หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ พระอริยสงฆ์แห่งบ้านหนองแซง อุดรธานี

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 10 พฤษภาคม 2011.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    การถือสัจจวาจา

    หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ นอกจากท่านยึดมั่นต่อศีลต่อพระธรรมวินัยแล้ว ท่านมีความพึงพอใจต่อการรักษาสัจจะ และนับเป็นยอดปรารถนาของท่าน หากศิษย์คนใดมีจิตใจแน่วแน่ที่จะรักษาสัจจวาจาแล้วจะเป็นที่นิยมและชอบใจของหลวงปู่ยิ่งนัก

    หลวงปู่บัว ต้องการให้มนุษย์ทุกคนได้มีสัจจะประจำจิตใจในการปฏิบัติธรรม การมีสัจจะช่วยให้เกิดสมาธิได้ดี และเมื่อต้องการทำความดี ก็จะสามารถละโลภ โกรธ หลง ได้อย่างสิ้นเชิงทีเดียว

    มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า มีอุบาสิกาท่านหนึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ เดินทางไปกราบหลวงปู่ และได้สนทนาธรรมกับหลวงปู่นานพอสมควรก่อนลากลับ ได้ขออนุญาตถ่ายรูปหลวงปู่ไว้เป็นที่ระลึก

    อุบาสิกาท่านนั้นพูดว่า “ถ้าหลวงปู่ยิ้มสักนิดหนึ่ง ดิฉันจะขอตั้งสัจจะไม่ยอมแต่งงานเลยทีเดียวเจ้าค่ะ”

    หลวงปู่ได้แย้มยิ้ม ยินดีให้ถ่ายรูปได้ ซึ่งโดยปกติหลวงปู่ท่านไม่ค่อยยิ้มอยู่แล้วเป็นนิสัย เมื่อท่านยิ้มก็หมายความว่า “ขอให้รักษาสัจจะที่พูดไว้ให้ดีก็แล้วกัน อย่าลืมสัจจะของตัวเอง”

    จากข้อเขียนของคุณดำรงค์ ภู่ระย้า ยืนยันว่า อุบาสิกาท่านนั้นได้รักษาสัจจะที่ให้ไว้กับหลวงปู่ เป็นอย่างดี น่านิยมเป็นอย่างยิ่ง ถ้าคนเรารักษาสัจจะเช่นอุบาสิกาท่านนั้นสังคมมนุษย์คงจะมีความสุขสงบอย่างแท้จริง สาธุ !
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ธรรมะของหลวงปู่

    หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ ได้เริ่มต้นชีวิตในเพศบรรพชิต เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๒ เมื่อท่านมีอายุได้ ๕๓ ปี แม้ท่านจะบวชเมื่ออายุมากแล้วก็ตาม ถือว่าไม่เป็นการสายในการปฏิบัติธรรม

    ประวัติและธรรมะของท่านน่าสนใจศึกษาเป็นอย่างยิ่ง แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ขาดการรวบรวมเก็บบันทึกไว้ (หรืออาจจะมีก็ได้ แต่ผู้เขียนไม่มีโอกาสเสาะหา ด้วยมีเวลาจำกัดต้องเขียนให้ทันแจกในงานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่เพ็ง พุทฺธธมฺโม ในวันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๔๕ )

    จากข้อมูลในหนังสือ ๘๐พระกรรมฐาน ของนิตยสารโลกทิพย์ ได้กล่าวถึงการปฏิบัติธรรมของหลวงปู่บัว ว่า

    “เป็นการปฏิบัติภาวนาขั้นอุกฤษฏ์ทั้งสิ้น เช่น อดอาหาร ๑๐ วัน ๒๐ วัน ไม่นอนหลายๆ คืน เดินจงกรมทั้งวัน นั่งสมาธิทั้งวันทั้งคืน ยืนพิจารณาอยู่กับที่โดยไม่กระดุกกระดิกตัวเลยเป็นครึ่งๆ วันก็มี... ด้วยเหตุนี้หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณจึงต้องถูกหามกลับลงมาจากเขาก็หลายครั้งหลายหน

    ความที่หลวงปู่บัว ท่านมีจิตใจอาจหาญเด็ดเดี่ยว ไม่ยอมแพ้ต่อกิเลสมาร ที่จะเข้ามารบเร้าจิตใจของท่านให้อ่อนไหวไปตามกระแสอารมณ์ ท่านได้ต่อสู้จนถึงเส้นชัย...”

    หลวงปู่บัวได้ประกอบคุณงามความดีด้วยการแสดงธรรมอบรมบ่มนิสัยให้แก่ญาติโยมในถิ่นใกล้ไกลอยู่เป็นนิจ ธรรมะที่ท่านมอบให้ปฏิบัตินั้น ท่านจะย้ำอยู่เสมอ

    “ให้พยายามรักษาสติให้ได้ เพราะสตินี้จะเป็นฐานสู่ความสงบของจิต จนเข้าสู่กระแสปัญหาได้โดยง่าย”

    เมื่อสติครบถ้วนมีกำลังแล้ว ท่านให้นักภาวนาเปลี่ยนมาดูกาย พิจารณากายอันเป็นที่ตั้งของธาตุสี่ ขันธ์ห้า อายตนะอินทรีย์ทั้งหลาย นักปฏิบัติธรรมไม่ต้องไปหาไกลอื่นธรรมะมีอยู่ในตัวทั่วพร้อมแล้ว “ขอให้พิจารณาตัวเราให้มันเห็นตามความเป็นจริงก็แล้วกัน”

    เมตตาบารมีธรรมของหลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ ยังตราตรึงใจแก่ผู้ที่เคยได้กราบไหว้ และได้รู้เรื่องราวของท่านอย่างไม่มีวันจางหายไปจากหัวใจได้เลย
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วาระสุดท้ายของชีวิต

    <TABLE id=table18 border=0 align=left><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD align=middle>พระเจดีย์บรรจุพระธาตุหลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ
    วัดราษฎรสงเคราะห์ บ้านหนองแซง
    อ หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ในวัย ๘๐ ปี สภาพสังขารของหลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ ได้ทรุดโทรมโดยลำดับ เป็นไปตามธรรมชาติ ความชรามรณะคืบคลานเข้ามาทุกลมหายใจ เป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ คือทุกอย่างตกอยู่ในกฎของความเป็นจริง คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตามคำสอนของพระพุทธองค์

    ในช่วงท้ายของชีวิต แม้โรคาพยาธิจะเข้ามาย่ำยี หลวงปู่บัวไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้เห็น ท่านเตือนลูกศิษย์ใกล้ชิดให้ดูความเปลี่ยนแปลงในสังขารร่างกายของท่านเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ให้รีบเร่งทำความเพียร อย่าได้ประมาท เพราะทุกอย่างต้องเสื่อมโทรมไปตามกาลอย่าได้รอช้าในการปฏิบัติ

    อาการเจ็บป่วยของหลวงปู่ เพิ่มทวีขึ้นโดยลำดับ ท่านนายแพทย์อวย เกตุลงห์ แห่งโรงพยาบาลศิริราชได้ถวายการรักษาหลวงปู่ด้วยความเอาใจใส่อย่างดียิ่ง แต่อาการป่วยไข้ของท่านมิได้ทุเลาลงเลย

    หลวงปู่ได้พูดถึงคุณความดีของท่านนายแพทย์อวยให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดได้ยินกันว่า

    “หมออวยท่านนี้ มีน้ำใจเป็นบุญเป็นกุศล เป็นคนที่ประเสริฐยิ่งนัก แต่อาตมารู้ว่ารักษาอย่างไรมันก็ไม่หาย โรคของอาตมานี่นะ”

    หลวงปู่ ท่านปฏิเสธการรักษาไม่ว่าด้วยการฉันยา ฉีดยาหรือด้วยวิธีการใดๆ ทั้งสิ้น ท่านกำหนดวันมรณภาพของท่านในเวลา ๓ เดือน ท่านกำหนดจิตเข้าสู่สมาธิภาวนาตลอดเวลา ท่านมักถามลูกศิษย์ที่เฝ้าปรนนิบัติอยู่เสมอว่า “ถึง ๓ เดือนแล้วหรือยัง” สติของท่านดีเป็นปกติ ไม่เลอะเลือน มั่นคงตลอดเวลา

    ทั้งพระและฆราวาสเข้าเยี่ยมอาการท่านตลอดเวลาท่านเคยดุผู้ที่ร้องไห้เสียใจว่า

    “นี่แหละจงพิจารณาซิ อย่าเอาแต่โศกาอาดูร มันไม่เกิดประโยชน์อะไร พิจารณาความตายเสียบัดนี้ ว่าเกิดมาแล้วต้องตายทุกคนแต่ก่อนตายจากไป เราต้องทำความดีไว้ให้มาก ๆ”
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    หลวงปู่ละสังขาร

    ก่อนวันที่หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ จะมรณภาพ ท่านหลวงตาพระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ได้เดินทางไปเยี่ยม ท่านหลวงตาฯ พูดว่า

    “เอาล่ะ ทีนี้ไม่มาแล้วนะ จะมาก็โน่นแหละ ถึงวันนั้นแหละจึงจะมา” แล้วท่านหลวงตาฯ ก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯไป

    เมื่อครบ ๓ เดือนตามที่หลวงปู่กำหนด ท่านก็ได้ละทิ้งสังขาร จากลูกศิษย์ลูกหาไปอย่างไม่มีวันกลับ เหลือไว้แต่คุณธรรมความดี และความเด็ดเดี่ยวของท่านให้ลูกศิษย์ได้ระลึกถึง และจดจำเป็นตัวอย่างไว้สอนใจตนเอง

    ลูกศิษย์ลูกหาได้ปรึกษากันในการจัดการศพของหลวงปู่ ลงความเห็นกันว่าควรรอให้ผ่านหลวงตาพระมหาบัวท่านมาตัดสิน

    หลวงตาพระมหาบัว ได้เดินทางกลับจากรุงเทพฯ เพื่อมาดำเนินงานศพของหลวงปู่บัว ตามที่ได้พูดไว้ว่า “ถึงวันนั้นแหละจึงจะมา”

    คณะศิษย์ได้จัดสถานที่เผาศพหลวงปู่บริเวณต้นหมากเลื่อม ไม่ห่างจากกุฏิหลวงปู่นัก ต่อมาภายหลังได้ก่อสร้างเจดีย์บรรจุพระธาตุ รูปเหมือน พร้อมทั้งบริวารของท่านไว้ที่บริเวณวัดป่าบ้านหนองแซง ไว้ให้ลูกศิษย์ลูกหาได้กราบไหว้บูชา ได้ระลึกถึงความดีของหลวงปู่ตลอดกาล

    หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ ได้ละสังขารในปี พ.ศ. ๒๕๑๘

    เป็นที่น่าเสียดายที่ผู้เขียนมีเวลาจำกัดอย่างมากไม่มีเวลาพอที่จะสืบค้นประวัติหลวงปู่ได้ละเอียด และแน่นอนได้เท่าที่ควร

    ผู้เขียนนำเสนอด้วยความเคารพและศรัทธาต่อหลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ อย่างสุดชีวิตจิตใจ หากมีข้อผิดพลาดไม่เหมาะสมด้วยประการใดๆ ผู้เขียนกราบขอขมาต่อหลวงปู่ และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน โปรดอโหสิกรรมต่อผู้เขียนด้วย

    รศ.ดร.ปฐม นิคมานนท์
    ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕
     

แชร์หน้านี้

Loading...