หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

"ธรรมะคือการปฏิบัติ"
.
" หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร " นั้น
ในอดีตองค์ท่านเคยสอบนักธรรมได้
ตั้งแต่ตรี - โท - เอก ตามลำดับ
.
.
ที่เห็นว่าท่านเป็นพระปฏิบัติ
แต่กระนั้นก็ใช่ว่าองค์ท่าน
จะไม่สนใจในเรื่องปริยัติเลย
.
.
ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าในอดีตนั้น
เมื่อครั้งที่บวชใหม่ ๆ พรรษายังไม่เยอะเท่าไหร่
.
.
องค์ท่านได้เข้าอุปสมบท
ณ วัดตรีรัตนาราม จ.ระยอง
ซึ่งว่ากันว่าในสมัยนั้น
วัดตรีรัตนารามแห่งนี้เป็นสำนักที่มีชื่อเสียง
ทั้งในเรื่องปฏิบัติและปริยัติ
.
.
อีกทั้งพระอุปัฌชาย์ในองค์ท่าน นั่นคือ
" พระวรพรตปัญาจารย์ "
หรือ "หลวงปู่เฮี้ยง อภิรโต"
แห่งวัดป่าอรัญญิกาวาส จ.ชลบุรี
.
.
คือพระเถระผู้มีความเชี่ยวชาญ
ทั้งในเรื่องของปฏิบัติและปริยัติ
ด้วยความที่ทั้งวัดที่ท่านสังกัด
และพระอาจารย์ผู้เป็นอุปัชฌาย์
มีความเชี่ยวชาญทั้งสองด้าน
ทั้งปฏิบัติและปริยัติ
.
.
จึงทำให้องค์ท่าน
จึงมีความสนใจในเรื่องของการศึกษา
บาลีควบคู่ไปกับการปฏิบัติด้วย
.
.
ท่านเล่าว่าท่านมักจะศึกษาตำราต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นพระสูตร คำบาลี หรือพระไตรปิฏกต่าง ๆ
ด้วยตัวของท่านเอง
.
.
ท่านรักการอ่านและเขียนเป็นอย่างยิ่ง
จนท้ายสุดก็สามารถสอบนักธรรม
ตั้งแต่ "ตรี" "โท" และ "เอก" ได้ในที่สุด
ณ สำนักของวัดตรีรัตนาราม จ.ระยอง
วัดเสนาสนาราม จ.อยุธยา
และสำนักของวัดป่าอรัญญิกาวาส จ.ชลบุรี ตามลำดับ
.
.
โดยท่านท่านเล่าว่า
สมัยก่อนท่านขยันท่องขยันอ่าน ขยันเรียนบาลี โดยการศึกษาด้วยตัวเอง จนสอบได้ "นักธรรมตรี" ที่สำนักของวัดตรีรัตนาราม จ.ระยอง (วัดที่ท่านเข้าทำการอุปสมบท - และหลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม วัดป่าหนองไผ่ จ.สกลนคร ได้แบบอย่างจากการปฏิบัติของหลวงปู่บุญส่งที่นี่ จนทำให้ท่านเดินทางออกปฏิบัติภาวนาแบบพระป่ากรรมฐานไปทางภาคอีสาน)
.
สอบได้ "นักธรรมโท" ที่สำนักวัดเสนาสนาราม จ.อยุธยา (ที่จ.อยุธยาแห่งนี้หลวงปู่บุญส่งเคยไปอยู่สักระยะ และวัดบึงลัฏฐิวัน ที่ปัจจุบัน มีหลวงพ่อโสภณ โอภาโส เป็นเจ้าอาวาสอยู่ ในอดีตหลวงปู่บุญส่งท่านเคยเป็นผู้บุกเบิกวัดแห่งนี้--เรื่องราวตอนท่านอยู่จ.อยุธยา จะเรียบเรียงให้อ่านในภายหลัง)
.
และท้ายสุดสอบ "นักธรรมเอก" ได้ที่สำนักวัดสารนาถฯ จ.ระยอง(ซึ่งในตอนนั้นองค์ท่านมักจะใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ทางภาคตะวันออก)
.
.
หลังจากสอบได้นักธรรมเอกแล้ว จากนั้นก็คิดว่าจะเน้นทางปริยัติควบคู่ไปกับการปฏิบัติ จึงเดินทางเข้ากทม.เพื่อสอบเปรียญธรรมต่อ แต่กระนั้นด้วยความที่ "แพ้อากาศของเมืองหลวง"
.
อีกทั้งเบื่อหน่ายความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ท่านจึงตัดสินใจล้มเลิกความคิดนี้ลงกลางคัน โดยขณะนั้นท่านเดินทางเข้ามาศึกษาอยู่ ณ วัดสัมพันธวงศ์ฯแล้ว แต่ไม่นานท่านก็หันหลังให้กับเมือง และเดินทางสู่ป่าแทน
.
.
ด้วยเหตุที่ท่านเกิดอาการแพ้อากาศ
และมลภาวะต่าง ๆ อย่างรุนแรง
อีกทั้งกลับรู้สึกเบื่อหน่ายกับภาพของความวุ่นวาย
การแข่งขันที่เต็มไปด้วยความฉาบฉวย ฯลฯ
.
.
ซึ่งบรรยากาศเหล่านี้
คือสิ่งที่องค์ท่านไม่พึงปรารถนามาแต่เบื้องต้น
จากที่ตั้งใจจะเข้ามาอยู่
เพื่อศึกษาธรรมและต่อยอดความก้าวหน้า
ในด้านของการศึกษา
.
.
กลับกลายเป็นว่า
เมื่อเข้ามาเจอกับสภาวะเช่นนี้
ท่านก็ได้ล้มเลิกความตั้งใจในทันที ...
.
ท่านหันหลังให้กับเมือง
ทิ้งตำราแล้วเดินทางเข้าสู่ป่า
เพื่อปฏิบัติบำเพ็ญภาวนาในทันที
.
.
เป็นอันว่าเส้นทางสายปริยัติของหลวงปู่บุญส่ง
ก็ได้จบลงแต่เพียงเท่านี้
ที่การสอบได้ "นักธรรมเอก" เพียงเท่านั้น
.
.
" จริตดั้งเดิมของเรา รักความสงบ
ไม่ชอบความวุ่นวาย อดีตของเราเคยเป็นดาบส
เป็นฤาษี บำเพ็ญเพียรอยู่ตามป่าตามเขามาก่อน
.
.
เราชอบป่า ชอบเขา
ไม่ชอบเมือง อยู่อย่างสมถะเรียบง่าย
ไม่ค่อยชอบอะไรที่วุ่นวาย ...
.
.
แม้เราจะรักการเรียนและการศึกษามากเท่าใด
แต่เมื่อเจอกับสภาพของความวุ่นวาย
ในเมืองใหญ่แบบนั้น
เราก็หันหลังให้ทันที "
.
.
นั่นคือถ้อยคำที่หลวงปู่ปรารภให้ฟัง
หลังจากทิ้งตำราและเมืองใหญ่ไว้เบื้องหลัง
องค์ท่านก็ได้หันมาตั้งหน้าตั้งตาในการปฏิบัติ
บำเพ็ญเพียรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
.
.
โดยได้เริ่มเดินทางเสาะแสวงหา
ขอข้ออรรถข้อธรรมจากพ่อแม่ครูอาจารย์
ผู้ปกิบัติดีปฏิบัติชอบต่าง ๆ
โดยเฉพาะในวงศ์ของพระกรรมฐาน เป็นต้นว่า
.
.
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
หลวงปู่หลุย จันทสาโร
หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ
หลวงปู่ขาว อนาลโย
หลวงปู่คำดี ปภาโส
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
พระอาจารย์วัน อุตตโม
พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
หลวงปู่หลวง กตปุญโญ
หลวงปู่แว่น ธนปาโล
หลวงปู่คำพอง ติสโส
หลวงปู่จันทา ถาวโร
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร เป็นต้น
.
.
แต่กระนั้นแม้จะมุ่งสู่การปฏิบัติอย่างเต็มที่แล้ว
แต่ท่านก็ยังมีการจดบันทึกคำสอนต่าง ๆ
ของพ่อแม่ครูอาจารย์ไว้
ด้วยความที่เป็นผู้ที่มีจิตฝักใฝ่ในการใคร่รู้
.
.
จวบจนครั้งหนึ่งที่ได้เข้าปฏิบัติศึกษาธรรมกับ
พ่อแม่ครูอาจารย์ "หลวงปู่แหวน สุจิณโณ"
ณ ดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
.
.
ครานั้นเองที่หลวงปู่แหวน
ท่านได้ปรารภให้หลวงปู่บุญส่ง ฟังว่า
.
.
ให้ทิ้งดินสอและสมุดบันทึก
รวมถึงตำราต่าง ๆ เสียให้หมด
หากอยากเข้าถึงธรรมะที่แท้จริง
ด้วยว่าสิ่งของเหล่านี้
จะเหนี่ยวรั้งให้เราไปไม่ถึงไหน
และจะทำให้เรามัวแต่ยึดทฤษฎี
มากกว่าการปฏิบัติจริง
.
.
นับแต่นั้นเป็นต้นมา
จวบจนถึงปัจจุบัน
หลวงปุ่บุญส่งท่านก็ได้เลิกจดบันทึก
และลาขาดจากตำหรับตำราอย่างถาวร
.
.
แต่กระนั้นองค์ท่านก็เป็นพระผู้เคร่งครัดใน
วัตรปฏิบัติที่เปี่ยมไปด้วยความรู้
ผู้เต็มไปด้วยญาณวิสัย
.
.
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางธรรมหรือปัญหาทางโลก
องค์ท่านก็จะมีความเข้าใจอย่างแจ่งแจ้ง
โดยที่ไม่ต้องพึ่งตำหรับตำราอะไร
คราวที่เกิดการซักถามขึ้นจากศานุศิษย์
ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อยู่เหมือนกัน
.
.
แม้ท่านจะเคยสอบนักธรรมได้
แต่กระนั้นน้อยคนที่จะทราบข้อมูลในส่วนนี้
ด้วยว่าองค์ท่านไม่ค่อยได้เปิดเผย
ให้ใครทราบมากนัก
.
.
ท่านได้ปรารภให้ฟังไว้อย่างน่าคิดว่า
.
.
" ทฤษฎีและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ
เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง
การปฏิบัติจริง ลงมือจริงมากกว่า
ที่จะนำมาซึ่งความหลุดพ้น
ให้กับคนเราได้ "
.
.
"หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร"
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
.
.
น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า
.
.
ภาพ : วัดป่าดงรัง จ.มหาสารคาม

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
"...คนที่มีความดีน่ะ ยังไงก็ไม่มีวันเปลือยกาย แม้วันที่ไม่เหลืออะไร กระทั่งเสื้อผ้าที่จะสวมใส่ ยังไงก็จะมีคนเอามาให้ ไม่ให้คนแบบนี้ลำบาก.. .ฉะนั้นให้หมั่นทำความดีกันไว้ ความดีมันจะช่วยเราได้.."
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี

 

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2560
.
คุณจ๊อดได้ถวาย #พระกริ่งปวเรศเนื้อนวโลหะก้นทองคำ แก่องค์หลวงปู่บุญส่ง ซึ่งเป็นพระกริ่งส่วนตัว โดยตั้งใจว่าให้องค์ท่านได้นำถวายแด่องค์ #สมเด็จพระสังฆราช เพื่อเป็นการแสดงมุฑิตาคารวะ ในวันนี้(5/8/60(ที่ได้เข้ากราบสักการะ ...
.
.
โดยวันนี้หลวงปู่บุญส่งก็ได้นำถวายแด่องค์ท่าน ซึ่งพระองค์ท่านได้รับไว้พร้อมตรัสว่า ขออนุโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วย
.
.
และหลวงปู่บุญส่งปรารภว่า สมเด็จพระสังฆราชพระองค์นี้ พระองค์ท่านมีพระจริยวัตรที่งดงามยิ่ง
.
.
#น้อมกราบด้วยเศียรเกล้า
.
.
ภาพ : Pianghathai WeloveourKing — ที่ วัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บูญส่ง
.
"ความดี กลบ ความเหม็น"
.
"... คนเรานี้ เกิดมาล้วนแต่มีสิ่งปฏิกูลของเน่าเหม็น กิเลสก็ของเหม็น แต่ความดีกลบความเหม็นได้ เช่นพระอริยเจ้า สิ่งปฏิกูลท่านไม่กลับว่าเห็นเป็นของเหม็น น้ำลายมั่ง เสลดมั่ง น้ำเหลือง น้ำเลือด ปัสสวะ กระดูกมั่งฯของท่านแย่งกันเอาเป็นของมงคล ขี้บุหรี่ ขี้ยา ของท่านทิ้งลงกระโถนก็ยังแย่งเอา เป็นของมงคลกันหมด เพราะท่านมีความดีกลบความเหม็น ของเหม็นก็ยังเป็นของดี
.
หากเป็นของปถุชนอย่างเราๆ คงน่ารังเกลียด ขยะแขยงแสลงกันน่าดู ถ้าไม่สร้างความดีไว้กลบความเหม็นเลย เวลาตาย คนก็ยังกลัวน้ำจะเหลืองจะหยดใส่มือ น่าเกลียดน่าขยะแขยง แต่คนที่สร้างแต่ความดี หรือเหล่าพระอริยเจ้า แม้จะตายก็ยังหอม หอมในความดี ไม่มีใครเกลียดใครกลัวเพราะความดีไปกลบความเหม็นหมด ตายไปแล้วคนก็ยังคิดถึง ยังหอมกันอยู่ ฉะนั้นให้สร้างความดีกันไว้เท่านั้น กลบความเหม็นกันไว้นะ คนทำดีแม้ตัวตายยังทิ้งคราบความดีไว้ไม่เสื่อมสลายตายตามตัว... "
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันตินาราม จ.จันทบุรี

 

#รอยเท้าของเราเหยียบไว้ ให้เป็นที่ระลึกว่า
เรา คือ #พระบุญส่ง ฐิตสาโร
เรา ปฎิบัติอยู่แต่ในกรอบของความดี
เรา ทำสิ่งที่ดีเพื่อให้พระศาสนารุ่งเรือง
.
#เธอควรเจริญรอยตามรอยเท้าของเรา
คิดดี ทำดี เป็นคนดี อยู่ในศีลธรรมอันดีงาม นั่นแหละ
#รอยเท้าของเราจึงจะขลัง
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บญส่ง
.
"... ธรรมดาของมนุษย์เมื่อประสบกับความทุกข์เล็กๆน้อยๆ ก็อดทนกันไม่ได้เสียแล้ว ไม่มีความอดทนอดกลั้นต่อความทุกข์ยาก ไม่มีความอดทนกันเลยก็ยากที่เจอสุข อยากจะสุขก็ต้องรู้จักทุกข์กันเสียก่อน เวลาสุขจะได้ไม่หลงตนลืมตัว พระพุทธเจ้าของพวกเราผจญมารผจญทุกข์ สู้รบกับกิเลสยิ่งกว่าพวกเธออย่างเเสนสาหัส ทุกข์ของพวกเธอนี่ยังเล็กน้อย ให้ดูพระพุทธองค์เป็นแบบอย่าง... "
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
" คนเราหากทำตัวให้ดี ทำตัวเองให้ดี ให้มีความศักดิ์สิทธิ์ ของทุกอย่างที่คนมองข้าม ของทุกอย่างที่หลายคนอาจจะดูรังเกียจด้วยซ้ำไป ก็อาจจะกลายมาเป็นของมงคล ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งที่ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจให้เขา
.
.
ฉะนั้นหากเราทำตัวให้ดี แล้วมันก็จะมีคนบูชาเราเอง แม้แต่ของที่เกิดจากร่างกายก็กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขาได้ ... ความดี ความตั้งใจ นั่นแหละจะสร้างคุณค่าให้คนเราได้ ถ้าปฏิบัติจริง"
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี

 

วันที่ 23 สิงหาคม 2564 #วันพระขึ้น 15ค่ำ เดือน 9
เวลาช่วงเย็นประมาณ 17.00น. #หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร เมตตาเป็นประธานปล่อยปลา ที่อ่างเก็บน้ำเนื้อที่ 12ไร่ บริเวณที่ดิน100ไร่ ที่ศิษยานุศิษย์ได้ร่วมถวายเมื่อวันงานมุทิตาจิตท่านวันที่ 7 มีค.2564 ที่ผ่านมา
.
#รายการปลาที่จะปล่อย รวม 32,100ตัว
1)ปลาตะเพียน 10,000ตัว
2)ปลาสวาย 10,000ตัว
3)ปลานิล 10,000ตัว
4)ปลาบึก 100ตัว
5)ปลาแรด 2,000ตัว
.


.
#น้อมบูชาธาตุขันธ์องค์หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
ขอให้หลวงปู่มีธาตุขันธ์ที่แข็งแรง
.
.
.
#อานิสงส์ของการปล่อยปลา
1)เป็นผู้ต่อชีวิต ย่อมได้ชีวิตที่ยืนยาว ปลอดภัย และมีความสุข
2)ผู้ให้ชีวิตสัตว์เป็นทานอยู่เป็นนิจ ย่อมพบแต่มิตร ปราศจากศัตรูมาแผ้วพาน
3)การช่วยให้สัตว์มีชีวิตที่อิสระเสรี ดั่งการเข้าถึงพระธรรม และการเข้าถึงพระนิพพาน อันเป็นดินแดนแห่งความสุข ที่เสรีอย่างแท้จริงได้โดยง่าย

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
" ทำความดีให้มากเข้าไว้ ดีเล็กดีน้อยดีมาก ก็ทำไว้ ไม่จำเป็นต้องทำกับเราคนเดียว อยากให้เราพอใจ อะไรที่ทำแล้วเกิดประโยชน์ต่อศาสนาต่อส่วนรวม ก็ควรทำ
.
หากเรามีกำลังความสามารถพอ อย่าคิดว่าหามาเพื่อเราหามาให้เราคนเดียวประโยชน์จะเกิดขึ้นน้อย เธอจงคิดว่า ทำเพื่อศาสนาทำให้แก่ศาสนา เพราะศาสนาเป็นของส่วนรวม
.
ถ้าเธอคิดอย่างนี้ ประโยชน์จะเกิดอย่างกว้างขวาง เพราะคำว่าศาสนามันกว้าง ใจคนทำก็ต้องกว้างให้เหมือนศาสนา ผลที่ได้ก็กว้าง คนใจคับแคบทำอะไรมันก็ได้ที่แคบๆ ประโยชน์ทำที่เดียวก็เกิดที่เดียว ถ้าทำหลายที่ก็เกิดหลายที่ "
.
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี

 

เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Piriya Jord Chukeawngam
.
ถวายงานตามวาระโอกาส -- และติดต่อประสานกับศิษย์และทางโรงพยาบาลฯ พรุ่งนี้( 17 ก.ค. 2564)หลวงปู่เมตตาฉีดวัคซีน #AstraZeneneca #เข็มแรก ... หลวงปู่บอกฉีดไว้ก็ดี กันไว้ไม่เสียหาย
.
.
#อาราธนาพ่อแม่ครูอาจารย์ให้มีธาตุขันธ์ที่แข็งแรง
#อนุโมทนาสาธุร่วมกันครับ

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
" #ศีลข้อ3 นี่สำคัญมาก อย่าไปแตะไปต้องมันเด็ดขาด พลาดมาทีนี่ผลกรรมมันร้ายแรงมาก ... ข้อ กาเมฯ นี่ผลกรรมหนักนะ ครองตนให้อยู่ในศีลในธรรมกัน อย่ารักสนุก"
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
สัดสันติวนาราม จ.จันทบุร

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
"...ขันติได้ ชีวิตจะได้ดี..."
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
" ... ให้นั่งสมาธิในลักษณะการฟังบนความสงบ เอาเสียงเหมือนสายฝน เอาสติเหมือนหลังคา เอาหูเหมือนหลั่งน้ำ เอาโอ่งนั่นก็คือจิต ... เมื่อน้ำไหลมา ในไม่ช้าก็จะเต็มโอ่งเอง "
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
"... คนอื่นโกรธเกลียดเราพันครั้งไม่เท่าพ่อแม่รักเราครั้งเดียว คนอื่นรักเราพันครั้ง ไม่เท่าพ่อแม่โกรธเราครั้งเดียว อะไรที่ว่าหนักหนาหรือว่ายิ่งใหญ่ ยังไงก็ไม่เท่าพ่อแม่ พระคุณพ่อแม่นั้นยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีอะไรเทียบเทียม... "
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวน่ราม จ.จันทบุรี

 

เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Piriya Jord Chukeawngam
.
"... เราศึกษาศาสนาพุทธไม่ใช่เขาบอกต่อๆกันมาแล้วกลายเป็นว่าเราเชื่อเลยหรอก เราศึกษามาหลายศาสตร์ พุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ ฮินดู เราก็เข้าไปศึกษา คัมภีร์ไบเบิ้ลก็อ่าน อิสลามอัลกุรอานก็พิจารณาดู (หลวงปู่เคยเรียนปอเนาะที่ภาคใต้ก่อนบวช)
.
ทุกศาสนาสอนให้คนทำดี ส่วนพุทธสอนให้เรามีเหตุมีผล
.
ตอนแรกที่บวชก็บวชเพื่อแต่งงาน บวชก่อนเบียด ที่บ้านจะได้ไม่ต้องมาว่า เลยบอกแฟนให้รอก่อน บวชเสร็จจะออกมาแต่งงาน
.
ตอนนั้นพระก็ไม่ได้ชอบเท่าไหร่ แถมยังมีอคติในใจเสียด้วยว่างานการไม่ทำ มัวแต่ขอชาวบ้าน เป็นอย่างนั้นเลยนะ เพราะเคยผิดหวังจากพระจากเหตุการณ์บางอย่างตอนเด็กๆจนจำฝังใจ เลยไม่คิดแม้แต่จะไหว้
.
ทีนี้พอมาบวช ก็เลยลองตัดสินใจจับผิดพระพุทธเจ้า ดูข้อปฏิบัติ ดูหลักธรรมคำสอนต่างๆ
.
พรรษา1ก็แล้ว 2 3 4 แล้วก็ยาวเรื่อยมา หาจุดบกพร่องของท่านมาเรื่อยๆ
.
เราจับผิดพระพุทธเจ้ามานาน แต่ยิ่งจับผิดยิ่งถลำลึก ยาวจนมาถึงตอนนี้้ และสุดท้ายเราก็เข้าใจและหมดสงสัยในที่สุด... "
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
.
.
- หลวงปู่เล่าไว้ให้ฟังในคืนหนึ่ง

 

#หลวงปู่บุญส่ง แสดงธรม งานบำเพ็ญกุศลสรีรสังขาร ปัณรสมวาร (ครบ 15 วัน) พระครูกิตติอุดมญาณ ( #หลวงปู่ไม อินฺทสิริ )
.
ฟังธรรมพระกรรมฐาน
.
วันศุกร์ที่ 10 กันยายน 2564
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี เมตตาแสดงธรรม #งานบำเพ็ญกุศลสรีระสังขาร หลวงปู่ไม อินทสิริ ณ วัดป่าภูเขาหลวง จ.นครราชสีมา เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป
17.00 น. พิธีสวดพระอภิธรรม
...........................................
.
.
ด้วยพระเดชพระคุณ พระครูกิตติอุดมญาณ (หลวงปู่ไม อินฺทสิริ) ได้ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา ซึ่งพิธีการบำเพ็ญกุศลสรีรสังขารและการสวดอภิธรรม ยังกำหนดให้เป็นการภายใน โดยเป็นไปตามมาตรการภาครัฐในช่วงสถานการณ์โควิด-19

.
.
Cr.คณะศิษย์ฯ

 

#ธรรมะวันพระ
.
นักศึกษาปริญญาโทคนหนึ่งเข้ามาถามหลวงพ่ออย่างไม่เข้าใจ
“ผมเห็นมีแต่คนกราบไหว้ท่าน ท่านยังเป็นมนุษย์อยู่ อย่างนี้ไม่เรียกว่างมงายหรอกหรือครับ? กระผมไม่เคยกราบใคร กระผมกราบตัวเอง”
“โยมเคยตีแบตหรือตีปิงปองไหม?”
“เคยครับ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสิ่งที่ผมถามหลวงพ่อละครับ?” เขาตอบและย้อนถามกลับไป
“แล้วโยมตีแบตทำไม? ลูกขนไก่นะ ต่อให้ไม่มีใครตีมันมันจะเสียใจไหม? คนตั้งเยอะตั้งแยะพากันรุมตีมัน เพราะต้องการให้มันเละใช่หรือเปล่า?” หลวงพ่อถามกลับบ้าง
“ไม่ครับ ที่เราเล่นแบตก็เพราะต้องการฝึกฝนออกกำลังกายและความสนุกสนานครับ”
“หากไม่ใช้ลูกขนไก่ แต่เอาอย่างอื่นมาตีแทนได้ไหม?” หลวงพ่อถามต่อ
“แล้วมันจะเรียกว่าตีแบตได้ยังไงละหลวงพ่อ เดี๋ยวคนที่เห็นก็หาว่าเราบ้านะสิครับ!”
“โยมตอบได้ดี! ลูกขนไก่เป็นเพียงอุปกรณ์ เป็นอุปกรณ์ที่นำมาซึ่งสุขภาพและความรื่นเริง ในเมื่อร่างกายยังต้องฝึกฝน แล้วจิตญาณล่ะต้องฝึกฝนไหม?” หลวงพ่อกลับเป็นฝ่ายถามไปเสียแล้ว
“ตอบตามเหตุผลก็สมควรครับ แต่ว่า เอ๊ะแล้วจิตญาณนี่เราจะฝึกฝนกันยังไงล่ะครับ?”
“คนเรา เมื่อเคารพศรัทธาในสิ่งใด ก็จะยกมือพนมก้มกราบไหว้อย่างหมดจิตหมดใจ นั่นเป็นการแสดงออกซึ่งความอ่อนน้อม ความยอมรับ ความสำนึกผิด ความสำนึกคุณ และขอความช่วยเหลือ ในขณะที่จิตเกิดความนอบน้อม กายก็แสดงออกถึงความอ่อนน้อม เช่นนี้เรียกว่าสลายอัตตาตัวตน นี่คือการฝึกฝนจิต ที่ญาติโยมกราบไหว้อาตมา ก็เพราะว่าอาตมาคือตัวแทนแห่งพระพุทธ อาตมาเป็นเพียงอุปกรณ์ซึ่งไม่ต่างอะไรกับลูกขนไก่ที่ให้ผู้คนตีไปตีมา เพียงแต่ว่าอาตมามิใช่ลูกขนไก่จริงๆ อาตมาเป็นเพียงลูกขนไก่แห่งจิตญาณเท่านั้นเอง”
“อ่อ ขอรับ” เขาเอ่ยขึ้นหลังจากหลวงพ่อหยุดมองเขาครู่หนึ่ง
“ส่วนที่คนเราต้องกราบไหว้บรรพชน ก็เพราะฝึกฝนบ่มเพาะจิตกตัญญูรู้คุณ อิงจิตเคารพนบนอบสำนึกคุณต่อบรรพชนผู้เป็นต้นแห่งสายชีวิต
ส่วนที่ต้องไหว้พระแม่โพสพพระนางธรณีเจ้าที่ศาลพระภูมิ ก็เพราะสำนึกคุณเจ้าที่เจ้าทางที่คอยปกปักรักษา ให้เราอยู่รอดปลอดภัย มีพืชพันธุ์ธัญญาหารอันสมบูรณ์หล่อเลี้ยงชีวิต
ที่กราบไหว้แม่น้ำคงคา ก็เพราะสำนึกบุญคุณและสำนึกขอขมาต่อเทพแห่งสายน้ำ ที่ช่วยหล่อเลี้ยงชุบชูชีวิตกายสังขาร ร่างกายของคนเรา70%ประกอบไปด้วยน้ำ ภูมิปัญญาของคนโบราณนั้นแยบยลนัก ทุกสิ่งอย่างล้วนมีปรัชญาแฝงอยู่
ในยามที่กราบไหว้ด้วยความเคารพนั้น คนกราบและคนที่ถูกกราบก็คือเนื้อแท้เดียวกัน ไม่มีเธอต่ำต้อยหรือฉันที่สูงศักดิ์ บางคนไม่เข้าใจปรัชญานี้ก็ได้แต่วิพากษ์วิจารณ์ว่าคนพวกนี้มันบ้า! คุณไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ยอมไต่ถามแถมเอาไปโพนทะนาเสียๆหายๆ คุณนั่นแหละที่เป็นคนบ้าเสียเอง!”
“โห! หลวงพ่อ ท่านนี่ช่างแยบยลนัก ขอให้รับการกราบจากผมสัก3กราบเถิด”
เขาคุกเขาก้มลงกราบหลวงพ่อด้วยความศรัทธาเลื่อมใส
“ยังไงละ เข้าใจในการฝึกฝนจิตแล้วหรือยัง?” หลวงพ่อถามเมื่อเขากราบเสร็จ
“เข้าใจแล้วครับๆ”
“นี่แหละ ที่ใครๆเรียกอาตมาว่าพระอาจารย์ ก็เพราะอาตมาสอนสั่งและไขข้อข้องใจให้โยมได้ ไม่ว่าจะเป็นทางความคิดและการกระทำ”
@ผู้มีความฉลาดอัดแน่นไปด้วยอัตตาคือความยึดมั่นถือมั่น เปรียบดั่งรวงข้าวที่มีเมล็ดข้าวเต็มรวง มันรู้สึกจองหองว่าตนเองอุดมสมบูรณ์ไปด้วยเมล็ดข้าว จึงเชิดรวงตั้งตรงชี้ขึ้นปลายฟ้า
ผู้มีปัญญาอัดแน่นไปด้วยกาลัญญุตาคือความรู้กาล เปรียบดั่งรวงข้าวที่กำลังสุกเต็มที่ มันรู้สำนึกคุณว่ามันเจริญเติบใหญ่ได้ก็เพราะฟ้า ดิน คน เป็นผู้ชุบเลี้ยงฟูมฟัก จึงน้อมรวงลงต่ำโค้งหัวให้ อันเป็นการแสดงถึงความเคารพนั่นเอง
คนเรา ไม่มีครูบาอาจารย์สอนสั่ง เราเอาความรู้มาจากไหน?
เรียนรู้จากธรรมชาติ ธรรมชาติคือครูของคุณ!
เสิร์จหาเองจากกูเกิล กูเกิลนั่นแหละคือครูของคุณ!
ไม่มีใครที่ไม่มีครู เป็นศิษย์ จึงต้องบูชาครู
หนึ่งในเนื้อหาในหนังสือเกร็ดธรรมนำชีวิต3 นุสนธิ์บุคส์
ขอบคุณผู้เรียบเรียง

 

โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
.
"... ธรรมดาของผู้มีบุญมาก เค้าจะไม่เชื่ออะไรง่ายๆเลย ถ้าไม่เห็นเหตุเห็นผลในสิ่งๆนั้นอย่างรู้แจ้งเห็นจริงแล้ว เค้าจะไม่เชื่อเลย ศรัทธาอะไรให้ประกอบไปปัญญา ศรัทธาที่ประกอบไปด้วยปัญญา เป็นศรัทธาของผู้มีบารมี... "
.
.
#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี