคนต่างอยู่เถอะนะครับ อย่ามาระรานกันเลยครับ ขอความกรุณาละ

 

5 อาชีพต้องห้าม
มิจฉาวณิชชา คือ การค้าขายที่ผิด หรือไม่ชอบธรรม หมายถึง บุคคลไม่ควรค้าขายสิ่งเหล่านี้ ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อเพื่อนมนุษย์ต่อสัตว์และต่อสภาพแวดล้อม
1. สัตถวณิชชา คือ การขายอาวุธ ได้แก่ อาวุธปืน อาวุธเคมี ระเบิด นิวเคลียร์ อาวุธอื่น ๆ เป็นต้น อาวุธเหล่านี้หากมีเจตนาเพื่อทำร้ายกัน จะก่อให้เกิดการทำลายล้างซึ่งกันและกัน โลกจะไม่เกิดสันติสุข
2. สัตตวณิชชา หมายถึง การค้าขายมนุษย์ ได้แก่ การค้าขายเด็ก การค้าทาส ตลอดจนการใช้แรงงานเด็กและสตรีอย่างทารุณ
3. มังสวณิชชา หมายถึง ค้าขายสัตว์เป็น สำหรับฆ่าเพื่อเป็นอาหารเป็นการส่งเสริมให้ทำผิดศีลข้อที่ 1 คือการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
4. มัชชวณิชชา หมายถึง การค้าขายน้ำเมา ตลอดจนการค้าสารเสพติดทุกชนิด
5. วิสวณิชชา หมายถึง การค้าขายยาพิษ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ รวมทั้งเป็นอันตรายต่อสัตว์

การทำมาค้าขายทั้งห้าชนิดนี้ ทางพุทธศาสนาถือว่าเป็นการทำมาหากินที่ไม่ชอบธรรม เพราะมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์และสิ่งมีชีวิต ตลอดถึงเป็นอันตรายต่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของคนในสังคม

 

เรื่องอาจารย์ฉ่อยอย่ากล่าวเช่นนั้นเลยนะครับท่าน narmja อ. ฉ่อย นี่ที่สุดของวงการหลวงปู่ทวดแล้วครับ อย่ากล่าวว่าท่านเก่งเฉพาะบางอย่างในหลวงปู่ทวดเลยครับ ท่านเล่นพระมา50 ปี (เฉพาะอายุที่เล่นพระเครื่องนะครับ) วงการให้การยอมรับว่่าเป็นสายตรงหลวงปู่ทวดสุดๆแล้วครับ

 

งั้นผมถามท่านnarmja ตรงๆนะครับต่อหน้าพระรัตนตรัยเลย ที่ท่านยกมา ท่านกำลังส่อเสียดกระทบกระเทียบอยู่ใช่ไหมครับ

 

ก็อย่างที่ผมบอกแหละพี่ ประสบการณ์ส่วนตัวเพราะเคยไปอบรมกับท่านอยู่แล้วผมก็ ให้ท่านดู พระเหรียญ ท่านบอก .... ดูง่าย แต่พระนั้น ส่งประกวด กี่รอบ ก็ ผ่านทุกรอบ ได้ที่ สามมาหนึ่งองค์ ผมถึงบอกว่า ประสบการณ์ส่วนตัวครับ

 

ป่าวครับพี่ ผมให้ดูว่า ไม่มีอาชีพขายพระอยู่ในนั้น ต่างหากครับ ถ้าลองอ่านของหลวงพ่อ ฤาษีลิงดำด้วยผมว่าเกจ เลยครับ ค้าขายด้วยสุจริต ไม่ได้ ขายพระปลอม แค่นี้ผมก็อนุโมทนาละครับ

 

ครับๆขอบคุณนะครับที่ยกมา แต่หากเป็นไปได้ผมอยากได้ข้อมูลทะเลซุงมากกว่่าอะครับ

 

ต่อนะครับ

การสะสมมันเป็นเรื่องของความชอบ ซึ่งหากหลายๆคนชอบ ก็รวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ฉะนั้นผมกำลังตามหากลุ่มของผม เหมือนอย่างเช่นกลุ่มอื่นๆที่เขาทำกันครับ โปรดเข้าใจด้วยนะครับ

 

ผมว่าพี่ เข้าใจที่ผมลง ผิดไปเยอะครับ ขออภัย ไว้ด้วยนะครับ

ผมไม่ได้ ประชด ต่อว่า อะไร พี่เลย ครับ ไม่ว่าจะขายหรือไม่ขาย หรือยึดเป็นอาชีพ ครับ

ผมว่า ผมอยู่เฉยๆดีกว่า อิอิ ส่วนเรื่อง อ ฉ่อย ใครสนใจถามหลังไมค์ได้ครับ ถ้าใครไปอบรมกับผมด้วยในวันนั้น ก็เข้าใจเองแหละครับ