หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม (วัดเขาน้อยสามผาน)

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย สันติภาพ999, 27 เมษายน 2018.

  1. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    1.jpg

    บ้านสามผาน

    เชื่อว่าชื่อนี้อาจจะมีเพื่อนๆ หลายท่านยังไม่เคยได้ยิน ผมเองตอนได้ยินครั้งแรกยังนั่งนึกอยู่ตั้งนานว่าบ้านสามผานแห่งนี้อยู่ที่ไหนกันหนอ แต่ถ้าเอาชื่อนี้ไปถามกับนักปฏิบัติธรรมมืออาชีพแล้วละก็ เป็นได้ความครับว่า

    บ้านสามผานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี และบริเวณพื้นที่อาณาเขตของบ้านสามผานก็มีภูเขาเล็กๆ ชื่อว่า “เขาน้อย” ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “วัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อยสามผาน)” หนึ่งในวัดป่าสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ได้สืบทอดวิถีชีวิตและวัตรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

    วัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อยสามผาน)ในอดีตเป็นเพียงที่พักสงฆ์ มูลเหตุเกิดจากในสมัยที่ท่านพ่อลี ธัมมธโร วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ ได้เดินธุดงค์ผ่านมาทางนี้และเห็นว่าที่ดินบนเขานอกจากจะเป็นที่รกร้างไม่มีใครเป็นเจ้าของแล้วยังเหมาะสมสำหรับเป็นที่ปฏิบัติธรรม ท่านจึงมีดำริและกำหนดให้สร้างสำนักสงฆ์ขึ้นบนยอดเขาแห่งนี้ครับ

    นอกจากนี้วัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อยสามผาน) ยังถูกบันทึกชื่อไว้ในความทรงจำของพุทธศาสนิกชนหลายต่อหลายคน เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนที่มีพ่อแม่ครูอาจารย์องค์สำคัญหลายองค์ เช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร จังหวัดสกลนคร หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ วัดดอนธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี ฯลฯ เคยเดินธุดงค์เข้ามากางกลดปฏิบัติธรรมและพยากรณ์ไว้ว่าสถานที่แห่งนี้จะกลายมาเป็นวัดในอนาคต เช่น

    หลวงปู่ผั้น อาจาโร ที่กล่าวว่า

    เขาน้อย น้อยแต่ชื่อ ในภาคตะวันออกนี้ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่

    2.jpg

    สำหรับผมและเพื่อนในกลุ่มต่างมีความคิดตรงกันว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องไปกราบนมัสการ“พระครูสันติวีรญาณ” (หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม) อริยสงฆ์แห่งวัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อยสามผาน)แห่งนี้ให้ได้ เรื่องนี้มีที่มาที่ไปครับ

    วันหนึ่งระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งคุยกันอยู่ เพื่อนรุ่นน้องได้เล่าว่าเพื่อนของเขาได้พาไปกราบหลวงปู่ฟัก สันติธัมโม ที่วัดพิชัยพัฒนาราม ในวันนั้นก่อนกราบนมัสการลากลับ หลวงปู่ได้เมตตามอบพระหินหยกแก่เขาหนึ่งองค์

    พระหินหยกเป็นพระเครื่ององค์เล็กๆ ที่หลวงปู่สั่งให้แกะจากหินในแม่น้ำโขง เขตอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดยก่อนมอบให้ท่านได้กำชับและต้องรับสัจจะกับท่านว่า หนึ่งต้องนำพระหินหยกติดตัวตลอดเวลา สองคือต้องยึดถือพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ เป็นที่สุดของชีวิต

    หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน เขาได้นำพระหินหยกองค์นั้นเก็บรักษาไว้อย่างดีบนหิ้งพระ โดยที่ไม่ได้นำมาติดตัวตามที่ได้ลั่นสัจจะวาจาไว้กับหลวงปู่

    กาลเวลาที่เดินทางไปพร้อมกับการติดขัดของธุรกิจ ทำให้เขาต้องกลับมานั่งทบทวนว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เพราะเศรษฐกิจก็ไม่ได้ตกต่ำ เงินทองที่มองเห็นอยู่ตรงหน้าแต่พอเอื้อมมือไปคว้าก็ไม่ได้สักที ตัวเขาเองได้พยายามแก้ไขด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งแบบบนดินและใต้ดินก็ยังไม่เป็นผล

    จนมาหวนระลึกชาติได้ว่าครั้งหนึ่งตนเองเคยได้รับพระและสัญญาไว้กลับหลวงปู่ ชะรอยหรือเงื่อนไขข้อนี้จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนอุปสรรค เขาจึงได้จุดธูปของขมาและนำพระหินหยกองค์นั้นมาติดตัวไว้ตลอดเวลา เขาเล่าว่าหลังจากนั้นเรื่องที่เคยมีปัญหาก็หมดไป เรื่องที่ว่ายุ่งยากก็เริ่มคลี่คลายลงจนจบ

    เรื่องนี้ถูกนำไปกราบเรียนต่อหลวงปู่ที่ชั้นล่างของกุฏิท่าน ณ วัดพิชัยพัฒนาราม เมื่อหลวงปู่ท่านได้รับฟังจนจบ ท่านหัวเราะเบาๆ และบอกกับเพื่อนรุ่นน้องคนนี้ว่า

    ไม่เป็นอะไร แต่ต่อไปอย่าผิดสัญญาอีก

    สำหรับบรรดาสาธุชนท่านอื่นและปุถุชนอย่างพวกเรา ท่านบอกว่าเรื่องของเพื่อนรุ่นน้องคนนี้ต้องยกให้เป็นกรณีตัวอย่างเรื่องแรกของการผิดคำพูดกับพระ

    3.jpg

    อดีตผ่านมาแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ เริ่มต้นกันใหม่ที่ปัจจุบันให้ถูกต้องและสมบูรณ์ อนาคตคือวันข้างหน้า ถ้าต้นถูก ปลายมันก็จะถูก

    ก่อนนมัสการลากลับ ท่านได้เมตตาแจกพระหินหยกแก่พวกเราคนละหนึ่งองค์ และให้พวกเรากล่าวคำอาราธนาพระหินหยก คือบทสวดไตรสรณ์คม

    ครับ ถ้าต้นถูก ปลายมันก็จะถูก..

    d.jpg

    หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม ท่านเป็นลูกหลานเมืองพลอยชาวจันทบุรีโดยกำเนิดครับ เกิดเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๔๗๘ โยมบิดามารดาของท่านชื่อ “คุณพ่อสังข์-คุณแม่เจน” นามสกุล“พูลกสิ” เล่ากันว่าในสมัยเด็กๆ ด้วยความที่ท่านอ้วนขาวเหมือนลูกฟัก ท่านเลยถูกเรียกว่า“ฟัก” แต่พ่อแม่จะเรียนท่านว่า “หนู

    ในวัยเยาว์เด็กชายฟักได้ชื่อว่าเป็นเด็กเรียบร้อย มีความฉลาดและความจำเป็นเลิศ ด้วยเหตุนี้ผลการเรียนของเด็กชายฟักจึงเป็นการสอบได้ที่หนึ่งมาตลอด โดยเฉพาะกับความสามารถในวิชาคณิตศาสตร์ที่ค่อนข้างสูง ทำให้เด็กชายฟักต้องรับบทบาทคำนวณราคาและคำนวณพื้นที่เสมอๆ เวลาที่มีการซื้อขายที่ดินครับ

    มีเรื่องเล่าถึงความมีปัญญาของเด็กชายฟักโดยกำนันเวกซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องว่า เด็กชายฟักชอบชวนเด็กชายเวกไปเก็บผลไม้บนเขาน้อย ซึ่งในขณะนั้นเขาน้อยยังเป็นที่รกร้างและมีผลไม้ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมากมายหลายชนิด

    ครั้งหนึ่งเด็กชายฟักได้ชวนเด็กชายเวกไปเก็บ “ลูกคุย” ซึ่งเป็นผลไม้ลูกกลมๆ โตๆ ขนาดผลหมาก ด้วยความที่เด็กชายเวกมีอายุที่อ่อนกว่าทำให้ต้องยอมและรับฟังเด็กชายฟักทุกเรื่อง

    ก่อนขึ้น “ต้นคุย” ทั้งสองคนได้มีการตกลงว่า ผลลูกคุยที่เป็นช่อๆ เป็นของเด็กชายเวก ส่วนผลลูกคุยที่ร่วงๆ เป็นของเด็กชายฟัก กำนันเวกเล่าว่าตอนนั้นฟังแล้วดูเหมือนออกแนวพี่ใหญ่เสียสละให้น้องเล็ก แต่พอขึ้นไปเก็บจนเสร็จและนำมาแบ่งกัน พี่ฟักกลับเป็นผู้ที่ได้ผลลูกคุยเยอะมาก ส่วนน้องเวกได้ผลลูกคุยติดมือกลับบ้านไปเพียงไม่กี่ช่อ

    ต่อมากำนันเวกได้พิจารณาย้อนหลังจึงเป็นอันได้ความว่า ต้นคุยต้นนี้เป็นต้นที่สูงใหญ่มากเมื่อขึ้นไปเด็ดจะต้องโยนผลกลับลงมา พวกช่อที่ถูกเด็ดออกมาจะต้องระกิ่งไม้ลงมาเรื่อยๆ และกว่าช่อที่ถูกเด็ดจะถึงพื้นดินผลลูกคุยก็ร่วงจากช่อจนเกือบหมดแล้ว

    ว่ากันว่าหากพูดเรื่องนี้ให้หลวงปู่ฟังเมื่อไร ท่านจะหัวเราะจนหน้าแดงเสมอๆ พร้อมกับบอกว่า

    จำได้ๆ

    e.jpg

    (ท่านพ่อลี ธัมมธโร ในงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ)

    หลวงปู่ฟัก อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๐๐ ณ วัดอโศการาม ในงานวันฉลองกึ่งพุทธกาล ความตั้งใจของท่านในครั้งแรกคือต้องการบวชแค่ ๗ วัน

    ท่านเล่าว่าแค่บวชวัดแรกก็คิดอยากจะสึกเสียแล้ว เนื่องจากในวันดังกล่าวมีคนเข้ามาบวชจำนวนมากหลายร้อยคนทำให้เกิดความสับสนและบาตรของท่านที่ได้รับจากพระอุปัชฌาย์ได้อันตรธานสูญหายไป

    เรื่องสะเทือนใจดังกล่าวทำให้ท่านคิดมากจนเกิดเป็นความทุกข์ ท่านว่าถ้าจะดวงไม่ดีเพราะแค่วันแรกที่บวชก็ต้องใช้กะละมังเป็นภาชนะรับอาหารแทนบาตรเสียแล้ว

    ถ้าท่านหนูสึก ผมเสียใจ

    คำตัดพ้อของโยมพ่อทำให้พระใหม่ที่คิดจะสึก ต้องกลับมาคิดใหม่อีกครั้ง

    ท่านว่าหลังจากที่ได้ยินน้ำเสียงของโยมพ่อที่พูดออกมา ทำให้ท่านหวนคิดถึงพระคุณและความปรารถนาดีของผู้ที่เป็นพ่อแม่ที่มีต่อบุตร ท่านจึงได้เลิกความคิดที่จะสึกและเพื่อเป็นการขจัดเงาดำ ความวิตกต่างๆ ที่ยังคงเคลือบจิตใจ โยมพ่อของท่านจึงได้พาท่านไปกราบหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    a.jpg

    แค่บาตรบริขารหาย สามารถซื้อหาใหม่ได้ แต่การที่พระจะสึก อะไรสำคัญกว่ากัน บาตรหายก็ให้คิดเสียว่าทำทานบารมีเพิ่ม

    คำเทศนาของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ในวันที่พระภิกษุฟักไปกราบขอเป็นศิษย์ อุปมาดั่งเครื่องเจียระไนชั้นดีที่ขัดเกลาพลอยเนื้อดีแห่งเมืองจันทบุรีเม็ดนี้ให้สุกสกาว

    ท่านว่าหลังจากฟังคำเทศนาของหลวงตาในวันนั้นแล้ว ท่านก็ไม่มีความคิดที่จะสึกอีกเลย..

    ต่อมาเมื่อสิ้นบุญท่านพ่อลี ธัมมธโร หลวงปู่ฟักท่านจึงได้ไปจำพรรษาอยู่กับหลวงตามหาบัว ณ วัดป่าบ้านตาด ก่อนที่ท่านจะเดินทางมาถึงวัดป่าบ้านตาดไม่กี่วัน หลวงตามหาบัวได้สอบถามคุณแม่ชีน้อมว่า

    เมื่อคืนฝันอะไร

    ฝันว่าได้ครกตำบักหุ่งจากจันทบุรี ผิวนอกขรุขระแต่ผิวในเนียนเรียบ” คุณแม่ชีน้อมกราบเรียน

    เลี้ยงพระได้ทั้งวัดบ่

    เลี้ยงได้ทั่วอยู่

    ได้เบิ่งข้างในไหม

    จิตเพิ่นผ่องใสดี

    ความผ่องใสของจิตที่เปล่งประกายออกมาให้เห็นทางอุปนิสัยที่อ่อนน้อมถ่อมตน ใช้ชีวิตเรียบง่าย กตัญญูและมีน้ำใจต่อหมู่คณะ ทำให้ท่านได้รับความเมตตาและความไว้วางใจจากหลวงตามหาบัวให้เป็นพระอุปฐากคอยดูแล รวมไปถึงการได้รับมอบหมายภาระหลายอย่างให้ปฏิบัติแทนท่าน

    5.jpg

    หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ วัดป่าบ้านนาคูณ จังหวัดอุดรธานี ศิษย์อาวุโสองค์หนึ่งของหลวงตามหาบัวซึ่งเคยร่วมจำพรรษากับหลวงปู่ฟัก ได้เล่าไว้ว่า

    ท่านอาจารย์ฟักเข้ามาที่วัดป่าบ้านตาดตั้งแต่ปี ๒๕๐๔ พร้อมกับท่านอาจารย์เจี๊ยะ จุนโท แต่ท่านอาจารย์ฟักสนิทกับท่านอาจารย์แสวงมากที่สุด ระหว่างที่อยู่บ้านตาด ท่านเป็นคนมีฝีมือทางช่างมาก ฝีมือแนบเนียน จึงได้รับผิดชอบงานสร้างกุฏิ โรงครัวและรั้ววัด

    ท่านเป็นผู้ที่มีนิสัยเรียบร้อย รักและเทิดทูนพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัวเป็นที่สุด ท่านไม่เคยโดนดุ คงเคยสร้างบารมีมาด้วยกัน อาจจะเป็นลูกท่านมาก่อน

    ว่ากันว่าการเดินทางของความจริงใจที่ผ่านการพิสูจน์มาอย่างยาวนาน ย่อมมีคุณค่ามากกว่าคำพูดหรือการกระทำอันใด อย่างเช่นกรณีของหลวงปู่ฟักที่มีต่อพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว

    ในบันทึกประวัติของหลวงปู่ฟักได้บอกเล่าเหตุการณ์หลายอย่างที่เกี่ยวกับความเข้าใจกัน การอยู่ร่วมกัน การเสียสละและการให้อภัยของอาจารย์และลูกศิษย์ครับ

    ครั้งหนึ่งมีการซ่อมศาลาโรงฉันของแม่ขาวที่วัดป่าบ้านตาด หลวงตามหาบัวท่านสั่งให้ตอกตะปูได้เลยและได้มีการตอกตะปูลงไปบางส่วนแล้ว พอดีจังหวะที่หลวงปู่ฟักท่านเห็นว่ายังไม่ได้ฉาก ด้วยความที่เห็นแก่งานเป็นใหญ่ ต้องการให้งานนั้นออกมาดีและสวยงามที่สุด ท่านเลยห้ามไม่ให้ตอก ซึ่งการห้ามดังกล่าวถือว่าเป็นการขัดคำสั่งของพ่อแม่ครูอาจารย์

    ภายหลังเมื่อหลวงปู่ฟักท่านได้กลับมาพิจารณาอีกครั้ง ท่านก็รู้สึกเสียใจที่ทำเช่นนั้น ตกกลางคืนท่านจึงได้เข้าไปขอขมาหลวงตา ด้วยว่าท่านขาดความเคารพ ต่อมาในวันประชุมสงฆ์หลวงปู่ฟักท่านคิดว่าหลวงตามหาบัวท่านคงจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดในเชิงตำหนิอย่างแน่นอน แต่กลับปรากฏว่าท่านมิได้ถูกตำหนิเพราะหลวงตาได้พูดขึ้นว่า

    b.jpg

    ท่านฟักนี่เราก็เห็นใจ ทำอะไรก็ไม่ให้ผิดแม้สักเซ็นต์เดียว ให้พึงรักษาปฏิปทานี้ไว้ พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นท่านชมนักคนแบบนี้

    จะว่าไปแล้วคำพูดของหลวงตามหาบัวเป็นเหมือนการสะท้อนให้เราเห็นถึงคุณสมบัติของความเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่ได้ถ่ายทอดความรู้สึกที่ดีออกไปให้เกิดประโยชน์แก่ผู้คน เพราะการถ่ายทอดความรู้สึกอย่างจริงใจด้วยความรัก ความเมตตา เพียงเพื่อหวังให้ผู้ที่ได้รับพ้นจากความทุกข์และเกิดความสงบขึ้นในจิตใจ คือจาคะอันยิ่งใหญ่ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้

    หลังจากที่หลวงปู่ฟักใช้ชีวิตการเป็นพระในวัดป่าบ้านตาดมานานหลายปี ท่านก็มีเหตุต้องอำลาจากวัดป่าบ้านตาดกลับมายังบ้านเกิดของท่านคือจันทบุรี เพื่อคอยอยู่ดูแลโยมพ่อโยมแม่ของท่านที่อายุมากและมีสุขภาพไม่แข็งแรง

    6.jpg

    ท่านฟักพอจะตั้งไข่ได้แล้ว แต่ทางจันทบุรียังไม่มีใคร ให้กลับมาพัฒนา

    ซึ่งหากเรานับนิ้วจำนวนปีที่หลวงปู่ฟักได้ใช้ชีวิตอยู่ในวัดป่าบ้านตาดบวกเข้ากับความอาลัยของพระสงฆ์ในวัดป่าบ้านตาดทุกองค์ที่มีให้ท่าน คงจะบอกได้ว่าการออกจากวัดป่าบ้านตาดครั้งนี้ ย่อมนำมาซึ่งความเศร้าและเสียดายเป็นอย่างยิ่ง หากแต่อีกนัยหนึ่งนั้นก็เป็นการย้ำเตือนถึงสัจธรรมความจริงที่ว่าไม่มีอะไรที่จีรังนอกจากความดีของคนต่างหากที่เป็นนิรันดร์ครับ

    ท่านเล่าว่าในช่วงแรกที่กลับมาอยู่สำนักสงฆ์เขาน้อยสามผาน สิ่งที่มีมากที่สุดคือความอัตคัตขัดสน เพราะคนที่มาทำบุญก็มีแต่เฉพาะญาติพี่น้องเท่านั้น กุฏิสงฆ์เป็นเพียงกระต๊อบเล็กๆ หลังคามุงจาก พื้นกุฏิเป็นไม้ฝาโลงที่เขาทิ้งไว้ในป่าช้า

    ตอนนั้นลำบากมาก ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยหลับตาแล้วภาวนาพุทโธอย่างเดียวไปเรื่อยๆ ในที่สุดอะไรๆ ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ

    ไม่ว่าความลำบากจะถาโถมเข้ามาอย่างมากมายขนาดไหนก็ตาม แต่ความเป็นนักสู้ผู้ไม่ยอมสะกดคำว่าแพ้ต่อความทุกข์ยากรวมไปถึงการไม่ยอมละทิ้งในเรื่องของการปฏิบัติภาวนาอันเป็นหัวใจของพระกรรมฐาน ทำให้ในที่สุดท่านก็สามารถปลูกต้นศรัทธาให้เจริญงอกงามลงในหัวใจของชาวบ้านได้สำเร็จ

    สำนักสงฆ์เขาน้อยสามผานได้รับการยกฐานะเป็น “วัดพิชัยพัฒนาราม” ในปี ๒๕๒๐ ตรงตามที่ท่านพ่อลี ธัมมธโร วัดอโศการาม เคยพยากรณ์ไว้เมื่อปี ๒๔๙๙ ว่า

    7.jpg

    สถานที่ตรงนี้ต่อไปจะกลายเป็นวัดและจะมีการสร้างพระเจดีย์ขึ้นด้วย

    ไม่เพียงแต่พัฒนาวัดให้มีความสมบูรณ์และเหมาะสมเท่านั้น ในทางโลกหลวงปู่ยังสนใจในเรื่องของการพัฒนาคน พัฒนาคุณภาพชีวิต ตลอดจนถึงเรื่องอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์แก่สาธารณะ เช่น การสร้างโรงพยาบาลสองพี่น้อง บริจาคเครื่องมือแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ที่ขาดแคลน ตลอดจนร่วมน้อมถวายเงินและทองคำในโครงการผ้าป่าช่วยชาติของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน นอกจากนี้ท่านยังได้พิจารณาอย่างถ่องแท้แล้วพบว่า

    ความทุกข์เกิดจากความไม่รู้จักพอ ความไม่รู้จักพอเป็นบ่อเกิดของการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน

    ท่านว่ามนุษย์รุกรานธรรมชาติด้วยสารเคมี ธรรมชาติจึงลงโทษมนุษย์ด้วยการให้ที่พักพิงแก่เชื้อโรคร้าย

    ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้ตกลงใจว่า ท่านจะสงเคราะห์โลกด้วยการรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้แก่คนทั่วไปและเป็นตัวแทนคืนความเป็นธรรมให้แก่ธรรมชาติ

    4.jpg

    พวกเราไม่เคารพไม่ปฏิบัติตามสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ เป็นการไม่รักตัวเองที่ชอบด้วยธรรม แต่เป็นการรักในกิเลสตัณหาโลภะอย่างไม่มีขอบเขต จึงทำลายตนเองและส่วนรวมอย่างสิ้นเชิง

    คนเราต้องทำมาหากินโดยไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ชาวไร่ชาวนาใช้ยาฆ่าแมลงก็ไม่รู้ว่าจะมีสัตว์กี่มากน้อยที่ต้องตายตกตามไป สัตว์ก็รักชีวิตมีชีวิตเหมือนเรา

    ภพชาตินี้เราเป็นมนุษย์ก็จริง แต่ถ้าทำไม่ดี ภพชาติหน้าอาจจะตกต่ำลงไปกว่านี้ก็ได้ ถ้าเราทำดี อย่างต่ำก็น่าจะเกิดเป็นมนุษย์ แต่ถ้าเราไปทำร้ายคนอื่น อนาคตเราอาจจะถูกเขาทำร้ายตอบก็ได้ ทุกอย่างมีสิทธิ์เป็นไปได้

    ถ้าจะถามผมว่าหลวงปู่ท่านสงเคราะห์โลกด้วยการเป่ารักษาคนตั้งแต่เมื่อไรหรือท่านรนณรงค์ให้เลิกใช้ยาฆ่าแมลงตั้งแต่ตอนไหน ผมคงตอบไม่ได้ เพราะเมื่อแรกที่ได้มากราบหลวงปู่ผมก็เห็นท่านเป่ารักษาแบบนี้มาตลอด ประมาณว่าในบางวันต้องว่ากันถึงดึกดื่นเลยก็มี

    อีกประการหนึ่งแนวทางการรักษาและการรนณรงค์ของพระผู้อยู่บนเขาก็ให้มีความแตกต่างจากการรักษาของแพทย์และการรนณรงค์ของนักวิชาการที่อยู่ในเมืองอย่างสิ้นเชิง เพราะท่านได้สงเคราะห์ด้วยการใช้ธรรมโอสถและน้ำมนต์

    ท่านว่าหลวงปู่ผั้น ท่านพ่อลี ใครคิดอะไรท่านรู้หมด เพียงแต่จะพูดหรือไม่พูด นี่คือความมหัศจรรย์ เพราะฉะนั้นทำไม พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ในน้ำมนต์มันจะไม่ขลัง ซึ่งเรื่องนี้ก็จริงอย่างที่ท่านว่า เพราะน้ำมนต์ของท่านช่วยรักษาคนมาตั้งมากมาย ฉีดใส่หนอน หนอนก็หนี อาจเป็นเพราะหนอนย้ำเกรงพระไตรสรณคมก็ได้

    คนป่วยให้ใช้น้ำมนต์กินเป็นยา ส่วนชาวไร่ชาวนาให้ใช้น้ำมนต์แทนการใช้ปุ๋ย (ปุ๋ยเคมี)”

    หลวงปู่เคยเล่าไว้ว่า การนั่งสมาธิภาวนาสามารถรักษาโรคได้ ส่วนเรื่องที่คนโจษขานกันมากว่าท่านเป็นพระที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ความจริงคือไม่ใช่ ท่านว่าความศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ตัวของเราเอง เมื่อเรามีความเคารพศรัทธาเลื่อมใสในตัวท่าน เราก็จะปฏิบัติตามที่ท่านสอน ท่านบอกให้เรารักษาศีล เราก็รักษาศีลตามที่ท่านบอก ฉะนั้นความศักดิ์สิทธิ์จึงเกิดขึ้นจากผลที่เราปฏิบัตินั่นเอง

    9.jpg

    คุณไชยยงค์ เพื่อนรุ่นพี่ของผม เป็นหนึ่งในผู้ที่เคยเข้ารับการรักษาโรคจากหลวงปู่ ความเจ็บไข้ของเขาเป็นผลดีสำหรับผมตรงที่ทำให้ผมมีโอกาสได้กราบนมัสการหลวงปู่บ่อยครั้ง การหายขาดจากโรคที่เป็นอยู่ของเขาก็ต้องถือเป็นประสบการณ์เชิงประจักษ์แบบสุดๆ สำหรับผมอีกเช่นกัน เรื่องมีอยู่ว่า

    คุณไชยยงค์เป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับสระว่ายน้ำในเขตเมืองพัทยา แกป่วยด้วยโรค(ประหลาด) คือยามอาการกำเริบ แกจะแน่นหน้าอก หายใจติดขัด ลำตัวเกร็ง ปวดไปทั้งตัว อาหารหรือยาเมื่อตกถึงท้องก็จะมีอาการปวดและอาเจียนออกมา ระยะหลังๆ อาการหนักเข้าขนาดน้ำยังกินไม่ได้ ต้องใช้วิธีการให้อาหารและยาทางเส้นเลือด

    ชีวิตของแกในช่วงนี้ต้องวิ่งเข้าวิ่งออกตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งในเมืองพัทยาและในกรุงเทพฯ มานานเกือบปี ในที่สุดแกถึงกับต้องมาบวชเป็นพระที่วัดแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา เพื่อเป็นการแก้เคล็ดและแก้ไขกรรมตามคำแนะนำของหมอดู

    สำหรับอาการสุดท้ายตามคำวินิจฉัยของแพทย์มาถึงมือหมอเดาอย่างผมคือ อวัยวะภายในพวก ตับ ไต หัวใจ เริ่มประท้วงจะไม่ทำงาน ด้วยสภาพของเครื่องในที่รวนสุดขีด แพทย์ประจำที่ทำการรักษาจึงตัดสินใจอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลกลับมาวัดบ้านเกิด พร้อมกับให้คำแนะนำที่มีประโยชน์สำหรับคุณตู๋ผู้เป็นภรรยา คือ ให้ทำใจ

    พระไชยยงค์ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่ โดยหลวงปู่ได้รักษาในแบบองค์รวมตามกรรมวิธีของท่านคือ เป่าไล่ตามจุด ฉันน้ำมนต์(ที่ไม่ต้องผสมน้ำอื่น) แทนน้ำ พยายามรักษาศีลให้สมบูรณ์ที่สุด สวดมนต์และนั่งสมาธิภาวนา

    หลังเสร็จสิ้นการรักษาจากหลวงปู่ในวันนั้น เมื่อพระไชยยงค์ได้กลับมายังวัดที่ตนเองพำนัก ท่านได้ตัดสินใจยึดเกาะฟางเส้นสุดท้าย คือปฏิเสธการใช้ยาแผนปัจจุบันและพยายามปฏิบัติตามคำแนะนำและคำสั่งสอนของหลวงปู่อย่างเคร่งครัด

    10.jpg

    ครบกำหนดหนึ่งเดือน พระไชยยงค์ได้ไปพบแพทย์ประจำตามนัด ความอัศจรรย์ใจเกิดขึ้นทันที เมื่อผลการตรวจออกมาว่าร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและปกติดีทุกอย่าง ซึ่งแพทย์ท่านนั้นก็ยังออกอาการ มึนงงกับผลการตรวจ จะว่าวินิจฉัยผิดมันก็ไม่ใช่เพราะรายงานผลในสมุดตรวจก็ตรงและเหมือนกันทุกหมอและทุกโรงพยาบาลที่เคยรักษามา

    สรุปคือต้องให้พระไชยยงค์กลับวัดและงดจ่ายยาเพราะไม่รู้จะรักษาอะไร ด้วยความมั่นใจในผลการตรวจว่าต้องผิดพลาดแน่นอน คุณตู๋(ภรรยา) จึงได้พาพระไชยยงค์ไปตรวจเช็คร่างกายตามโรงพยาบาลชั้นนำอีกถึงสิบแห่ง แต่ผลการตรวจก็ยังออกมาตรงกันว่า ไม่เป็นอะไร

    ความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับพระไชยยงค์ ทำให้พระไชยยงค์และครอบครัวหมั่นเข้าไปกราบและทำบุญกับหลวงปู่อย่างต่อเนื่องจวบจนพระไชยยงค์ลาสิกขาบทจากพระมาเป็นฆราวาส ความเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนไกลวัดต้องถูกลบทิ้งด้วยความเมตตาของหลวงปู่ฟัก ถึงทุกวันนี้หลวงปู่ฟักท่านจะละสังขารไปเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๓ แล้วก็ตาม เขาและครอบครัวยังคงทำบุญและสวดมนต์ตามที่หลวงปู่สอนไว้ทุกประการ

    c.jpg

    ของจริงและแน่จริงต้องแบบนี้ เป่าครั้งเดียว

    คุณไชยยงค์บอกกับผม แกบอกว่าชีวิตแกเหมือนเกิดใหม่ด้วยบารมีของหลวงปู่ฟัก

    ในวันงานประชุมเพลิงศพพระครูสันติวีรญาณ (หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม) เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๓ ด้วยความสำนึกในบุญคุณที่หลวงปู่มีให้ คุณไชยยงค์พร้อมครอบครัวได้มาร่วมในงานดังกล่าว

    ในขณะที่เปลวไฟลุกท่วมร่างองค์ท่าน เศษเถ้าจีวรของท่านชิ้นน้อยๆ ได้ลอยมาตกบนท่อนแขนของคุณตู๋ เหตุการณ์ดังกล่าวได้เพิ่มความศรัทธาให้กับคุณไชยยงค์และครอบครัวมากเท่าทวีคูณ เพราะก่อนที่เศษเถ้าจีวรจะตกลงบนแขน คุณไชยยงค์บอกกับคุณตู๋ว่า

    "หลวงปู่ท่านจากเราไปแล้ว"

    เรื่องเศษเถ้าจีวรนี้ คุณตู๋เล่าให้ผมฟังทางโทรศัพท์ ในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๓

    ของจริงและแน่จริงต้องแบบนี้

    ผมไม่ได้ตอบแกหรอกครับ เพียงแต่คิดในใจขณะที่มือกำพระหินหยกไว้แน่น...สวัสดีครับ

    11.jpg

    ขอขอบพระคุณเอกสารอ้างอิง หนังสือคำกลอนประวัติวัดพิชัยพัฒนาราม(เขาน้อยสามผาน)และพระอาจารย์ฟัก สันติธัมโม / หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม สันติธัมโมจารึกนาม โดย คุณภัทระ คำพิทักษ์ ภาพถ่ายจากเวปไซด์ คุณพรชนก สุขพงษ์ไทยและคุณเด็กลึกลับ เพื่อนต่อกับคำแนะนำ และคุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ สระบุรี สำหรับกำลังใจที่มีให้เสมอครับ
     
  2. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
  3. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    พระครูสันติวีรญาณ (หลวงปู่ฟัก สนฺติธมฺโม)

    วันหนึ่งขณะหลวงปู่ฟักภาวนาอยู่ ได้ปรากฎพญานาคขึ้นมาในนิมิตแจ้งต่อหลวงปู่ว่า มีหินเขียวจะถวายเป็นหินที่เป็นของหลวงปู่ และพวกเขาเหล่าพญานาคได้ดูแลอยู่ให้หลวงปู่ไปเอาหินที่อยู่ ณ. แม่น้ำโขง ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย หลังจากหลวงปู่ตรวจสอบกับทางกลุ่มหาหินและช่างแกะพระที่เชียงรายก็ไม่ปรากฎว่ามีหินขนาดใหญ่อย่างที่หลวงปู่บอก หลวงปู่จึงขึ้นไปเชียงของด้วยตนเอง หลังจากกลุ่มช่างแกะหินขับเรือพาวน หลวงปู่ก็ชี้นิ้วบอกสถานที่ก็พบหินเขียวก้อนใหญ่มหิมาตามนิมิตทุกประการ เป็นที่แปลกใจของกลุ่มช่างมากเพราะเขาวนหาบริเวณที่หลวงปู่บอกหลายหนแต่ไม่เคยพบหินก้อนมหึมาก้อนนี้เลยหลังจากได้หินมาจึงให้ช่างแกะสลักเป็นพระนาคปรก, หลวงพ่อพุทธองค์ดำ, หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล, หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต, ท่านพ่อกงมา จิรปุญโญ, ท่านพ่อลี ธัมมธโร และหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน โดยรูปเหมือนครูบาอาจารย์ทั้ง 5 องค์เป็นขนาดเท่าองค์จริง
    ฟังแล้วหินคงก้อนมหิมาจริงๆ

    สำหรับพระหินแกะหลวงปู่ว่ามีพญานาครักษา
    และท่านเองจะเรียกว่าพระหยกบ้าง พระหินบ้าง
    จริงๆ แล้วถ้าทิ้งหินเขียวชนิดนี้ต่อไปอีกนานแสนนาน
    หินชนิดนี้จะเป็นหินหยกเป็นตระกูลเดียวกันแต่อายุยังไม่ถึง
    ปาฏิหาริย์ที่ได้ยินมามีเยอะครับส่วนใหญ่เป็นเรื่องโภคทรัพย์แทบทั้งสิ้น

    หลวงปู่ท่านมักจะบอกว่าพระหยกนี้ เป็นของค้ำคูณรักษาให้ดี
    ของค้ำคูณคือของที่ช่วยค้ำชูอุดหนุนดวงชะตาครับ 12.JPG 14.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN3864.JPG
      DSCN3864.JPG
      ขนาดไฟล์:
      199.3 KB
      เปิดดู:
      136
    • Y10214036-10.jpg
      Y10214036-10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      139.5 KB
      เปิดดู:
      154
  4. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,225
    วัตถุมงคล หลวงปู่ฝั้น และ หลวงพ่อพรหม จิรปุญโญ ที่ออกเข้าน้อยน่าเก็บครับ
     
  5. สันติภาพ999

    สันติภาพ999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,885
    ค่าพลัง:
    +2,229
    ครับจะเเรงหน่อยครับ ToT
     

แชร์หน้านี้

Loading...