หลวงพ่อปานกับปาฏิหาริย์พระบรมธาตุ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย mahamettayai, 3 สิงหาคม 2014.

  1. mahamettayai

    mahamettayai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +10,670
    หลวงพ่อปานกับปาฏิหาริย์พระบรมธาตุ

    เมื่อหลวงพ่อปานและคณะของท่านอำลาชาวบ้านหมู่นั้นแล้วท่านก็มุ่งเข้าเขตพระพุทธบาท สมัยนั้นทางเข้าพระพุทธบาทไม่มีทางรถใช้ทางเกวียนหรือทางเดินเท้าของชาวบ้าน เมื่อเข้าพระพุทธบาทแล้วต่างก็นมัสการเวลาที่เข้านมัสการไม่ตรงกับเทศกาลนมัสการพระพุทธบาท

    หลวงพ่อปานท่านให้ความเห็นว่า การมานมัสการในงานเทศกาลนั้น คนแย่งกันไหว้อารมณ์ตั้งมั่นน้อย มาไหว้แบบนี้เงียบสงัด อารมณ์เยือกเย็นมีปีติโสมนัสดีกว่าไหว้ในงานเทศกาลมาก

    <O:pเมื่อไปถึงนั้น เวลายังไม่ใกล้ค่ำ เมื่อมีเวลาเหลือมากท่านก็คุยเรื่องพระพุทธบาทให้คณะที่ร่วมทางไปด้วยฟังเพื่อเป็นการฝึกคณะธุดงค์ที่ไปกับท่านด้วย ท่านจึงสั่งว่า

    “ประวัติที่เขาเขียนจะเขียนว่าอย่างไรอย่าคำนึงถึง ทุกองค์จงใช้หลักวิชชา 3 ใช้ให้เป็นประโยชน์ (คำว่าวิชา 3 หมายถึงอภิญญาเล็กคือมีทิพยจักษุญาณและปุพเพนิวาสานุสสติญาณ) ท่านให้เวลาคนละ 3 นาทีแล้วต่างคนต่างให้เขียนตอบท่านว่ามีอะไรสำคัญ” <O:p

    ทุกองค์เมื่อรับบัญชา ต่างก็หยิบกระดานที่ติดตัวไปออกมาซึ่งทุกองค์ต่างก็เขียนตรงกัน ว่า

    “ที่นี่มีความสำคัญทางพุทธศาสนาจริง นอกจากมีรอยพระพุทธบาทที่ไม่ปลอมซ่อนอยู่ใต้รอยพระพุทธบาทเทียมที่มีผู้สร้างคลุมของเก่าไว้แล้วยังมีพระบรมสารีริกธาตุที่พระอรหันต์ท่านนำมาบรรจุไว้อีก 3 องค์”

    เมื่อทุกองค์ส่งหนังสือถวายหลวงพ่อปาน ท่านอ่านแล้วก็ยิ้ม กล่าวว่า <O:p

    “พวกเธอพอใช้ได้ แต่ยังไม่ดีแท้ เอาเท่านี้พอคุ้มตัวได้คืนนี้มาพิสูจน์ความจริงกัน ที่พวกเธอว่ามีพระบรมสารีริกธาตุพระบรมธาตุมีที่ไหนต้องมีปาฏิหาริย์ที่นั่น

    <O:pเรื่องปาฏิหาริย์ของพระบรมธาตุเป็นภาระของฉัน พวกเธอยังมีกำลังอ่อนเชิญท่านอาจไม่ปรากฏ ขอให้เธอจงปล่อยให้เป็นภาระของฉันโน่นต้นไม้ใบไม้ที่กำลังร่วงโรยหรือสดใส จงไปพิจารณาให้เป็นวิปัสสนาญาณวิปัสสนาไม่ใช่เกาะแต่ตำรา จงหาของจริงมาใคร่ครวญ วิปัสสนาท่านให้ดูของจริงไม่ใช่มัวถ่างตาดูแต่ตำราแล้วก็ติดตำราแจของจริงไม่ใช้จะได้อะไรเป็นที่พึ่ง”

    <O:pท่านว่าแล้วท่านก็ให้คณะของท่านให้หาที่พักตามสบาย แต่ต่างคนต่างอยู่ห้ามรวมกันตั้งแต่ 2 องค์ขึ้นไป

    เมื่อเวลาใกล้ค่ำ คณะห้าธุดงค์มีหลวงพ่อปานเป็นประมุขต่างก็หาที่ปักกลดตามที่ตนเห็นสมควร เมื่อปักกลดเสร็จทำวัตรสวดมนต์ตาม
    <O:p</O:p
    เมื่อยามค่ำมาถึงเวลาประมาณ 20 น. อากาศกำลังสบายหลวงพ่อปานท่านก็เรียกพระเข้าประชุม ให้ทุกองค์ทรงพุทธานุสสติกรรมฐานจนอารมณ์ทรงฌานตามความพอใจของท่าน

    เมื่อทุกองค์ทรงฌานอยู่ในระดับที่ท่านพอใจแล้วท่านสั่งให้ทุกคนถอนออกจากฌาน ตั้งอารมณ์อยู่อุปจารสมาธิเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติของพระชุดนั้น เมื่อทุกองค์ทรงอุปจารสมาธิพร้อมแล้วหลวงพ่อปานท่านก็เปล่งวาจาดัง ๆ ว่า

    "...ด้วยข้าฯ เคยบำเพ็ญบารมีมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันถ้าการบำเพ็ญบารมีนี้จะเป็นปัจจัยให้ข้าฯ ได้บรรลุพระโพธิญาณในอนาคตแล้วขอสมเด็จองค์พระประทีปแก้วสัมมาสัมพุทธเจ้า โปรดแสดงปาฏิหาริย์ให้เป็นมหัศจรรย์จะเป็นปาฏิหาริย์อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ตามแต่พระพุทธองค์จะทรงเมตตาเพื่อปลูกฝังศรัทธาของพระที่ร่วมเดินทางมา ณ บัดนี้เถิดพระพุทธเจ้าข้า”

    แล้วท่านก็เข้าสมาธิ บรรดาคณะศิษย์ทั้งหลายก็เข้าสมาธิบ้าง เวลาผ่านไปไม่ถึง 2 นาที ก็ปรากฏเป็นดวงดาวดวงใหญ่ ประมาณว่าผ่าศูนย์กลางสัก 200 เซนต์กว่าใหญ่เหลือเกิน ขึ้นมาจากยอดเขาที่พระพุทธบาท มี 3 ดวงด้วยกันมีแสงสว่างมาก

    <O:p</O:pหลวงพ่อปานมีคำสั่งให้บรรดาศิษย์ทั้งหลายลืมตาชมพระพุทธบารมีดวงดาวดวงนั้นตั้งอยู่ที่ยอดเขานานประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วก็ลอยวนรอบเขา 3 รอบแล้วมาตั้งอยู่ที่พระพุทธบาทนานประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วค่อย ๆเลื่อนไปที่เดิมอย่างช้า ๆ

    หลวงพ่อปานท่านกราบ พวกศิษย์ทั้งหลายก็กราบตามด้วยอารมณ์ปีติชุ่มชื่นเมื่อดวงดาวหายเข้าที่เดิมหลวงพ่อสั่งเจริญพุทธานุสสติตลอดเวลาที่ตื่นอยู่

    <O:pคณะศิษย์ทั้งหมดเกิดธรรมปีติอย่างบอกไม่ถูก ตลอดคืนไม่มีใครหลับอารมณ์โพลงตลอดคืน อารมณ์สมถะและภาวนาแจ่มใสกว่าที่เคยทำมาแล้วหลายเท่า

    ต่างเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างไม่มีอะไรสงสัย

    ต่างเชื่อมั่นในหลวงพ่อปานว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีแก่กล้าจริง

    ที่มาhttp://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-parn<<O:p></O:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...