หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Thammawong Namthong
.
ย่ำรุ่งนั่งเช็ดเนื้อเช็ดตัวถวายองค์หลวงปู่
ทำความสะอาดให้องค์หลวงปู่อยู่นั้น องค์ท่านได้กล่าวให้เกิดปิติดีใจว่า
#ถ้ามีคนดูแลเราแบบนี้มันก็น่าจะอยู่เป็นร้อยปีอยู่หรอก
พอพูดเสร็จท่านก็หัวเราะเสียงร่วน เลยทีเดียว
เห็นท่านได้ผ่อนคลายและสดชื่น แล้วก็มีความสุข
ได้ยินหัวเราะแล้วก็เกิดปิติเป็นบุญเป็นกุศลสำหรับเราเหล่าลูกศิษย์
เพราะตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ได้มีโอกาสอยู่อุปัฏฐากหลวงปู่หลายวัน
อย่างเช่นเมื่อคืนที่ผ่านมาก็อยู่ร่วมกัน อุปัฏฐากหลวงปู่จนถึง 5 ทุ่มเที่ยงคืน จึงได้กราบลาองค์หลวงปู่ไปนอนพักผ่อน
และตื่นเช้าตั้งแต่ 5:00 น
เข้ามาตระเตรียม แม่ชีท่านก็เตรียมภัตตาหารเช้า เป็นข้าวต้มอ่อนๆ
น้องแมวก็เตรียมยาและผ้าขนหนู
เตรียมน้ำร้อน
ถึงพวกเราจะได้อยู่ใกล้ชิดครูบาอาจารย์ก็ไม่ได้หวังอะไรมากมายมากไปกว่าบุญ
และเป็นสะสมเสบียงให้พร้อมสรรพ ก่อนที่เราจะแตกกายทำลายสังขารจากโลกมนุษย์นี้ไป
เราจะเตรียมบุญทั้งหลายให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
และเป็นฝึกความอดทน อดกลั้น ฝึกความขยันของตัวเองไม่ให้ขี้เกียจ
เพราะทุกครั้งที่ได้มีโอกาสอยู่หลวงปู่
ไม่ว่าจะอยู่ในกรุงเทพฯหรืออยู่วัดสันติวนาราม
ตลอดทั้งบางครั้งบางคราวได้ติดตามองค์หลวงปู่ไปทั่วภูมิภาคในสยามประเทศนี้
ทางภาคเหนือภาคใต้
ภาคกลาง
ภาคอีสานยังฝึกความอดทนอดกลั้นต่อสิ่งต่างๆที่เข้ามากระทบไม่ว่าจะทั้งทางกายทางวาจาและทางใจ
ขันติปรมังตโปติขา
หลวงปู่ท่านสอนเป็นประจำ
อดได้ ทนได้ได้ดี
คืนหนึ่ง คืนนั้น ที่สันติวนาราม

 

เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Piriya Jord Chukeawngam
.
#ห้ามมาบ่นให้ฟังนะว่าขายดีแล้วเหนื่อย
(ภาพถ่าย...ทันตธาตุ หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร)
ตั้งแต่ได้รูปนี้...มาจากมือหลวงปู่ฯ
ที่ร้าน...ยอดขายก็ดีทุกวัน
แม้จะโควิดหรือทาง 3 แพ่งที่อยู่ตรงหน้าบ้าน...ก็ไม่กลัว
หลวงปู่บอก...ห้ามมาบ่นให้ฟังนะ...ว่าขายดีแล้วเหนื่อย
Cr : พลพล ศุภวงศ์ดีเลิศ
.
........................................
.
ทันตธาตุในภาพ เป็นภาพถ่ายอัดกรอบที่ศิษย์ได้รับมาจากหลวงปู่ เป็นฟันกรามล่างซี่ใหญ่ขององค์ท่าน ซึ่งของจริงได้ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีที่คุณแม่ชีวัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
.
ส่วนที่ข้าพเจ้าเองนั้นมี #ทันตธาตุ ของหลวงปู่อยู่ 1 ซี่ใหญ่เช่นกัน เป็นฟันกราม ที่หลวงปู่เมตตามอบให้เมื่อคราวไปร้านทำฟันกับท่าน...
.
ของจริงอยู่ที่ตัวข้าพเจ้าและเก็บรักษาไว้อย่างดี เมื่อถึงเวลาจะนำเข้าพิพิธภัณฑ์ของวัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
.
มีหลายท่านใฝ่ฝันที่จะครอบครอง แต่ข้าพเจ้าตระหนักดี ว่าสิ่งนี้ของพ่อแม่ครูอาจารย์เป็นของสูง และไม่ควรจะถือเป็นเจ้าของ
.
ข้าพเจ้ามีหน้าที่เพียงเก็บรักษาไว้ในระยะเวลาหนึ่งให้ท่านเพียงเท่านั้น เมื่อถึงเวลาแล้วทันตธาตุส่วนนี้ขององค์ท่าน จะถูกเก็บรักษาไว้ในที่อันเหมาะสม สำหรับให้ผู้อื่นได้กราบไหว้สักการะ ทั้งเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
.
.
#สาธุอนุโมทนาบุญครับ

 

เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...เอก พันท้ายนรสิงห์
.
#ไม่ได้กราบท่านเรียกว่า
หลายวันได้บีบนวดท่านบ้างก็เป็นบุญแล้ว...#โรคภัยมาเยือนกันถ้วนหน้า...
#มีศีลมีธรรม น้อมกราบ
หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
ด้วยเศียรเกล้า ทำบุญจนกว่าดินจะกลบหน้าแม้โควิดมันจะร้าย เท่าใดบุญจะนำพาสู่แดนนิพพาน....

 

เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Thammawong Namthong
.
ค่ำคืนที่เป็นบุญขอแค่นี้ก็พอ
ค่ำคืนดึกดื่นหลายคนอาจจะนอนหลับสบายบนเตียงนอนนุ่มๆ
แต่สังกะรีผู้อุปฐากหลวงปู่หลวงตา
ยังปฏิบัติรับใช้บีบนวด
เพื่อที่จะให้หลวงปู่หลวงตาได้นอนหลับสบาย

 

เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...ใหญ่ เมืองทอง
.
อยากให้ทุกคนร่วมตามกำลังศรัทธา
ครั้งนึงเคยฝันว่าใครก็ตามที่ร่วมสร้างโบสถ์หลังนี้ จะมีวิมานรอบนสวรรค์ทันที เป็นโบสถ์ของหลวงปู่บุญส่ง ลักษณะโบสถ์ก็เหมือนในฝันเป็นลักษณะ 4 ทิศ
ความคืบหน้าของอุโบสถวัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
อุโบสถ5ไร่....อุโบสถที่ว่ากันว่ามีอานิสงส์มากมายเหลือคณานับ

 

ยามใดที่คนเรากำลังลำบากและมีทุกข์ เราจะได้เห็นน้ำใจของคน ที่จะตัดสินใจได้ว่า…
คนไหนควรคบ คนไหนควรถอยห่าง คนไหนควรตัดทิ้ง คนไหนควรทดแทนบุญคุณเขา…
#โอวาทธรรมที่ทุกๆท่านควรพึงนำกลับไปคิดและปฎิบัติ
น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยจิตคารวะครับ

 

#สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พรหมคุตโต)
ปรารภเรื่องโบสถ์กับ #หลวงปู่บุญส่ง
.
ในงานมุฑิตาคารวะฉลองอายุวัฒนะมงคลครบ 73 ปี
#หลวงปู่สุพจน์ ฐิตัพพโต ณ วัดห้วงพัฒนา จ.ตราด
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา
.
ซึ่งเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พรหมคุตโต)
แห่งวัดบวรนิเวศฯ ท่านได้เมตตาเดินทางมาเป็นประธานในพิธีด้วย
โดยหลวงปู่บุญส่งเองนั้น องค์ท่านก็ได้เดินทางไปร่วมงานด้วย
.
.
ระหว่างที่พ่อแม่ครูอาจารย์
กำลังตั้งแถวเพื่อให้การต้อนรับสมเด็จวัดบวรฯนั้น
ขณะที่สมเด็จท่านกำลังผ่านไป
ท่านได้ทักทายกับหลวงปู่บุญส่ง
และสนทนาด้วยความเป็นกันเอง
ตลอดจนถามไถ่ถึงความคืบหน้า
ในเรื่องการก่อสร้างมหาอุโบสถว่าดำเนินการไปถึงไหนแล้ว
โดยหลวงปุ่บุญส่งก้ได้ปรารภตอบกลับไปด้วยความอ่อนน้อมว่า
กำลังดำเนินการสร้างไปเรื่อย ๆ ตามศรัทธาของสาธุชน
.
.
...........
.
.
ข้างต้นคือ บทสนทนา
ของเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต
ที่มีต่อหลวงปู่บุญส่ง
.
.
อนึ่งเมื่อย้อนกลับไป
ในตอนงานมุฑิตาคารวะ
ฉลองอายุวัฒนมงคลครบ 80 ปีของหลวงปู่บุญส่ง
เมื่อวันเสาร์ที่ 4 มีนาคม 2560 ปีที่แล้ว
องค์สมเด็จพระวันรัต ท่านได้เมตตา
เดินทางมาเป็นประธานในงานครั้งนั้นด้วย
ตามบันทึกดังนี้ ...
.
.
.
#แล้วจะกลับมาเยี่ยมอีก
.
งานมุฑิตาสักการะของหลวงปู่บุญส่งในวันนั้น (4 มีนาคม 2560)
หลังจาก #เจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต วัดบวรฯ
ได้เดินทางมาถึง และได้นั่งพักบริเวณที่พักรับรอง
.
สมเด็จฯ ท่านก็ได้นั่งสนทนาธรรม
กับองค์หลวงปู่บุญส่งและครูบาประโยชน์อยู่นานพอสมควร
ทั้งเรื่องการสร้างก่ออุโบสถรวมถึงโครงการต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นในภายภาคหน้า
.
ในวันนั้นสมเด็จท่านสนทนา
กับองค์หลวงปู่บุญส่งและครูบาประโยชน์
ด้วยความยิ้มแย้มและเปี่ยมไปด้วยความเมตตา
ตามแบบฉบับของพระผู้ใหญ่ที่เมตตาต่อพระผู้น้อย
.
โดยเฉพาะกับครูบาประโยชน์นั้น
ดูสมเด็จท่านจะเมตตาเป็นอย่างมาก
.
ซึ่งในวันนั้นครูบาประโยชน์และวัดสันติวนาราม
ได้น้อมถวายทุเรียน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองจันทบุรี
แก่เจ้าประคุณสมเด็จด้วย
.
_______________________
.
เมื่อวานนี้ขณะนวดถวายให้หลวงปู่บุญส่ง
ท่านเมตตาเล่าให้ฟังเพิ่มเติม
สำหรับบางช่วงบางตอนของการสนทนาในวันนั้นว่า
.
.
เมื่อสมเด็จฯมาถึงและได้นั่งสนทนากัน
สมเด็จท่านก็ปรารภว่า
.
" .. ใหญ่โตดีจริง ๆ นะ ไม่น่าเชื่อ สร้างได้ขนาดนี้
นี่ใหญ่ระดับประเทศเลยทีเดียว นี่ขนาดยังไม่เสร็จ
เดี๋ยวในวันข้างหน้าแล้วจะกลับมาเยี่ยมอีก ... "
.
.
เบื้องต้น คือคำปรารภที่เจ้าประคุณสมเด็จ
ท่านได้ปรารภกับหลวงปูบุญส่งไว้
ในคราวนั้น ...
.
.
.
ในอนาคตถ้ามหาอุโบสถวัดสันติวนารามหลังนี้
ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จนั้น
ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต แห่งวัดบวรฯ นั้น
องค์ท่านก็ได้ปรารภว่า
.
.
" ... อีก 4 ปี แล้วจะกลับมาเยี่ยมอีก
มาดูโบสถ์หลังนี้อีกครั้ง ... "
.
.
.
#น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้ยเศียรเกล้า
.
.
.
ขอบคุณเจ้าของภาพ

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
" ชีวิตของแต่ละคนจะดีหรือไม่ดีนั้น
ขึ้นอยู่กับบุญเก่ากรรมเก่าของแต่ละคน
ซึ่งเป็นเรื่องของอดีต
.
แต่อยากให้ทุกคนโฟกัสที่ปัจจุบัน
เพราะอดีตเราไปแก้ไขไม่ได้
บุญเก่ากรรมเก่าแต่ละคนไม่เท่ากัน
.
ฉะนั้นให้อยู่กับปัจจุบัน
พยายามต่อยอดบุญ
สะสมบารมีให้เพิ่มขึ้น
หมั่นสร้างความดี ละเว้นความชั่ว
.
ในชีวิตประจำวันถ้ามีเวลาก็ใส่บาตร
สวดมนต์ นั่งสมาธิภาวนาอยู่เป็นประจำ
รักษาศีล5ให้ได้
.
ที่สำคัญเลยใช้ชีวิตอย่างมีสติ
และหมั่นดูจิตดูใจของเราให้ดี
จับผิดจิตเรา พยายามอย่าให้มีสิ่งไม่ดี
มาข้องแวะกับจิตเรา
.
ไม่ต้องไปจับผิดจิตของคนอื่น
ถ้าทำได้ดังนี้แล้ว...
ช้าเร็วชีวิตก็จะต้องดีขึ้น
.
.
แต่ทุกอย่างก็ต้องใช้เวลา
.
.
อุปมาดั่งปลูกต้นมะม่วง
เราเอาเม็ดมาปลูกก็ต้องขุดดิน
ใส่ปุ๋ยเอาเม็ดลง หมั่นรดน้ำต้นไม้
คอยสังเกตุดูความเจริญเติบโต
ของมะม่วงและต้องคอยหมั่นดูแลรักษา
.
ให้ต้นมะม่วงเจริญเติบโตงอกงาม
ต้องคอยระวังพวกแมลงมาทำลาย
ระวังโรค ถ้าเราดูแลดี...
เดี๋ยวก็จะได้ทานผลมะม่วง
.
.
ทุกอย่างก็ต้องใช้เวลา
ไม่ใช่ว่าเราปลูกวันนี้
พรุ่งนี้ก็ได้ผลมากินเสียเมื่อไรกันล่ะ
ต้นมะม่วงของใครก็เป็นของคนนั้น
นอกจากว่าเมื่อได้ผลออกมาแล้ว...
เราจะแบ่งปันให้เพื่อนบ้าน
หรือให้คนรู้จัก...นั่นก็ทำได้
.
.
สุดท้ายที่ปฏิบัติธรรมจริงๆ
ไม่ใช่ว่าต้องไปที่วัดอย่างเดียวนะ
ที่ปฏิบัติธรรมจริงๆอยูที่ตัวเรา
เราทำที่ไหนก็ได้
หมั่นฝึกปฏิบัติแล้วกัน
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
.
.
บันทึกธรรม : NooFirst LoveLove

 

" หนทางเตียนเวียนสู่นรก
หนทางรกวกขึ้นสู่สวรรค์...
ทางขึ้นสวรรค์ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
แต่ทางลงนรกนั้นมันง่ายเหลือเกิน
เลือกกันให้ดีว่าจะไปทางไหน "
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
มนุษย์ที่เกิดมาบนโลกนี้ย่อมเกิดมาตามแรงเหวี่ยงของกรรม
ใครทำกรรมดีไว้มาก
ใครรักษาศีลบริสุทธิ์กว่ากัน
ใครเจริญสมาธิมาเป็นพื้นฐาน
แล้วเมื่อได้เกิดมาบนโลกมนุษย์นี้สติปัญญา
ฐานะทางการเงินการงานก็แตกต่างกันไป
ทรัพย์สินศฤงคารก็แตกต่างกันไปอาหารการกินก็เป็นอยู่แตกต่างกันไป
พวกเราเคยสงสัยไหมว่าเราก็เกิดมาจากท้องบิดรมารดาเหมือนกันแต่ทำไมแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
เราเคยคิดที่จะค้นหาความสงสัย ให้มันหายสงสัยมั้ย
และจะค้นหาจะหาคำตอบแบบไหน อย่างไร
พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสไว้ว่าต้องเข้ามาปฏิบัติด้วยตนเอง
ไม่ต้องเชื่อใคร
เข้ามาปฏิบัติไปเรื่อยๆเรา
ก็จะแก้ไขความสงสัยไปเอง
อย่าแค่สงสัยแล้วไม่ลงมือทำความสงสัยมันก็จะติดไปจนวันตาย
สงสัยแล้วเข้ามาพิสูจน์พิสูจน์ได้อย่างไรนั่นแหละคือคำตอบ
ต้องพิสูจน์อย่างจริงจังจังเอาเป็นเอาตายแล้วความสงสัยจะหายไปเอง
พระพุทธศาสนา พระสมณโคดมสอนเหล่าสาวกให้เชื่ออย่างมีเหตุมีผลให้เชื่อโดยเอาตัวเอาตนเข้าไปประพฤติปฏิบัติไม่ได้เชื่อแบบงมงายไม่ให้เชื่อแบบศรัทธาหัวเต่าแต่พวกเราต้องเชื่อแล้วลงมือทำผลสำเร็จก็จะเกิดขึ้นแก่บุคคลนั้นๆ

 

เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Thammawong Namthong
.
ปะสา สังขรี

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
"น้ำตา.................อย่าได้มีมาให้เราเห็น
มันเป็นตัวแทนของคนอ่อนแอและขี้แพ้
เกิดเป็นคนแล้วต้องเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว
อย่ายอมแพ้และอย่าอ่อนแอให้แก่อะไรง่าย ๆ
น้ำตาของคนเราเป็นของมีค่า
ควรจะไหลออกมาให้กับความสำเร็จ
มากกว่าไหลให้กับความโง่เขลา"

Cr.จารย์จ๊อด ภาพ&คำสอน

 

การอธิษฐานจิต
.
" การพุทธาภิเษกหรือการอธิษฐานจิต..นี่นะ..
ถ้าจิตของผู้อธิษฐานมีความเป็นเทพเป็นพรหมขึ้นไป
ของที่อธิษฐานนั้น...จะคงความศักดิ์สิทธิ์ได้ยาวนาน
แต่ถ้าจิตของผู้อธิษฐานนั้น..เป็นแค่ฌาณโลกีย์..
ไม่ช้ามันก็เสื่อม..."
.
.
หลวงปู่ครับ...แล้วเวลาที่หลวงปู่อธิษฐานล่ะครับ..
เวลาอยู่ที่วัดผมเห็นหลวงปู่อธิษฐานแต่ 2-3 นาที..เองนี่ครับไม่ค่อยเห็นเกินจากนี้
.
แล้วการที่หลวงปู่เมตตานั่งอธิษฐานจิตตามงาน
พุทธาภิเษก ครั้งละเป็นชั่วโมงสองชั่วโมง...กับ...
การที่หลวงปู่อธิษฐานจิต แค่ 2-3 นาที..****
แตกต่างกันมั้ยครับหลวงปู่..?
.
.
" หึหึ...มันดีตั้งแต่นาทีแรกแล้วแหละ..!!!!
เราไม่ได้เรียนคาถาอาคมอะไรมานะ...เราไม่มีอะไร
ต้องไปนั่งสวดนี่"
.
.
"เราอธิษฐานออกจากใจที่ไม่มีอะไรของเรา..
ออกจากความบริสุทธิ์ของใจเรา...เวลาเราอธิษฐานเรานึกแค่ว่า....ดี ดี ดี....."
.
.
แล้วทำไมถ้าหลวงปู่อธิษฐานแค่ 2-3 นาทีเสร็จแล้ว
ทำไมหลวงปู่ไม่ลงมาพักล่ะครับ
.
.
" บางทีเราก็รักษากำลังใจเจ้าภาพญาติโยมด้วย..
แต่อีกนัยหนึ่ง...เราก็นั่งทำประโยชน์อย่างอื่นได้ด้วย "
.
.
อ่อครับหลวงปู่....สาธุครับ
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี
18/มิถุนายน/2560
.
.
_________________
.
ภาพ :
.
- หลวงปู่อุทัย สิริธโร
วัดเขาใหญ่ญาณสัมปันโน จ.นครราชสีมา
.
- หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
.
.
บันทึกธรรม : คณะศิษยํฯ
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี เข้ากราบทำวัตรคารวะ #หลวงปู่อุทัย สิริธโร วัดเขาใหญ่ฯ จ.นครราชสีมา ด้วยความนอบน้อม ...
.
.
ในงานพระราชพิธี พุทธาภิเษกรูปเหมือนเท่าองค์จริงเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (ประจวบ กนฺตาจาโร) ณ วัดมกุฏกษัตริยาราม กทม. เมื่อปี พ.ศ.2560
.
.
#น้อมกราบด้วยเศียรเกล้า

 

น้อมส่งองค์หลวงปู่ใหญ่
พระครูปัญญาวรากร
( #หลวงปู่สมภาร ปัญญาวโร)
ละสังขารสู่แดนธรรมอันเกษมฯ
.
วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน 2564 เวลา 03.13 น.
สิริอายุ 96 ปี 10 เดือน 8 วัน พรรษา 76
.
.
#น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยความเคารพ
.
.
....................
.
.
#หลวงปู่สมภาร ปัญญาวโรเป็นพระเถระสำคัญอีกองค์ที่ปิดวาจาเงียบในสายองค์หลวงปู่มั่น พระอุปัฏฐากและศิษย์ที่ใกล้ชิดมักจะพูดให้ฟังเสมอว่า หลวงปู่มักจะไม่ค่อยเอ่ยถึงชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์เก่าๆให้ฟังนัก
.
.
เพราะท่านจะพูดไว้เสมอว่า "เราไม่อยากเอาชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์มาหากิน หาลาภยศเงินทอง"
.
.
จนบางครั้งก็รู้จากเวลาที่มีพ่อแม่ครูอาจารย์มากราบเยี่ยมคาราวะที่วัดหรือในงานพิธีตามที่ต่างๆ เวลาที่ท่านพบกันนอกจากจะถามไถ่กันทั่วไปแล้ว ก็มักจะสนทนากันในเรื่องสมัยหนุ่มๆบ้าง
.
ถึงได้รู้ว่าองค์ท่านเคยไปศึกษาธรรมกับองค์ใดบ้างและมีสหธรรมมิกใดบ้างที่เคยร่วมศึกษาธรรมกันมาแต่ก่อน หรือแม้แต่การร่วมกับคณะกองทัพธรรมขององค์หลวงปู่เทสก์, หลวงปู่เหรียญ, หลวงปู่คำพอง,หลวงปู่วัน, หลวงปู่จันทร์โสมเพื่อไปเผยแผ่ศาสนาพุทธที่ภาคใต้ เป็นต้น)
.
.
***************************
.
.
#ประวัติ หลวงปู่สมภาร
.
พระครูปัญญาวรากร" หรือ " #หลวงปู่สมภาร ปัญญาวโร" เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่มีวัตรปฏิบัติดี สืบสายธรรมจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อดีตพระอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนากัมมัฏฐานของภาคอีสาน
.
ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอพรเจริญ และเจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกพัฒนาราม อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ
.
มีนามเดิมว่า สมภาร อุนาพรหม เกิดเมื่อวันที่ 12 ส.ค.2467 ที่ ต.ชมภูพร อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย ครอบครัวประกอบอาชีพทำไร่ทำนา
.
ในปี พ.ศ.2488 อายุ 21 ปีอุปสมบทที่วัดไชยมงคล ต.โพนสูง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร โดยมีพระอาจารย์ฮวด เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์สิริ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
.
ภายหลังเข้าสู่ร่มเงาผ้ากาสาวพัสตร์ท่านได้มุมานะศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยอยู่หลายปี สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก
.
.
ในห้วงเวลานั้น หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนากัมมัฏฐาน พระมหาสมภารรับทราบกิตติศัพท์ มีความเลื่อมใสศรัทธาในวัตรปฏิบัติของหลวงปู่มั่น ท่านจึงเดินทางไปที่วัดบ้านหนองผือ จ.สกลนคร #เดินทางไปมาอยู่อย่างนั้นเพื่อฝึกฝนวิปัสสนากัมมัฏฐานปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงปู่มั่นนานถึง6พรรษา
.
.
#ตลอดเวลาหลวงปู่สมภารยึดแนวทางปฏิบัติธรรมตามคำชี้แนะของหลวงปู่มั่น อย่างเคร่งครัด
.
.
ต่อมาหลวงปู่มั่นละสังขาร ด้วยความที่เป็นพระหนุ่มไฟแรง หลวงปู่สมภารจึงเข้าร่วมกองทัพธรรมกับคณะหลวงปู่เทสก์ วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย ออกธุดงควัตรลงไปเผยแผ่ธรรมะที่ภาคใต้ และ จำพรรษาปฏิบัติธรรมวนเวียนอยู่วัดแถบภาคใต้ นานหลายพรรษา
.
.
หลังจากหลวงปู่สมภารธุดงค์ไปตามป่าเขาภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ นานเกือบ 20 ปี ในปี พ.ศ.2507 จึงเดินทางกลับอีสานบ้านเกิด จำพรรษาอยู่วัดป่าวิเวกพัฒนาราม อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ
.
คณะสงฆ์พิจารณาเห็นว่าเป็นผู้มีความพร้อมทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิ จึงแต่งตั้งให้ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกพัฒนาราม ซึ่งหลวงปู่ได้จำพรรษาปฏิบัติศาสนกิจอยู่ที่วัดแห่งนี้ตราบจนปัจจุบัน
.
.
.
ตลอดเวลาที่หลวงปู่สมภารจำพรรษาที่วัดป่าวิเวกพัฒนารามแห่งนี้ ได้ร่วมกับญาติโยมพัฒนาวัดป่าวิเวกพัฒนารามในทุกด้านอย่างเต็มที่ ถาวรวัตถุจะสร้างเท่าที่จำเป็นต่อการใช้ปฏิบัติศาสนกิจเท่านั้น
.
.
.
หลวงปู่สมภารมีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง ท่านกำหนดกฎระเบียบเข้มไว้ไม่ให้ภายในวัดมีเครื่องอำนวยความสะดวกมากเกินความจำเป็น เพราะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรม
.
.
ด้วยความที่เป็นพระสายป่า ท่านมีจิตใจชมชอบธรรมชาติป่าไม้ ปรับปรุงภายในบริเวณวัดให้มีความร่มรื่นสวยงาม ทำให้ทั่วบริเวณวัดมีแต่ความสงบวิเวก เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมยิ่งนัก ในแต่ละปีวัดจะมีกิจกรรมร่วมกับญาติโยม ปลูกป่าและรักษาป่าติดต่อกันมา
.
.
หลวงปู่สมภารเริ่มมีชื่อเสียงอยู่ในศรัทธาของญาติโยมชาว จ.บึงกาฬ และพื้นที่ใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันมีญาติโยมจากทั่วสารทิศเดินทางมากราบนมัสการรับฟังธรรมจากหลวงปู่อย่างล้นหลาม ธรรมะที่ท่านสั่งสอนญาติโยม จะเน้นไม่ให้ตั้งอยู่ในความประมาท
.
.
#หลวงปู่มีอุปนิสัยเยือกเย็นสุขุมรอบคอบ ในช่วงปัจฉิมวัย แม้ท่านจะมีอายุมากถึง 96 ปี แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติศาสนกิจ ท่านยังรับกิจนิมนต์ และนั่งสมาธิทุกวัน หากไม่มีกิจติดขัดอะไร รวมทั้งคอยรับแขกญาติโยม แม้บางครั้งท่านจะไม่ค่อยสบาย แต่หาปริปากบ่นไม่ ยังคงรักษาศรัทธาของญาติโยมมิเสื่อมคลาย
.
.
ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2520 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่ พระครูปัญญาวรากร พ.ศ.2525 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทิน นามเดิม
.
.
พ.ศ.2544 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษ ในราชทินนามเดิม รวมทั้งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอพรเจริญ
.
.
เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีของพุทธศาสนิกชนชาว จ.บึงกาฬ โดยแท้
.
.
.................................
.
.
น้อมส่งองค์หลวงปู่ใหญ่
พระครูปัญญาวรากร
(#หลวงปู่สมภาร ปัญญาวโร)
ละสังขารสู่แดนธรรมอันเกษมฯ
.
วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน 2564 เวลา 03.13 น.
สิริอายุ 96 ปี 10 เดือน 8 วัน พรรษา 76
.
.
#น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยความเคารพ
.
.
Cr.ภาพและข้อมูล : คณะศิษย์ฯ

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
" ... อรรถธรรมเนี่ยมันเป็นหน้าที่ของพุทธศาสนิกชน ทุกๆคนที่จะนำเอาธรรมะเหล่านี้มาเป็นสมบัติใส่ใจของเราไว้ให้ได้ถ้าจิตใจของเรามีธรรมะสมบัติเป็นที่อาศัยภายใน ภายนอกเรามีโลกียสมบัติ พอมีกินมีใช้ ไม่เดือดร้อนเป็นหนี้เป็นสินจะซื้ออะไรก็ซื้อได้บ้าง อันนั้นพอเพียงละสำหรับชีวิตความเป็นอยู่ความเป็นมนุษย์ของเรา
.
ส่วนมันจะเหลือมากเหลือน้อย รวยมาก รวยน้อย มันอยู่ที่วิบากกรรมของเราแต่ละคน ดำรงชีวิตไปปกติธรรมดานี้แหละบางทีมันก็มีเหลือใช้มั่งอะไรมั่งแต่ที่มันรวยเร็วก็เพราะ หนึ่งเราไม่มีเจ็บปวดป่วยไข้ เราไม่มีโรคโรคาพยาธิเบียดเบียน อันนี้ครอบครัวจะเป็นหลักมั่นคงได้รวดเร็ว ... "

 

"กรรมที่ทำแท้ง"
.
#หลวงปู่ทองสุข ฐิตปุญโญ ท่านเมตตาเล่าให้ฟังถึง
"กรรมของการทำแท้ง" ในช่วงหนึ่งขณะพักอยู่ภายในกุฏิเมื่อครั้งท่านเดินทางมาโปรดศิษย์ที่ กทม.
.
ท่านเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนแถววัดท่านมีชาวบ้านอยู่คนหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่พอดีเกิดความรักและคิดจะไปลงหลักปักฐานกับชาวต่างที่เป็นคนรัก แต่ประเด็นคือผู้หญิงชาวบ้านคนนี้ ได้ให้กำเนิดลูกชายขึ้นมาก่อนขณะที่ยังไม่ได้เดินทางไปยังประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทาง
.
มีวิธีเดียวที่จะทำให้เธอเดินทางเข้าสู่ประเทศนั้นได้คือต้องเอาลูกออกเพราะมีรายละเอียดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ท้ายสุดเธอจึงตัดสินใจเอาเด็กออก หรือทำแท้ง โดยที่ขณะนั้นมีอายุครรภ์ถึง 4 เดือนแล้ว
.
หลังจากนั้น หลวงปู่ท่านก็เล่าว่า ชีวิตของผู้หญิงคนนี้ก็ไม่มีความสุข นอนก็ไม่หลับ เป็นทุกข์ มีแต่ความไม่สบายใจ ทำอะไรก็ไม่ได้ พอจะนอนก็เหมือนมีอะไรมากวน พอหลับก็ฝันว่ามีท่อนไม้มาทับ มีก้อนหินใหญ่หล่นมาใส่ที่ตัวเอง เจ็บปวดทุรนทุรายตลอดเวลา นอนนก็ไม่พอ ทำอะไรก็จะมีภาพหลอน...
.
เรียกได้ว่ามีอาการเช่นนี้อยู่ระยะเวลายาวนานมาก และแม้จะเอาลูกออกและคิดว่าจะไปต่างประเทศดังที่หวังใจไว้แล้ว กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมีอะไรติดขัดไปเสียทั้งหมด ลงเอยทางครอบครัวและญาติพี่น้องจึงปรึกษากันว่าให้มาหาปู่ทองสุข เพราะหมดหนทางแล้ว
.
แรกๆที่มาหาหลวปู่นั่น ก็เล่าให้ฟังถึงอาการต่างๆนานาที่ประสบอยู่ หลวงปู่ท่านจึงถามกลับว่าไปทำอะไรมาบ้าง ผู้หญิงชาวบ้านท่านนี้ก็เล่าให้ฟังเรื่องต่างๆ แต่ยังไม่ได้บอกเรื่องนำเด็กออก ท้ายสุดหลวงปู่ท่านถามอีกว่า ไปทำอะไรมากันแน่เพราะเรื่องที่ออกมากับสิ่งที่เป็นมันไม่สมเหตุสมผลกัน ท้ายสุดเธอจึงยอมปริปากเล่าออกมาว่าก่อนหน้านี้ได้ตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่างลงไป
.
เพียงเท่านี้ หลังจากได้รับคำตอบ หลวงปู่ท่านก็ทราบว่าปัญหาคืออะไร ท้ายสุดองค์ท่านก็เมตตาชี้แนะว่าให้ทำอะไรๆบ้าง เช่น ถวายสังฆทานชุด และทำบังสุกุลให้เด็กน้อยคนนั้นทันที รวมไปถึงซื้อสิางของสำหรับเด็กทั้งหมดมาให้ท่าน ไม่ว่าจะเป็นของกินหรือขนมนมเนยต่างๆ ให้ซื่อมาแล้วท่านจะเมตตาทำให้ เพื่ออุทิศกุศลให้เด็กน้อยคนนี้ที่เสียชีวิตโดยที่ตนเองไม่ได้ยินยอม
.
ทำอะไรทุกอย่างเสร็จหลวงปู่ท่านก็อุทิศกุศลและนำกรวดน้ำ ให้ผู้หญิงคนที่ทำแท้งกล่าวอุทิศกุศลที่ได้กระทำนี้และขอขมากรรมต่างๆที่ได้สร้างไว้...
.
.
จากนั้นหลวงปู่ท่านเมตตาแสดงธรรมโปรดศิษย์ความว่า...
.
"ขอให้เลิกแล้วต่อกัน ชาตินี้แม่มีบุญได้เป็นแม่ของเด็กน้อยผู้ชายคนนี้เพียงเท่านี้ ส่วนเด็กน้อยก็มีโอกาสได้เป็นลูก ได้มีความผูกพันกันเพียงเท่านี้ อย่าได้อาฆาตแค้นเคืองอะไรกันอีกเลย หมดเคราะห์และหมดทุกข์แล้ว อโหสิกรรมกัน และแยกย้ายกันไปตามทางของตน อย่าได้สร้างเวรสร้างกรรมกัน ให้จบกันเพียงเท่านี้.. ไม่มีใครอยากเจ็บปวด ขอให้ต่างฝ่ายต่างเดินทางไปตามผลบุญของตน อย่าได้ก่อเวรก่อกรรมกันอีก จะได้มีความสุขกันนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ...."
.
.
หลวงปู่ท่านปรารภว่า ท่านพูดเตือนสติหญิงที่เป็นแม่ว่า ที่เขาโกรธขนาดนี้เพราะเขาตั้งใจแล้วว่าจะมาเกิดและเขาตั้งใจจะมาเป็นลูก แล้วเขาไม่ได้ผิดอะไร ไม่รุ้อะไรด้วย แต่อยู่ๆไปเอาเขาออกเขาเลยอาฆาตแค้นเป็นธรรมดา... ส่วนลูกเองก็ให้อโหสิกรรมกับสิ่งที่แม่ที่ได้ทำผิดพลาดกันไป คิดว่าบุญมาเพียงเท่านี้และหมดกรรมกันแล้ว
.
.
หลังจากนั้นหลวงปู่ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่า ชีวิตของผู้หญิงคนนี้ก็ค่อยๆดีขึ้น อาการฝันประหลาดหรือว่าเหมือนมีคนมาตามตลอดเวลาก็หายไป สิ่งที่เคยติดขัด ก็ได้รับการแก้ไข จนทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ... จนปัจจุบันนี้เธอก็ได้ไปใช้ชีวิตอยู่กับสามีชาวต่างชาติของเธอที่ต่างประเทศดังที่เธอได้ตั้งใจไว้...
.
.
หลวงปู่ท่านเมตตาสอนปิดท้ายให้ฟังว่า กรรมนั้นเป็นสิ่งที่ให้ผลได้แน่นอนและบางครั้งก็รุนแรงเสียด้วย ถ้าเราได้กระทำในสิ่งที่ไม่ควรลงไป อย่างเช่นในกรณีนี้ เรื่องของการทำแท้ง หรือการเอาเด็กออก เท่ากับเป็นกรรมทำลายชีวิตหนึ่งชีวิตเลยทีเดียว ฉะนั้นหากใครไม่พร้อมอย่ามี หากอยากมีต้องดูแลให้ดี เพราะกรรมชนิดนี้เป็นกรรมที่ได้รับผลหนักทั้งรวดเร็วและรุนแรง.... ดังเช่นเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงนี้
.
.
#หลวงปู่ทองสุข ฐิตปุญโญ
วัดป่าวุฑฒาราม จ.หนองบัวลำภู
.
.
#บุญกรรมยุติธรรมเสมอ
#เพราะมันไม่เคยหลงเจ้าของ
#น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า

 

#จะทราบได้อย่างไรว่าจิตเป็นสมาธิแล้ว
#ปุจฉา : การปฏิบัติกรรมฐานแบบฝึกหัดเริ่มต้น หากเรานั่งกำหนดจิตอยู่ที่ “พุทโธ” และลมหายใจเข้าออกแล้ว แต่หูก็ยังคงได้ยินสิ่งที่มากระทบจากภายนอกอยู่บ้าง อันนี้ถือว่าจิตลงถึงความสงบเป็นสมาธิหรือยังครับ และตอนช่วงระยะที่นั่งฝึกไปนั้น ลมหายใจที่เรากำหนดอยู่ได้เริ่มเบาลงทุกทีๆ กระทั่งแทบจะไม่มีนั้น ถึงจุดนี้ถือว่าจิตสงบเป็นสมาธิหรือยังครับ และหากถึงตรงจุดนี้เราควรทำอย่างไรต่อไปครับ
#วิสัชนา : การที่เราภาวนาลมละเอียดเข้าไป แต่ได้ยินเสียงอยู่ แต่ไม่ได้ทิ้งกรรมฐานเดิมคือลมหายใจเข้าออก ก็รู้ชัดพร้อมกันกับเสียงที่มากระทบ อันนั้นเป็นอุปจารสมาธิ เมื่อละเอียดเข้าไป เบาเข้าไป อันนั้นละเอียดกว่าอุปจารสมาธิลงไปอีก จิตในชั้นนี้ก็เป็นสมาธิแล้ว แต่ไม่ให้ทิ้งกรรมฐานเดิมคือลมออกเข้า ละเอียดลงไปขนาดไหนก็ไม่ให้ทิ้ง จนวูบลงหรือวับลงไปไม่ปรากฏลมเสียเลย แล้วก็มีแต่ผู้รู้เบาหวิวอยู่ อันนั้นเรียกว่า “ปฐมฌาน” อัปปนาสมาธิก็ว่า แต่เมื่อหมดกำลังก็ถอนออกมา
เมื่อถอนออกมาก็เห็นลมออกเข้าเบาๆ อยู่ ถ้าปล่อยให้จิตฟุ้งซ่านไปทางอื่นก็เป็นเรื่องกรรมฐานแตกไป แต่ถ้าทวนดูว่า เอ๊ะ...จิตขนาดนี้ก็ยังถอนออกมาอยู่ แล้วพิจารณาลงสู่อนิจจังให้เห็นพร้อมกับลมออกเข้าต่อไป ก็แปลว่ามีวิปัสสนาควบกับสมถะด้วย วิปัสสนาก็คือปัญญานั่นเอง เพราะเห็นอนิจจังควบกับลมหายใจเข้าออก
เมื่อเห็นอนิจจังชัดแล้วจะเห็นทุกข์สัมปยุตกันอยู่อย่างละเอียด จะเห็นสิ่งที่ไม่ใช่เราไม่ใช่เขาสัมปยุตกันอยู่อย่างละเอียดอีก คล้ายๆ กับเชือก ๓ เกลียวซึ่งกลมกลืนกันอยู่ ไม่มีอันใดก่อนอันใดหลัง พร้อมกับลมออกเข้าด้วย อันนี้เรียกว่าสติสัมปชัญญะแก่กล้าในไตรลักษณญาณ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตากลมกลืนกันอยู่นั่นเอง ก็ต้องพิจารณาอยู่อย่างนั้นติดต่ออยู่เสมอ เมื่อถอนออกมาก็จับเข้าไปในที่นั้นให้จนได้ เพราะรู้รสรู้ชาติมันแล้ว รู้ลูกไม้ของมันอีกด้วย รู้วิธีจะเข้าไปจับมันอีกด้วย
ยกอุทาหรณ์เช่น ลมหายใจเข้าครั้งหนึ่งก็เห็นทั้งอนิจจัง ทุกขัง อนัตตากลมกลืนกันอยู่ด้วย ไม่ใช่อยู่คนละเป้า ไม่ใช่อยู่คนละขณะอีกด้วย เมื่อเห็นชัดอยู่อย่างนั้นแล้วกิเลสทั้งปวงที่เคยยึดมั่น ว่าเป็นของเที่ยง เป็นสุข เป็นตัวตนก็สลายไปในตัวอยู่ ณ ที่นั้นเอง ทางนี้เป็นทางพ้นทุกข์ ง่ายดีกว่าจะเอานิมิตต่างๆ ไปอวดกัน
คำว่า นิมิต ก็แปลว่า “เครื่องหมาย” หมายในรูปก็เรียกรูปนิมิต หมายไว้ในนามก็เรียกว่านามนิมิต รูปก็ดี นามก็ดี เป็นเมืองขึ้นของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาอยู่ในปัจจุบันนั้นแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วก็ไม่มีท่านผู้ใดจะพ้นความสงสัยของตนไปได้ และก็ไม่มีท่านผู้ใดจะข้ามความหลงตนไปได้อีก ซ้ำเข้าไปอีกว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตานั้นคืออะไร ก็คือโลกทั้งปวง ก็คือสังขารทั้งปวง ก็คือกองทุกข์ทั้งปวงนั่นเอง
เมื่อเวลาเห็นอยู่อย่างนั้นก็คือไตรสิกขานั่นเอง ก็คือศีล สมาธิ ปัญญา กลมกลืนกันในขณะเดียวนั่นเอง ก็คือผู้รู้ปัจจุบันนั่นเอง เป็นผู้รู้ตามเป็นจริงของปัจจุบัน และก็ตามเป็นจริงของอดีตของอนาคตด้วย เพราะเอาปัจจุบันจิตปัจจุบันธรรมเป็นพยานเอกอยู่ในตัวแล้ว ก็ข้ามพ้นความสงสัยในโลกทั้งปวงไปแล้ว ปัญหาอะไรจะเกิดมาก็ต้องเป็นเมืองขึ้นของไตรลักษณ์ทั้งนั้น
อนึ่ง ผู้จะมาอวดสวรรค์ นรก หรือวัตถุนิยมอะไรๆ ก็ตาม มันเป็นเมืองขึ้นของไตรลักษณ์อยู่แล้ว เพราะเราเห็นเองรู้เอง รู้ชัดในกรรมฐานที่ตั้งไว้ด้วย จึงยืนยันว่าสันทิฎฐิโกเห็นเองได้ไม่ต้องตื่นข่าวเชื่อคนอื่น เพราะได้จิบเกลือ ไม่ต้องสงสัยว่ารสเค็มมันเป็นยังไง จะมีผู้อื่นบอกว่ารสเกลือหวานทั้งหมดโลกเราก็ไม่เชื่ออีกดังนี้ ในข้อนี้คงพอเข้าใจแล้วนะ
วิสัชนาธรรมโดย "หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต" วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร
คัดมาจากหนังสือ หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต ตอบปัญหาธรรมะ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒๐, เดือนกันยายน ๒๕๕๓

 

๒๘ เมษายน ๒๕๖๒

หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี
เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปเมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส
ในการที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปในการพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร ป.ธ.๙) เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการมหาเถรสมาคม
การนี้ เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นประธานในการพระราชทานเพลิงจริง
.
.

 

อุโบสถ หลังนี้ องค์หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร ท่านเมตตากล่าวไว้ว่า
อุโบสถหลังนี้ ในกาลข้างหน้า จะเป็นที่รองรับสาธุชน คนใกล้ไกล ที่มาปฏิบัติธรรม
ตลอดจนผู้มาเยี่ยมเยือน เป็นจำนวนมาก
สถานที่แห่งนี้ ต้องการให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงปฏิบัติธรรม ใครไปใครมา ให้เข้ามานั่งสมาธิอย่างน้อย 10 นาที หรือ 15 นาที
ให้เป็นบุญ เป็นกุศล ที่เข้ามายังอุโบสถนี้
มิใช่มาแค่ดูๆ ควักปัจจัยใส่ตู้ทำบุญ ยังมิใช่เจตนารมย์ที่แท้จริง ของ หลวงปู่บุญส่ง
นั่งสมาธิสักชั่วครู่ ให้จิตใจเกิดความสงบ
เกิดความสุข เป็นเหมือนการเชื่อมกระแสบุญ ให้เกิดในจิตใจของผู้มาเยือน ของคนทุกชาติ ศาสนา ไม่มีการจำกัดเชื้อชาติ
อนาคต ท่านจะสรรหาผู้มีความรู้ ทางด้านศาสนา พุทธประวัติ และพูดได้อย่างน้อย 3 ภาษา เพื่อเป็นผู้ถ่ายทอด ความรู้ ตลอดจนเรื่องราวต่างๆ แก่ผู้มาเยี่ยมชม และเพื่อรองรับการเปิด AEC อีกด้วยครับ
อุโบสถ หลังนี้ กำลังดำเนินการก่อสร้างรุดหน้าไปเรื่อยๆ จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่ง..แห่งการก่อสร้างอุโบสถหลังนี้
ตามกำลังศรัทธา อย่าให้เสียที ที่มีโอกาสสร้างบุญบารมี แต่ปล่อยให้โอกาสนั้นผ่านไป...ครับ
โดยทุกท่านสามารถร่วมบุญได้กับทางวัดโดยตรงครับ