หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ติสาโร, 12 มิถุนายน 2018.

  1. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    หากเราไม่อยู่ให้ไปหาอาจารย์บุญส่งนะ…
    หลวงปู่พิศดู ธัมจารี
    น้อมกราบหลวงปู่ครับ บารมีหลวงปู่ระลึกถึงเสมอ ติดตามทั้งเฟสบุค และ เว็บพลังจิต
     
  2. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    โอวาทธรรม...หลวงปูบุญส่ง
    .
    #เราอยากให้ทุกคน มาเป็นส่วนร่วมบุญ แบบจิตอาสา มาด้วยเจตนาบริสุทธิ์เพราะจะได้กุศลเต็ม 100
    ทำบุญแบบที่ไม่มีของแลกเปลี่ยน
    #เราจะภาคภูมิใจในบุญนั้น เป็นของส่วนรวมเพื่อพระพุทธศาสนา ไม่ใช่ของบุคคลใด บุคคลหนึ่ง
    63.jpg
     
  3. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
    .
    " ดูแลอุปัฏฐากพระภิกษุที่กำลังอาพาธ นั่นเทียบเท่ากับได้ดูแลอุปัฏฐากพระพุทธเจ้าเลยทีเดียวนะ "
    .
    #หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
    63.jpg
     
  4. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Piriya Jord Chukeawngam
    .
    21 ตุลาคม 2563

    #หลวงปู่บุญส่ง เจอกับ #ครูบาจันทร์ทิพย์ อินฺญโณ ที่ จ.เชียงใหม่ หลังจากองค์ท่านเดินทางไปโปรดศิษย์ที่ภาคเหนือ โดยพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งสองรูปทำวัตรคารวะสนทนาปสาทะกันด้วยความอ่อนน้อม
    .
    อนึ่ง ท่าน ครูบาจันทร์ทิพย์ อินฺญโณ ท่านเป็นศิษย์ในองค์พ่อแม่ครูอาจารย์พระผู้ปฏิบัติดีในอดีตทางภาคเหนือหลายรูป เช่น หลวงปู่ครูบาชุ่ม วัดวังมุย หลวงปู่ครูบาพรหมจักร, หลวงปู่ครูบาคำแสน, หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ และอีกหลายรูป
    .
    ปัจจุบันองค์ทพำนักอยู่วัดม่วงม้าใต้ ต.ร้องวัวแดง อ. สันกำแพง จ. เชียงใหม่
    .
    .
    #น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้ทรงคุณ
    .
    .
    ภาพ : คุณเปิ้ล 2728.png
    63.jpg 64.jpg 65.jpg 66.jpg
     
  5. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...ศร จันทบุรี
    .
    "น้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์...ขนาดเทพเทวายังขอร่วมสร้างบารมี"
    ต่อไปนี้...เรื่องที่ผมจะเล่าให้เหล่าศิษย์ในองค์ หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร ทุกท่านได้อ่านคือเรื่องจริง ที่ทางผมและอีกหลายท่านได้พบเห็น และอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองและวิจารณญาณของแต่ละท่าน ที่อาจมีความเห็น ความคิดแตกต่างกันไปครับ...ขออนุญาตเข้าเรื่องดังกล่าวครับ
    เมื่อวันเสาร์อาทิตย์ ที่ 9-10 ก.ค. 59 ที่ผ่านมา
    องค์หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร ได้รับกิจนิมนต์ทาง กทม.
    ซึ่งได้เดินทางออกจากวัดในช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 9 ก.ค. 59 ในอาการที่ธาตุขันธ์ของหลวงปู่ไม่ค่อยสบายนัก ก่อนขึ้นรถก็มีอาการไอถี่ๆ ไม่สบายตัวสักเท่าไร
    ช่วงบ่ายของวันเสาร์ ด้วยความเมตตาของท่าน ท่านได้เมตตาไปโปรดลูกศิษย์ท่านหนึ่ง ที่ได้เปิดร้านค้าทำธุรกิจ ย่านมีนบุรี ซึ่งร้านค้าดังกล่าว เป็นร้านที่อยู่ในตลาดนักจตุจักรโครงการ 2 และค่อนข้างมีคนพลุกพล่าน ทั้งผู้ขายสินค้าและผู้ที่เข้ามาเดินซื้อสินค้าในตลาดนั้น
    ซึ่งปกติปฏิปทาขององค์ หลวงปู่บุญส่ง จะไม่เข้าไปเดินในตลาด ซึ่งไม่ควรแก่สมณวิสัย แต่ด้วยความเมตตาของหลวงปู่ หรือด้วยญาณวิถีที่ท่านอาจทราบเรื่องราวบางอย่างล่วงหน้าก็เป็นไปได้ ท่านก็เมตตาไปที่ร้านดังกล่าว เพื่อเจริญพระพุทธมนต์ให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่สถานที่นั้น
    ในขณะที่ท่านเจริญพระพุทธมนต์และเมตตาทำน้ำมนต์เพื่อไว้ประพรม ตามปกติ ของท่าน ก็มีผู้คน ร้านค้าต่างๆ ในตลาดนั้น เข้ามานั่งฟังท่านสาธยายพระพุทธมนต์บทธัมจักรฯ และทยอยร่วมถวายปัจจัยสร้างโบสถ์ กันเป็นระยะๆ ก็มีพี่ผู้หญิงท่านนึง
    มารับน้ำพระพุทธมนต์ในช่วงที่หลวงปู่ให้พร และกำลังจะเดินทางกลับสู่ที่พักที่ย่านลาดพร้าว
    ซึ่งมาทราบในภายหลังว่า พี่ผู้หญิงท่านนั้น ระหว่างที่นั่งฟังรับพรจากหลวงปู่ ได้ถูกน้ำพระพุทธมนต์ที่หลวงปู่ได้พรมออกมาโดนตัว ก็เกิดอาการอยากอาเจียน และได้ออกไปอาเจียนถึง 3 รอบ และก็ไม่ได้เข้ามาในร้านนี้อีก จนหลวงปู่ได้ลาญาติโยมขอกลับยังที่พัก
    ระหว่างที่หลวงปู่บุญส่ง นั่งอยู่บนรถตู้ ที่เคลื่อนออกจากตลาดแห่งนั้นได้สักระยะ เรียกได้ว่า ยังไม่พ้นถนนหน้าตลาดดี ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังเข้าที่เครื่องของน้อง ติ๊ก Tik promchot
    ปลายสายได้พูดมาว่า น้ำพระพุทธมนต์ที่หลวงปู่ทำไว้ คนในตลาดก็ได้มาแบ่ง มาขอกันไป แต่พี่ผู้หญิงท่านนั้นแหละเอาไปดื่ม เกิดร้องลั่น ดิ้นพล่านๆ ตัวสั่น เหมือนไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทั้งๆ ก่อนมาฟังหลวงปู่เจริญพระพุทธมนต์ ก็ยังปกติดีอยู่ ระหว่างที่ปลายสายได้สนทนาอยู่ เสียงร้องของพี่ผู้หญิงท่านนั้นก็ยังเล็ดลอดออกมาตามสายให้คนที่อยู่ในรถตู้ได้ยิน และได้รับรายงานต่อว่า น้ำพระพุทธมนต์ในขันนั้น ได้เกลี้ยงหายในพริบตา...
    อีกพักใหญ่น้องติ๊กได้รับสายว่า ช่วงเย็นพี่ผู้หญิงท่านนั้นและครอบครัว ตลอดจนผู้อยู่ในตลาดนั้นบางท่าน จะขอเข้ากราบองค์หลวงปู่ ณ ที่พักที่ได้แจ้งไว้
    เมื่อถึงเวลาช่วงเย็นสัก 6 โมงกว่าๆ เกือบทุ่ม ก็มีศิษย์หลายท่านเริ่มทยอยมากราบและถวายปัจจัยกันหลายท่าน จวบจนทุ่มกว่าๆ
    พี่ผู้หญิงท่านนั้นและครอบครัวได้มาถึงตามที่ได้นัดหมาย และเข้ากราบหลวงปู่ในที่พัก ร่วมกับศิษย์คนอื่นๆ ที่มากราบล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว
    เมื่อพี่ผู้หญิงท่านนี้มา ก็มานั่งต่อหน้าหลวงปู่ เพื่อฟังหลวงปู่แสดงธรรม ฟังไปสักพักก็เกิดอาการสั่น พนมมือสั่นไปหมดเหมือนที่เราๆ เคยเห็นว่าคนนั้นมีเทพ มีองค์ ทรงเจ้าประมาณ นั้น ก้มกราบหลวงปู่อย่างงดงาม ครอบครัวของพี่ผู้หญิงท่านนี้ก็ตกใจ เพราะปกติไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้ ในชีวิตประจำวันก็ใช้ชีวิตตามปกติ เหมือนคนทั่วไป ไม่เคยมีอาการหรือแสดงอาการแบบนี้ออกมาให้เห็นเลย จนกระทั่งมาพบหลวงปู่ และได้ดื่มน้ำพระพุทธมนต์ของหลวงปู่
    หลวงปู่ก็ได้สอนว่า ให้ตั้งสติเอาไว้ให้ได้ อย่าให้สิ่งใดมาเหนือกว่าจิตใจและสติของเรา ผู้ที่เข้าถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ และมีสติมั่นคง สิ่งใดๆ ก็ไม่สามารถมาครอบงำได้
    ผ่านมาสักระยะหนึ่ง อาการของพี่เขาก็ค่อยๆ เบาลง ก้มกราบหลวงปู่ตอนให้พร ต่อจากนั้นพอพี่ผู้หญิงออกมาจากห้องที่ต้อนรับคณะศิษย์ก็เริ่มมีอาการอีกหนึ่ง ร้องอยากได้เหรียญของหลวงปู่ อยากทำบุญเหรียญเพื่อนำเงินไปสร้างโบสถ์กับหลวงปู่
    ทางผมก็ได้ดำเนินการให้ร่วมบุญไปตามความต้องการ แต่เรื่องราวยังมิได้หยุดแต่เพียงเท่านั้น....เมื่อพี่ผู้หญิงท่านนั้นได้รับเหรียญไปก็ออกอาการดีใจ ร้องว่าคล้องเลยๆ ทางครอบครัวพี่ผู้หญิงคนนั้นก็รีบกุลีกุจอ พยายามจะหาวิธีนำเหรียญนั้นคล้องให้ได้ แต่เนื่องจากเหรียญหลวงปู่บุญส่ง เป็นเหรียญที่ไม่ได้เจาะห่วง ทำให้ไม่สามารถคล้องได้...ต้องอธิบายให้พี่ผู้หญิงท่านนั้นฟังสักพักนึง จนเข้าใจและสงบอาการลงมา....หลังจากนั้นครอบครัวนี้ก็ได้พาพี่ผู้หญิงท่านนั้นกลับบ้านในที่สุด
    จะเห็นได้ว่า จากเรื่องราวที่ได้เล่าให้ทุกท่านได้อ่านพอสังเขป บางท่านอาจมีมุมมองหรือความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป
    แต่ในส่วนตัวผม ผมคิดว่ายังมีเรื่องราวต่างๆบนโลกใบนี้ที่เรายังไม่รู้อีกมาก บางเรื่องก็เกินวิสัยที่ปุถุชน คนอย่างเราจะหยั่งรู้ได้
    แต่บางเรื่องไม่เกินวิสัยที่เกิดจากจิตอันรู้แจ้งของพระอริยเจ้าไปได้เลยครับ....
    เอวังฯ...
    63.jpg
     
  6. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
  7. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...ครูบากล้วย ธีรภัทโท
    .
    หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี เวลาเห็นท่านแล้วตนเองมักจะนึกเห็นหน้าครูบาอาจารย์ หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร หลวงปู่บุญส่งองค์นี้ท่านจะเป็นหนึ่งในบรรดาลูกศิษย์และสหธรรมิกในยุคต้นๆที่หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร บอกว่า หลังจากท่านได้ดีมีใจเป็นธรรมธาตุในพระศาสนาแล้ว ลูกศิษย์สหธรรมิกในยุคต้นๆที่ได้ติดตามท่านออกไปปฏิบัติเที่ยววิเวกด้วยกันที่ท่านได้ถอดจิตใจในธรรมออกมาสอนนั้นก็คือ " สามทหารเสือธรรม ".
    สามทหารเสือธรรม ผู้ที่เป็นทั้งลูกศิษย์และสหธรรมิกของท่านหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโน นั้นก็คือ ๑.หลวงปู่กวง โกสลโล วัดป่านาบุญ จ.เชียงใหม่ ๒.หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี ๓.หลวงพ่อประสงค์ สุสันโต วัดบ้านขอม จ.จันทบุรี ลูกศิษย์ " สามทหารเสือธรรม " ที่ครูบาอาจารย์ หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร องค์ท่านได้ฝากเอาไว้ให้พากันดำเนินอบรมสั่งสอนพุทธศาสนิกชนให้สืบทอดพระศาสนา.
    63.jpg
     
  8. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...ครูบากล้วย ธีรภัทโท
    .
    เมื่อวานพาผู้เกี่ยวข้องเอาทองคำไปร่วมงานเททองหล่อพระพุทธรูปที่วัดสระมงคล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ของท่านพระอาจารย์เชาว์ ชวนปัญโญ (วัดป่าสามหมื่นทุ่ง อ.แม่สอด จ.ตาก).
    ในงานเททองหล่อพระพุทธรูปที่วัดสระมงคลได้เข้าไปกราบสนทนากันกับ หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี หลวงปู่บุญส่งจันทบุรีเวลาเห็นท่านแล้วตนเองก็มักจะนึกเห็นหน้าครูบาอาจารย์ หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร.
    หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร นี้ท่านจะเป็นหนึ่งในบรรดาลูกศิษย์ และสหธรรมิกในยุคต้นๆที่ หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร บอกว่าหลังจากท่านได้ดีมีใจเป็นธรรมในพระศาสนาแล้ว ลูกศิษย์สหธรรมิกในยุคต้นที่องค์ท่านได้ถอดจิตใจในธรรมออกมาสอนนั้นก็คือ " สามทหารเสือธรรม ".
    " สามทหารเสือธรรม " ผู้ที่เป็นทั้งลูกศิษย์ และสหธรรมิกของท่านหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโน นั้นก็คือ ๑.หลวงปู่กวง โกสลโล วัดป่านาบุญ จ.เชียงใหม่ ๒.หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี ๓.หลวงพ่อประสงค์ สุสันโต วัดบ้านขอม จ.จันทบุรี
    ลูกศิษย์ " สามทหารเสือธรรม " ที่ครูบาอาจารย์ หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร องค์ท่านได้ฝากพระศาสนาเอาไว้ให้พากันช่วยอบรมสั่งสอนธรรมให้แก่พุทธศาสนิกชนเพื่อช่วยกันสืบทอดธรรมในพระศาสนา.
    63.jpg 64.jpg 65.jpg 66.jpg 67.jpg 68.jpg 69.jpg
     
  9. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Pakorn Rujikajorndej
    .
    ได้คุยกับหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน
    .
    หลวงพ่อ: “โบสถ์ของหลวงปู่เสร็จเมื่อไหร่ ? “
    โยม: “อีกสามปีครับ หลวงพ่อ .. หลวงปู่ท่านบอกไว้อย่างนั้นครับ”
    หลวงพ่อ: “ อืมม์ หลวงปู่ท่านรู้แน่ “
    ..
    63.jpg
     
  10. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...
    .
    #เรื่องเล่าเมื่อครั้ง ไปแดนไกล
    ครั้งหนึ่งได้เดินทางไปต่างประเทศกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์จำนวน 6 รูป
    เป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่มีคุณธรรมอันประเสริฐทั้งสิ้น
    ในขณะที่จาริกไปตามแว่นแคว้นหัวเมืองต่างๆในยุโรปนั้น
    องค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ก็ได้สั่งสอนอบรมในเรื่องต่างๆ
    ในระยะที่องค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์
    ได้ประกาศพระศาสนานำคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปสั่งสอนอบรม พุทธบริษัทที่ ยุโรปนั้น
    ใช้เวลาเกือบ 2 เดือน
    ขณะนั้นผมจึงได้ทำการอุปฐากให้ความสะดวกรับใช้ต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั้ง 6 รูปด้วยความขยันขันแข็ง
    พ่อแม่ครูบาอาจารย์และพระติดตามก็ให้ความเมตตาผม
    จึงได้สนทนาและ สอบถามข้ออรรถข้อธรรมบ้างสอบถามความเป็นมาตั้งแต่ยุคก่อนๆของพระป่าบ้าง
    บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่ลี้ลับ
    หรือเป็นเรื่องลับที่หลายๆคนสงสัย และบางคนก็ไม่รู้เรื่องเลย
    บางครั้งก็ขอโอกาสพ่อแม่ครูบาอาจารย์สอบถาม
    เรื่องหลวงปู่หลวงตาพ่อแม่ครูบาอาจารย์ดูยุคก่อนๆ
    การเดินธุดงค์
    การบำเพ็ญเพียรภาวนา
    โดยเฉพาะอิทธิปาฏิหาริย์
    การเหาะเหินเดินอากาศ
    หรือแม้แต่ดำดินเดินบนน้ำ
    ก็ถามให้สิ้นความสงสัย
    #จนมาถึงเรื่องของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ #องค์หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    ได้ถามครูบาอาจารย์ท่านว่า
    #หลวงพ่อครับหลวงพ่อรู้จักหลวงปู่บุญส่งไหมครับ
    องค์หลวงพ่อท่านตอบว่าหลวงปู่บุญส่งไหน
    ผมตอบท่านว่าหลวงปู่บุญส่ง
    วัดเขาน้ำตก
    หรือว่าสันติวนาราม
    จังหวัดจันทบุรีครับผม
    องค์หลวงพ่อท่านตอบว่าเรารู้จัก
    สมัยเราอุปฐากหลวงปู่แหวนอยู่
    เห็นท่านมาเป็นประจำ
    ท่านมาอุปฐากหลวงปู่แหวนเหมือนกัน
    เป็นครั้งเป็นคราวแล้วท่านก็จากไป
    แต่อาจารย์บุญส่ง ท่านไม่ได้จำพรรษาที่วัดดอยแม่ปั๋ง
    ท่านไปๆมาๆ
    จากนั้นท่านก็เล่าเรื่องหลวงปู่บุญส่งให้ฟังหลายเรื่อง
    โดยเฉพาะเรื่องที่หลวงปู่บุญส่งกับหลวงปู่หนู
    หลวงพ่อท่านเล่าว่ามีแต่อาจารย์บุญส่งนี่แหละเอาหลวงปู่หนูลงได้
    หมายถึงว่าทั้งวัดดอยแม่ปั๋งจะไม่มีพระสงฆ์องค์เณรรูปใด กล้าต่อปากต่อคำกับองค์หลวงปู่หนู
    ท่านเล่าหลวงปู่หนูพูดอย่างไรก็จบอย่างนั้น จะไม่มีพระองค์พูดต่อ
    แต่มีอาจารย์บุญส่งนี่แหละ
    ที่กล้าต่อรองกับหลวงปู่หนู
    อันที่จริงหลวงพ่อท่านเล่าเยอะกว่านี้
    แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถที่จะนำมาเล่าต่อได้
    #เมื่อท่านเล่าเรื่องมาถึงตรงนี้
    ผมก็ถามท่านต่อว่า
    หลวงพ่อครับ
    หลวงพ่อรู้หรือเปล่าครับว่าหลวงปู่บุญส่งท่านสร้างโบสถ์ใหญ่มาก
    น่าจะใช้เงิน 2 - 3 ล้านนั่นล่ะครับ
    เผื่อจะสร้างเสร็จ
    เพราะตอนนั้นผมบอกหลวงพ่อไปประมาณนั้น ถ้าผมจำไม่ผิด
    หลวงพ่อท่านตอบว่า รู้แต่ว่าสร้างโบสถ์
    แต่ไม่รู้ว่าจะสร้างใหญ่ขนาดนั้น
    ใช้เงินเยอะขนาดนั้น
    ผมก็ถามหลวงพ่อต่ออีกว่า
    แล้วหลวงปู่ บุญส่ง
    ท่านจะสร้างเสร็จไหมครับ
    เพราะตอนนี้อายุท่านก็จะ 80 แล้วครับ
    #หลวงพ่อท่านตอบว่า
    ท่านอาจารย์บุญส่ง
    ท่านมีบุญบารมี
    มีฤทธิ์มีเดชมาก
    มีพวกกายทิพย์เป็นบริวารมาก
    พวกเหล่าเทวดาทั้งหลายก็เป็นลูกศิษย์ท่านทั้งนั้น
    ก็ไม่น่าจะยากนะ
    ที่ท่านจะทำให้สำเร็จ
    และยังมีอีกหลายประการที่องค์หลวงพ่อท่านเล่าให้ฟัง
    แต่ไม่สามารถนำเล่าให้ฟังได้ทั้ง
    เพราะบางคน ที่ไม่เชื่อ ก็อาจจะปรามาส คำพูดของครูบาอาจารย์ได้ ว่าพูดเกินความเป็นจริง
    #เมื่อกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว
    ผมก็ได้มีโอกาสไปบีบนวดหลวงปู่บุญส่ง
    จึงได้นำคำที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านเล่าให้ฟังไปเล่าสู่พระเดชพระคุณหลวงปู่บุญส่งให้ท่านได้รับทราบ
    ท่านก็รับรองว่ารู้จักหลวงพ่อองค์นี้ดี
    เมื่อท่านพูดว่ารู้จักดี
    ผมก็เลยสอบถามองค์หลวงปู่ไปว่า
    หลวงปู่ครับเมื่อท่านมีฤทธิ์
    มีอภินิหาร
    ทำไมหลวงปู่ไม่ใช้ ฤทธิ์เดช ดลบันดาลจิตใจให้เศรษฐีมหาเศรษฐีมาช่วยหลวงปู่สร้างโบสถ์ครับ
    หลวงปู่ท่านเมตตาตอบว่า
    ฤทธิ์อะไรเราผ่านมาหมดแล้วปาฏิหาริย์อะไรเราผ่านมาแล้ว
    เราจะไม่กลับไปใช้
    พวกนั้นอีก
    #โบสถ์หลังนี้เราจะใช้ธรรมฤทธิ์
    คือธรรมะของพระพุทธเจ้า
    เท่านั้น
    คนยากคนจนยาจกมหาเศรษฐีก็มาร่วมทำกับเราได้
    เราต้องการโปรดลูกศิษย์ทุกคนไม่ว่าระดับชั้นไหน
    เราจะใช้พลังอานุภาพของพระพุทธเจ้าธรรมะของพระพุทธเจ้า
    #ธรรมะสร้างคน
    คนมาช่วยเราสร้างโบสถ์
    #ก็จะเป็นธรรมฤทธิ์สำเร็จด้วยการแสดงธรรม
    คำกล่าวของพระมหาเถระผู้ทรงคุณอันประเสริฐ
    จะขอกล่าวเพียงเท่านี้
    เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย
    แต่เกิดไกลถึงยุโรป
    เมตตาในพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ท่านเล่าให้ฟัง
    น้อมกราบองค์หลวงปู่บุญส่งผู้เป็นเนื้อนาบุญของโลก
    .
    .
    .............................
    .
    บันทึกธรรม : K.Thammawong 2728.png
    63.jpg
     
  11. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...บุญรอด เถินหิต
    .
    ธรรมดับทุกข์
    เมื่อปี พ.ศ. 2559 ปัญหาหลายๆอย่างเข้ามา ทำให้
    จิตใจไม่สงบ มีแต่ความคิดฟุ้งซ่าน ทุกข์เพราะความคิดต่างๆนาๆ
    จึงกลับมาคิด เราวุ่นวายเพราะอะไร เพราะเราห่างวัด ห่างการทำบุญมาเกือบปี จึงทำให้จิตใจไม่สงบ ปัญหาต่างๆเข้ามา เรื่องเล็กเรื่องน้อยจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่
    จึงตัดสินใจสืบค้นชื่อพระเถระจากระบบอินเตอร์เน็ตที่อยู่ในเขต ชลบุรี จันทบุรี เพื่อจะขอธรรมะให้คลายความคิดฟุ้งซ่าน คลายความทุกข์ใจ ด้วยพอดีไปพบชื่อพระเถระคือ องค์หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร อยู่ที่ อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี
    ด้วยช่วงนั้น
    วิษณุ มาณพ
    ได้ทำงานอยู่ อ.แก่งหางแมวพอดี ผมจึงโทรไปให้ช่วยสืบหาวัด ซึ่งด้วยบุญกรรมนำพา จึงได้ไปพบวัดและองค์หลวงปู่
    จึงทำการนัดกันไป ในวันพระใหญ่(จำไม่ได้ว่าวิสาขบูชา หรือเข้าพรรษา) ว่าจะไปอยู่วัดปฏิบัติธรรม เพื่อลดความคิดฟุ้งซ่าน พร้อมกับอยากได้รับคำสอนจากองค์หลวงปู่เพื่อแก้ไขจิตใจ
    เมื่อถึงวันที่กำหนด ผมเดินทางจากชลบุรี ถึงแยกนายายอาม จันทบุรีประมาณ 20.00 น. จึงโทรให้เพื่อนมารับ
    พอไปถึงวัดได้พบ พี่ศร พี่ติ๊ก พี่ยศระยอง ซึ่งมาปฏิบัติธรรมอยู่ ซึ่งได้รับการต้อนรับ แนะนำเรื่องต่างๆ ภายในวัดเป็นอย่างดี
    ถึงช่วงเช้าของอีกวันก็ทำวัตร สวดมนต์ และเป็นเด็กวัดเดินตามพระบิณฑบาตร แต่ใจก็ยังไม่คลายความฟุ้งซ่านจากความคิด จนพระฉันเช้าเสร็จ
    ก็ช่วยเก็บพื้นที่เล็กๆน้อยๆ ระหว่างวันก็ไม่ได้ทำไรมาก มีไปสำรวจถ้ำบ้าง
    จนช่วงบ่ายกลับมา องค์หลวงปู่ท่านพักอยู่ในห้องรับแขก ผมจึงเข้าไปกับพี่ศร พี่ยศระยอง
    ผมจึงเข้ากราบองค์หลวงปู่ องค์หลวงปู่ท่านก็ถามเรื่องราวต่างๆ จนเสร็จ หลังจากนั้นผมก็ถอยออกไป
    นั้งอยู่ด้านหลัง ฟังท่านเทศนาธรรม
    ธรรมเทศนาในวันนั้น เปรียบเสมือนมีดที่กรีดความทุกข์ออกจากใจผมอย่างไม่น่าเชื่อ เรื่องราวต่างๆที่ผมเจอมา ปัญหาต่างๆ จากความคิดฟุ้งซ่าน จากความทุกข์ที่เกิดมาต่างๆ หายในเวลาประมาณครึ่งชม. ผมน้ำตาเกือบไหลด้วยความคลายทุกข์ที่อัดอั้นอยู่เป็นเวลาหลายเดือนด้วยธรรมะแห่งองค์หลวงปู่
    หลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ องค์หลวงปู่เปรียบเสมือนพ่อแม่ ครู อาจารย์ ที่ผมเคารพ ที่บางครั้งทุกข์ใจ ไม่สบายใจ นอกจากที่นึกถึงบิดามารดา ผู้มีพระคุณ
    มีองค์หลวงปู่ให้นึกถึง เพื่อให้ได้พิจารณาแก้ไขความทุกข์นั้น ตามคำสอนที่ท่านสอนตลอดมา ถึงแม้บางจังหวะของจิตใจหดหู่ ไปตามแรงกรรมบางตามสภาพของปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป
    น้อมกราบองค์หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี
    63.jpg
     
  12. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Tunya Tunyasunthorn
    .
    ม่ะเช้าหลวงปู่โปรดที่บ้านคุณยายนันจ.สุราษฏร์.ผมเก็บกระดาษเช็ดปากท่านมาบูชาเป็นที่ระลึก.กลับถึงบ้านจะนำใส่พานไว้บูชา.คือผมสงสัยมีหินใสๆขาวๆมาได้ไง.?ถ้าผิดกฏลบโพสต์ได้ครับ..
    63.jpg
     
  13. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Piti Songchom
    .

    บุญจัดสรรเป็นเช่นนี้เอง
    ทุกเหตุการณ์ในโลกไม่มีเหตุบังเอิญ
    เดิมทีตั้งใจนิมนต์
    หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    ไปรับผ้าป่าที่บ้านควนเนียงช่วง 5-7 ธันวาแบบไม่พักค้างคืน
    แต่ 27 พย น้องจอร์ดโทรมาแจ้งเปลี่ยนแปลงกำหนดตารางกิจนิมนต์ พี่เจ้าของที่พักท่านติดภารกิจด่วนที่ กทม คืน 5และ6 ธันวา. ทางผมจึงรับเป็นเจ้าภาพที่พัก2 คืน ครอบครัวเราทั้ง5จึงจองตั๋วเดินทาง 4-7 ธันวา
    เมื่อหลวงปู่เริ่มเดินทางลงใต้เช้าวันที่ 2 น้องจอร์ดโทรมาว่าเกิดเหตุน้ำป่าท่วมถนนทางเข้าบ้านเจ้าภาพที่พักที่นครศรีธรรมราช จึงเปลี่ยนแปลงตารางกิจนิมนต์หลวงปู่เข้าพักที่ควนเนียงเร็วขึ้นเป็นช่วงเย็นวันที่ 4 ธันวา.
    ซึ่งทางผมเดินทางถึงควนเนียง 4 ธันวาช่วงเช้าพอดี จึงติดต่อประสานงานไปบ้านลูกศิษย์ที่เคยร่วมบุญกับหลวงปู่ทุกครั้งที่ท่านลงมาที่สงขลา จึงได้ไปโปรดศิษย์ที่รัตภูมิและหาดใหญ่แทนตารางเดิมที่นครศรีธรรมราช.
    จึงพบว่ามีทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ใหม่ๆหลายคนมาร่วมสะสมบุญในช่วง 4 วัน 3 คืน
    ทุกครั้งที่นิมนต์หลวงปู่มาที่บ้านผมจะบอกบุญกับทุกคนที่มีโอกาส ให้คนที่เคยมีบุญสัมพันธ์มาทำบุญกับหลวงปู่
    หากยังมีบุญสัมพันธ์กับหลวงปู่ครอบครัวเราจะนิมนต์ท่านไปโปรดศิษย์ที่ควนเนียงอีกครั้ง
    ขอเรียนเชิญทุกท่านที่ได้เห็นขอความนี้ในกิจนิมนต์ครั้งหน้า
    63.jpg 64.jpg 65.jpg 66.jpg 67.jpg 68.jpg 69.jpg 70.jpg 71.jpg 72.jpg 73.jpg 74.jpg 75.jpg 76.jpg 77.jpg 78.jpg 79.jpg 80.jpg 81.jpg 82.jpg 83.jpg 84.jpg 85.jpg 86.jpg 92.jpg 57.jpg 58.jpg 59.jpg 60.jpg 61.jpg 63.jpg 64.jpg 65.jpg 66.jpg 67.jpg 68.jpg 69.jpg 70.jpg 71.jpg 72.jpg 73.jpg 74.jpg
     
  14. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
    .
    "กรรมที่ทำลายและขัดขวางลาภสักการะของพระอรหันต์ "
    .
    " #โลสก คือเรื่องราวหนึ่งที่มีอยู่จริง
    ของพระอรหันต์องค์หนึ่ง นามว่า "โลสกติสสะเถระ" ในยุคพุทธกาล สมัยพระพุทธเจ้าสมณะโคดม
    .
    ประวัติของพระโลสกนั้น
    ค่อนข้างจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจทีเดียว
    กล่าวกันว่าโลสกคือพระอรหันต์ผู้ที่อาภัพที่สุด
    เป็นพระอรหันต์ผู้ที่ไม่เคยได้ฉันอาหารอิ่มสักมื้อเดียว
    .
    .
    เพราะอดีตชาติของพระโลสกนั้น
    ได้ทำอกุศลกรรมอันหนักไว้
    นั่นคือ ในอดีตกาล ครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ทรงพระนามว่า "กัสสปะ"
    .
    พระโลสกได้ทำลายและขัดขวาง
    ลาภสัการะของพระภิกษุผู้เคร่งครัด
    ในวัตรปฏิบัติองค์หนึ่ง
    .
    ซึ่งพระภิกษุรูปนั้น แท้จริงแล้ว
    คือ พระบริสุทธิสงฆ์ที่หลุดพ้นแล้ว
    กล่าวคือเป็น "พระอรหันต์" นั่นเอง
    .
    .
    พระโลสกได้ทำลายและขัดขวาง
    ลาภสัการะของพระภิกษุรูปนั้นยังไง
    ได้มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎก กล่าวคือ
    .
    .
    ในอดีตชาติของพระโลสกนั้น
    สมัยได้เกิดเป็นภิกษุรูปหนึ่ง
    ปกครองอารามอยู่ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง
    .
    .
    ซึ่งสถานที่แห่งนี้ตนเองนั้น
    ได้อยู่มานานกว่าใครและที่ผ่านมา
    ยังไม่มีใครได้เดินทางมาร่วมพำนักด้วย
    ชาวบ้านแถบนั้นก็ได้ทำบุญ
    แต่กับพระโลซกรูปนี้เรื่อยมา
    .
    .
    อยู่มาวันหนึ่ง ได้มีภิกษุรูปหนึ่ง
    ได้รอนแรมมาจากต่างที่ต่างถิ่น
    และมาร่วมพำนักพักอาศัย
    อยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ด้วย
    จากการกราบอาราธานิมนต์ของชาวบ้าน
    .
    .
    ซึ่งพระภิกษุรูปนี้
    ถือเป็นภิกษุผู้เคร่งครัด
    เพียรปฏิบัติตนอย่างดีพร้อมหมดจด จนไร้ข้อติติง
    .
    .
    พระโลสกซึ่งตอนนั้นได้พำนักอยู่ในบริเวณนี้
    อยู่เป็นเวลาช้านาน โดยที่ไม่มีภิกษุรูปใด
    มาร่วมพำนักด้วยด้วย
    .
    ชาวบ้านก็พากันทำบุญแต่กับตน
    ด้วยว่าละแวกนั้นหาได้มีผู้ทรงศีลรูปอื่น
    แต่แล้ววันหนึ่งอยู่ ๆ ได้มีพระผู้ปฏิบัติดี
    ที่เคร่งครัดในวัตรปฏิบัติมาร่วมพำนักพักอาศัยด้วย
    .
    และพระโลสกก็ได้แอบเฝ้าสังเกตุมาโดยตลอด
    ว่าภิกษุผู้ทรงศีลรูปนี้นั้น
    เป็นพระที่เคร่งครัดในข้อปฏิบัติเป็นอย่างมาก
    .
    .
    เมื่อเห็นเช่นนั้น จึงได้มีความคิดขึ้นมาว่า
    เห็นทีในอนาคตหากพระรูปนี้ยังอยู่ต่อไป
    ตัวของเขาเองจะขาดลาภสักการะเป็นแน่แท้
    .
    .
    ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนี้
    จะต้องปันใจศรัทธาและลาภสักการะ
    ไปให้พระรูปนี้อย่างแน่นอน
    .
    ตนจึงได้แต่แอบคิดหาวิธีกำจัด
    ภิกษุผู้ทรงศีลรูปนี้ไปให้พ้นเสียที
    แต่ยังหาโอกาสที่เหมาะสมไม่ได้
    .
    .
    อยู่มาวันหนึ่งได้สบโอกาสที่รอคอยมานาน
    ด้วยว่าวันนั้นมีชาวบ้านคหบดีของหมูบ้านนั้น
    จะจัดงานทำบุญบ้าน
    จึงได้ขอโอกาสอาราธนานิมนต์
    พระโลสก ที่คุ้นเคยกันดี
    .
    รวมถึง ภิกษุผู้ทรงศีลผุ้ปฏิบัติดี
    ที่เพิ่งทราบข่าวว่าได้เดินทางมาพำนักอยู่ ณ สถานที่นี้ด้วย
    ให้เมตตามาที่งานทำบุญพร้อมกัน โดยขอเมตตาให้พระโลสกเป็นผู้ดำเนินการนิมนต์ภิกษุใหม่รูปนี้มาด้วย
    .
    .
    ปรากฎว่าเมื่อคราววันงาน
    ที่กำหนดจะมีการทำบุญบ้านของคหบดีนั้น
    พระโลสกได้ทำการเคาะระฆัง
    เพื่อที่จะส่งสัญญาณเป็นเสมือนการบอกล่าว
    แก่ภิกษุผู้ปฏิบัติดีรูปนั้น
    .
    หากแต่ว่าการเคาะระฆังส่งสัญญาณที่ว่านี้นั้น
    พระโลสก กลับใช้กลเล่ห์
    ด้วยการใช้เล็บเคาะระฆังและเคาะประตู
    ในการส่งสัญญาณให้พระภิกษุรูปนั้น
    รับทราบเพียงเท่านั้น
    .
    จากนั้นเมื่อใช้นิ้วเคาะระฆังและประตูเสร็จแล้ว
    พระโลสกก็รีบเดินทางออกจากอาราม
    ที่ตนเองเองพักอยู่ทันที
    .
    หาได้รอภิกษุผู้ปฏิบัติดีรูปนั้นแต่อย่างใดไม่ (ซึ่งนั่นก็เป็นไปตามเป้าประสงค์ของพระโลซกอยู่แล้ว)
    .
    .
    ผลปรากฎว่าเมื่อพระโลกสกได้เดินทางไปถึง
    บ้านของคหบดีที่จะมีการทำบุญ
    ที่ได้อาราธนาให้พระทั้งสองเดินทางไปร่วมงานนั้น
    พระโลสกก็ได้กล่าวขึ้นกับเจ้าของบ้าน
    ซึ่งเป็นผู้ที่อาราธนานิมนต์พระทั้งสองขึ้นมาทันที
    ด้วยการใส่ร้ายพระผู้ทรงศีลรูปนั้นทำนองว่า
    .
    " ภิกษุรูปนั้นไม่ยอมมาร่วมงานทำบุญ
    ตามคำอาราธนานิมนต์ของคหบดี
    ทั้งที่ตนเองก็ได้ทำการเคาะระฆังเป็นการส่งสัญญาณแล้ว
    แต่ก็หาได้มีเสียงตอบรับใด ๆ กลับมาไม่
    คงจะด้วยฉันภัตตาหารมากไปในวานนี้
    ทำให้พระรูปนี้ไม่ยอมตื่นขึ้นมาปฏิบัติกิจของตน
    .
    เมื่อตนเห็นเช่นนั้น
    จึงรีบเดินทางมาร่วมงานทำบุญที่บ้านก่อน
    เพราะเกรงว่าจะไม่ทันเวลาทำบุญ
    เพราะอย่างไรโยมนิมนต์แล้ว
    พระก็จะต้องมาร่วมงานให้ได้ "
    .
    คหบดีบ้านหลังนั้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น
    ก็ไม่ได้กล่าวอะไร หากแต่เมื่อพระโลกสกฉันเสร็จแล้ว
    คหบดียังจัดแจงภัตตาหารอย่างดี
    ใส่ในบาตรและขอโอกาสฝากฝัง
    ให้พระโลกสกนำไปถวายให้แก่ภิกษุผู้ทรงศีลรูปนั้น
    ที่อยู่ยังอารามด้วย
    .
    .
    หลังจากเสร็จกิจที่บ้านคหบดีแล้ว
    ขณะกำลังเดินทางกลับ
    ด้วยจิตอคติและอกุศลที่ยังคงมีอยู่ในหัวใจ
    จึงทำให้พระโลสก ตัดสินใจทำลายและขัดขวาง
    ลาภสักการะของภิกษุผู้ปฏิบัติดีรูปนี้
    ที่คหบดีได้ขอเมตตาฝากธุระมาให้พระโลกสก
    ช่วยดำเนินการ
    .
    พระโลสกตัดสินใจนำบาตร
    ที่คหบดีใส่ภัตตาหารด้วยความศรัทธาแก่พระผู้ปฏิบัติดี
    ไปเททิ้งเสียทั้งหมด ไม่เหลือร่องรอยใด ๆ ไว้
    หาได้นำบาตรที่บริบูรณ์ด้วยภัตตาหารนี้
    ไปถวายแก่พระผุ้ทรงศีลรูปนั้นไม่
    ตามความประสงค์ของคหบดีที่ได้ฝากฝังมา
    .
    ทุกอย่างดำเนินไปจนเรียบร้อย
    จากนั้นพระโลสกได้เดินทางกลับอารามของตนดังเดิม
    แต่ครานี้เหตุการณ์ได้แปรเปลี่ยนไป นั่นคือ ภิกษุผู้ทรงศีลรูปนี้กลับไม่ได้อยู่ ณ อารามแห่งนี้เสียแล้ว
    โดยได้เดินทางจาริกธุดงค์ต่อไปยังสถานที่ใหม่
    .
    .
    โดยในความเป็นจริงนั้น
    เหตุที่ภิกษุรูปนี้ได้เดินทางจาริกธุดงค์
    ไปยังสถานที่แห่งใหม่ ก็ด้วยทราบโดยญาณทัศนะว่า
    .
    หากตนเองอยู่สถานที่นั้นต่อไป
    พระโลสกรูปนี้จะยิ่งสร้างบาปอย่างมหันต์
    ให้กับตัวเขาเองและบาปที่พระโลสก
    กำลังประพฤติอยู่นั้น รุนแรงเสียยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
    .
    .
    ภิกษุรูปนี้เมื่อทราบด้วยญาณทัศนะเช่นนั้นแล้ว
    จึงตัดสินใจเดินทางไปยังสถานที่อื่นเสียโดยพลัน
    เพื่อว่าพระโลสกจะไม่ต้องสร้างกรรมหนักอีกต่อไป นั่นเอง
    .
    .
    ครานี้หลังจากที่พระโลสกได้หมดสิ้นอายุขัยในชาตินั้นแล้ว
    .
    .
    .
    ผลปรารกฎว่าไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เกินกรรม
    เพราะผลกรรมที่พระโลสก
    ได้กระทำต่อพระภิกษุผู้ปฏิบัติดีที่เป็นพระอรหันต์นั้น
    .
    ส่งผลให้พระโลสกได้รับโทษทัณฐ์
    อย่างแสนสาหัสในอเวจีมหานรก
    เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในมหานรกแห่งนั้นหลายแสนปี
    .
    และเศษของผลกรรม
    ยังนำให้ไปเกิดเป็นยักษ์ถึง ๕๐๐ ชาติ
    เกิดเป็นสุนัข ๕๐๐ ชาติ ด้วยกรรมหนัก
    ที่ได้กระทำกับพระอรหันต์ขีณาสพผู้ปฏิบัติดี
    .
    .
    จนถึงกาลในห้วงเวลาหนึ่ง
    ที่ซึ่งพระโลสกได้เสวยทุกขเวทนา
    อย่างแสนสาหัสจนถึงที่สุดแล้ว
    .
    ก็ได้จุติขึ้นมาเกิดเป็นบุตรของกลุ่มชาวประมงครอบครัวหนึ่ง
    ที่ซึ่งประกอบอาชีพหาเลี้ยงปากท้องด้วยการทำประมง
    โดยอยู่กันเป็นหมู่บ้าน เป็นชุมชน
    .
    .
    แต่กระนั้นเมื่อพระโลสกพ้นทุกข์
    จากการเสวยกรรมในมหานรกแล้ว
    และได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาในโลกมนุษย์
    กระนั้นเศษเสี้ยวของอกุศลกรรมที่ตนได้กระทำไว้แต่กาลก่อนต่อพระบริสุทธิ์สงฆ์ ก็ยังคงมีเหลืออยู่
    .
    .
    ปรารฏว่าแม้พระโลสก
    ได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาเป็นมนุษย์แล้ว
    กลายเป็นว่าเดิมทีชุมชนชาวประมง ครอบครัวชาวประมงเหล่านี้มีความเป็นอยู่ที่อุดมสมบูรณ์ ทำการประมงก็ได้กำไรมาโดยตลอด มีชีวิตความเป็นอยู่กันอย่างผาสุก
    .
    แต่เมื่อปรากฏสมาชิกใหม่ขึ้นมาในหมู่บ้านชาวประมง
    ชุมชนชาวประมงที่ว่านี้ เรื่องร้าย ๆ ต่างๆ ก็เกิดขึ้นมากมาย
    .
    ปลาที่เคยจับได้ก็ไม่สามารถจับได้
    กำไรที่เคยมีก็หายไป เกิดเหตุเพทภัยขึ้นมาต่าง ๆ นานา
    กับชุมชนชาวประมงที่ว่านี้
    เหตุการณ์ต่าง ๆ เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น
    .
    .
    จนท้ายสุดเหล่าชาวบ้านเริ่มหาต้นตอและสาเหตุของที่มาที่ไปว่าด้วยเพราะเหตุอะไร นั่นคือ แบ่งกลุ่มชาวประมงออกไปสองกลุ่ม ทำการออกหาปลา และดูว่าฝั่งไหนจับปลาได้ มีเหตุที่ไม่ดีอะไรบ้าง จนท้ายสุดก็ทราบว่ามีฝั่งหนึ่งจับปลาได้ และไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ส่วนอีกฝั่งหนึ่งกลับมีเหตุเภทภัยโดยไร้สาเหตุ
    .
    .
    กลุ่มชาวบ้านรวมตัวกันหาที่มาที่ไปลักษณะเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ
    จากกลุ่มใหญ่ ไล่จนมาเหลือกลุ่มเล็ก คัดลงมาเรื่อย ๆ จนเหลือสองครอบครัว และพิสูจน์สองครอบครัวนี้ว่าต้นตอสิ่งไม่ดีมาจากครอบครัวไหน ครอบครัวใดเป็นกาลกิณี ที่ทำให้ชุมชนชาวประมงแห่งนั้นต้องประสบกับเหตุเภทภัยที่ว่านี้
    .
    .
    จนท้ายสุดสืบสาวราวเรื่องไปตามความเชื่อ จึงได้ทราบว่า
    ต้นตอของสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นในชุมชนชาวประมงนั้นก็คือ ครอบครัวของที่พระโลสกไปเกิดนั่นเอง
    .
    .
    จนท้ายสุดครอบครัวของโลสกก็ต้องถูกขับออกจากชุมชนชาวประมงที่ว่านี้ พ่อแม่และโลซกก็ต้องออกจากชุมชนแห่งนั้น ครานี้พ่อและแม่ของโลสกเองเมื่อเห็นเช่นนั้น ก็ทราบว่าต้นเหตุของกาลกิณี ต้นเหตุของสิ่งที่ไม่ดีทั้งหมดนั้น นั่นก็คือ ลูกน้อย ที่พวกเขาได้ให้กำเนิดขึ้นมานั่นเอง
    .
    .
    เมื่อเห็นเช่นนั้น พ่อแม่ของพระโลสกจึงตัดสินใจนำโลสกไปทิ้งในขณะที่โตพอเริ่มวิ่งเล่นได้ ด้วยว่าหากจะต้องอยู่ด้วยกันต่อไปจะยิ่งมีแต่ความวิบัติ มีแต่สิ่งไม่ดีอีกเป็นแน่แท้
    .
    .
    ท้ายสุดปรากฎว่าทั้งพ่อและแม่ของพระโลสกนั้นได้นำลูกชายไปทิ้ง ด้วยไม่กล้าที่จะเลี้ยงอีกต่อไป เด็กน้อยถูกทิ้งให้ต้องกำพร้าพ่อแม่ ด้วยเกรงถึงความอัปมงคลต่างๆ ซึ่งนั่นคืออกุศลกรรมที่ยังเหลืออยู่ที่โลซกจะต้องชดใช้ ที่เคยได้ทำไว้กับพระบริสุทธิ์สงฆ์ในกาลก่อน
    .
    .
    ตั้งแต่นั้นมา เขาก็อยู่อย่างเดียวดาย เที่ยวหากินไปตามประสา หลับนอน ณ ที่แห่งหนึ่ง ไม่ได้อาบน้ำ ไม่ได้ปรนนิบัติร่างกาย ดูเหมือนปีศาจคลุกฝุ่น เลี้ยงชีวิตมาได้โดยลำบาก
    เขามีอายุครบ ๗ ขวบ โดยลำดับ เลือกเม็ดข้าวกินทีละเม็ด
    .
    .
    พระโลกซกหลังจากถูกครอบครัวทิ้ง ด้วยว่าเป็นต้นเหตุของกาลกิณีและเรื่องราวไม่ดีต่าง ๆ ปรากฎว่ายังมีบุญกุศลที่ยังเหลืออยู่บ้าง ด้วยว่ามีพระบริสุทธิ์สงฆ์รูปหนึ่งในยุคพุทธกาลได้มาพบเข้า จึงได้เก็บโลสกไปอุปการะด้วยความสงสารและเวทนา แต่กระนั้นพระบริสุทธิ์รูปนี้ก็ทราบด้วยญาณวิถีเป็นอย่างดีแล้วว่า
    .
    โลสกได้กระทำกรรมอะไรมาในกาลก่อน จึงต้องชดใช้กรรมนั้นในชาติปัจจุบันนี้ โดยพระที่เมตตารับโลสกมาเลี้ยง
    และดูแล
    .
    พระรูปนั้นนั่นก็คือ "พระสารีบุตร" อัครสาวกเบื้องขวาในองค์สมเด็จพระสัมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นเลิศด้านปัญญา ที่นำโลสกมาเลี้ยงด้วยความเมตตาตั้งแต่เด็ก ทั้งอาบน้ำให้เอง ดูแลอย่างดี เมื่ออายุครบก็บรรพชาให้ และอุปสมบทให้ตามลำดับ
    .
    .
    หลังจากรับโลกสกมาเลี้ยงดูด้วยความเมตตาแล้วนั้น
    พระสารีบุตรก็ได้เมตตาบวชให้กับโลสกได้เจริญเติบโตใต้ร่มบวรพระพุทธศาสนา ดังเช่นที่เคยปฏิบัติมาเมื่อกาลก่อน
    แต่กระนั้นอกุศลกรรมอันหนักที่พระโลสกได้กระทำไว้ ก็ยังหาได้หมดไปเสียสิ้น โลสกยังต้องชดใช้และเสวยกรรมนั้นอีกต่อไปเมื่อจะได้ก้าวเข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัสตร์แล้วก็ตาม
    .
    .
    นั่นคือ แม้พระโลสกจะได้บวชเป็นพระภิกษุโดยพระสารีบุตรแล้ว แต่เวลาพระโลสกออกบิณฑบาตรนั้นก็ไม่เคยได้ภัตตาหารดี ๆ หรือบางทีก็แทบจะไม่ได้ฉันข้าวหรือฉันอะไรเลย มีเพียงบาตรเปล่าๆ เท่านั้นกลับยังอาราม ไปไหนก็ไม่เคยมีผู้จะทำบุญด้วย เป็นผู้ที่อาภัพเรื่องลาภสักการะเป็นอย่างมาก
    .
    .
    แต่กระนั้น "พระโลสก" ก็หาได้โอดครวญอันใดไม่ กลับปฏิบัติกิจของสงฆ์อย่างสม่ำเสมอมิเคยได้ขาด มีให้ฉันเท่าไหร่ก็ฉันเท่านั้น หากไม่มีให้ฉันก็จะไม่ฉัน ยอมที่จะอด ยอมที่จะหิว
    .
    .
    พระโลสกถือปฏิบัติเช่นนี้มาโดยตลอด โดยไร้ความย่อท้อ ย่นย่อใด ๆ มีเพียงแต่ความมุ่งมั่น และการพิจารณาแห่งเหตุที่เกิดขึ้น จากที่ตอนแรกก็ได้ตั้งข้อสัยและมีคำถามเกิดขึ้นมากับตนเอง ว่าเหตุใดจึงเป็นผู้อาภัพและไร้วาสนาถึงเพียงนี้
    คงอาจจะด้วยผลแห่งกรรมไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งที่ตนได้เคยกระทำมาแต่อดีตชาติ
    .
    แต่กระนั้นเมื่อวันเวลบาผ่านไป และได้อยู่กับความจริงและการพิจารณา พระโลสกก็ได้เข้าใจว่า ทุกอย่างย่อมมีที่มาที่ไป ผลของความอาภัพอย่างถึงที่สุด ที่ตนได้รับผลกระทบอยู่นี้นั้นก็ด้วยเกิดจากการกระทำของตนนั่นเอง แม้จะหาเหตุไม่ได้ ตนก็จะต้องยอมรับและชดใช้สิ่งที่กระทำนี้ให้ได้
    .
    .
    ท้ายสุดแล้วเมื่อยู่กับความอาภัพและไร้วาสนาอย่างถึงที่สุด
    อดอยากอย่างมากถึงมากที่สุด พระโลสกก็ปลงตกพร้อมพิจารณาและได้เข้าถึงธรรม จากผลแห่งความอดอยากที่ว่านี้ จนได้ตรัสรู้ถึงหนทางแห่งการดับทุกข์
    .
    พร้อมเข้าถึงพระสัทธรรมที่จริงแท้และแน่นอน นั่นคือ พระโลสกได้สำเร็จธรรมและ #บรรลุเป็นพระอรหันต์
    .
    .
    แม้อาหารทางร่างกาย พระโลสกจะไม่เคยฉันอิ่มสักมื้อ
    แต่สิ่่งที่ได้ตรัสรู้คืออาหารทางธรรม หรืออาหารทางใจนั่นเอง พระโลสกปลงตก พิจารณาความทุกข์ยากจนแตกขาด
    .
    ปลงจนขาดจากความอดอยากไปเลยทีเดียว และท้ายสุดองค์ท่านก็ได้ลิ้มรสของความหอมหวานแห่งการหลุดพ้น ลิ้มรสของพระธรรมที่จริงแท้และแน่นอน
    .
    .
    นี่คือเรื่องราวของพระโลสก ที่เรื่องราวของท่านน่าสนใจมาก และอาภัพน่าสงสารมาก เป็นพระอรหันต์ที่ว่ากันว่าอาภัพที่สุด ขาดลาภสักการะมากที่สุดด้วยผลกรรมอันหนัก ที่ครั้งหนึ่งได้เคยขัดขวางหรือทำลายลาภสักการะของพระอรหันต์รูปหนึ่งในอดีตชาติ ...
    .
    ทำให้ท่านต้องเวียนว่ายตายเกิดพบกันความอาภัพต่าง ๆ นานา ด้วยผลจากสิ่งที่ตนได้กระทำไว้ แต่ท้ายสุดด้วยบุญกุศลที่ท่านได้กระทำไว้บ้าง รวมถึงกำลังใจและการพิจาณาพร้อมกับการปลงสังเวชจากความทุกข์ยากต่าง ๆ ทำให้องค์ท่านได้บรรลุและเข้าถึงพระสัทธรรมในที่สุด โดยใช้ความอดอยากที่ว่านี้มาเป็นเครื่องพิจารณานั่นเอง
    .
    นี่คือเรื่องราวที่มีอยู่จริงและเกิดขึ้นจริง ของพระอรหันต์ยุคพุทธกาลรูปหนึ่ง ที่ซึ่งเป็นเครื่องสอนเราได้เป็นอย่างดี เวลาที่อยู่ใกล้พระบริสุทธิสงฆ์ การสำรวมกาย วาจา ใจ เป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันสำคัญมากจริง ๆ กับพระอรหันต์
    .
    หากเราปฏิบัติเป็นอานิสงส์ก้มากมายมหาศาล ในทางกลับกันหากปฏิบัติตรงกันข้าม บาปนั้นที่เราจะได้รับก็มีมหันต์เช่นเดียวกัน เหมือนกับเรื่องราวของพระโลสกที่ว่านี้ ... บุญบาปเกิดที่เดียวกัน คือ ที่ใจ พิจารณาและเฝ้าดูมันให้ดี ไม่ต้องดูใคร ดูใจเราอย่างเดียว "
    .
    ........................
    .
    โอวาทธรรม
    เรื่อง " #พระโลสก พระอรหันต์ผู้อาภัพ
    ที่ไม่เคยได้ฉันอาหารอิ่มสักมื้อจนกระทั่งละสังขาร"
    .
    #หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
    .
    .
    เมตตาแสดงธรรมให้ฟัง
    ณ บริษัท เวลทรอน รอยัล เทค จำกัด
    โพธิ์แก้ว 3 แยก 6 ลาดพร้าว 101 กทม.
    .
    วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม 2560
    .
    .
    .................................
    .
    .
    *ปล."โลสกติสสเถระ" ความหมายคือ พระไม่มีบุญ มีลาภน้อย ซึ่งพระสารีบุตรเป็นผู้ตั้งให้ขณะทำการอุปสมบท โดยรื่องราวของ "พระโลสกติสสเถระ" หรือ "พระอรหันต์โลสกะ"
    มีปรารกฎอยู่ในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก
    อรรถกถาอัตถกามวรรคที่ ๕ อรรถกถาโลสกชาดกที่ ๑
    63.jpg
     
  15. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
    .
    "อัปปมาทธรรม
    เมื่อพระพุทธองค์ใกล้จะเสด็จปรินิพพานแล้ว ก่อนจะปิดพระโอษฐ์ ได้รับสั่งเป็นปัจฉิมวาจา ซึ่งเป็นพระวาจาสุดท้ายก่อนปรินิพานไว้ว่า :
    “หนฺททานิ ภิกฺขเว อามนฺตยามิ โว, วยธมฺมา สงฺขารา, อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ”
    “ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอพูดกับเธอทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม”
    คืออะไร ... คือ ความประมาทเป็นทาง แห่งความตาย ชนผู้ไม่ประมาทย่อมไม่ตาย ชนเหล่าใดประมาทแล้ว ย่อมเป็นเหมือนคนตายแล้ว บัณฑิตทั้งหลายตั้งอยู่ในความไม่ประมาท... "
    .
    .
    #หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
    63.jpg
     
  16. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Piti Songchom
    .
    วันนี้ขณะนั่งตัดเล็บนึกถึงคำสอนของ
    หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    เช้าวันที่ 7 ธันวา63
    ขณะผมและแมวกำลังช่วยท่านห่มจีวรเพื่อออกไปกิจนิมนต์
    ท่านกล่าวสอนว่าจีวรต้องใช้ให้เปื่อยขาด เล็บต้องให้ยาวเต็มที่ ผมต้องให้ยาวเต็มที่ จึงตัด
    ของเหล่านี้จึงจะมีบารมีเต็ม
    63.jpg 64.jpg 65.jpg 66.jpg
     
  17. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Piti Songchom
    .
    หลวงปู่บุญส่ง. ท่านถามถึงอาการป่วยของหลวงปู่ทองสุข ขณะผมนวดท่านที่บ้านควนเนียงถึง 2 ครั้ง
    ผมเรียนท่านว่า
    หลวงปู่ทองสุข มีอาการกรดไหลย้อนหลังฉันอาหารทำให้แสบคอ เสียงหาย และน้ำหนักลด หมอนัดส่องกล้องระบบทางเดินอาหารวันที่ 16 ครับ
    หลวงปู่ทั้งสององค์ท่านมีความห่วงใยกันแม้จะไม่ได้เจอกันบ่อยในช่วงโควิด
    วันนี้หลังหลวงปู่ทองสุข พักนั่งหลังฉันเช้า ผมจึงโทรแบบวิดิโอให้ท่านทั้งสองได้สนทนา ถามอาการป่วย
    ได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทั้งสององค์ขณะสนทนา แนะนำการกินยาแก่กัน ถามว่าอยู่ที่ไหนกลับวันไหน ท้ายสุดนัดเจอกันที่งานวันที่ 22 ที่ กฟผ
    ขอให้หลวงปู่ทั้งสองสุขภาพแข็งแรง สาธุ
    63.jpg 64.jpg 65.jpg 66.jpg 67.jpg 68.jpg 69.jpg 70.jpg
     
  18. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
  19. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...NooFirst LoveLove
    .
    น้อมถวายปัจจัย ผ้าปูรองนั่ง และพระผงนั่งตั่งหลวงปู่หมุนสภาพสวยกริ๊บเพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา แด่พระสงฆ์... ผู้เป็นเนื้อนาบุญของพระพุทธศาสนา เพชรแท้แห่งจันทบูร
    #ให้เพื่อละ
    #สละเพื่อไม่ให้ยึดติด
    63.jpg 64.jpg 65.jpg 66.jpg 67.jpg 68.jpg
     
  20. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เมษายน 2560
    เมษายน 2564
    1.jpg 2.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...