หลวงพ่อสด แยกกายมาจากต้นธาตุต้นธรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย belives, 29 ตุลาคม 2010.

  1. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    ชาววัดพระธรรมกายสับสนหลายอย่าง เห็นด้วยกับคุณต้นไม้โพธิและคุณขันธ์


    ผมยังเคยได้ยินชาววัดที่เข้าวัดพระธรรมกายมาเป็นสิบปี เขาคิดว่าหลวงพ่อสดเคยเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายด้วยซ้ำไป พอมีผู้รู้อธิบายให้ฟังเขาก็ทำงงๆ นี่แปลว่าชาววัดพระธรรมกายสับสนในข้อมูลเกี่ยวกับวิชชาธรรมกายเอามากๆ นะครับ


    ยังมีอีกหลายอย่างที่วัดพระธรรมกายต้องปรับปรุงใหม่ แต่ที่เห็นก็เตลิดไปไกลแล้ว ถ้าจะเห็นแก่วิชชาธรรมกายจริง ก็ควรตั้งต้นเรียนวิชชากันใหม่ทั้งหมดนะครับ ส่วนเรื่องที่ว่ามีคนทำวิชชาในวัดนั้นผมมีข้อมูลว่าไม่ใช่ทำวิชชาอะไรเลย ก็แค่คอยหาเคสสตัสดี้มาสร้างกระแสเท่านั้นเอง ผมทราบจากคนวงในทั้งที่ออกมาจากวัดแล้วและที่ยังอยู่ก็พอมีบ้าง ไม่มีอะไรในกอไผ่ดอกครับ จะมีก็แต่หาเรื่องเอาอะไรมาคลุมตอให้มันดูลึกลับไปเอง...


    เจตนาผมต้องการให้เราสมานฉันท์กันทุกสำนักที่ฝึกวิชชาธรรมกาย แต่เราต้องคุยกันอย่างเปิดใจ และเอาเฉพาะหลักวิชชาความรู้มาคุยกัน จะยกย่องกันก็ให้ยกย่องกันที่ความรู้ทางวิชชาธรรมกายเถิดครับ....
     
  2. วิมุติมรรค

    วิมุติมรรค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,753
    อนุโมทนาครับ คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ต้นไม้โพธิ

    ขอนำรูปของครูบาอาจารย์ ที่ชาววัดปากน้ำให้ความเคารพอย่างสูง มาให้ศิษย์ในสายวิชชาธรรมกายที่ยังไม่เคยเห็น ได้ชมกันครับ _/\_<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3999620", true); </SCRIPT>


    [​IMG]

    หลวงปู่สด จนฺทสโร



    [​IMG]

    หลวงพ่อเล็ก (ธีระ ธมฺมธโร)



    [​IMG]

    หลวงพ่อวีระ คณุตฺตโม




     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      322.4 KB
      เปิดดู:
      1,515
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      198.8 KB
      เปิดดู:
      1,050
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      228 KB
      เปิดดู:
      1,095
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2010
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    สมถวิปัสสนากรรมฐานแบบธรรมกาย


    วิปัสสนากรรมฐาน ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นวิปัสสนาแบบที่มุ่งหวังผลอันสืบแต่ปัจจัยภายใน หรือ สูงกว่าวิปัสสนาแบบไตรลักษณ์ ได้แก่การเจริญวิปัสสนาโดยใช้ เจโตสมาธิเป็นบาท


    เจโตสมาธิ คือ สมาธิที่ประดับด้วยอภิญญา หรือวิชชาสาม ถ้าบรรลุความหลุดพ้นโดยทางนี้ เรียกว่า หลุดพ้นโดยทางเจโตวิมุตติ วิปัสสนาประเภทนี้ เป็นประเภทที่ใคร่เชิญชวนให้ท่านทั้งหลาย ลองปฏิบัติดูบ้าง ถึงแม้จะปฏิบัติไปยังไม่ถึงขั้นบรรลุมรรคผล ก็ยังอาจจะได้ ความสามารถทางสมาธิบางประการ ไว้เป็นเครื่องแก้เหงา ถ้าโชคดีบรรลุมรรคผล ก็จะตระหนักด้วยตนเองว่า สุขใดจะสุขยิ่งไปกว่าสุขในกายตนนิพพานไม่มี ทั้งในขณะที่กำลังปฏิบัติวิปัสสนาแบบนี้อยู่ ใคร่จะปฏิบัติวิปัสสนาแบบไตรลักษณ์บ้าง เพียงแต่น้อมใจไปพิจารณาวิปัสสนาญาณ ไม่ช้าก็อาจจะบรรลุมรรคผลทางปัญญา เป็นผลพลอยได้อีกทางหนึ่ง


    การเจริญวิปัสสนาโดยใช้เจโตสมาธิเป็นบาท ปฏิบัติกันมากในหมู่ผู้เลื่อมใสในนิกายมหายาน ในพระไตรปิฎกของฝ่ายเถรวาทก็อ้างถึงวิชชาแขนงนี้ไว้หลายตอน พุทโธวาทตอนใน ที่กล่าวถึงอาโลก หรือแสงสว่าง ที่กล่าวถึง


    ทิพพจักขุ วิชชาสาม และธรรมกาย เป็นเรื่องของวิปัสสนาแบบนี้ทั้งสิ้น การเจริญวิปัสสนาแบบนี้ไม่รุ่งเรืองทางฝ่ายเถรวาท แต่ทางมหายานกลับนิยมปฏิบัติกันทั่วไป อาจจะสันนิษฐานได้ว่า คงสืบมาแต่การกระทำทุติยสังคายนา ที่เมืองไพสาลี หลังจาก ปฐมสังคายนาราว 100 ปี ในครั้งนั้น พระสงฆ์ได้แตกแยกออกไปเป็นสองนิกาย เถรวาทนิกายหนึ่ง มหายานนิกายหนึ่ง ต่อมาต่างฝ่ายต่างพยายามแสดงว่าตนสังกัดในนิกายหนึ่งนิกายใดอย่างเคร่งครัด ผลก็คือว่า หลักปฏิบัติวิปัสสนาแขนงนี้ได้สูญไปจากนิกายเถรวาท หลวงพ่อวัดปากน้ำ เพิ่งได้ค้นพบวิชชานี้อย่างใหม่อย่างพิสดาร เมื่อปี พ.ศ. 2459 นี้เอง และได้ให้นามว่า “วิชชาธรรมกาย”


    วิชชาธรรมกาย เป็นกรรมฐานแบบเจริญสมถะคู่กับวิปัสสนา อาการของคู่กันนั้น ตามปฏิสัมภิทามรรค ยุคอรรถกถากล่าวว่า 1.คู่กันด้วยอารมณ์ 2.ด้วยความเป็นโคจร 3.คู่กันด้วยความละ 4.ด้วยความสละ 5.ด้วยความออก 6.ด้วยความหลีกพ้นไปจากกิเลส 7.คู่กันด้วยความเป็นธรรมละเอียด 8.ด้วยความเป็นธรรมประณีต 9.ด้วยความหลุดพ้น 10.ด้วยความไม่มีอาสวะ 11.ด้วยความเป็นเครื่องข้าม 12.คู่กันด้วยความไม่มีนิมิต 13.ด้วยความไม่มีที่ตั้ง 14.ด้วยความว่างเปล่า 15.คู่กันด้วยการภาวนา 16.คู่กันด้วยความเป็นธรรมมีกิจเป็นอันเดียวกัน 17.ด้วยความไม่ล่วงเกินกันและกัน และ 18.คู่กันด้วยความเป็นคู่กัน อาการคู่กันข้างต้น มีข้อที่น่าสนใจเป็นพิเศษอยู่ข้อหนึ่ง ได้แก่อาการคู่กันด้วยความไม่มีนิมิต การเจริญสมถะคู่กับวิปัสสนา ด้วยความไม่มีนิมิตนี้ ก็คือ อนิมิตเจโตสมาธิ นั่นเอง พระพุทธองค์ได้ตรัสแก่พระอานนท์ ณ บ้านเวฬุคาม ในนครไพสาลี ก่อนจะทรงปลงอายุสังขารเล็กน้อยว่า [FONT=Verdana, Tahoma, Helvetica, sans-serif]<CENTER>"อนิมิตเจโตสมาธินี้ ถ้าทำให้มากแล้วสามารถทำให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ตลอดกัป หรือเกินกว่านั้น"</CENTER>[/FONT][FONT=Verdana, Tahoma, Helvetica, sans-serif]ถ้าจะอธิบาย อนิมิตเจโตสมาธิ ตามหลักของสมาธิแล้วอาจอธิบายได้ว่า ได้แก่การเกิดสมาบัติภายหลังที่ได้เป็นพระอรหันต์แล้ว โดยเดินสมาบัติตามแบบของเจโตสมาธิ ให้นิมิตละเอียดเข้าๆ จนไม่เห็นนิมิต ทำนองอรูปฌาน ถึงขั้นนี้อำนาจสมาบัติจะทำให้ไม่มีมลทินและเชื้อโรคอะไรเหลืออยู่ในกายเลย การเดินสมาบัติทำนองนี้มากๆ ก็เท่ากับเป็นการพักผ่อนระบบของร่างกาย รวมทั้งสมองไปในตัว จึงมีเหตุผลพอเพียงที่จะทำให้อายุยืนได้ [/FONT]มีผู้แปลความหมายของ อนิมิตเจโตสมาธินี้ว่า เป็นอิทธิบาท 4 บ้าง นำความหมายของวิโมกข์ มาอธิบายว่า เป็นสมาธิที่ไม่มี ราคะ โทสะ โมหะ เป็นนิมิตบ้าง ซึ่งก็ถูกด้วยกันทั้งสิ้น แต่ถ้าจะให้ตรงกันจริงแล้ว น่าจะอธิบายดังที่ได้อธิบายมา

    </PRE>

    <!-- google_ad_section_end -->
     
  4. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    [​IMG]

    ที่มา http://forums.212cafe.com/samatha/board-2/topic-12.html

    แม้ภารกิจด้านการบริหาร การปกครอง และการพัฒนาวัดปากน้ำภาษีเจริญ จะมีมากสักเพียงใดก็ตาม แต่หลวงพ่อท่านก็ไม่เคยละทิ้งการปฏิบัติธรรม รวมถึงการเผยแผ่วิชชาธรรมกายด้วย เพราะท่านถือว่าเป็นภารกิจที่สำคัญอย่างยิ่ง ในขณะที่ท่านศึกษาค้นคว้าวิชชาธรรมกายและสั่งสอนผู้อื่นให้บรรลุธรรมกายไปด้วยนั้น ท่านได้คัดเลือกผู้ที่มีผลการปฏิบัติดีเยี่ยม ทั้งที่เป็นพระภิกษุ สามเณร แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา จำนวนหนึ่ง เพื่อรวมทีมศึกษาค้นคว้าวิชชาธรรมกายที่ละเอียดลึกซึ้งยิ่งๆ ขึ้นไป เรียกว่า การทำวิชชาปราบมาร


    และเพื่อให้การทำงานค้นคว้าวิชชาธรรมกาย เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และอยู่ในสถานที่ที่เป็นสัดเป็นส่วน ในปี ๒๔๗๔ ขณะที่ท่านอายุได้ ๔๗ ปี ท่านจึงได้สร้างอาคารเพื่อใช้ในการศึกษาค้นคว้าวิชชาธรรมกายขึ้นภายในวัดปากน้ำภาษีาเจริญ ในสมัยนั้นเรียกว่า “โรงงานทำวิชชา”

    [​IMG]


    โรงงานทำวิชชาในสมัยนั้นตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างพระอุโบสถกับวิหาร ใกล้หอไตรเป็นเรือนไม้ ๒ ชั้น ภายในระหว่างชั้นบนกับชั้นล่างมีท่อต่อถึงกันสำหรับหลวงพ่อฯ ใช้สั่งวิชชาลงมาทางท่อนี้ ซึ่งผู้อยู่เวรก็จะได้ยินโดยทั่วกัน และจะเจริญวิชชาตามคำสั่งนั้น ๆ มีผู้อยู่เวรทำวิชชากะละประมาณ ๑๐ คน ตัวเรือนโรงงานนี้ขนาดไม่กว้างใหญ่นัก ชั้นล่างตั้งเตียงเป็น ๒ แถวซ้ายขวา ข้างละ ๖ เตียง ตรงกลางเว้นเป็นทาง พอให้เดินได้สะดวก ชั้นล่างสำหรับฝ่ายแม่ชีและอุบาสิกา ให้นั่งเจริญวิชชาและเป็นที่พักอาศัยด้วย มีผู้อยู่เวรที่ไม่พักในโรงงานบ้างแต่ก็เพียงไม่กี่คน ระหว่างชั้นบนกับชั้นล่างไม่มีบันไดเชื่อมต่อกันและทางเข้าออกก็แยกกันคนละทาง ชั้นบนมีทางเข้าต่างหากใช้เป็นที่เจริญวิชชาสำหรับหลวงปู่และพระสงฆ์สามเณรที่อยู่เวรทำวิชชา


    ภายหลังมีโรงงานทำวิชชาเพิ่มขึ้นอีกแห่งหนึ่ง ปัจจุบันคือวิหารอยู่ด้านหลังหอสังเวชนีย์มงคลเทพเนรมิตที่ประดิษฐานร่างของหลวงพ่อวัดปากน้ำ เป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้างยาวพอสมควรตรงกลางมีฝากั้นแบ่งเป็น ๒ ห้อง แยกขาดจากกันโดยมีประตูเข้าออกคนละทาง ส่วนหน้าเป็นที่สำหรับแม่ชีกับอุบาสิกา ส่วนหลังเป็นที่สำหรับหลวงพ่อและพระสงฆ์สามเณร เวลาสั่งวิชชาหลวงพ่อจะพูดผ่านช่องสี่เหลี่ยมของฝากั้นห้องนี้ ทั้งสองฝ่ายจึงเพียงแต่ได้ยินเสียงซึ่งกันและกันเท่านั้น


    วิชชาที่หลวงพ่อวัดปากน้ำสั่งไว้ในแต่ละวัน ได้มีการจดบันทึกไว้ในสมุดปกแข็งรวม ๓ เล่ม เล่มที่ ๒ มีผู้ยืมไปและมิได้นำส่งคืน คงเหลือเล่ม ๑ และเล่ม ๓ ได้ถวายให้ท่านเจ้าคุณพระภาวนาโกศลเถร(วีระ คุณตฺตโม)ซึ่งมีปฏิปทาอย่างมั่นคงที่จะถือเพศบรรพชิต และมุ่งมั่นในการเจริญภาวนาธรรมตามรอยหลวงพ่อวัดปากน้ำควรที่จะได้เก็บรักษาวิชชาของหลวงพ่อฯที่ได้บันทึกไว้ให้อนุชนรุ่นหลังสืบต่อไป


    การเข้าเวร


    ผู้ที่เห็นเป็นวิชชาธรรมกายแล้วจะต้องผลัดกันเข้าเวรปฏิบัติภาวนากันตลอด ๒๔ ชั่วโมง ในโรงงานทำวิชชาที่หลวงพ่อจัดไว้ให้ ปัจจุบันก็ยังคงเรียกโรงงานทำวิชชาอยู่


    ระยะที่ประเทศไทยอยู่ในภาวะสงคราม (สงครามโลกครั้งที่ ๒) หลวงพ่อวัดปากน้ำได้จัดให้มีการเข้าเวรทำวิชชา ๒ ชุดแบ่งเป็น ๔ ผลัด ผลัดละ ๖ ชั่วโมง กะแรกเข้าเวร ๖ โมงเช้าและออกประมาณเที่ยงแล้วกะที่สองจะเข้ารับเวรต่อ กะแรกจะกลับมารับเวรอีกครั้งในเวลา ๖ โมงเย็นและจะส่งเวรให้กะที่สองในเวลาเที่ยงคืนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเช่นนี้ตลอด ๒๔ ชั่วโมงมิได้ขาด


    เมื่อสงครามสงบลง หลวงพ่อได้ปรับเวลาการเข้าเวรในโรงงานเป็น ๓ ชุด ผลัดละ ๔ ชั่วโมงแทน ส่วนการสอนธรรมะนั้นหลวงพ่อจะกำหนดตัวบุคคลที่ว่างจากเวรทำวิชชาในโรงงานมาเป็นผู้สอน เช่นแม่ชีญาณี ศิริโวหาร ระหว่างสงครามจะทำการภาวนากันที่ “บ้านน้าสาย” ซึ่งอยู่ใกล้ๆพระวิหารในเวลาค่ำ เมื่อสิ้นสุดสงครามได้เปลี่ยนที่สอนเป็นที่วิหาร ในเวลาบ่าย ๒ โมง



    หลวงพ่อตั้งเป็นกฏเคร่งครัดมากว่า ห้ามบุคคลที่ไม่ได้วิชชาธรรมกายเข้าไปในโรงงานท่านมีเหตุผลหลายประการได้แก่



    บุคคลภายนอกอาจเข้าไปทำเสียงรบกวนเป็นการทำลายสมาธิของผู้ที่กำลังปฏิบัติกิจภาวนา จะเกิดบาปติดตัวผู้นั้นไปโดยมิได้ตั้งใจ
    วิชชาธรรมกายนั้นเป็นวิชชาที่ละเอียดลึกซึ้งมาก ถ้าผู้ที่ยังไม่รู้ไม่เห็น ไม่เข้าใจยังปฏิบัติไม่เป็นแล้วไปได้ยินได้ฟังเข้าก็จะทำให้เกิดวิจิกิจฉา คือความลังเลสงสัย ทำให้เกิดความคิดสับสนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนต่อวิชชา หลวงพ่อท่านทราบดีว่าอันตรายจะเกิดแก่บุคคลที่ยังไม่รู้ไม่เข้าใจดีพอ


    หลวงพ่อท่านไม่ต้องการให้บุคคลภายนอกเข้าไปชวนพวกที่ได้ธรรมกายพูดคุยด้วยเรื่องไร้สาระ ท่านบอกว่าเสียเวลาโดยใช่เหตุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2010
  5. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ใครมีหน้าที่ทำอย่างไรก็ ทำอย่างนั้น
    ศิษย์แต่ละคนของหลวงพ่อ มีหน้าที่ต่างกันไป
    ทุกที่มีสิ่งที่ต้องแก้ไขปรับปรุงทั้งนั้น

    แล้วแต่ว่าจะวางแผนชีวิตกันอย่างไร
    นี่เป็นเรื่องสำคัญในการมาเกิดแต่ละครั้ง
     
  6. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    คำกล่าวเช่นนี้ผมมองว่าเป็นคำกล่าวที่ขาดเหตุผลทางวิชชากำกับนะครับ นั่นก็คือไม่มีน้ำหนักที่น่าเชื่อถือใดๆ

    อย่างนี้ใครๆ ก็อ้างได้ แต่ความจริงล่ะ เราแน่ใจหรือว่าหน้าที่ ที่เราทำกันอยู่นั้น ตรงทิศตรงทางกับนโยบายของธาตุธรรมภาคขาวจริงๆ

    วิธีที่พิสูจน์ได้ง่ายที่สุดในการตัดสินก็คือ มาเดินวิชชาให้ตรงกันก่อน แล้วเดินวิชชาไปพบธาตุธรรมด้วยกัน ไปฟังพร้อมๆ กันว่าพระองค์ต้องการให้เราทำอย่างไร หรือทำอะไร ไม่ดีกว่าหรือ ถ้าต่างคนต่างพูด มันก็ขาดเหตุผลทางวิชชาที่จะมีความเห็นตรงกันนั่นเอง

    อีกประเด็นหนึ่ง ผมดีใจอยู่บ้างที่กล่าวว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องแก้ไขปรับปรุง ผมก็รอวันที่เราทั้งหลายจะแก้ไขปรับกรุงการเรียนรู้วิชชาธรรมกาย โดยเห็นแก่หลักวิชชากันจริงๆ ไม่ใช่เห็นแก่ความคิดตนเองแล้วก็เอาความดีนอกประเด็นมาปกปิดหรือปกป้องความผิดพลาดทางการเรียนรู้วิชชาธรรมกายของตนเองไปเรื่อยๆ

    สรุปง่ายๆ ก็คือ ผมต้องการให้เราหันหน้ามาแก้ไขทางวิชชาความรู้ให้ถูกต้องตรงกัน แล้วเราจะพูดภาษาเดียวกันนั่นเองครับ วันนี้สิ่งที่ปรากฏอย่างชัดเจนก็คือ วัดใหญ่ที่คลองสาม ขยายงานทางพระพุทธศาสนาไปได้ขว้างขวางด้วยกำลังทุนและกำลังคน แต่ขาดความรู้ทางหลักวิชชาธรรมกายที่ถูกต้องชัดเจนแม้แต่การสอนเบื้องต้นก็ขาดประสิทธิผล ทำให้น่าเสียดายที่คนเข้าวัดนับหมื่น แต่เห็นธรรมแทบไม่มี ขณะที่สายอื่นๆ ถ้ามีคนฝึกเป็นหมื่นต้องสอนได้ 80-90% ในเวลาเพียงครึ่งวัน ดังนั้นผู้ฝึกสมาธิวิชชาธรรมกายสายอื่นๆ ผมกล้ากล่าวว่า เขาทั้งหลายยินดีที่จะเข้าไปช่วยแก้ไขในจุดนี้ ขอเพียงเราเปิดใจพูดคุยกัน มาช่วยกันเติมเต็มในสิ่งที่ขาด-เกินอยู่ ถ้าเราร่วมมือกันด้วยใจที่เป็นกุศลกันจริงๆ วิชชาเราจะตรงกัน และนี่แหละคือที่มาของการดำเนินการสร้างบารมีที่ถูกต้องตรงทางของธาตุธรรมภาคขาวอย่างแท้จริง ถ้าเรายังเข้ากันไม่ได้ แปลว่า เรายังเดินวิชชาไม่ตรงกัน ท่านเข้าใจเจตนาดีของผมหรือไม่...

    ถ้าคิดว่าจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ แต่ชาตินี้สอนคนให้เข้าถึงธรรมกาย ให้เห็นธรรมกาย ให้เข้าถึง ๑๘ กายไม่ได้โดยเปิดเผย มีคนหลักหมื่นหลักแสน ถ้าทำเช่นนี้ไม่ได้ ก็เลิกคุยกันเรื่องรื้อสัตว์ขนสัตว์เถิดครับ เพราะแค่เรื่องที่ควรทำให้ได้ กลับทำไม่ได้ แล้วจะสร้างบารมีรื้อขนสัตว์ได้อย่างไร การรื้อขนสัตว์ตามหลักของธรรมภาคขาวที่ถูกต้องก็คือ สอนให้เขาเห็นธรรมกายให้ได้ มีร้อยทำได้ร้อย มีหมื่นทำได้หมื่น มีล้านทำได้ล้าน ถ้าท่านทำได้อย่างนี้ ท่านมีสิทธิรื้อสัตว์ขนสัตว์ได้ เรื่องเช่นนี้ ไปตั้งค่านิยมหรือคิดเองเออเองไม่ได้ ต้องถามธาตุธรรมภาคขาวซีครับ ว่าจะทำได้ถูกต้องตรงหลักในการรื้อสัตว์ขนสัตว์นั้นต้องทำอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผมพิสูจน์มาแล้ว ท่านต้องเดินตามหลักนี้เท่านั้นถึงจะตรงหลักนโยบายของธรรมภาคขาวอย่างแท้จริง....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2010
  7. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    พระฝรั่งที่เคยมาบวชกับหลวงพ่อวัดปากน้ำ
    http://forums.212cafe.com/samatha/board-2/topic-64.html

    ภิกษุดุจนักรบ...เรื่องเล่าฝ่ายพระภิกษุในสมัยหลวงพ่อวัดปากน้ำ
    http://forums.212cafe.com/samatha/board-2/topic-31.html

    เล่าเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำโดยศิษย์ผู้ใกล้ชิด
    http://gotoknow.org/blog/dhammakaya-01/215630

    แม่ชีอาจารย์ในวัดปากน้ำ (ตอนที่ 1)
    http://gotoknow.org/blog/dhammakaya-01/85757

    แม่ชีอาจารย์ในวัดปากน้ำ (ตอนที่ 2)
    http://gotoknow.org/blog/dhammakaya-01/85760

    แม่ชีอาจารย์ในวัดปากน้ำ (ตอนที่ 3)
    http://gotoknow.org/blog/dhammakaya-01/85763

    แม่ชีอาจารย์ในวัดปากน้ำ (ตอนที่ 4)
    http://gotoknow.org/blog/dhammakaya-01/85764
     
  8. ต้นไม้โพธิ

    ต้นไม้โพธิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +85
    ขอเสวนาแบบลูกหลานหลวงปู่สดด้วยกันนะครับ อย่าไปคิดว่าพวกเขาพวกเราเลย
    ก็นี่ไงล่ะครับที่อยากให้ปรับปรุงเป็นวาระเร่งด่วน สรุปเรื่อง

    1.สอนวิชชาธรรมกายอย่างเต็มที่ ทุกระดับและถูกต้อง แบบที่สายอื่นๆเขาทำกัน อย่าเน้นแต่เบื้องต้นแล้วก็โน้มน้าวให้ทำบุญ
    เมื่อมีผู้ได้วิชชาธรรมกายเบื้องต้นแล้วก็ควรสอนให้เขาได้เจริญวิชชาธรรมกายเบื้องสูงต่อๆไป ให้เขาได้เจริญสมถะวิปัสสนาและไตรสิกขาเต็มที่
    มิใช่ให้เขานั่งแช่ทั้งวันทั้งคืนเฉยๆ ทำให้ผู้รู้เข้าใจผิดว่าวิชชาธรรมกายไม่มีวิปัสสนา ติดนิมิต ติดสมาธิ

    2.ศึกษาการเชิ่อมโยงการศึกษาหลักสมถะวิปัสสนาสติปัฏฐานให้เชี่ยวชาญเวลาใครเขาไม่เข้าใจหรือโจมตีจะได้แก้ต่างให้เขาเข้าใจและยอมรับถึงภูมิวิชชาธรรมกาย

    3.ให้ภาพออกไปว่าเน้นภาคปฏิบัติมากกว่าการระดมทุน ไม่ควรนำเรื่องคนทำบุญจนหมดตัวแล้วอยู่ๆก็ดันรวยขึ้นมาผิดหูผิดตาแบบไร้เหตุผล เป็นการพึ่งพิงแต่ปาฏิหาริย์แบบขาดปัญญา เป็นการยุให้คนทำทานด้วยความหลง โดยมีการสอนว่าความรวยเป็นผลตอบแทน ซึ่งความจริงเป็นไปตามเหตุปัจจัย ซึ่งเราไม่สามารถจะกำหนดได้เหมือนกันทุกคน

    และให้เข้าใจว่า บารมีภาคปราบคือการทำวิชชาเบื้องสูงได้กันมากๆต่างหาก เป็นบารมีตามเจตนารมณ์ของต้นธาตุวงศ์สายขาว เรื่องทานบารมีเป็นเพียงหนึ่งในบารมีทั้ง 10 และเป็นกองเสบียงให้ภาคปราบ

    4.อย่ายกยอหมู่คณะของตนมากเกินไป จนทำให้หลายๆคนหลงแต่หมู่คณะของตน ไม่รับฟังการเรียนรู้จากสำนักอื่นๆ

    ผมดูแล้วยังไงๆวัดพระธรรมกายก็เป็นภาคโปรด ไม่ใช่ภาคปราบ เพราะไม่มีผลงานเชิงปราบทั้งภาควิชาการและปฏิบัติเลย แถมยังก่อเหตุกรณีธรรมกายให้คนอื่นเขาหาเรื่องโจมตีซะอีก

    5.อย่าโปรโมทว่าครูอาจารย์ของตนเป็นผู้สืบทอดวิชชาธรรมกายที่แท้จริงหนึ่งเดียวและเป็นหนึ่งที่สุด แอบอ้างเอาคำของครูบาอาจารย์มาเพื่อประโยชน์อะไร?

    หากแก้ไขได้ ผมว่าวัดพระธรรมกายจะสุดยอดมาก เพราะเรื่องวิชชาธรรมกายเบื้องต้น และการเผยแผ่ไปทั่วโลก รูปแบบ ระบบระเบียบ การฝึกอบรมต่างๆ ทำได้ดีมากๆแล้วครับ ไม่มีใครเทียบแล้ว สาธุนะครับ ผมเองก็ปลื้ม อันเลิตร์ ไปด้วย ที่สามารถเผยแผ่ศาสนาพุทธวิชชาธรรมกายเบื้องต้นไปทั่วโลกได้ ทำให้คนศาสนาอื่นๆจำนวนมากมาเป็นชาวพุทธได้ เป็นวัดที่เหมาะกับยุคสมัยใหม่คนรุ่นใหม่ที่ดีมากๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2010
  9. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +1,035
    อย่างที่แสดงความเห็นไปแล้วครับว่า
    ต่างคนต่างมีหน้าที่ แตกต่างกันไป

    ธรรมกายนั้นทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องทำให้เข้าถึง
    นั่นเป็นสิ่งที่หลวงพ่อวัดพระธรรมกายได้เน้นตลอดมา

    แต่เนื่องจากงานหยาบที่เราต้องทำควบคู่กันไปอาจเป็นอุปสรรคบ้าง
    แต่ก็ไม่ได้ทิ้งงานละเอียด

    คนที่มีธาตุธรรมในงานที่จะต้องทำวิชชา เขาก็ทำวิชชาไป
    คนที่เป็นธาตุธรรมกองสเบียง ก็มีหน้าที่สนับสนุน
    คนที่เป็นโยธา ก็รับผิดชอบสถานที่รองรับ
    คนที่เป็นธาตุธรรมฝ่ายเผยแผ่ ก็มีหน้าที่เผยแผ่ไปตามคนมา

    แต่ละคนมีหน้าที่อย่างนี้ ต้องทำหน้าที่ของตนให้ดี
    งานของหลวงพ่อวัดปากน้ำก็จะสำเร้จได้

    ทั้งหมดต้องรวมกัน จนเมื่อไหร่สามารถรวบรวม
    ผู้ที่มีธาตุธรรมในการทำวิชชาปราบมารได้มากพอ
    ที่จะทำงานของหลวงพ่อวัดปากน้ำได้
    สามารถรบได้ชนะขาด

    เมื่อนั้นก็จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร
     
  10. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +1,035
    วิชชาธรรมกายชั้นสูงมี สอนกันอยู่ในอาคารเฉพาะ

    ใครสามารถทำได้ก็เข้าไปต่อวิชชา มีขั้นมีตอน

    การนำออกมาพูดมาก มันมีข้อเสีย คนไม่รู้จะฟุ้งซ่านจะยิ่งมีผลการปฏิบัติช้า

    บางคนดูถูกดูแคลนก็ป็นกรรม

    รู้เท่าที่ควรรู้ เป็นเรื่องสมควรแล้ว
     
  11. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +1,035
    การทำงานของวัดพระธรรมกาย
    เห็นชัดที่สุดคืองานเผยแผ่

    เพราะศาสนาต้องอยู่ครบ 5000 ปี

    ขณะนี้ยักษ์นอกศาสนา รุกหนักมาก

    ชาวพุทธภาคใต้อยู่กันอย่างยากลำบาก

    จะให้นั่งภาวนาอย่างเดียวคงไม่ได้

    ต้องทำให้เห้นว่าพุทธศาสนาในไทยยังเข้มแข็ง

    ทั้งอุบาสกอุบาสิกา และพระภิกษุ ยังเข้มแข็ง

    สิ่งที่เขาพยายามทำนั้นไร้ผล

    เราจึงต้องทำอย่างนี้

    ถ้าเราอ่อนแอไม่เกิน 100 ปีคงหมด

    งานหยาบก็ต้องทำ งานละเอียดก็ต้องทำคู่กันไป
     
  12. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    ชาตินี้ ผมคงจะได้เห็น..

    การเอาชนะ มีชัยเหนือ ผังย่อยแยกแตกสลาย ผังแตกสามัคคี ฯลฯ

    ที่สิ่งตรงข้ามความดีเค้าใส่เข้าไปในกายใจจิตวิญญาณของคนทั้งหลาย

    โดยเฉพาะศิษย์สายธรรมกายเพื่อให้พวกเราไม่สามารถรวมกันได้เต็มที่



    ทุกชีวิตมีความสำคัญ เพราะ ทุกคนมีธรรมกาย


    ผู้อยู่สูงสุด ยังถ่อมตัว ถอนถอยลงมา
    เหล่าทหารกล้าแห่งธรรม ควรลดบางอย่าง เพื่อรวมกันด้วยธรรม อยู่ด้วยธรรม

    และให้ธรรมอันเป็นกุศลเป็นใหญ่
     
  13. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +1,035

    สาธุ สาธุ สาธุ

    แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง
     
  14. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    ผมก็ยังมองดูว่าคุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->upanyaยังไม่เข้าใจสิ่งที่ผมและคุณต้นไม้โพธิ์นำเสนอ ยังติดในภาพลักษณ์ที่ทางสำนักคลองสามสร้างขึ้น

    ผมทราบความจริงมาหลายเรื่องแล้ว ไม่ต้องกล่าวอ้างเรื่องทำวิชชาชั้นสูงแบบแอบๆ ซ่อนๆ ดอกครับ เพราะผมทราบดีว่าอะไรเป็นอะไร นี่แหละที่จับได้เลยว่า ยังไม่เข้าใจจริงในเรื่องการสอนให้คนเข้าถึงธรรมกาย เพราะถ้าทำวิชชาชั้นสูงได้จริง ผลการสอนเบื้องต้นจะไม่ออกมาเช่นนี้ จะไม่เกิดปรากฏการณ์อันเป็นสาเหตุให้คนอื่นท้วงติงได้ขนาดนี้

    ผมมองว่า...คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->upanyaยังไม่เห็นความหวังดีของผู้ร่วมฝึกสมาธิวิชชาธรรมกายด้วยกันที่ต้องการช่วยเหลือแนะนำชาววัดคลองสาม นี่เพราะท่านคิดว่าท่านทำได้ดีแล้วในมุมมองของท่านจึงได้ประมาทเช่นนี้ ซึ่งมันขัดแย้งต่อความเป็นจริง สิ่งที่ท่านกล่าวผมทราบว่าเป็นการพูดโน้มน้าวจากวัดคลองสาม เพราะผมและเพื่อนๆ ก็เข้าออกวัดนี้มานาน บางคนอยู่มาตั้งแต่เริ่มสร้างวัด บางคนอยู่มา 20 -30 ปี ทำไมเราจะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเล่า


    ทำไมไม่เปิดอกคุยกันล่ะครับ ถ้ายังพูดแนวเดิมๆ ที่ขาดความน่าเชื่อถือเช่นนี้ แล้วเราจะช่วยกันแก้ไขเติมเต็มให้แก่กันได้อย่างไร สิ่งที่ต้องการเห็นก็คือ จงทำงานให้ถูกต้องตามความต้องการของธรรมภาคขาวเสียที เพราะที่ทำอยู่เวลานี้เป็นการทำตามใจตนเองเท่านั้น มาเดินวิชชาให้ตรงกันซีครับ ไปพบธาตุธรรมผู้ปกครองด้วยกัน แล้วท่านจะเข้าใจสิ่งที่ผมนำเสนอทั้งหมดได้....


    อย่าพูดแบบโฆษณาชวนเชื่ออีกเลย เราต่างก็รู้อยู่แก่ใจกันดีนะครับ....
     
  15. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
  16. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ผมก็เข้าใจในความหวังดีครับ
    ถ้าจะสาธยายในเรื่องที่ควรปรับปรุงและเรื่องที่เคลือบแคลงใจ
    ผมว่ามันก้มีกันทุกที่นั่นแหละครับ
    ไม่ว่าที่ดำเนินสะดวกหรือที่ใหนๆ

    แต่เราไม่นิยมนำมาพูดกันแบบนั้น

    ที่ผมจะบอกก็คือท่านก็ทำแบบท่าน
    เราก็ทำแบบเรา ใครผิดใครถูกไม่ต้องมาเถียงกันดอก เป้าหมายมันไม่เหมือนกัน
    วิธีการมันก็ไม่เหมือนกันเป็นธรรมดา

    สมัยหนึ่งการถอดกายก็ทำแบบหนึ่ง สมัยเดียวกันหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านเห็นข้อเสีย
    ท่านก็ปรับใหม่ มันไม่ตายตัวมันปรับได้

    เท่าที่อยู่มาผมไม่เคยได้ยินคนเก่าแก่ในวัดพระรรมกายว่าที่ใหนไม่ดีเลย

    ลองสอบถามกันดูครับ ว่า

    คุณจะไปปราบมารกับหลวงพ่อวัดปากน้ำมั๊ยท่านจะเอาให้หมดอกุศลาธรรมมานะหมดแก่หมดตายกันไปเลย

    ใครตอบว่า ไป โดยไม่มีคำพูดอื่นๆ มีใครบ้าง

    แต่ถ้าเฉไฉไปเรื่อย ก็แล้วแต่ท่านพิจารณาครับ มันไม่ผิดดอก แต่หลวงพ่อท่านจะไปแล้วใครไปกับท่านมั่งเท่านั้นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2010
  17. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    [​IMG]

    ถ้าคิดว่าคนละเป้าหมาย วิธีการไม่เหมือนกัน อย่างนี้มันก็กลายพันธุ์กันได้ง่ายๆ นะครับ

    ทำไมไม่เอาความรู้(หลักวิชชา)ออกหน้า เรามาพูดภาษาเดียวกันซีครับ พูดเหมือนดังหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านสอนแนวเดินวิชชาเอาไว้ การพัฒนานั้นต้องมาจากพื้นฐานที่ตรงกัน ถ้าอ้างว่ามันไม่ตายตัว พูดเช่นนี้ ก็ดูเบาเกินไป ต้องกล่าวว่า ทุกอย่างต้องวิชชาพื้นฐานตรงกัน การพัฒนาไม่ใช่การคิดต่างโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่คิดว่าวิธีการไม่เหมือนกันได้ มันต้องเหมือนกันโดยพื้นฐาน แต่ข้อความที่คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->upanya<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4023354", true); </SCRIPT>กล่าวมานั้น เป็นการพูดให้เราเข้าใจกันด้วยภาษาเดียวกัน หรือเรากำลังจะหาข้อแตกต่างเพื่อเดินทางใครทางมันกันล่ะครับ

    เอาเถิด...ถ้าท่านมีวิธีคิดแบบนี้ ผมเห็นว่าอันตรายอย่างยิ่ง การปราบมารต้องปราบด้วยวิชชา บารมีที่สำคัญไม่ใช่บารมีทานอย่างเดียว ต้องเน้นที่ตัวหลักวิชชา อย่าได้กล่าวอ้างว่าใครจะไปปราบมารกับหลวงพ่อวัดปากน้ำมั๊ย หลวงพ่อองค์จริงคือต้นธาตุต้นธรรมอย่างไร ก็ยังไม่เข้าใจกันเลย แล้วจะไปปราบมารกับหลวงพ่อกันได้อย่างไร


    หลวงพ่อวัดปากน้ำเราสามารถเดินวิชชาไปพบท่านได้ ทำไมไม่ทำกัน เราจะมาฝากความหวังกับคนเพียงคนเดียวแล้วก็เชื่อว่าท่านรู้เห็นเช่นนั้นเช่นนี้อย่างนั้นหรือ เราทุกคนสามารถไปพบหลวงพ่อวัดปากน้ำ แล้วไปบอกท่านได้เลยว่าผมเอาด้วยกับหลวงพ่อ แล้วหลวงพ่อก็จะกล่าวว่า "เอ็งก็เลิกทำสิ่งไร้สาระ ลงมือทำวิชชาให้ถูกต้องตามตำราที่ให้ไว้ซี ปราบกันที่นี่และเดียวนี้ อย่าไปรอชาติหน้าหรือชาติไหนๆ มารมันรู้ทันเอ็งหมดแล้ว ขืนมัวแต่รอก็ไม่มีทางได้ปราบดอก" นี่ผมกล่าวเช่นนี้ เพราะผมก็รับรู้มาทำนองนี้

    เอาเป็นว่า ถ้าท่านคิดว่าทางใครทางมัน ก็พบกันหลังลาโลงแล้วท่านจะแจ้งใจเองว่า สิ่งที่คิดมันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้หรือเพียงแค่การโฆษณาชวนเชื่อ ถึงวันนั้นท่านจะมองหน้าธาตุธรรมภาคขาวได้อย่างไร...?


    เรือใหญ่กลับลำยาก ฉันใด ทิฏฐิที่ยึดถือนั้นแล เป็นประตูกั้นแสงสว่างแห่งปัญญา ฉันนั้น...โชคดีนะครับเมื่อวันนั้นมาถึง....

    รวมพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำ http://khunsamatha.com/blog/dhammakaya-C5.html

    ตำราวิชชาธรรมกายทุกหลักสูตร http://www.crystalmind.org/library/index.asp

    เวบวิชชาธรรมกาย http://khunsamatha.com/

    ห้องสนทนาวิชชาธรรมกาย http://forums.212cafe.com/samatha/<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2010
  18. ต้นไม้โพธิ

    ต้นไม้โพธิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +85
    ไม่มีใครเขาไปหาเรื่องวัดพระธรรมกายหรอกครับ คุณสมถะเป็นศิษย์ทั้งวัดหลวงพ่อสดและคุณลุงการุณย์ ผมเองเป็นศิษย์วัดหลวงพ่อสดและก็เปิดใจศึกษาของคุณลุงการุณย์ด้วย และผมก็ร่วมกิจกรรมของวัดพระธรรมกายด้วย

    ผมไม่ได้เขามาบอกคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->upanya<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4023354", true); </SCRIPT> คนเดียวหรอกครับ ผมกำลังเสวนากับชาววัดพระธรรมกายทุกคน ดังนั้นคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->upanya จะเสวนาตอบอย่างไรก็เป็นเพียงความเห็นของคุณคนเดียวเท่านั้น

    ผมเห็นด้วยที่เราจะเอาหลักวิชชาออกหน้า

    ย้ำอีกทีว่าไม่มีใครเขาว่าวัดพระธรรมกายหรอกครับ ไม่มีใครเขามายุแยงให้แตกแยก

    เขามีแต่เป็นห่วงวิชชาธรรมกาย หากวัดพระธรรมกายสุ่มเสี่ยงต่อการที่จะเป็นฐานให้วิชชาธรรมกายถูกโจมตี ความจริงคือถูกโจมตีจนแย่มาแล้ว นี่ต่างหากคือวาระเร่งด่วนที่ผมกำลังจะนำเสนอให้เร่งแก้ไขปรับปรุง

    มิใช่มาคอยจับผิด หรือมาว่าของใครดีไม่ดี ของใครเจ๋งไม่เจ๋ง ของใครจริงไม่จริง ของใครงานใหญ่ไม่ใหญ่ ใครรู้มากรู้น้อย หรือทางใครทางมัน ต่างคนต่างทำ อย่ามายุแยงแตกแยก มันมิใช่เช่นนั้น

    ตรองดูให้ดีๆนะครับ

    ผมเองมีข้อมูลที่ทางวัดพระธรรมกายผิดพลาดไปบ้างตามประสาปุถุชน ผมคงไม่ขอนำมากล่าวในที่สาธารณะหรอกครับ แต่ขอสรุปเป็นประเด็นย่อๆอีกทีว่า

    เรื่องวิชชา วัดพระธรรมกายได้รับถ่ายทอดจากแม่ชีจันทร์ซึ่งเป็นแม่ชีรุ่นน้อง ไม่เหมือนสายอื่นๆที่เขาได้รับวิชชาจากหลวงปู่สดโดยตรงและจากพระมหาเถระผู้เป็นเสาหลักของวิชชาธรรมกายและแม่ชีผู้ใหญ่ แต่วัดพระธรรมกายกลับชอบยกยอว่าวิชชาของตนเองดีที่สุด

    เรื่องหลักปริยัติ วัดพระธรรมกายไม่สามารถชี้แจงหลักสมถะวิปัสสนาสติปัฏฐาน ให้นักวิชาการเถรวาทยอมรับได้ แถมโดนสวนกลับแบบหมดภูมิ ผิดกับที่เจ้าคุณวัดหลวงพ่อสดฯท่านเป็นนักวิจัยเก่า ได้วิจัยธรรมจนพระมหาเถระและนักวิชาการเถรวาทยอมรับ

    เรื่องการบอกบุญ วัดพระธรรมกายควรบอกบุญแบบเหมาะสมกว่านี้ มิใช่ให้ผู้คนหลงงมงายในปาฏิหาริย์ของทานมากเกินไป เพราะมันเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่สามารถกำหนดได้เหมือนกันทุกคน ผมไม่ได้บอกว่าผิด แค่แนะนำให้ปรับ อย่าให้ดูแรงเกินไป

    ถามว่าสายอื่นๆถ้าเขาจะบอกบุญแบบแรงๆเขาก็ทำได้ แต่เขาไม่ทำ เขาทำแบบเหมาะสมๆ ถ้าเขาทำเขาก็คงมีเสบียงพันล้านหมื่นล้านได้ไม่ยาก และไปตั้งสาขาทั่วโลกได้เช่นกัน แต่เขาไม่ได้บอกบุญแรงขนาดนั้น ส่วนวัดพระธรรมกายถนัดเรื่องการบอกบุญก็เอาเถิด แต่อยากให้ปรับให้เหมาะสมๆกว่านี้

    เรื่องการเผยแผ่วิชชาธรรมกายไปทั่วโลกนั้น เป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง แต่มิใช่การที่จะมากล่าวว่านี้คืองานของภาคปราบ มันคนล่ะส่วนกัน เข้าใจไหมครับ

    เพราะหากสำนักใดมีเงินมีบุคคลากรก็สามารถทำได้กันทั้งนั้น ศาสนาอื่นๆเช่นคริตส์ มุสลิม เขาไประดับโลกก่อนเราเป็นร้อยๆปีแล้วครับ เรื่องการเผยแผ่ไปทั่วโลกเนี่ย เราจะบอกว่าเขามีวิชชาภาคปราบไหมล่ะครับ (คนล่ะเรื่องกับภาคมารส่งสมบัติให้นะครับ ในบริบทที่พูดนี้ หมายเอาการบริหารการเผยแผ่ศาสนาที่เก่ง)

    นัยยะทางวิชชา คือการคำนวนธาตุธรรมมาเป็น รบ ทำงาน ตรวจงาน เผยแผ่ กองเสบียง ความจริงมีนัยยะทางวิชชามากกว่านี้
    ภาคปราบคือวิชชารบ

    (วัดพระธรรมกายทราบแต่ศัพท์ รบ เผยแผ่ และกองเสบียง และนี่มีนัยยะทางวิชชาด้วย มิใช่แค่หลักหน้าที่เฉยๆ)

    อย่าไปวนๆเวียน อยู่แค่เรื่อง ใครแน่จริงใครไม่แน่จริง หรือทางใครทางมัน เขาเป็นห่วงวิชชาธรรมกายครับ เห็นแก่ส่วนรวมครับ



    ....................................................................................
    ถึง บุคคลากรของวัดพระธรรมกาย มิใช่แค่คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->upanya นะครับ

    ถ้าผมเป็นบุคคลากรใหญ่ของวัดพระธรรมกาย

    ผมจะรีบไปเซ็นสัญญาแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชชาธรรมกายกับสำนักอื่นๆที่สอนวิชชาธรรมกาย แต่วัดพระธรรมกายกลับไปเซ็นสัญญาแต่กับมหาวิทยาลัยทางโลกชื่อดังอื่นๆ เช่นของจีน ของญี่ปุ่น ฯลฯ

    หรือไม่ผมก็จะรีบไปอ่านหนังสือของท่านเจ้าคุณวัดหลวงพ่อสดทุกๆเล่มทันที ที่ท่านวิจัยหลักสมถะวิปัสสนาสติปัฏฐานไว้ ที่ห้องสมุดดังๆมีทุกที่นะครับ ไปหาอ่านได้ พิมพ์คีย์ว่า วัดหลวงพ่อสด,วิชชาธรรมกาย,ทางมรรคผลนิพพาน ฯลฯ มีอีกเยอะครับ

    พร้อมๆกับรีบแสวงหาตำราวิชชาธรรมกายดั่งเดิมจากครูบาอาจารย์ผู้เป็นเสาหลักให้สมบูรณ์บริบูรณ์ (คนละเรื่องกับการอ่านแล้วฟุ้งซ่านนะครับ ศึกษาครับมิใช่อ่าน)

    เรื่องนี้ไม่ขอพูดถึงในที่สาธารณะนี้นะครับ อย่างไรเสียผมก็ยังชื่นชมวัดพระธรรมกายแน่ๆ เพราะพูดมาหลายหนแล้วว่า ผมก็ยังเข้าวัดพระธรรมกายด้วย ผมสนับสนุนกิจกรรมการเผยแผ่ต่างๆ

    แต่สิ่งหนึ่งคือวัดพระธรรมกายอาจจะยกยอหมู่คณะของตนเองมากเกินไป เช่น "ลูกจันทร์เป็นหนึ่งไม่มีสอง" "ผู้สืบทอดวิชชาธรรมกายเขาเกิดแล้วที่สิงห์บุรี" "เราเป็นภาคปราบ" ฯลฯ

    และเท่าที่ครูบาอาจารย์ผมสอนมา ท่านก็ไม่เคยสอนให้หลงตัวเอง หรือยกย่องแต่หมู่คณะของตนเองซะเกินจริงเลยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2010
  19. ต้นไม้โพธิ

    ต้นไม้โพธิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +85
    ออ อีกอย่างนะครับ ฝากวัดพระธรรมกายสอนภาควิปัสสนาด้วยนะครับ เห็นมีแต่สอนให้คนติดสมาธิและนิมิต แล้วก็ปลื้มอยู่แค่นั้น แล้วก็โน้มน้าวให้ทำบุญ เดี๋ยวจะมีคนเขาโจมตีวิชชาธรรมกายกันอีกนะครับ ถ้าท่านทำได้จะเจ๋งมาก ชาวต่างประเทศจากที่เขาอึ้งกับวิชชาธรรมกายเบื้องต้นมาแล้ว เขาจะลึกซึ้งกว่านี้

    ความจริงสำนักอื่นๆก็ทำนะครับ เพียงแต่วัดพระธรรมกายเผยแผ่ไปต่างประเทศได้มาก ชาวต่างประเทศโดยมากที่เข้ามาศึกษาพระพุทธศาสนาชอบในด้านปัญญา และสมาธิ ของศาสนาพุทธนะครับ เช่นวิถีการดำรงชีวิต วิธีคิด และการนั่งสมาธิ ส่วนเรื่องพิธีกรรมเป็นเพียงส่วนเสริมของผู้ชอบเห็นความสวยงาม

    ให้ใครๆเขาได้รู้ถึงภูมิวิชชาธรรมกายที่มีอาวุธฟาดฟันกิเลศครบรอบตัวเป็นสมันตะ ยิ่งกว่านวอาวุธของมวยไทยซะอีกนะครับ



    การเจริญวิชชาธรรมกายตามหลักสมถะวิปัสสนาสติปัฏฐานพอสังเขป http://www.dhammakaya.org/vijja/

    ตอบปัญหาธรรมปฏิบัติ http://www.dhammakaya.org/dhmq/detail.php?ID=1
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2010
  20. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำทุกอยางครับ

    อย่างที่เข้าใจผมเป็นเพียงแค่เศษฝุ่นเท่านั้นเอง

    แต่ขอติงเรื่องประวัติการทำวิชชาของคุณยายจัน นะครับ

    ท่านเองก้ทำวิชชากับหลวงพ่อวัดปากน้ำมายาวนาน อีกทั้งยังได้เป้นหัวหน้าเวรด้วย
    ไม่ใช่ศิษย์รุ่นหลังอย่างที่เข้าใจ

    ในเรื่องวิชชาพูดเอาแบบฟังง่ายๆ คงไม่อายใคร

    จะว่ายกย่องครูอาจารย์ตัวเองก็คงใช่ครับ

    เพราะผมเองก็เลือก ครูบาอาจารย์ดูมามากเหมือนกัน

    พิจารณาแล้วทั้งสายอื่น จบหลวงพ่อวัดปากน้ำ

    ทั้งดำเนินสะดวก และคลองสาม

    ผมว่าศัทธาที่ใหนก็ทำที่นั่นดีที่สุด เพราะเราเป็นคนเลือกเอง

    ศิษย์หลวงพ่อสด ด้วยกันรักกันไว้

    ข้อยิบย่อย ก็ช่างสักวันหนึ่งเราอาจเจอคำตอบว่า

    ก็ไม่มีอะไรผิด ก็ได้ อย่าเอามาเป็นกำแพง

    แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง สังคมมีสุข

    ส่วนการสร้างบารมีเพื่อปราบมารนั้น มันแล้วแต่วางแผนครับ

    ใครไม่เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่จำเป็นต้องทำมหาบริจาค 5

    ใช่มั๊ยครับ แล้วทำไมต้องทำมหาบริจาค

    มันมีเหตมีผลทั้งนั้น แล้วแต่การวางแผนว่าในภพต่อไปทำไงเราจะปฏิบัติธรรมได้สะดวก ไม่มีภาระอื่นๆมาฉุดรั้ง ไม่กังวนเรื่องปากท้อง ไม่กังวนเรื่องสุขภาพ

    ส่วนใครจะมองข้ามตรงนี้ไปก็แล้วแต่สะดวกครับ เพราะยังอีกนานมากกว่าเราจะถึงจุดหมาย พระพุทธเจ้านิพพานไปไม่รู้เท่าไหรแล้ว เรายังมาได้แค่นี้เอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...