เรื่องเด่น หลวงปู่เล่าเรื่องเณรฆ่าสัตว์ไปตกนรก.. (หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป)

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 30 พฤศจิกายน 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    หลวงปู่เล่าเรื่องเณรฆ่าสัตว์ไปตกนรก

    หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป-1.jpg

    ใจของเรานั่นน่ะมันสำคัญที่สุด มันหาสาระแก่นสาร หาประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้เท่าไรหรอก คือ มันใจโลภ ใจโกรธ ใจหลง ใจอิจฉาพยาบาท ใจน่ะ ใจของเราน่ะมันโลภหลงไปตามสัญญาอารมณ์ต่างๆ หลงในวัตถุธาตุ ว่าเป็นของเราอย่างนั้นอย่างนี้ ตามวิ่งตาม วิ่งตามวัตถุธาตุว่าเป็นสมบัติของเรา สุดท้ายก็ทำบาปทำกรรมในวัตถุอันนั้นแหละ ฆ่ากัน ตีกัน วุ่นวายก็เพราะว่า หลงในวัตถุอันนั้นอันนี้ความคิด ใจน่ะคือ ความคิดของเรา เดี๋ยวก็คิดดี เดี๋ยวก็คิดไม่ดี คิดโลภ คิดโกรธ คิดหลง คิดอิจฉาพยาบาท แล้วก็คิดเรื่องอยู่เรื่องกินเรื่องหยัง ไม่รู้อะไรต่างๆไปตามกระแสโลก ล้วนแล้วแต่หาสาระแก่นสารไม่มีที่สิ้นสุดลงไปได้ สุดท้ายก็ตายไป ตายไปแล้วก็ใจก็เป็น “สัมภเวสี” เป็นสัมภเวสี หาล่องลอยอยู่ในโลกนี้แหละ ลอยไปลอยมา หาที่เกิดยาก ไม่ใช่ของง่าย จะเล่าเรื่องหนึ่งมีพระองค์หนึ่งคนจังหวัด..ออ มีเณรองค์หนึ่งคนจังหวัดศรีสะเกษจังหวัดเมืองศรีสะเกษ มาบวชเป็นเณรน้อย มาบวชเป็นเณร เณรเก่าเขาบวชมาก็ได้ปีสองปี แต่ว่าเณรก็แบบว่านั่นแหละ มันเป็นเณรปึกเณรหนาเณรตาบอด ไม่ใช่เณรมีปัญญา เณรไม่มีกุสลาธัมมาดอก เป็นเณรอกุสลาธัมมาเมื่อเณรตัวนี้มันบวชเข้ามา เณรตัวนี้เข้ามา เณรเก่ามันก็เล่าพากันไปทำบาป ไปฆ่ากระรอก ไปฆ่ากระแต ไปฆ่าไก่ เณรก็อาจเป็นเณรบ้านนอก ..ฆ่าไก่ไม่บาปหรอกไก่มันมาวัด ไก่มันของเลี้ยงชีวิต ฆ่ากระรอกกระแตมันเกิดมาให้เราให้กินให้เลี้ยงชีวิต มันก็ว่าเงี้ย ไม่บาป เราเอามากินเพื่อบำรุงร่างกายให้มีชีวิตชีวาอยู่ เณรเก่ามันก็เล่าว่ามันไม่บาป เณรใหม่ก็เชื่อ ก็เลยทำบาปกับเขา เขาพาฆ่าไก่ก็ฆ่ากับเขา ฆ่ากระรอกฆ่ากระแต แต่ตอนเป็นเณร สุดท้ายก็มาได้ยินได้ฟังธรรมะจากครูอาจารย์ ก็เลยรู้มันเป็นบาปเลยเลิก ไม่ทำแล้ว ต่อมาก็มาบวชเป็นพระบวชเป็นพระได้ยี่สิบปีตายพอดี ตายแล้วก็นายพญายมก็มานำเอา นายนิยบาลน่ะ มาตวยเอาหรือมาตามเอา เอาไป ที่เอาไปนำไปเพราเหตุไร เพราะกระแต กระรอก ไก่ ที่เณรมันไปฆ่ามันไปรออยู่พุ่นน่ะ ในปรโลกนู่น มันไปรอท่า มันฟ้องอยู่ มันคอย คอยตัดสินน่ะ มันไปรอตัดสินคดีอยู่นู่นแน่ะ มันไม่ใช่ยอมนะนั่นน่ะสุดท้ายนายนิยบาลก็มาตามเอา “ดวงจิตดวงใจ” นั่นไป ไก่มันก็เหมือนไก่ธรรมดาเนี่ย มันไปถึงปรโลกแล้ว

    ไก่มันตัวเท่าควายเนี่ย ไม่ใช่ไก่ตัวน้อยๆอย่างที่เราเห็นเนี่ย ไก่เท่าตัวเท่าควายนี่น่ะ ยกตัวอย่างมดแดงที่มันไปฆ่านั่นน่ะ แหย่เอามากินน่ะ มดแดงก็ตัวเท่างัว ตัวใหญ่ มีเขายาวเชียว กระแตนั้นก็ตัวใหญ่เท่าควายนี่น่ะ”เนี่ยเณรนี่แหละฆ่า เมื่อยังเป็นเณรอยู่ฆ่าข้าพเจ้า” ว่างั้น นายพญายมก็บอกว่า “ได้ฆ่าจริงรึ? ” “จริง! เราไม่รู้เณรว่ามันไม่บาปก็เลยฆ่า” มันรับเลย เณรมันซื่อ อย่างนี้สุดท้ายก็ตัดสินใจ ให้ตกหม้อนรกซะ ตกไม่นานดอกเจ็ดวัน เสวยกรรมทุกข์เสียก่อนเพราะได้ทำไปแล้ว มันไปฟ้องตัดสิน ไก่นั้นมันอาฆาต ไม่ยอมน่ะ มันจะสับฆ่าสับเณรน้อยนั่นล่ะลงหม้อระฮก เอาตีนเขี่ยลงหม้อนรกนั่นล่ะ สุดท้ายก็เลยได้ตกนรกอยู่เจ็ดวันพ้นจากนรกแล้วก็ไปสวรรค์บาดนี่ ไปอยู่สวรรค์ ไปสวรรค์ ไปสวรรค์ก็ไม่มีที่อยู่ ชาวสวรรค์ทั้งหลายเขาก็ว่า เณรนั้นน่ะเป็นใจคนใจบาป ฆ่ากระรอกฆ่ากระแตฆ่าไก่ ฆ่ามดแดงมดดำ ใจบาปมาอยู่เมืองสวรรค์บ่ได้ อยู่ไม่ได้ ไล่ไปเลย ไปเห็นเมืองสวรรค์น่ะมันสวยมันงามปราสาทวิมาน โอ้ย นางเทพธิดาก็ล้วนแต่สวยงาม จะอยู่ก็อยู่ไม่ได้ เขาว่าอยู่ไม่ได้คนบาป ไล่ลงมาเมืองมนุษย์เมื่อถึง “เมืองมนุษย์” แล้วก็เป็น “สัมภเวสี” อยู่หาที่เกิดบาดนี่ อยากเกิด อยากเกิดมาสร้างบารมี หาที่เกิดอยู่นั่น เกิดไหนก็ไม่ได้เกิด ห้าสิบปีนั่น…หาที่เกิดอยู่ห้าสิบปีจึงได้ไปเข้าท้องชาวนา ..ชาวนาเกิดขึ้นมาแล้วก็ระลึกชาติได้ว่า เราไปตกนรก เราได้ไปสวรรค์

    นรกมันทุกข์อย่างนั้นอย่างนั้น เพราะบาป สวรรค์มีความสุขแต่ไม่ได้อยู่บัดนี้เพิ่นก็ว่า ทีนี้ข้าพเจ้าไม่เชื่อใครแล้ว เขาว่า“บาปไม่มี” ข้าพเจ้าไปตกนรกมาแล้ว “สวรรค์ไม่มี” ข้าพเจ้าไปดูสวรรค์มาแล้วบัดนี้สุดท้ายมันก็เลยอยู่กับพ่อกับแม่ได้แปดปี ก็ขอลาพ่อลาแม่ไปอยู่วัดกับครูบาอาจารย์
    เพื่อจะได้เรียนวิชาหนังสือหนังหา สุดท้ายก็ออกบวช ฯ รับศีลธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วก็ภาวนาด้วย ตามหลักเมื่อมีศีล มีสมาธิ มีภาวนา ปฏิบัติบูชานานเข้านานเข้า จิตมันก็ตั้งมั่นเป็นสมาธิ รู้แจ้งแสงสว่าง รู้ด้วยกลัวด้วย มันกลัว ทำอย่างไรอะไรมันพาให้เราทุกข์เรายาก

    “กิเลส” นั่นล่ะพาให้เราทุกข์ ความโลภความโกรธความหลงนี่ล่ะ อวิชชาตัณหานี่ล่ะพาให้เราทุกข์เรายาก มันก็มาภาวนา พิจารณาพุทโธรู้ รู้แล้วก็ละกิเลส สุดท้ายก็ได้สำเร็จ เป็นพระอรหันต์ กลายเป็นนิพพานพ้นทุกข์ฉะนั้นจึงว่า ใจของเราหาสาระแก่นสารไม่ได้ พระพุทธเจ้าว่า จงทำให้ใจมีสาระแก่นสารเถิด เพิ่นว่า ใจมีสาระแก่นสารคือใจอย่างใดใจมี “พุทโธ”เป็นที่อยู่ ใจมี “ธัมโม” เป็นที่อยู่ ใจมี “สังโฆ” เป็นที่อยู่ มีพุทโธ ธัมโม สังโฆ คือ ใจมีศีลนั่นแหละ ใจมีศีลใจมีธรรมนั่นแหละ

    พระธรรมเทศนาองค์พ่อแม่ครู-บาอาจารย์ องค์หลวงปู่ใหญ่หรือหลวงปู่ท่านเจ้าคุณพระอุดมญาณโมลี (องค์หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป) อายุ 104 พรรษา 84 วัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง ต.หมากเเข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี


    กราบนอบน้อมต่อคุณพระศรีรัตนตรัยพร้อมทั้งองค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์เหนือเศียรเกล้าขอรับ
    ขอโอกาสขออโหสิกรรมขออนุญาตที่จะนำภาพและข้อความนี้มาเผยแพร่เพื่อเป็นธรรมทานครับ


    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  2. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628

แชร์หน้านี้

Loading...