หลวงปู่เสาร์ ปรารถนาปัจเจกภูมิ หลวงปู่มั่น ปรารถนาพุทธภูมิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 31 สิงหาคม 2007.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top>หลวงปู่เสาร์ ปรารถนาปัจเจกภูมิ
    หลวงปู่มั่น ปรารถนาพุทธภูมิ


    พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
    วัดป่าบ้านตาด จ. อุดรธานี


    พระพุทธเจ้าพระองค์ใดก็ตาม ได้ทรงทำนายใครแล้วนั้น
    เรียกว่าลบไม่สูญเลย เช่นคนนี้ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า
    กำลังเป็นพระโพธิสัตว์ปรารถนา
    พุทธภูมิจะเป็นพระพุทธเจ้าข้างหน้า
    พระพุทธเจ้าทรงเล็งญาณดูแล้วยืนยันแล้วว่าในกัปกัลป์นั้น
    เธอจะได้เป็นพระพุทธเจ้าชื่อว่าอย่างนั้น
    แล้วสาวกข้างซ้ายชื่อวาอย่างนั้น ข้างขวาชื่อว่าอย่างนั้น
    นี่ยังไงก็ลบไม่สูญเลยแน่แล้วนั่น จะต้องถึงจุดนั้นเลย


    ถ้ายังไม่ได้ทรงทำนายแล้วพลิกได้นะ คือจะไปนี้ยังไม่ถึงไหนเลย
    ปลีกออกเสียจากพุทธภูมิไปเป็นสาวกภูมิเสียก็ได้ อันนี้ก็ยกตัวอย่างเช่น
    หลวงปู่มั่นเรา ท่านเคยเล่าให้ฟัง ทีแรกท่านปรารถนาเป็นพุทธภุมิ
    ท่านว่างั้นนะ เพราะฉะนั้นลวดลายของท่านจึงมี
    ความรู้ความฉลาดนี้เป็นลวดลายของพุทธภูมิยังติดอยู่ในนั้นนะ
    ทีนี้เวลาท่านพิจารณา พอจะเข้าด้ายเข้าเข็มทีไร
    มันจะพุ่งทีไร พุทธภูมิจะผ่านเข้ามาๆ ก็ทำให้เสียดายพุทธภุมิถอยเสีย
    ท่านว่าเป็นงั้นนะ
    พอกำหนดเข้าไปที่จะเข้าด้ายเข้าเข็มทีไร เรื่องพุทธภูมิจะสวนกันเข้ามาเลย
    เสียดายพุทธภูมิ ก็ถอยเสีย

    ทีนี้หลายต่อหลายครั้ง เอ๊ ว่าเป็นพุทธภูมิ ก็ไม่ได้ประมาทพระพุทธเจ้า
    ความสิ้นกิเลสสิ้นด้วยกัน
    เป็นแต่เพียงทำประโยชน์ให้โลกได้มากน้อยต่างกันกับสาวกเท่านั้นเอง
    เราได้แค่นี้เราก็เอาละ
    เราไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าก็ตาม
    ขอให้จิตบริสุทธิ์อย่างเดียวแค่นี้ก็เอาละ
    พออย่างนั้นท่านก็ขอหยุดอธิษฐานเป็นพุทธภูมินะ
    จากนั้นจิตก็พุ่งเลยท่านว่า อย่างนั้นแล้วอารมณ์อันนี้ไม่ครอบ
    นี้คือยังไม่ได้รับลัทธิพยากรณ์
    พระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งยังไม่พยากรณ์
    ถ้าลงได้พยากรณ์แล้วยังไงก็ลบไม่สูญเลย พุ่งถึงนั้น ถึงจุดนั้นเลย
    เรียกว่าลบไม่สูญ ลงเป็นอย่างนั้นแน่นอน
    ถ้ายังไม่ทำนายนี้มันเอียงได้ เอียงนั้นเอียงนี้ไปได้

    อย่างหลวงปู่มั่นท่านเล่าให้ฟัง เพราะฉะนั้นนิสัยพุทธภูมิของท่านยังมีอยู่
    ลวดลายของพุทธภูมิยังมี ความรู้ภายนอกภายในอะไรนี้คล่องแคล่วทุกอย่าง
    เรื่องจิตรวมฟาดนี้เหาะเหินเดินฟ้า
    ใครจะเก่งยิ่งไปกว่าท่านอาจารย์มั่นวะ
    พรึบนี้ลงพื้นปฐพี พรึบไปเลย ผึงนี้ก็ขึ้นเลย
    อันนี้ท่านเล่าให้ฟัง
    จนกระทั่งท่านอาจารย์เสาร์ท่านว่า
    ท่านมั่นนี้มันผาดโผนเกินไป

    ท่านอาจารย์เสาร์ ท่านไม่ค่อยชอบพูด ท่านปรารถนาปัจเจกภูมิ
    แต่ท่านก็พลิกอย่างเดียวกัน
    เพราะฉะนั้นนิสัยท่านจึงไม่ชอบพูด นั่งที่ไหนเหมือนหัวตอ
    ไม่พูดไม่คุยกับใครเลย
    ถ้าจะพูดก็ เออ พากันทำบุญนะ บาปมันเผาหัวเด้ เท่านั้นแหละไม่มาก
    บาปมันเผาหัวทั้งนั้นแหละ บุญเป็นความสุขเท่านั้น ท่านไม่พูดมากเป็นพระปัจเจก

    ทีนี้เวลาท่านอาจารย์หลวงปู่มั่นเรานี้เล่าเรื่องภาวนาสู่ท่านฟัง
    เล่าภาวนาทีไรก็ฟาดไปแต่เรื่องปิติเรื่องตัวลอย
    สำหรับท่านอาจารย์เสาร์นี้ พอนั่งภาวนานี้ตัวลอยขึ้นๆ ลอยทีแรกขึ้นไปได้เมตรหนึ่ง
    พอรู้สึก เอ๊ นี่เหมือนตัวลอย ลืมตาขึ้นมา จิตมันปล่อยหมด มันก็หนัก ตูมลงเลย เจ็บเอว
    โหย ตั้งหลายวัน ท่านว่า คือมันเป็นทีแรกท่านสงสัย
    เอ๊ นี่ทำไมเหมือนตัวลอยน้าท่านว่างั้น
    เหมือนว่าตัวลอยขึ้นๆ เลยลืมตาขึ้น มันไม่มีกำลังพยุงใช่ไหมล่ะ

    ตั้งแต่นั้นมาท่านเลยทดลองใหม่ เอาใหม่
    ทีนี้ท่านเอาเช่นอย่างท่านเอาเศษไม้หรืออะไรไปเหน็บไว้
    เพื่อความแน่นอนท่านว่า
    พอมันลอยขึ้นไป คือพยุงจิตไว้นะ นี่ละถ้ามันเจ็บแล้วต้องเข็ดเข้าใจไหม ต้องพยุง
    ทีนี้พยายามดู พอขึ้นไปๆ ถึงหญ้า พอถึงหญ้าแล้ว ท่านก็เอามือคลำจับเอาอันนี้ออกมา
    แล้วท่านก็ค่อยลืมตา จิตท่านก็ยับยั้งเอาไว้นะไม่ปล่อย
    ถ้าปล่อยก็ตูมเลย ค่อยพยุงๆ แล้วค่อยลงๆ กี๊กถึงพื้นๆ
    นี่พลังของจิตพยุงไว้
    ถ้าปล่อยอย่างที่ท่านตกใจนั่นนะ
    พอขึ้น โอ๊ย มันตก
    พอว่างั้น จิตมันออกหมดทั้งตัวมันก็ตูมเลย
    จากนั้นมา ท่านก็พยุง

    นี่ท่านพูดถึงเรื่องจิตของท่าน
    จิตของท่านเป็นอย่างนี้นะ
    จิตของผมมันไม่เป็นอย่างนั้น ว่างั้นนะ
    ทีนี่ มันเป็นยังไงท่านว่า
    โอ๊ย เวลามันลงนี้ฟาดนี้ทะลุแผ่นดินนี้ไม่มีเหลือพุ่งลงเลยพื้นพิภพพิเภ็พ
    ทีไหนก็ไม่ทราบ เวลามันขึ้นก็พุ่งเลย
    โอ๊ย มันพิลึกท่าน ท่านไม่พูดมากละ พิลึกท่าน พูดอย่างนั้น
    จิตของผมยังไม่เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้แหละ
    จิตของท่านมันพิลึก ท่านว่านี่คือความผาดโผนของจิต
    หลวงปู่มั่นเรานี้ไปแบบหนึ่ง
    ส่วนหลวงปู่เสาร์ก็ไปอย่างนี้แหละ ไปเรียบๆ
    นี่ก็อัฐิเป็นพระธาตุเหมือนกันนะ
    หลวงปู่เสาร์ เป็นพระธาตุ
    หลวงปู่มั่นก็เรียกว่าเป็นมาแล้ว
    นั่นก็เป็นตั้งแต่
    นู้นแหละ ตั้งแต่มรณภาพแล้วทีแรก

    หลวงปู่เสาร์ก็เป็นเหมือนกัน
    ท่านเป็นคู่กัน ไปที่ไหนไปด้วยกัน ท่านติดกันมาตั้งแต่นู้นแหละ
    นี่ละสององค์นี้เบิกกรรมฐานเรานะ
    จากนั้นก็หลวงปู่มั่นเป็นผู้เบิกจริงๆ เบิกกรรมฐาน
    จึงได้มี
    ร่องรอยมาจนกระทั่งทุกวันนี้ มาจากหลวงปู่มั่นเรา



    ที่มา: พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน).
    ชาติสุดท้าย, หน้า ๑๔-๑๗.
    </TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=12929
     

แชร์หน้านี้

Loading...