หลวงพ่อสด แยกกายมาจากต้นธาตุต้นธรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย belives, 29 ตุลาคม 2010.

  1. ต้นไม้โพธิ

    ต้นไม้โพธิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +85
    สวัสดีครับท่านดุสิตบุรี

    อย่างไรก็ของสาธุตามประสาคนในสายวิชชาธรรมกายด้วยกันนะครับ

    แต่กรุณาช่วยกลับไปอ่านโพสต์ต่างๆอีกครั้งนะครับ

    ท่านจะเข้าใจว่า ไม่มีใครเขาไปว่าวัดที่คลองสามหรอกครับ ผมเองชื่นชมซะด้วยซ้ำไป เพียงแต่เขาอยากให้ปรับให้วัดคลองสามแก้ไขจุดบกพร่องกว่านี้

    เพื่อเห็นแก่วิชชาธรรมกายนะครับ

    กรุณากลับไปอ่านและจับประเด็นให้ดีๆนะครับ อย่าเพิ่งร้อนอกร้อนใจ แล้วก็เข้ามาโพสต์แต่ข้อความเดิมๆเสมือนว่าโพสต์ต่างๆนั้นไม่มีตัวตนไปซะงั้น

    แล้วจะเสวนาเอาประโยชน์กันรู้เรื่องไหมเนี่ย???

    ไอผมก็ขี้เกียจจะพิมพ์แล้ว ท่านไปทำความเข้าใจประเด็นที่ว่า.....

    ทำอย่างไรไม่ให้วิชชาธรรมกายถูกโจมตี เพราะความไม่ชัดเจนในวิชชาธรรมกายของท่าน ท่านสอนกันอย่างไรให้คนเขาหาว่าวิชชาธรรมกายติดนิมิตไม่มีวิปัสสนาและทำให้เขาเข้าใจผิดอีกต่างๆนาๆ


    สอนวิชชาธรรมกายให้ถูกต้อง อย่างน้อยๆต้องมีสมถะวิปัสสนาสติปัฏฐานครบ และทำนิพพานให้แจ้ง
    มิใช่สอนให้คนเห็นดวงเห็นกาย แล้วก็บอกให้ทำทานเยอะๆเป็นบารมีภาคปราบไปสู่ที่สุดแห่งธรรม....


    ไม่ควรโปรโมทครูอาจารย์ สำนัก และหมู่คณะของตนเองมากไปว่าเป็นหนึ่งเป็นที่สุดของผู้สืบทอดวิชชาธรรมกาย ซึ่งดูโปรโมทมากไปหน่อย ท่านควรจะอ่อนน้อมถ่อมตนนะครับ เพราะเวลาท่านเสียขึ้นมา ชาววิชชาธรรมกายอื่นๆก็โดนหางเลขไปด้วยนะครับ เพราะท่านอ้างว่าท่านเป็นหนึ่งที่สุด ซึ่งความจริงไม่ถึงขนาดนั้นเลย


    ส่วนเรื่องการบริหารองค์กรณ์และการเผยแผ่ศาสนาพุทธและวิชชาธรรมกายเบื้องต้นไปทั่วโลกอย่างมีระบบมีประสิทธิภาพเปลี่ยนชาวต่างศาสนามาเป็นพุทธได้มากมาย อันนี้ขออนุโมทนาสาธุครับ


    พอเข้าใจไหมครับ พิมพ์หลายรอบแล้ว


    ผมเองปัจจุบันก็เข้าวัดพระธรรมกายด้วย ร่วมกิจกรรมอยู่ด้วย ส่วนตัวผมเองยอมรับว่าจริตผมก็ชอบรูปแบบของวัดพระธรรมกาย มันสวยงามและยอดเยี่ยม วิสัยทัศน์ในหารบริหารและเผยแผ่ดีมากๆ สังคมก็ดี มีลูกหลานผมก็อยากให้อยู่ในสังคมแบบนี้

    แต่.....ผมก็รู้จักแยกแยะ ไม่ได้หลงไหลไปกับภาพสวยงามเหล่านั้นทั้งหมด รวมถึงไม่หลงไปกับทุกๆคำพูดที่อาจจะเกินจริงไปบ้างเท่านั้นเอง ผมพยายามใช้สติปัญญาที่จะแยกแยะและร่วมบุญในส่วนที่เห็นว่าดีและมีประโยชน์เท่านั้นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2010
  2. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ในส่วนตัวผมคิดว่า การที่มีความภาคภูมิใจในครูบาอาจารย์ของตนผมว่ามันไม่ผิดครับ
    แล้วแต่ว่าใครเสียงดังคนก็ได้ยินมาก การประกาศคุณของท่านก้เป็นสิ่งควรกระทำ

    และคำว่า หนึ่งไม่มีสอง หลวงพ่อวัดปากน้ำพูดเอง
    ท่านชมใครง่ายๆอยู่หรือครับ

    เป็นธรรมดาที่ผู้ถูกชมจะภูมิใจ ที่ไม่เคยถูกหลวงพ่อว่าเป็นไอ้ขี้ไต้
    สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับการท้งระเบิดลูกใหญ่สมัยนั้นได้แม่นยำ

    จะภูมิใจตรงนี้ผมว่าไม่แปลก ผู้ฟังก็ควรพิจารณาว่าท่านเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร
    แต่หากฟังแล้วไม่เข้าหูมันก็พูดยากครับ

    อย่าคิดว่าเป็นการยกตัวเพื่อข่มกันเลยครับ
    คิดว่ามีคนพูดถึงมากกว่าดีกว่า
    ครูแต่ละท่านมีความเชี่ยวขาญในวิชชาต่างกันไป มีหน้าที่ต่างกันไปครับ
     
  3. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +1,035
    จากคำบอกเล่าบางตอนของพระพุทธศาสนโสภณ
    หลวงพ่อสุบิน วัดหัวเขา สุพรรณบุรี

    "วันที่1 กพ 2502 อาตมานั่งอยูด้านในโรงงานทำวิชชา หลวงพ่อก็สั่งบอกว่าจะมรณภาพจริงๆท่านเรียกพระเถรเณรชีที่ได้รรมกายมารวมกันหมดในดรงงานท่านก้เอนหลังลืมตามาน่งสั่ง เออ..ลูกชีจันทร์ ขนนกยูงนะ ต่อไปจะต้องทำงานใหญ่แทนหลวงพ่อ อื่ม...สั่งพระ เณร ชีปุก ชีญานี ตรีธา ทองแท้ อยู่ในโรงงาน ทำโรงงาน แต่ต่อไปแม่ชีลูกจันทร์ ขนนกยูงนี่ต้องทำงานนอกโรงงานอย่างโด่งดังที่สุด ใหญ่ที่สุดสายธาตุสายธรรมเขาสั่งอย่างนั้น ให้ทำอย่างนั้น แล้วหลวงพ่อก็หับโอษฏ์นิ่งเงียบ"

    เรื่องของแม่ชีจันทร์อาตมาเคยได้ยินก่อนหน้านี้ในโรงงานแม่ชีปุกพาแม่ชีจันทร์ไปพบหลวงพ่อ แม่จะพาเจ้าไปพบพ่อใหญ่ ให้พ่อใหญ่ต่อวิชชาให้ หลวงพ่อท่านรับแขกเสร้จท่านก็บอกว่าให้มานั่งปฏิบัติกับหลวงพ่อสัก 3 วันเดี่ยวจะมีวิชชา สายธาตุสายธรรมสายสมบัติในพระนิพพานจะเพิ่มพูนให้ลูก ต่อไปลูกจะต้องดัง ทำงานอันยิ่งใหญ่ไพศาลแทนหลวงพ่อ
    หลังจากนั้นก็มาได้ยินครั้งสุดท่าย วันที่ท่านจะมรณะภาพ ท่านเรียกมาสั่งมอบมรดกธรรมให้ผู้จะที่จะสืบทอดวิชชาของท่านต่อไป"

    ทั้งหมดนี้เป็นคำบอกเล่าของหลวงพ่อวัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี
    เวลาท่านพูดถึงหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านจะพนมมือตลอดเวลา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2010
  4. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    คุณต้นไม้โพธิ์นี่ก็กระไร คนเขาภูมิใจในตัวอาจารย์ของเขา เขาก็แสดงอาการเช่นนั้นเอง

    แต่ความจริงหลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านรู้จักชมคนนะครับ ท่านชมหลายคนด้วยกัน และคนที่มีวิชชาดีเยี่ยมจริงๆ ก็ไม่ใช่มีคนเดียว เพราะหัวหน้าเวรทำวิชชามีอย่างน้อย ๖ เวร ก็คือ ๖ คนในฝ่ายแม่ชี และในฝ่ายพระอีกล่ะ หลวงพ่อท่านชมทุกคนที่มีผลงาน แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ ท่านอื่นๆ ท่านทราบดีว่าหลวงพ่อชมเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ศิษย์ในการทำวิชชาต่อไป ท่านเหล่านั้นไม่ติดใจในคำชม และไม่เอามาอ้างเพื่อให้ลูกศิษย์เอามาใช้อวดต่อใครๆ นี่ก็เพราะท่านเหล่านั้นรู้ว่าหลวงพ่อมีเจตนาชมเพื่ออะไรนั่นเอง...

    สำหรับเรื่อแม่ชีจันทร์จะโด่งดัง จะทำงานใหญ่ตามที่หลวงพ่อสุบินท่านเล่าก็เป็นเรื่องของแม่ชีจันทร์ เพราะตอนนี้ท่านก็ไม่อยู่แล้ว ท่านดังมากขนาดไหน ดังแบบไหน ชาวโลกก็ต่างประจักษ์แจ้งกันอยู่แล้ว ทั้งแง่ดีๆ ที่ลูกศิษย์ต่างพากันเชิดชู และในแง่ติติงในฝ่ายอื่นๆ ที่มองเข้ามา มันก็ใช่ว่าท่านจะอยู่ถึงตอนนี้นี่ครับ เพราะแม่ชีจันทร์ถึงแก่กรรมไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2542(จากความจำ)

    ทำไมเราไม่ดูจากความเป็นจริงล่ะ หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านกล่าวถูก ดังจริงๆ ดังระเบิดเถิดเทิงเลย ดังจนกระทั่งต้องมานั่งคุยกันอยู่ตอนนี้ไงล่ะครับ

    ขอย้ำว่า...คนที่ทำผลงานทางวิชชาธรรมกายเก่งๆ มีหลายท่าน หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านชมเชยต่างกรรมต่างวาระกัน แต่ก็แปลกที่ไม่มีท่านใดหรือลูกศิษย์ของท่านนั้นๆ ถือเอาตรงนี้มาเกทับหรือมาโฆษณาเพื่อหวังผลใดๆ เลย เห็นมีก็แต่ศึกษาประวัติของท่านแล้วก็ปฏิบัติวิชชาธรรมกายตามที่ท่านสอนจนกระทั่งเห็นความเก่งทางวิชชาของท่านเหล่านั้นจริงๆ ท่านเก่งเพราะวางวิธีการสอนให้คนเห็นธรรมได้ ท่านเก่งเพราะท่านรู้จริงทางวิชชาถามอะไรตอบได้หมดและตรงกับหลักวิชชาตามตำราที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านทำไว้อีกด้วย...

    หนังสือบุคคลยุคต้นวิชชาเล่มที่ 1 2 และ 3 ผมก็มีครับ อ่านมาหมดแล้ว ก็เห็นว่ามีความหลากหลายไม่ใช่ว่าใครเก่งอยู่คนเดียวนะครับ

    สำหรับคำว่า "เป็นหนึ่งไม่มีสอง" ผมเคยได้ยินว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำชมแม่ชีจันทร์เพราะท่านมาถึงก่อนเป็นคนแรกในเวรทำวิชชาทุกครั้งเลย เท่าที่รับทราบมาก็เป็นเรื่องของการมาก่อนเวลาคือมาเป็นคนแรกหรือมาเป็นที่หนึ่ง คือเป็นคนตรงต่อเวลา มาก่อนใครเพื่อนนั่นเอง

    ความจริงอีกแง่มุมหนึ่งซึ่งรับทราบมาอยากให้ช่วยกันตรวจสอบด้วยนั่นก็คือ แม่ชีจันทร์ไม่ได้เป็นหัวหน้าเวร เป็นเพียงรักษาการอยู่ประมาณ ๑๐ ปี หลังจากแม่ชีถนอม อาสไวย์เข้าวัดปากน้ำนั้นเวรนี้(ที่มีแม่ชีจันทร์รักษาการอยู่)ก็ได้แต่งตั้งให้แม่ชีถนอมเป็นหัวหน้าเวรตัวจริง ด้วยวิธีให้หัวหน้าเวรที่มีอยู่ทั้ง ๕ ท่าน เดินวิชชาไปถามพระพุทธเจ้าในนิพพาน ทั้ง ๕ ท่านตอบตรงกันก็คือให้แม่ชีถนอมเป็นหัวหน้าเวร ทั้ง ๕ ท่านได้แก่ (๑)แม่ชีปุก มุ้ยประเสริฐ, (๒)แม่ชีญาณี ศิริโวหาร, (๓)แม่ชีฉลวย สมบัติสุข, (๔)แม่ชีชั้น จอมทอง, และ(๕)คุณครูตรีธา เนียมขำ ทั้ง ๕ ท่านนี้ยืนยันให้ แม่ชีถนอม อาสไวย์ เป็นหัวหน้าเวรซึ่งเวรนี้มีแม่ชีจันทร์ ขนนกยูง เป็นรักษาการหัวหน้าเวรมาประมาณ ๑๐ ปี เพื่อนของผมไปตรวจดูรายชื่อทำเนียบรุ่นหัวหน้าเวรที่วัดปากน้ำ ก็เห็นเป็นเช่นนี้ ปัจจุบันนี้หัวหน้าเวรยังอยู่อีก ๒ ท่าน ก็คือ คุณฉลวย สมบัติสุข อยู่ที่เชียงใหม่ และคุณครูตรีธา เนียมขำอยู่ที่วัดปากน้ำ ถ้ายังไงใครสนิทกับท่านช่วยเรียนถามให้หน่อยนะครับ ถ้าผมเองมีเวลาก็จะลองถามคุณครูตรีธาดู แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ กทม.

    สำหรับผมเรื่องราวเหล่านี้ ท่านต้องฟังหูไว้หูถ้าท่านไม่ได้รับรู้ด้วยตนเอง ดังนั้นใครจะว่าใครเป็นอย่างไร ผมฟังเฉยๆ เพราะทุกอย่างถ้าเราไม่มีอคติ เราจะรับรู้ความจริงได้ชัดเจนเองว่า ใครเป็นอย่างไร โดยไม่ต้องหลงไปตามกระแสโฆษณาชวนเชื่อแต่ประการใดเลย....

    ขอฝากไว้ให้คิดว่า ใครที่จะอ้างตัวเองว่าเก่งกาจขนาดไหน ผลงานทางวิชชาธรรมกายต่างหากจะเป็นเครื่องยืนยันความสามารถของเขาเอง จะมานับกันที่จำนวนสิ่งก่อสร้าง จำนวนเงินที่มีอยู่ จำนวนลูกศิษย์ที่ไหลเข้ามาด้วยวิธีการทางการตลาด หรืออื่นใด สำหรับผมนั่นไม่ใช่เครื่องยืนยันการันตีได้เลย


    แต่ถ้าคนๆ นั้นมีผลงานว่า เคยสอนให้คนเห็นธรรมกาย มีวิธีการสอนที่ชัดเจนเป็นขั้นตอนวัดผลได้ มีผลงานแก้โรคด้วยวิชชาธรรมกาย และที่สำคัญก็คือ เคยให้ความรู้ทางวิชชาอย่างชัดเจนถูกต้อง และเคยเขียนตำราทางวิชชาธรรมกายให้เป็นประจักษ์พยานว่าตนเองมีความรู้จริง ตรงนี้ซีครับสำคัญยิ่ง ความรู้ต้องชัดเจน เปิดเผย ตรวจสอบได้ นี่ถึงจะเรียกว่าคนจริง รู้จริง เป็นธรรมกายจริง...


    ท่านผู้เข้ามาอ่านมีความคิดเหมือนผมหรือไม่...????

    รวมพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำ http://khunsamatha.com/blog/dhammakaya-C5.html

    ตำราวิชชาธรรมกายทุกหลักสูตร http://www.crystalmind.org/library/index.asp

    เวบวิชชาธรรมกาย http://khunsamatha.com/

    ห้องสนทนาวิชชาธรรมกาย http://forums.212cafe.com/samatha/<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->​
     
  5. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    ถ้าท่านเคารพหลวงพ่อวัดปากน้ำด้วยเศียรเกล้าจริง ท่านก็ควรปฏิบัติตนเองอย่างไร

    การแสดงความเคารพด้วยการสร้างสิ่งก่อสร้างใหญ่โตบนบ้านเกิดเมืองนอนของท่าน

    การแสดงความเคารพด้วยการสร้างรูปหล่อทองคำให้ท่าน

    การแสดงความเคารพด้วยการสวดบทสรรเสริญท่าน


    สิ่งเหล่านี้เรียกว่าการแสดงความเคารพที่ถูกตรงต่อหลักวิชชาธรรมกายหรือ...????

    แต่ถ้า

    แสดงความเคารพด้วยการฝึกฝนเรียนรู้ทางวิชชาธรรมกายจนแตกฉาน

    แสดงความเคารพด้วยการฝึกจนเห็นธรรมกายและเดินวิชชา ๑๘ กายได้

    แสดงความเคารพด้วยการเดินวิชชาไปพบหลวงพ่อวัดปากน้ำ ต้นธาตุต้นธรรมว่าท่านอยู่ที่ไหนกันแน่

    แสดงความเคารพด้วยการท่องเนื้อวิชชาธรรมกายได้อย่างถูกต้องและสอนคนอื่นให้เห็นธรรมกายได้ด้วย


    ถามว่าการสร้างอามิสบูชากับการปฏิบัติบูชา อย่างไหนชื่อว่าเคารพนอบน้อมต่อหลวงพ่อวัดปากน้ำ ทำอย่างไรจึงได้อานิสงค์และถือเป็นการสืบต่อ สืบสาน สืบทอด วิชชาธรรมกายของพระพุทธเจ้าภาคขาว ที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านแลกมาด้วยชีวิต อย่างไหนล่ะครับที่เป็นการเคารพนอบน้อมด้วยเศียรเกล้าต่อหลวงพ่อวัดปากน้ำอย่างแท้จริง ถ้าจะเอาเงินคนทั้งประเทศมากองแล้วสร้างอาคารให้คลุมประเทศนี้ถวายหลวงพ่อฯ กับการสอนให้คนถึงธรรมกายทั้งประเทศเพื่อถวายหลวงพ่อฯ อย่างไหน...ระหว่างอามิสบูชาและปฏิบัติบูชา อย่างไหนเรียกว่าเคารพหลวงพ่อวัดปากน้ำกันแน่

    ผมยืนยันว่าคนทั้งประเทศไทย(ทั้งโลกด้วยก็ได้)สามารถเข้าถึงธรรมกายและเดินวิชชา ๑๘ กายได้ทุกคน ถ้าท่านได้รับการฝึกเบื้องต้นที่ถูกต้อง ดังนั้นชาววัดคลองสาม ชาตินี้ถ้าท่านปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ท่านต้องเข้าถึงธรรมกาย และเดินวิชชา ๑๘ กายจนกระทั่งไปพบหลวงพ่อวัดปากน้ำองค์จริง ต้นธาตุผู้มีหน้าที่ปกครองธาตุธรรมของเราได้จริง ที่นี่และเดี๋ยวนี้ ชาตินี้นี่แหละ ผมกล้ายืนยันอย่าไปเชื่อว่าต้องสะสมบุญมหาศาลจึงจะเข้าถึงธรรมกาย ชาตินี้เกิดมาพบวิชชาแล้ว ทำไมเรายังไม่เข้าถึงเล่า ทั้งๆ ที่วิธีการปฏิบัติมีอยู่ ถ้าท่านฝึกอย่างถูกวิธีท่านเข้าถึงได้ภายในวันเดียวก็เห็นผล เพราะผมพิสูจน์มาแล้วนั่นเอง

    [​IMG]
    นี่คือธรรมกาย
    พระธรรมกายของแท้ไม่มีผ้ารัดประคดนะครับ ผมรู้ที่มาที่ไปของการปั้นพระในวัดคลองสามดี ไม่ได้เกิดจากการเห็นจริง...?​




    ขอแนะนำกระทู้เกี่ยวกับวิชชาธรรมกายที่น่าสนใจ...




    วิชชาธรรมกาย กับความสมานฉันท์แก่กันทุกสำนัก
    http://forums.212cafe.com/samatha/board-2/topic-62.html



    "ที่เห็นนั้น เขาเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็น ไม่จริง"
    http://forums.212cafe.com/samatha/board-3/topic-19.html



    คำถามทางวิชชาธรรมกาย ที่ควรรู้
    http://forums.212cafe.com/samatha/board-2/topic-9.html



    จับหลักวิชชาให้ถูก...เขาจับกันอย่างไร...?
    http://forums.212cafe.com/samatha/board-2/topic-32.html



    การเดินวิชชา ๑๘ กายทุกวัน สำคัญอย่างไร...?
    http://forums.212cafe.com/samatha/board-2/topic-50.html



    การสร้างบารมี..อย่าไปหลงที่ปริมาณ ให้ดูที่คุณภาพ
    http://forums.212cafe.com/samatha/board-2/topic-39.html



    สร้างบารมีอย่างไร เพื่อให้บารมีมีฤทธิ์ตามแบบของธรรมภาคขาวได้อย่างแท้จริง?
    http://forums.212cafe.com/samatha/board-2/topic-48.html



    เราจะเอาอะไรมาตัดสินว่า รู้ญาณทัสสนะที่เกิดขึ้นพอรับฟังได้..?
    http://forums.212cafe.com/samatha/board-2/topic-52.html



    รีบร้อนเรียนวิชชาชั้นสูง มีประโยชน์จริงหรือ...?
    http://forums.212cafe.com/samatha/board-2/topic-43.html





    ขอแนะนำกระทู้คุยสู่กันฟังในประเด็นที่น่าสนใจ...




    มองโลกตามความเป็นจริง...




    เพ่งโทษตนเอง...นั่นแหละดี
    http://forums.212cafe.com/samatha/board-5/topic-57.html



    ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิม
    http://forums.212cafe.com/samatha/board-5/topic-58.html



    ท่านจะสำคัญตนเองเป็นไฉน...?
    http://forums.212cafe.com/samatha/board-5/topic-51.html



    อะไรหนอ...?...เหมือนกันแต่ไม่เหมือนกัน...?
    http://forums.212cafe.com/samatha/board-5/topic-49.html



    ใจใหญ่...คิดใหญ่...มุ่งหวังผล...ไม่คำนึงถึงความเป็นจริง...?
    http://forums.212cafe.com/samatha/board-5/topic-54.html







    กระทู้เนื้อหาสะกิดใจ




    อย่าทำตัวเป็นนิ้วโป้ง คืออย่างไร..?






     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2010
  6. ต้นไม้โพธิ

    ต้นไม้โพธิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +85
    เรียนคุณ Upanya ลองกลับไปอ่านให้ดีๆนะครับ.......

    ผมเองก็เป็นผู้ปฏิบัติธรรม ไม่ได้เอาเรื่องพูดเข้าหูไม่เข้าหูมาเป็นอารมณ์หรอกครับ

    ก่อนอื่นขอเรียนว่า...ผมเองก็นับถือครูบาอาจารย์ของวัดพระธรรมกายเหมือนกันในบริบทเหตุผลส่วนตัว ท่านไม่ต้องห่วงหรอกว่าผมจะไม่พอใจอะไร

    แต่ลองอ่านดีๆ การที่ลูกศิษย์นำท่านมาโปรโมทมากไป และยามเมื่อวัดท่านผิดพลาดไปบ้างและไม่แน่นในวิชชาธรรมกายทำให้โดนสังคมเขาต่อว่าโจมตี ทำให้วิชชาธรรมกายโดนโจมตี นั่นต่างหากที่ทำให้วิชชาธรรมกายและสำนักที่สอนวิชชาธรรมกายอื่นๆต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย เพราะท่านโปรโมทไว้ว่าท่านเป็นที่หนึ่ง คนเขาก็จะเหมาเอาว่า "วิชชาธรรมกายมีแค่นี้เองหรือ? แค่ที่วัดพระธรรมกายสอนไว้? สอนให้คนติดนิมิต ธรรมกายมีผ้ารัดอก โน้มน้าวให้คนทำทานแล้วบอกเป็นยอดบารมี อธิบายเรื่องนิพพานอัตตาอนัตตาไม่ชัดเจน สมถะวิปัสสนาสติปัฏฐานก็ไม่สอน พูดเป็นแต่ หยุด ใส รวยโคตร"(แต่ส่วนอื่นๆโดยรวมถือว่าทำได้ดีมาก)....เขาพูดกันนะผมไม่ได้พูดเอง

    แต่สำนักอื่นๆเขามีวิชชาที่แน่น มีผลงานทางวิชชาธรรมกายทั้งภาควิชาการและปฏิบัติอย่างชัดเจน ตรวจสอบได้ ไม่เป็นที่ลึกลับ ท่านเหล่านี้ทำให้วิชชาธรรมกายดำรงอยู่ได้จนเป็นที่ยอมรับ เพียงแต่เขาไม่ได้เน้นไม่ได้ถนัดการรับบริจาค หรือสร้างถาวรวัตถุให้ดูใหญ่โตเท่านั้นเอง (ซึ่งวัดพระธรรมกายเก่งเรื่องการบริหารองค์กรณ์ก็สาธุด้วย)

    แล้วท่านเห็นคนสำนักอื่นที่สอนวิชชาธรรมกายเขาเอาคำชมครูบาอาจารย์มาโปรโมทมากไปไหมละครับ ท่านก็มีพูดกันบ้างแบบทั่วๆไป แต่ไม่ได้เอามาเน้นย้ำโปรโมทเพื่อเรียกศรัทธานะครับ

    ถ้าเช่นนั้นหลวงพ่อเล็กท่านไม่สุดยอดเป็นที่ก่อนหนึ่งไปแล้วหรอครับ หลวงปู่ท่านยกย่องด้วยความเห็นพร้อมกับชาววัดปากน้ำให้เป็นตัวแทนท่านจึงเรียกกันว่าหลวงพ่อเล็ก

    หลวงปู่สดชมหลวงพ่อเจ้าคุณวีระลูกครึ่งญี่ปุ่นในวันฉลองพระบวชใหม่(พระธัมมเทศนาเรื่อง รัตนะ)ว่ารูปนี้บารมีมากธาตุธรรมเขาลือกันใหญ่ถูกส่งมาเพื่อเผยแผ่วิชชาธรรมกาย แบบนี้ไม่สุดยอดของสุดๆกว่าหรอครับ แล้วมีใครเขาเอาไปโปรโมทไหมครับ? เขาก็แค่พูดกันบ้างตามปกติ

    คุณยายลูกจันท่านเก่งนั้นจริงอยู่ แต่บรรดาแม่ชีอาจารย์ตั้งหลายท่านละครับ หลวงปู่สดก็ชมทุกท่าน แล้วมีไหมครับที่เอามาโปรโมทกัน ท่านไม่รู้ใช่ไหมละ เพราะเขาไม่ค่อยโปรโมทกัน ก็มีการประกาศกิตติคุณบ้างในระดับทั่วๆไป

    ย้ำอีกนะครับ เพื่อเห็นแก่วิชชาธรรมกาย ควรปรับความเห็นให้ตรงและเข้าใจกันด้วยนะครับ ไม่ได้หมายถึงใครคนใดคนหนึ่ง แต่หมายถึงทุกๆคน มีอะไรจะได้ช่วยๆกันได้ ส่วนใดๆที่ท่านทำดีกันอยู่แล้ว ถนัดกันอยู่แล้ว ก็สาธุด้วยนะครับ

    สำหรับท่านใดที่จะแสดงทัศนะต่างๆนาๆ ก็ช่วยเอาหลักธรรมหลักวิชชาออกหน้าก่อนนะครับ อย่าพึ่งไปคิดว่าคนนั้นคนนี้เขาคิดอกุศลเลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2010
  7. ดุสิตบุรี

    ดุสิตบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +273
    ผมขอขอบคุณท่านสมถะและท่านต้นไม้โพธิที่มีเจตนาหวังดีต่อกระผมและกัลยาณมิตรหลายๆท่านเสมอมา แต่ผมอยากจะฝากไว้ว่าการที่ใครจะกล่าวว่าใคร ต้องพยายามระวังอย่าสร้างวิบากรรมด้วยการที่กล่าวหาใส่ร้ายผู้อื่นครับ

    เพราะถ้าหลายท่านได้อ่านในกระทู้ที่ 83 ที่ผมได้พิมพ์ไว้ และมาอ่านในกระทู้ที่ 84 ที่ท่านสมถะได้พิมพ์ไว้ ก็น่าจะเข้าใจว่ากระทู้ที่ 84 กำลังกล่าวเชิงปรามาสพระเถระชั้นผู้ใหญว่าท่านถูกอาราธนานิมนต์มาเพื่อหวังปัจจัยใส่ซอง และพระเถระรูปนั้นเป็นหนึ่งในพระราชาคณะ ชั้นสมเด็จฯในมหาเถรสมาคม ผมว่าการปรามาสแบบนี้ไม่เหมาะสมครับ คุณน่าจะทราบว่าดีว่าพระสมเด็จฯที่ผมกล่าวถึงท่านบริสุทธิ์ขนาดไหน

    ผมขอยุติการตอบกระทู้นี้ครับเพราะผมพิจารณาแล้วว่าในเมื่อทั้งสองฝ่ายที่คิดเห็นต่างกันและปักใจเชื่อในสิ่งที่ตนพิจารณาแล้ว การที่จะหาเหตุผลมาแย้งกันก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด ยิ่งเป็นการทำให้จิตใจขุ่นมัวครับ ทำให้บางท่านสร้างวิบากกรรมด้วยการกล่าวปรามารพระเถระผู้บริสุทธิ์ครับ

    สุดท้ายนี้ผมขอกราบอโหสิกรรมต่อทุกท่านด้วยครับ
     
  8. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะครับที่ท่านคิดไปเองเช่นนั้น เอาล่ะถ้าท่านดุสิตบุรีคิดไปเช่นนั้น ทำไมเราจึงมองในมุมนั้นล่ะ ผมกลับมองในมุมอื่นมากกว่านะครับ เพราะนี่คือความจริง พระไม่ว่าชั้นราชาคณะหรือชั้นไหนๆ ท่านไม่ได้ติดใจในซองปัจจัยที่ถวายดอกครับ

    แต่ผมรับรู้มาจากหลวงพ่อท่านหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งหนึ่งที่ฝึกสมาธิวิชชาธรรมกายตั้งแต่สมัยหลวงพ่อวัดปากน้ำมีชีวิตอยู่ ตอนนั้นท่านเป็นสามเณร ท่านเล่าให้ฟังว่า วัดที่คลองสามมาเชิญท่านไปร่วมงาน ช่วงที่มีอัศจรรย์ตะวันแก้ว ท่านยังบอกอีกว่าท่านก็นั่งอยู่บนธรรมกายเจดีย์นั่นแหละ ผมก็ถามท่านว่าหลวงพ่อไปได้ยังไงอยู่ตั้งไกล เท่าที่จำได้ ท่านว่าทางวัดมีรถมารับท่าน และให้เงินเป็นปัจจัยมากอยู่ ก็ถามท่านว่าได้ทุกรูปไหม ท่านก็บอกว่าได้ทุกรูป องค์ไหนเป็นเจ้าอาวาสหรือยศศักดิ์สูงก็มากหน่อย พระธรรมดาก็น้อยลงมา ความจริงท่านพูดตรงกว่านี้นะครับ ถามว่าผมจะไปปรามาสใครเพื่ออะไร ก็ผมรับรู้มาเช่นนี้ เจตนาปรามาสน่ะไม่มีดอกครับ ไม่ต้องห่วง ถ้าท่านอ่านแล้วคิดไปเช่นนี้ ก็น่าเห็นใจครับ เพราะไม่มีใครปรามาสใคร มีแต่พูดความจริง ถ้าท่านไม่ติดใจผมก็ไม่ต้องมานั่งอธิบายให้มากความ ถ้าจะพูดให้ชัดไปกว่านี้ แบบภาษาชาวบ้านก็อาจจะว่าพูดแรงไปอีกก็ได้นะครับ

    ผมก็กล่าวแล้วว่าพูดแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยจริงๆ ท่านจะใส่ซองกี่มากน้อย ผมก็ไม่ได้ติดใจดอก แต่หลวงพ่อท่านนี้ท่านก็ว่าตอนนั้นวัดป่าของท่านกำลังสร้างโบสถ์ ป่านนี้ก็ยังไม่เสร็จดีกระมัง ไม่ได้ไปกราบท่าน 2 ปีแล้ว หลวงพ่อท่านนี้มีประวัติฝึกคนให้เห็นธรรมกายได้นะครับ ผมไปพักค้างแรมในโบสถ์ที่กำลังสร้างช่วงตอนปีใหม่

    แถมท่านยังเขียนหนังสือเกี่ยวกับข้อมูลวิชชาธรรมกายที่ใช้เป็นเอกสารอ้างอิงได้เป็นอย่างดี ท่านว่าท่านเห็นในสมาธิว่ามีเอกสารใดที่จะสามารถรวบรวมมาเขียนได้บ้าง

    แถมอีกเรื่องก็คือ...ท่านยังให้ดู..กระดูกของหลวงพ่อของท่านที่มรณะภาพแล้วกระดูกเป็นแก้วใส(พระธาตุ) หลวงพ่อของท่านปฏิบัติทางวิชชาในโรงงานทำวิชชาสมัยหลวงพ่อวัดปากน้ำเลยทีเดียว ผมได้ความรู้หลายอย่างจากท่าน

    ผมน่ะไปสืบเสาะหาครูสายธรรมกายมาบ้างพอสมควร ดังนั้นจึงกล้าพูดมากหน่อย แต่ก็แบบถ้อยทีถ้อยอาศัยนะครับ


    ผมคุยผ่านสื่อต่างๆ มานานพอสมควร ผมพอประเมินได้ครับ ในสายวิชชาธรรมกายเขาคุยภาษาเดียวกันหมด ยกเว้นวัดที่คลองสาม วัดอื่นสำนักอื่นที่ฝึกสายวิชชาธรรมกายเขาใช้ตำราเล่มเดียวกันในการฝึกฝนเรียนรู้ จึงพูดภาษาเดียวกันได้ แต่ของวัดพระธรรมกายนั้นแปลกหาคนมีความรู้ทางวิชชาแทบไม่มีเลย ถ้าจะมีบ้างก็แบบเก็บเล็กผสมน้อยไม่สามารถเชื่อมโยงความรู้ได้ ได้แต่ฟังเขามาอีกที ผมรู้จักทั้งโดยตรงและโดยอ้อมเกี่ยวกับบุคลากรของวัดที่คลองสามทั้งฝ่ายภิกษุที่บวชอยู่และที่สึกหาลาเพศมาแล้ว และฆราวาสมากมาย ทำไมผมจะไม่ทราบอะไรมาบ้างล่ะครับ ผมเองก็เคยเข้าวัดพระธรรมกายมาก่อนนานแล้ว

    สำหรับการสอนเรื่องบุญ-บาป ก็สามารถโยงมาได้ว่า ห้ามวิจารณ์พระนะโดยเฉพาะพระในวัด เพราะถ้าไม่รู้จริงเดี๋ยวจะเป็นการปรามาส เดี๋ยวตกนรกนะ เดี๋ยวบาปนะ มองในแง่ดีก็คือกลัวบาป มองในอีกมุมหนึ่งก็เป็นการข่มขู่เพื่อป้องปรามให้เชื่อฟังอย่างเดียวห้ามซอกแซกก็ได้

    ขอร้องว่า...อย่าไปคิดแทนคนอื่นนะครับ พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า เจตนานั่นแหละคือกรรม ถ้าเข้าใจว่าเจตนาของผมคืออะไร ท่านจะไม่เกิดการปรามแบบนี้ดอก ผมน่ะต้องการให้เราเปิดใจคุยกันจริงๆ ไม่ใช่มานั่งปกป้องตนเอง หรือมานั่งแย้งกันไปกันมาเลย


    มาคุยภาษาเดียวกันเถิดครับ ภาษาวิชชาธรรมกายของพระพุทธเจ้าภาคขาวใส(กุศลาธัมมา)
     
  9. ดุสิตบุรี

    ดุสิตบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +273
    ยินดีน้อมรับฟังทุกคำแนะนำครับ :d :d

    ขอบคุณครับ
     
  10. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +1,035
    มันก็เป็นอย่างนั้น ครับ

    ใครมีหน้าที่ทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้นไปให้ดีที่สุด

    -ใครมีหน้าที่สอนคนให้เข้าถึงได้มากก็สาธุ

    -ใครมีหน้าที่ขยายงาน ก็ทำไป

    -ใครจะโปรดหรือจะปราบ คงได้รู้สักวัน


    -ถ้าจะรบมันก็ต้องไม่กลัวเจ็บ

    ถ้ากลัวเจ็บก็อยู่เฉยๆมันจะไม่เหนื่อยและไม่ต้องเจ็บ

    -รู้เท่าที่ต้องรู้ รู้มากจะยากนาน


    -ถ้าจะรอให้ได้18กายก่อนแล้วเริ่มทำงาน ชาตินี้คงไม่ได้ทำประโยชน์

    ได้แค่ใหนก็ใช้แค่นั้น ยังไม่ได้ก็พยายามต่อไป ได้ประโยชน์ตั้งแต่ต้นจนตาย

    เป็นการสนทนาที่ได้แลกเปลี่ยนแนวคิดดีครับ


    ขอน้อมรับและอนุโมทนากับครูอาจารย์ทุกท่านครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2010
  11. วิมุติมรรค

    วิมุติมรรค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,753
    [​IMG]


    ปัจจุบันดำรงสมณศักดิ์ที่

    พระราชพรหมเถร
    รองเจ้าอาวาส และ พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
    วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

    ***************


    โอวาทของ พระราชพรหมเถร (วีระ คณุตฺตโม)

    เรื่อง

    ผู้ปฏิบัติภาวนาที่ได้ถึงธรรมกายเเล้ว
    จัดว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรมได้ถึงที่สุด (บรรลุ มรรค ผล นิพพาน) แล้วหรือ ?


    ผู้ปฏิบัติธรรมที่ได้ถึง "ธรรมกาย" เเล้ว
    ตราบใดที่ยังไม่สามารถละสัญโญชน์ (กิเลสเครื่องร้อยรัดให้ติดอยู่กับโลก)
    เบื้องต่ำอย่างน้อย ๓ ประการ (คือ สักกายะทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลพตปรามาส) ได้โดยเด็ดขาด
    ตราบนั้นก็ยังมิได้บรรลุ มรรค ผล นิพพาน เป็นพระอริยบุคคล
    จึงยังมิใช่ผู้ปฏิบัติธรรม ที่ได้(บรรลุ)ถึงที่สุดเเล้ว


    พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
    ผู้สอนภาวนาตามเเนววิชชาธรรมกายของพระพุทธเจ้า
    ได้กล่าวถึงผู้ปฏิบัติธรรมที่ได้ถึงธรรมกาย
    เเต่ยังไม่สามารถละสัญโญชน์เบื้องต่ำอย่างน้อย ๓ ประการได้ ดังกล่าวเเล้วว่า
    "ยังจัดเป็นเเต่เพียง โคตรภูบุคคล"

    ซึ่งท่านอุปมาว่า
    เสมือนหนึ่งว่า ผู้ปฏิบัติธรรมนั้นได้ก้าวขาข้างหนึ่ง ขึ้นไปอยู่บนพระนิพพาน
    ส่วนขาอีกข้างหนึ่ง ยังยืนอยู่ในภพสาม

    กล่าวคือ หากผู้ปฏิบัติธรรมที่ถึงธรรมกายเเล้วนั้น ก้าวหน้าต่อไป
    คือ ปฏิบัติภาวนาต่อไปอีกจนสามารถละสัญโญชน์เบื้องต่ำอย่างน้อย ๓ ประการนั้น
    ได้โดยเด็ดขาด ก็ได้บรรลุ มรรค ผล นิพพาน เป็นพระอริยบุคคล ตามภูมิธรรมที่ปฏิบัติได้

    เเต่หากว่าผู้ที่เคยปฏิบัติได้ถึงธรรมกายเเล้ว
    ได้ประพฤติปฏิบัติตนในลักษณะของการก้าวถอยหลังกลับคืนมาสู่โลก (ภพสาม)
    ด้วยอำนาจของกิเลส อวิชชา ตัณหา อุปาทาน เป็นเหตุนำ เหตุหนุน
    จนธรรมสัญญาขาดจากใจ เเละธรรมกายดับลงเมื่อใด
    บุคคลผู้นั้นก็กลับเป็นปุถุชนธรรมดาที่หนาไปด้วยกิเลส เเละมีสิทธิ์ถึงทุคติได้เมื่อนั้น





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2010
  12. วิมุติมรรค

    วิมุติมรรค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,753
    [​IMG]


    พระราชญาณวิสิฐ (เสริมชัย ชยมงฺคโล)
    (บรรดาศิษยานุศิษย์เรียกท่านด้วยความเคารพรักว่า หลวงป๋า)

    เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
    อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี


    *******************


    โอวาทของ หลวงป๋า(เสริมชัย ชยมงฺคโล)

    เรื่อง

    วิชชาธรรมกาย เป็นทั้งสมถะเเละวิปัสสนากัมมัฏฐาน


    เมื่อผู้ปฏิบัติภาวนาได้ถึง "ธรรมกาย" แล้ว
    ย่อมสามารถเจริญภาวนาทั้ง สมถะและวิปัสสนา ให้เกิดอภิญญาและวิชชา
    ให้สามารถพิจารณาเห็น
    กายในกาย
    เวทนาในเวทนา
    จิตในจิต
    และ ธรรมในธรรม

    ให้เจริญ “วิปัสสนาปัญญา” เห็นแจ้งรู้แจ้งสภาวะของสังขาร
    อันประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่ง (สังขตธรรม) ว่า
    มีสามัญญลักษณะที่เป็น อนิจฺจํ ทุกฺขํ และ อนตฺตา อย่างไร
    อันเป็นพื้นฐานสำคัญในการเจริญโลกุตตรวิปัสสนา ให้เห็นแจ้งในอริยสัจ ๔ เป็น “โลกุตตรปัญญา” ต่อไป

    กล่าวคือ เมื่อผู้ปฏิบัติภาวนาได้ถึง "ธรรมกาย" แล้ว...

    ๑. พึงฝึกเจริญฌานสมาบัติให้เป็นวสี แล้วย่อมเกิดอภิญญา
    มีทิพพจักษุ ทิพพโสต เป็นต้น ตามระดับภูมิธรรมที่ปฏิบัติได้
    เพราะ การเริ่มเจริญสมถภาวนาโดยการกำหนดบริกรรมนิมิต เป็นดวงแก้วกลมใสนั้น
    มีลักษณะเป็นการเพ่งกสิณแสงสว่าง ชื่อว่า “อาโลกกสิณ” อันเป็นกสิณกลาง และมีผลให้เกิดอภิญญาได้ง่าย

    ๒. สามารถน้อมไปเพื่อ...

    “อตีตังสญาณ” เห็นอัตตภาพของตนและสัตว์อื่นในภพก่อนๆ

    น้อมไปเพื่อ“อนาคตังสญาณ” เห็นจุติปฏิสนธิของสัตว์ทั้งหลายที่เป็นไปตามกรรม

    และน้อมไปเพื่อ “ปัจจุปปันนังสญาณ” เห็นสัตว์โลกในทุคคติภูมิ ได้แก่ ภูมิของเปรต สัตว์นรก อสุรกาย และในสุคติภูมิ ได้แก่ เทวโลก และพรหมโลก ตามที่เป็นจริง ตามพระพุทธดำรัสได้

    ให้สามารถรู้เห็นสภาวะของสังขาร ได้แก่ เบญจขันธ์ของสัตว์โลกทั้งหลาย
    อันปัจจัยปรุงแต่งด้วย
    ปุญญาภิสังขาร คือความปรุงแต่งด้วยบุญ คือ กุศลกรรม
    อปุญญาภิสังขาร คือความปรุงแต่งด้วยบาป คือ อกุศลกรรม
    และ อเนญชาภิสังขาร คือ ความปรุงแต่งที่ไม่หวั่นไหว (ด้วยรูปฌานที่ ๔ ถึงอรูปฌานทั้ง ๔)


    ได้เห็นการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์โลกในสังสารจักร
    อันเป็นไปตามกรรม โดยวัฏฏะ ๓ คือ กิเลสวัฏ กัมมวัฏ และ วิปากวัฏ

    และ ให้สามารถเจริญปัญญารู้แจ้งในสภาวะของสังขารธรรม
    คือธรรมชาติที่ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่ง (สังขตธรรม) กล่าวคือ ธรรมที่เป็นไปในภูมิ ๓ ทั้งสิ้น
    ว่ามีสามัญญลักษณะที่เป็น อนิจฺจํ ทุกขํ และ อนตฺตา อย่างไร ละเอียดและกว้างขวาง

    ให้เจริญวิปัสสนาญาณ รวบยอดผ่านถึง "โคตรภูญาณ" ของธรรมกายได้อย่างรวดเร็ว
    และเป็นบาทฐานให้เจริญ "โลกุตตรวิปัสสนา"ได้เป็นอย่างดี





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2010
  13. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972

    เป็นที่น่าเสียใจจริงๆ ครับ การพูดคุยของเราทำไมมันวนเวียนอยู่กับการติดกับดักทางความคิดเพียงแค่ ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำให้ดีที่สุด นั่นเป็นการอุปโลกที่แย่ที่สุด...ก็รู้ทั้งรู้ว่ามันยังไม่ดีที่สุดไง จึงมีผู้เสนอเติมเต็มในสิ่งที่วัดคลองสามขาดอยู่...????

    การแสดงความเห็นข้างบนนี้..เป็นความคิดที่สั้นและอันตรายมากครับ จักเอาตัวไม่รอด เพราะอะไร เพราะยุคนี้วิชชาเปิดแล้ว แต่มีบางคนที่อยู่สายธรรมกายแท้ๆ กลับไปพูดฝังหัวให้คนกลัวการศึกษาวิชชาธรรมกายทุกหลักสูตร ถ้าจะรบหรือจะสร้างบารมีแต่ไม่มีความรู้ทางวิชชาธรรมกายเลย ก็เลิกพูดกันถึงความสำเร็จที่ตั้งใจเสียสูงปรี๊ดเถิดครับ เพราะมันจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยนั่นเอง

    คำกล่าวที่ว่า "ถ้าจะรอให้ได้18กายก่อนแล้วเริ่มทำงาน ชาตินี้คงไม่ได้ทำประโยชน์ ได้แค่ใหนก็ใช้แค่นั้น..." นี่คือคำพูดของคนที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่เข้าใจอะไรเลยว่าวิชชา ๑๘ กายนั้นสำคัญอย่างไร ต่อการสร้างบารมี และการเข้าถึงธรรมกายนั้นเป็นหน้าที่ของเราทุกคนไม่ใช่ไปทำงานอื่นที่ธาตุธรรมภาคขาวไม่ต้องการให้ทำเลย เข้าใจที่ผมกล่าวหน่อยเถิดครับ ผมกล่าวว่าฝึกวันเดียวก็เห็นผลแล้ว ก็ไหนชอบนั่งสมาธิกันแบบมืดมิดมืดตื้อเป็นครึ่งค่อนวัน เสียเวลาอยู่ทำไม ฝึกให้ถูกวิธีแค่วันเดียวก็เข้าถึงธรรมกายได้แล้ว ผมกล่าวเพื่อให้เห็นความสำคัญและความง่ายในการที่เราจะเข้าถึงธรรมกาย แต่กลับแสดงความเห็นที่บ่งถึงการไม่รู้ค่าของวิชชาออกมาเช่นนี้ เป็นที่น่าเสียใจจริงๆ ครับ

    การคิดแบบประโยคข้างบนไม่ชอบด้วยเหตุผลใดๆ และอันตรายอย่างยิ่ง ผมขอกล่าวตรงๆ แค่นี้ ถ้าท่านไม่มีความรู้ก็งดออกความเห็นที่ไม่เข้าท่าเถิดครับ ผมต้องการให้ท่านเห็นคุณค่าของหลักวิชชาภาคปฏิบัติ แต่การแสดงความเห็นของท่านมันบ่งบอกว่าคิดอย่างนี้จักเอาตัวไม่รอดเอา นี่น่ะหรือที่กล้าพูดว่าไม่กลัวเจ็บ อย่างนี้เขาเรียกว่า เจ็บแล้วไม่รู้จักจำ กระมัง

    ขออภัยด้วยจริงๆ อ่านความคิดเห็นนี้แล้วรู้สึกว่าน่าตำหนิจริงๆ และเสียใจจริงๆ ที่การคุยของเรา ท่านกลับสรุปออกมาได้เพียงแค่นี้ วิชชาธรรมกายจะฝากไว้กับอะไรได้อีก "ถ้าเราไม่เห็นคุณค่าของวิชชา ก็เท่ากับเราทำลายวิชชาไปในตัว"

    ผมไม่ได้ต้องการกล่าวโทษท่าน แต่ผมพยายามชี้ขุมทรัพย์ให้ ถ้าท่านไม่เข้าใจให้ถามได้ แต่อย่างได้แสดงความเห็นแบบไร้ทิศทางไร้หลักเหตุผลทางวิชชาเช่นนี้อีกเลยครับ


    มาคุยภาษาเดียวกันเถิดครับ ภาษาวิชชาธรรมกายของพระพุทธเจ้าภาคขาวใส(กุศลาธัมมา)



    รวมพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำ http://khunsamatha.com/blog/dhammakaya-C5.html

    ตำราวิชชาธรรมกายทุกหลักสูตร http://www.crystalmind.org/library/index.asp

    เวบวิชชาธรรมกาย http://khunsamatha.com/

    ห้องสนทนาวิชชาธรรมกาย http://forums.212cafe.com/samatha/<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->​
     
  14. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +1,035
    -ถ้าจะรอให้ได้18กายก่อนแล้วเริ่มทำงาน ชาตินี้คงไม่ได้ทำประโยชน์

    ได้แค่ใหนก็ใช้แค่นั้น ยังไม่ได้ก็พยายามต่อไป ได้ประโยชน์ตั้งแต่ต้นจนตาย

    ข้อนี้หมายถึง ให้เราใช้กายสังขารของเราทำประโยชน์ให้ดีที่สุดในปัจจุบัน
    ขวนขวายในการสร้างบารมี ไม่ต้องรอให้ได้ธรรมกายก่อนแล้วค่อยทำ
    เพราะความตายไม่มีนิมิตหมาย

    ไม่ใช่ไม่รู้คุณค่าของวิชชาครับ แต่ให้ความสำคัญกับเวลาของชีวิตด้วยเช่นกัน
    ใครสามารถเข้าถึงธรรมได้สะดวกง่ายดาย ผมก็สาธุครับ

    แต่ผมเองแม้ยังไม่เข้าถึงแต่ผมก็จะทำประโยชน์ให้หลวงพ่อด้วยกายสังขารนี้
    เพราะผมก็ไม่รู้ว่าจะตายก่อนเมื่อไร

    จึงบอกว่า"ได้แค่ใหนก็ใช้แค่นั้น ยังไม่ได้ก็พยายามต่อไป ได้ประโยชน์ตั้งแต่ต้นจนตาย
    "

    การเข้าให้ถึงธรรมกายเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งแน่นอนอยู่แล้วครับ
    แต่ก็มันยังไม่ถึงจะให้อยู่เฉยๆหรือ มีงานในศาสนารออยู่ก็ไปทำสิครับ

    แล้วก็มาปรารภความเพียรกันต่อไปทำมันคู่กันไป

    ไวยาวัจจักร ของวัดปากน้ำสมัยนั้น ท่านก็ได้ธรรมกายหลังจากงานของท่านเสร็จแล้ว
    เพราะนั่นคือหน้าที่ของท่านครับ

    แต่ละคนมีหน้าที่ของตนเอง ในกองทัพก็มีทหารหลายหน้าที่
    แต่ละกรมกองก็มีความชำนาญต่างกันไป มีงานต่างกันไป

    ในกองทัพธรรมของหลวงพ่อวัดปากน้ำก็เช่นกัน
    หน้าที่ต่างกัน งานต่างกัน จะให้ทำได้เหมือนกันคงลำบาก
    แต่ก็มีหลังชัยคือหลวงพ่อเหมือนกัน

    นั่นคือมุมมองที่ต่างกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2010
  15. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +1,035
    และไม่ได้สอนให้ใครกลัวการศึกษาวิชชาครับ
    เพียงแต่ต้องการบอกว่า

    วิชชาธรรมกาย ต้องใช้ธรรมกายเรียนวิชชา
    ถ้ายังไม่ได้เป็นธรรมกายก็ไม่มีความจำเป็นต้องรู้วิชชาธรรมกาย

    เพราะจะทำให้ฟุ้งซ่าน และจะยิ่งเข้าถึงยาก

    ยังอยู่แค่เห็นดวงธรรม ก็ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเขาเดินวิชชาธรรมกายกันอย่างไร
     
  16. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972

    เอาอย่างนี้นะครับ การคิดแบบนี้ ไม่ใช่วิธีที่ถูกนัก ตรงนี้ไปโทษผู้เรียนไมได้ ต้องโทษที่ผู้สอน ถ้าท่านเห็นดวงธรรมจริง ท่านก็ต้องฝึกในขั้นเห็นกายได้ และได้ในเวลานั้นเลย แล้วก็ต่อวิชชา ๑๘ กายได้ เทคนิควิธีการเหล่านี้ผู้สอนหรือครูอาจารย์จำเป็นต้องสอน เพราะเป็นมาตรฐานของการฝึกฝนเรียนรู้

    และขอร้องว่า คำว่าฟุ้งซ่านนั้น ถ้านำมาใช้ผิดที่ ก็จะเกิดความเข้าใจไขว้เขวได้ ก็ต้องโทษที่ผู้สอนอีก ว่า ถ้าเขาทำดวงใสในท้องได้ ความหยุดความนิ่งของใจ ไม่ทำให้ฟุ้งซ่านดอกครับ และจำเป็นที่ต้องเรียนเป็นลำดับต่อไปให้ครบในความรู้พื้นฐาน นั่นคือ...


    --> ใครที่เห็นดวงปฐมมรรคแล้ว ผู้ฝึกต้องต่อวิชชาอย่างน้อยให้เห็นกายธรรมเบื้องต้นได้ทันที เพื่อให้กายธรรมรักษาดวงธรรมไม่ให้เลือนหาย

    --> แล้วให้เขาฝึกอนุโลม-ปฏิโลม อย่างน้อย ๔ กายธรรมเบื้องต้น สักระยะ

    --> จากนั้นนัดมาต่อวิชชา ๑๘ กาย ภายใน ๑ วัน ต้องทำได้ครบทั้ง ๑๘ กาย

    --> เมื่อทำได้ทั้ง ๑๘ กายแล้ว ให้เขาเดินอนุโลม-ปฏิโลม ๑๘ กายสักระยะ

    --> จากนั้นนัดมาฝึกให้เข้าหาต้นธาตุ คือหลวงพ่อวัดปากน้ำ แล้วฝึกเข้านิพพานไปซ้อนกายสับกายกับพระพุทธองค์ให้ธาตุธรรมชูช่วยในการเดินวิชชาให้ดียิ่งขึ้น

    -->> ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ใช้เวลาไม่นานเลย และต้องสอนเป็นลำดับขั้นตอนเช่นนี้


    ถามว่ามีตรงไปไหนครับที่ทำให้ฟุ้งซ่าน มีตรงไหนครับให้แช่อิ่มหมักดองดวงธรรมไปเรื่อยๆ คุณต้องเรียนรู้ตามหลักสูตรที่ชัดเจนเช่นนี้ เพราะนี้เป็นเพียงหลักสูตรเบื้องต้นที่ทุกคนต้องทำได้ ผมไม่กล่าวโทษคุณดอก และต้องติติงอาจารย์ผู้สอนต่างหากว่าให้ความสำคัญต่อหลักสูตรพื้นฐานแค่ไหน พัฒนาผู้เรียนอย่างเป็นระบบได้ไหม

    และขอร้องอย่าพูดเปื้อนเปรอะอีกที่ว่า " วิชชาธรรมกาย ต้องใช้ธรรมกายเรียนวิชชาถ้ายังไม่ได้เป็นธรรมกายก็ไม่มีความจำเป็นต้องรู้วิชชาธรรมกาย" ความคิดเช่นนี้ขอให้ทิ้งคลองน้ำเน่าไปเลยนะครับ ใช้ไม่ได้ ไม่เข้าท่าเลย เพราะผู้สอนไม่ได้เรื่องจึงบอกความรู้มาเช่นนี้ จับประเด็นให้ดีนะครับ


    ผู้สอนที่ดี เมื่อมีคนมาฝึกกับเราจะมากน้อยเพียงใด ท่านต้องจัดลำดับการฝึกออกมาให้ชัดเจน ดังนี้


    1. ผู้มารับการฝึกเบื้องต้น คือ ยังไม่เห็นอะไรเลย ให้เขาเดินใจตามฐานทางเดินของใจ ๗ ฐาน ภายใน ๑ ชั่วโมงจะมีคนเห็นดวงธรรมในท้อง สมมติว่ามีคนมาฝึก ๑๐๐ คน(จะมากกว่านี้ผลทางเปอร์เซ็นต์ที่ได้ก็เท่ากัน) จะมีคนฝึกภายใน ๑ ชั่วโมง เห็นดวงปฐมมรรคได้...

    -->> ถ้าเป็นผู้ใหญ่อายุ 40 ปีขึ้นไป อย่างน้อยทำได้ ๕๐%

    -->> ถ้าอายุ 40 ปีลงมา - 20 ปี จะทำดวงใสได้ประมาณ ๗๐%

    -->> ถ้าอายุต่ำกว่า 20 ปีลงไป จะทำดวงใสได้ประมาณ ๙๐-๑๐๐%


    ท่านต้องสอนได้เช่นนี้ ถึงจะเรียกว่า รักษาวิชชาธรรมกายภาคปฏิบัติได้อย่างแท้จริง นี่คือการเผยแผ่วิชชาธรรมกายของจริง ผมพิสูจน์มาแล้วมากกว่า ๑๐ ปี


    2. ชุดที่ทำดวงใสในท้องได้ ผู้สอนต้องต่อวิชชาให้เขาเห็นกายธรรมเบื้องต้น คือ หลักสูตร ๔ กายธรรม ภายในเวลา ๑ ชั่วโมงของวันนั้น แล้วให้เขาไปฝึกเดิน อนุโลม-ปฏิโลม ๔ กายธรรมจนกระทั่งแคล่วคล่องเป็นวสี แล้วจึงนัดมาต่อวิชชา ๑๘ กายอีกที จะอีก ๑ สัปดาห์หรือเท่าไรอยู่ที่ผู้ฝึก

    ส่วนคนที่ยังทำไม่ได้ ให้เขาไปฝึกลำดับเดินใจตามฐาน ทั้ง ๗ ฐานต่อที่บ้าน แล้วค่อยนัดมาฝึกใหม่ ก็จะทำให้เห็นธรรมได้ในโอกาสต่อไป


    3. ชุดที่ทำได้ตามผลที่แสดงไว้แล้ว เมื่อนัดมาต่อวิชชา ๑๘ กาย ต้องทำได้ทุกคนภายในเวลา ครึ่ง-หนึ่งวัน แล้วสอนเดินวิชชาแบบ อนุโลม-ปฏิโลม ๑๘ กาย เพื่อไปฝึกต่อเนื่องที่บ้าน ทุกอย่างมีเทคนิควิธีการหมดไม่มีอะไรยากเลย จากนั้นนัดหมายให้มาต่อวิชชา เข้าเฝ้าต้นธาตุคือหลวงพ่อวัดป่ากน้ำ แล้วฝึกเดินวิชชาเข้านิพพานไปกราบพระพุทธเจ้าในพระนิพพาน ในอีก ๑ สัปดาห์ หรือเมื่อไรก็ตามแต่ผู้ฝึกจะนัดหมายเอาเอง


    4. เมื่อถึงเวลานัดหมาย ขั้นต่อไปฝึกเดินวิชชาเข้าหาต้นธาตุ แล้วเข้านิพพานไปพบพระพุทธเจ้าให้มากนิพพาน เพื่อฝากธาตุฝากธรรมต่อพระบรมศาสดา จะขอรัตนะ ๗ ให้ผู้ฝึกในโอกาสนี้เลยก็ได้ หรือนัดหมายมาขออีกทีหลังก็ได้ ไม่มีอะไรยากเลย เป็นไปตามขั้นตอน


    5. นี่คือวิชชาเบื้องต้นที่เราผู้สอนต้องฝึกเขาได้ ขอย้ำว่าเบื้องต้นจริงๆ เป็นการเดินวิชชาส่วนตัว แล้วการสร้างบารมีของเราจะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะธาตุธรรมภาคขาวจะมาคอยชูช่วยและรักษาดวงบารมีให้เรา จากนั้นเราจะฝึกเดินวิชชาอย่างไรต่อไป มีหลักสูตรให้เรียนรู้อย่างชัดเจน ตอนนี้กล่าวโดยย่อเพียงเท่านี้


    ถามว่ามีตรงไหนที่ให้คุณupanyaมาตั้งคำถามได้ว่า "วิชชาธรรมกาย ต้องใช้ธรรมกายเรียนวิชชา ถ้ายังไม่ได้เป็นธรรมกายก็ไม่มีความจำเป็นต้องรู้วิชชาธรรมกาย" ก็ฝึกไปตามขั้นตอนอย่างนี้ มีตรงไหนที่จะฟุ้งซ่าน มีตรงไหนที่ห้ามเรียนรู้ การอ่านตำราทำได้ ไม่มีปัญหาจะอ่านขั้นไหนก็ได้ ถ้าท่านเรียนตามหลักสูตรเช่นนี้ มีปัญหาจากการอ่านตำรายินดีให้ถาม ตอบได้หมด เพราะเราปฏิบัติไป ฝึกไป เรียนไป อ่านตำราควบคู่กันไป ตรงไหนที่ห้ามทำหรือครับ ก็เรียนจนกระทั่งทำได้ตามขั้นตอนแล้ว ใครห้ามอ่านตำราก็คือคนทำลายวิชชาธรรมกายไม่ได้กว้างขวางออกไป ก็ครูผู้ฝึกเขาคุมความรู้อยู่เขาคอยตอบความรู้ให้อยู่ เรียนเป็นขั้นตอนแบบนี้ติดขัดอย่างไร ครูผู้ฝึกแก้ไขได้หมด ไม่มีอะไรยากเลย มีแต่ไม่เรียนจริงกันเองนั่นแหละ...


    ทำไมไม่ฝึกแบบนี้ล่ะ ก็เพราะไม่เคยฝึกเช่นนี้จึงคิดไปเองอย่างนั้น ล้าสมัยหมดยุคของการหาข้ออ้างเพื่อไม่เอาจริงต่อการฝึกแล้วนะครับ ผมกล่าวแล้วว่า ถ้าฝึกอย่างถูกต้องและเป็นขั้นตอน ทุกคนเข้าถึงธรรมกายและเข้ากายในกายทั้ง ๑๘ กายได้หมด ไม่มีอะไรยากเลย ชัดเจนไหมครับ...!!!


    ผมก็กล่าวแล้วว่าไม่รู้อะไรให้ถาม อย่าไปคิดเองเออเอง หมดยุคของการปิดวิชชาแล้ว ถ้าไม่เรียนเป็นขั้นตอนแบบนี้เห็นที่จะเอาตัวเองรอดได้ยาก คนใจใหญ่ ใจสู้ ใช่ว่าจะเรียนวิชชาธรรมกายได้นะครับ ต้องมีความรู้ทางวิชชากำกัเพื่อเอาตัวเองให้รอดด้วย แค่ใจใหญ่ ใจสู้ คิดไปเองว่าทำอย่างนี้คือสร้างบารมีภาคปราบ ทำอย่างนี้คือคนสู้ แต่พอถามความรู้ทางวิชชาธรรมกายไม่มีคำตอบ ไม่มีความรู้ จบครับ ตายหยั๋งเขียด อย่างนี้เอาตัวเองไม่รอด คุณไม่ผิดดอกครับ จะผิดก็ที่ตัวผู้สอนวางหลักสูตรการเรียนรู้ไม่เป็น จูงคนให้เหินห่างจากการเห็นธรรมเข้าถึงธรรมกาย เข้าถึงวิชชา ๑๘ กาย นานวันเข้าวิชชาก็เพี้ยน ความรู้ก็เพี้ยน แล้วก็กุเรื่องว่ามีสอนนะ มีคนทำได้นะ แต่อยู่ในที่ลึกลับไม่แสดงตน สุดท้ายวิชชาก็ดับ เพราะไม่มีใครสอนได้ แค่หลักสูตรเบื้องต้นก็ไม่มีการเรียนการสอน ไม่มีการพัฒนา ไม่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ เอาคนเป็นหมื่นเป็นแสนไปดองไว้ ไปขังไว้ ไปใส่ความเห็นไขว้เขวไว้ ไม่มีความรู้สอนเป็นขั้นเป็นตอน ไม่มีการวัดผลที่ชัดเจน ไม่มีการต่อวิชชาที่ชัดเจน ไม่มีการพัฒนาครูผู้ฝึก แล้วจะเอามือเปล่าไปสู้กับเขาหรือ ผมกล่าวชัดแล้ว ใจใหญ่ ใจสู้ แต่ไม่มีความรู้ทางวิชชาธรรมกาย ก็เหมือนปล่อยเขา(ลูกศิษย์)ลงไปตายกลางสนามรบ วิชชาสำคัญที่สุด วิชชาเป็นตัวสร้างบารมี วิชชาเป็นฤทธิ์ที่จะชนะศึกทุกสนามรบ คนไม่เป็นวิชชาตั้งแต่เบื้องต้นยันเบื้องสูง จะไปรบกับใครได้ วิชชาไม่ใช่จู่ๆ มันจะเป็นขึ้นมาเอง มันต้องมีการฝึกฝนเรียนรู้ บารมีอ่อนๆ เข้าถึงกรุวิชชาไม่ได้ ใจสู้ ใจใหญ่ ไม่ได้ทำให้ชนะได้ ทุกอย่างอยู่ที่หลักวิชชาธรรมกาย ถามตัวคุณเองซี คุณรู้อะไรบ้าง คุณเข้าใจวิชชาธรรมกายอะไรบ้าง คุณเข้าถึงอะไรบ้าง ไปให้เขาแช่อิ่มตีกรอบล้อมคอกทางความคิดอยู่ทำไม...????


    มาคุยภาษาเดียวกันเถิดครับ ภาษาวิชชาธรรมกายของพระพุทธเจ้าภาคขาวใส(กุศลาธัมมา)
     
  17. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    โปรดอ่านความรู้ในกระทู้...



    จากคำกล่าวที่ว่า...วิชชาธรรมกาย ต้องใช้ธรรมกายเรียนวิชชา...?


     
  18. ต้นไม้โพธิ

    ต้นไม้โพธิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +85
    นั่นไงละครับ คือสิ่งที่ผมเจอมาเช่นกัน

    เช่นพระอาจารย์วัดที่คลองสาม บวชมาสิบกว่าปี ท่านบอกว่าเห็นดวงสว่างก่อนบวช แล้วต่อมาบวชมานานก็เห็นก็ติดอยู่แค่กายรูปพรหม ท่านพูดอย่างภูมิใจนะ แถมถามไปถามมาท่านบอกว่า ถ้าถึงธรรมกายโสดาขึ้นไปเมื่อไหร่ กิเลศจะหมด ฉะนั้นให้ถึงแค่ธรรมกายโคตรภูก็พอใจแล้ว แล้วใช้ธรรมกายโคตรภูสร้างบารมี ???

    อีกชุดหนึ่งเป็นพระนานาชาติ ชาวจีน ฟรั่ง และเกาหลี บวชระยะสั้น เห็นแค่แสงสว่างบ้าง ดวงบ้าง ท่านก็ภูมิใจมาก ไม่หลับไม่นอน ไม่กินไม่ดื่ม นั่งสมาธิกันอย่างเดียวเป็นสิบๆชั่วโมง ท่านภูมิใจกันมากๆ

    ..............เห็นได้ขนาดนี้ถือว่าเก่ง แต่ น่า....เสียดายมากนะครับ ท่านน่าจะไปได้ไกลกว่านี้

    สำหรับสถาบันที่วัดหลวงพ่อสดฯ ดำเนินฯ ไม่ว่าจะคอสร์สั้นคอสร์ยาว 3 วัน 7 วัน 15 วัน ผู้ฝึกถ้าลองเห็นดวงแล้ว ก่อนจบคอสร์ต้องได้เบื้องกลางเป็นอย่างน้อย 18 กายนี้ได้ชัวร์ๆ เจริญฌาน สมถะวิปัสสนาสติปัฏฐานครบ ทำนิพพานให้แจ้ง ทูลขอรัตนะ7ได้แน่ จะไม่มีการติดอยู่เป็นสิบกว่าปีแน่นอน

    และที่นี่เน้นวิชชาธรรมกายระดับมรรคผลนิพพานเป็นฐานแน่นๆไว้ก่อนด้วย ดังนั้นจึงมีการพิจารณากิเลศ อนุปัสสนา วิปัสสนา สติปัฏฐาน และอริยสัจ มากๆ เพราะจะทำให้วิชชาที่สูงๆขึ้นไปได้สามัญญผลที่ดี ไม่มีสอนแค่ นิ่งๆ ใสๆ รวยโคตรๆ แล้วเน้นให้ทำทาน เพียงเท่านี้แน่นอน แม้ฟรั่งมายังสอนให้ครบไว้ก่อนเลยครับ
    .............

    ก็ผมอยู่สำนักที่ดำเนินเป็นหลัก เพราะได้หลักวิชชาครบถูกต้องโดยตรงจากสายพระสู่พระ กลิ่นไอการปฏิบัติครบ ซึ่งเป็นหลักเป็นส่วนสำคัญมากๆของการบำเพ็ญบารมีภาคปราบ

    ส่วนผมไปวัดพระธรรมกายก็เป็นการเติมเต็ม เพราะจริตชอบรูปแบบและกิจรรมที่ดีๆของวัดนี้

    ส่วนตำราทางสำนักคุณลุงการุณย์ผมก็ศึกษาไว้เทียบเคียงตรวจสอบรู้ญาณกันไปจากที่เรารู้และเข้าถึงมา

    ของที่แห่งอื่นๆก็ไปบ้างแลกเปลี่ยนประสบการณ์และภูมิธรรมกัน

    เสวนานานาสาระนะครับ อย่าไปคิดว่าเข้ามาถกเถียงอะไรกับใครเลย ไม่เกิดประโยชน์นะคิดแบบนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2010
  19. วิมุติมรรค

    วิมุติมรรค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,753
    [​IMG]


    การอบรมพระกัมมัฏฐานประจำปี

    ณ สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดราชบุรี แห่งที่ ๑
    วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
    อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี

    (อุบาสกอุบาสิกา สมัครเข้ารับอบรมด้วยได้)

    วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ได้รับการจัดตั้งขึ้นเป็น สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดราชบุรี แห่งที่ ๑ โดยอนุมัติมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๔ ได้จัดให้มีการอบรมพระกัมมัฏฐานแด่พระภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกา เป็นประจำทุกปีๆ ละ ๒ รุ่น
    ๑) รุ่นกลางปี ระหว่างวันที่ ๑ - ๑๔ พฤษภาคม และ


    ๒) รุ่นปลายปี ระหว่างวันที่ ๑ - ๑๔ ธันวาคม


    จึงขออาราธนาพระภิกษุสามเณร และขอเชิญอุบาสก อุบาสิกา ผู้สนใจศึกษาสัมมาปฏิบัติทุกท่าน สมัครเข้ารับการอบรมพระกัมมัฏฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔ ถึงธรรมกาย ซึ่งพระเดชพระคุณ หลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ได้ปฏิบัติและสั่งสอนถ่ายทอดไว้

    วัตถุประสงค์การอบรม

    วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ได้เปิดการอบรมพระกัมมัฏฐานประจำปีแก่พระภิกษุสงฆ์และสาธุชนทั่วไป โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ ในการดำเนินกิจกรรม ๓ ประการ คือ
    1. เพื่อสร้างพระในใจตนเองและผู้อื่น เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของสาธุชนให้กว้างขวางออกไป
    2. เพื่อสร้างพระวิปัสสนาจารย์หรือวิทยากรให้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ และให้งดงามพร้อมด้วยศีลาจารวัตร เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น เป็นที่พึ่งทางใจแก่สาธุชนได้อย่างแท้จริง ได้ช่วยกันสืบบวรพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวยิ่งๆ ขึ้นไป
    3. เพื่อรักษาและสืบต่อธรรมปฏิบัติตามแนววิชชาธรรมกายของพระพุทธเจ้า ให้ถูกต้องสมบูรณ์ ตามที่พระเดชพระคุณ หลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ได้สั่งสอนและถ่ายทอดเอาไว้

    หลักสูตรและวิธีการอบรมสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

    ๑. ภาคพระปริยัติธรรม
    ทุกวันจะมีพระมหาเถระ พระเถรานุเถระ ผู้ทรงคุณวุฒิ มาถวายความรู้ภาคปริยัติสัทธรรมแก่ผู้เข้าอบรม โดยเฉพาะ พระเดชพระคุณ พระราชญาณวิสิฐ (เสริมชัย ชยมงฺคโล) เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดราชบุรี แห่งที่ ๑ เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม รัฐประศาสนศาสน์มหาบัณฑิต “เกียรตินิยมดี” จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะได้ถวายความรู้ “หลักการเจริญสมถวิปัสสนากัมมัฏฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔ ถึงธรรมกาย” และ “หลักการบริหารวัด” ตามสมควรแก่เวลาและโอกาส

    ๒. ภาคปฏิบัติ
    การฝึกอบรมในภาคปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐานแต่ละวันนั้น จะมีทั้งการถวายคำแนะนำในการฝึกปฏิบัติ ภาวนาเป็นส่วนรวม และทั้งการปฏิบัติเป็นกลุ่มย่อยๆ โดยมี พระวิทยากรผู้ช่วยคอยช่วยแนะนำอย่างใกล้ชิดทุกกลุ่ม ภายใต้การสอนและการควบคุมของพระเดชพระคุณ พระราชญาณวิสิฐ เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมฯ / เจ้าอาวาส วัดหลวงพ่อสดฯ โดยมี พระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระราชพรหมเถร รองเจ้าอาวาสและพระอาจารย์ใหญ่ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กทม. เป็นที่ปรึกษา


    อุปกรณ์การฝึกอบรม
    จะมีหนังสือคู่มือธรรมปฏิบัติ เช่น หนังสือ “หลักสมถวิปัสสนากัมมัฏฐานเบื้องต้น”
    เทปสอนภาวนา และหนังสือ “การบริหารวัด” เป็นต้น ถวายตามสมควร ตามกำลังทุนทรัพย์ที่มีเจ้าภาพ


    ระเบียบการเข้ารับการอบรม
    จำนวนและระยะเวลาการอบรม
    เพื่อให้พอเหมาะแก่กำลังพระวิทยากร ที่จะถวาย/ให้คำแนะนำโดยใกล้ชิด โดยการอบรมแต่ละรุ่นๆ ละ ๑๔ วัน จะสามารถรับสมัครผู้เข้ารับการอบรมได้ประมาณรุ่นละ ๘๐๐ ท่าน รวมทั้งพระภิกษุสามเณร และอุบาสก/อุบาสิกา

    ในกรณีที่มีพระภิกษุสมัครเข้ารับการอบรมเกินกว่าจำนวนดังกล่าวข้างต้น ก็จะพิจารณาแบ่งให้สมัครเข้ารับการอบรมพระกัมมัฏฐานในรุ่นต่อไป ผู้สมัครที่มาก่อน จะได้รับการพิจารณาให้เข้ารับการอบรมก่อน


    การสมัครเข้ารับการอบรม
    สำหรับผู้สนใจที่จะเข้ารับการอบรม โปรดจดหมายขอสมัครเข้ารับการอบรมไปยัง
    พระราชญาณวิสิฐ
    เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
    อำเภอดำเนินสะดวก
    จังหวัดราชบุรี ๗๐๑๓๐
    ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถ้ามีผู้สมัครเข้ารับการอบรมร่วมกันหลายคน โปรดระบุรายชื่อและวัดของผู้ที่จะไปร่วมกันนั้นด้วย


    การเดินทางมาวัดหลวงพ่อสดฯ
    เมื่อพระคุณเจ้าได้ส่งจดหมายแจ้งความจำนงขอสมัครเข้ารับการอบรมไปแล้ว หากพระคุณเจ้าไม่ได้รับแจ้งว่า จำนวนผู้สมัครเต็มแล้ว ขอให้พระคุณเจ้าเตรียมเดินทางไปเข้ารับการอบรมได้เลย โดย
    ๑) ขออาราธนาพระคุณเจ้าเดินทางถึง วัดสระเกศ (ภูเขาทอง) กทม. ก่อนเปิดการอบรมฯ หนึ่งวัน คือ วันที่ ๓๐ เมษายน และวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน (เวลา ๑๒.๐๐ น.) เพื่อขึ้นรถที่จัดไว้ให้ เดินทางไปวัดหลวงพ่อสดฯ พร้อมกัน รถโดยสารจะจอดรอและจะออกเดินทางจากหน้าปากทางเข้าวัดสระเกศ (ภูเขาทอง) กทม. เวลา ๑๓.๐๐ น. ก่อนวันเปิดการอบรมหนึ่งวัน ของการอบรมทุกรุ่น
    ๒) หรือพระคุณเจ้าจะเดินทางไปยังวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เองโดยตรง ตามวันเวลาที่ระบุนี้ก็ได้ รถ บขส. (ขึ้นรถที่ขนส่งสายใต้) สาย ๗๘ ปรับอากาศ (สายกรุงเทพ-ดำเนินสะดวก) รถจะถึงและผ่านหน้าวัด ก่อนถึงตลาดดำเนินสะดวก ดูแผนที่


    สิ่งของที่ต้องนำมาด้วย
    1. ใบสุทธิ
    2. ใบรับรองจากเจ้าอาวาสพร้อมประทับตราวัด (เจ้าอาวาส/รองเจ้าอาวาส ไม่ต้องนำใบรับรองมาด้วย)
    3. บาตร และกลด


    ระเบียบการอยู่อบรม วัตรปฏิบัติเป็นประจำคือ ถือธุดงควัตร
    1. อยู่กลด กลางแจ้ง อยู่โคนไม้ หรือสถานที่ที่จัดไว้ให้
    2. ฉันภัตตาหารเฉพาะบิณฑบาต และ
    3. ฉันภัตตาหารมื้อเดียว

    กำหนดการประจำวัน

    ๐๔.๓๐ น. ตื่นนอน (สัญญาณระฆัง)
    ๐๕.๐๐ น. ทำวัตรเช้า ฝึกเจริญภาวนาธรรม
    ๐๖.๓๐ น. ฉันยาคู
    ๐๙.๐๐ น. เจริญภาวนาธรรม
    ๑๑.๐๐ น. ฉันภัตตาหารเฉพาะบิณฑบาต
    ๑๔.๐๐ น. ฟังธรรมบรรยาย มีสติปัฏฐาน ๔, โพธิปักขิยธรรม พระวินัย เป็นต้น
    ๑๗.๐๐ น. แบ่งกลุ่มปฏิบัติภาวนาธรรม มีพระวิทยากร ช่วยแนะนำควบคุมพระกัมมัฎฐานโดยใกล้ชิด
    ส่วนผู้ปฏิบัติได้ถึงธรรมกายรับการต่อวิชชา
    ๑๙.๓๐ น. ทำวัตรเย็น เจริญภาวนา ตอบปัญหาธรรม
    ๒๒.๐๐ น. ดับไฟ จำวัด


    ข้อห้ามระหว่างการอบรม
    1. ห้ามสูบบุหรี่และสิ่งเสพติดมึนเมาทุกชนิด
    2. ห้ามขาดการประชุมทุกครั้ง
    3. ห้ามฟังวิทยุเด็ดขาด
    4. ห้ามจับกลุ่มสนทนากัน
    5. ห้ามออกนอกบริเวณวัด โดยมิได้รับอนุญาต
    6. ห้ามพูดอวดผลการปฏิบัติธรรม
    7. ห้ามลงอาบน้ำหรือซักผ้าในคลอง


    ข้อควรปฏิบัติในการอบรม
    1. เข้าประชุมตรงต่อเวลา
    2. ต้องรักษาความสะอาดในบริเวณวัด
    3. ต้องมีความสำรวมในทุกอิริยาบถ
    4. นุ่งห่มให้เป็นปริมณฑล สำหรับพระภิกษุ-สามเณร สีของไตรจีวรต้องให้สีเหลืองอมแดงเข้ม หรือสีกรัก (สำหรับอุบาสกอุบาสิกา แต่งกายสุภาพ สีขาว)
    5. รักษาระเบียบวินัย และร่วมมือกับทางวัดด้วยดี

    หมายเหตุ
    1. สำหรับท่านที่เคยติดสูบบุหรี่และ/หรือยาเสพติดให้ โทษทุกชนิด ขอได้โปรดฝึกอบรมปฏิบัติธรรมอยู่ ณ วัดหรือสำนักของท่าน จนสามารถเลิกได้เสียก่อน จึงค่อยไปร่วมอบรมที่วัดหลวงพ่อสดฯ ในคราวต่อไป
    2. ในการเข้ารับการอบรมนี้ ไม่ต้องเสียค่าสมัครและค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
    วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม : สำนักปฏิบัติธรรมและโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี ประจำจังหว



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2010
  20. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    จากประโยคที่ว่า...."ใครจะโปรดหรือจะปราบสักวันคงได้รู้กัน" สำหรับผมไม่ต้องรอสักวันนะครับ ผมรู้จักท่านผู้ทำวิชชาปราบมารมานานแล้ว และทราบว่าคนจะปราบนั้นต้องสร้างบารมีอย่างไร ต้องมีความรู้อย่างไร

    เท่าที่เห็นมีแต่คนอยากปราบ อ้างว่าสักวันจะปราบ ถ้าตั้งต้นเช่นนี้ แปลว่าเขาถูกปราบไปเรียบร้อยแล้ว ไม่มีทางได้ทำวิชชาภาคปราบอย่างแน่นอน ของอย่างนี้ผมรับรู้มานานแล้ว การสมอ้างแบบเลื่อนลอย พูดแต่ราคาคุย ไม่มีทางได้ปราบดอกครับ เพราะเขา(ผู้พูด)ถูกปราบไปเรียบร้อยแล้ว

    หลวงพ่อวัดปากน้ำเคยสอนว่า "ถ้าเราไปสอนใครให้เขาเห็นแค่ดวงใส เพียงดวงเดียว ได้บุญมากกว่า บวชพระสงฆ์ ๑๐,๐๐๐ รูป ถ้าสอนเขาเดินวิชชา ๑๘ กายได้ ได้บุญมากกว่าบวชพระสงฆ์ ๔๐,๐๐๐ รูป" ถามว่าบุญบวชพระนั้นย่อมเลิศกว่าการตักบาตรพระเพียงอย่างเดียวเสียอีก แค่สอนให้เขาเดินวิชชา ๑๘ กายได้ ๑๐ คน ก็ได้บุญมากกว่าบวชพระถึง ๔๐๐,๐๐๐ รูป ถามว่าใครจะบวชพระได้ ขนาดนี้ล่ะ ทำไมเราไม่คิดให้ตรงหลักของหลวงพ่อวัดปากน้ำในการสร้างบารมีล่ะ คิดตรงที่คุณภาพของการสอนให้ผู้ฝึกเข้าถึงธรรมกายนี่แหละ...เลอเลิศและถูกตรงตามประสงค์ของธาตุธรรมภาคขาวที่สุด


    ผมจึงได้ข้อคิดว่า บารมีที่เกิดจากสอนให้คนอื่นเห็นธรรมกายและเดินวิชชา ๑๘ กายได้นั้น เป็นบารมีโพธิญาณ ไม่ใช่บารมีเสบียงที่ไม่ตรงกับหลักความรู้ใดๆ บุญก่อสร้าง บุญตักบาตร เป็นงานด้านปริมาณ แต่ไม่ได้ด้วยคุณภาพ บุญที่ได้คุณภาพนั้นและเป็นบุญศักดิ์สิทธิ์เป็นบารมีที่มีฤทธิ์มาจากการฝึกปฏิบัติทางวิชชาและการสอนให้ผู้อื่นเห็นธรรมนั่นเอง


    กล่าวอย่างนี้ น่าจะพอเห็นภาพนะครับ การสร้างบารมีไปมองที่ปริมาณได้หรือ ท่านให้มองที่คุณภาพทางวิชชาธรรมกายต่างหาก สิ่งเหล่านี้ท่านจะเข้าใจได้หรือไม่ ถ้าท่านเข้าใจได้ ท่านจะถึงบางอ้อ และท่านจะพ้นจากบ่วงแห่งวัฏฏะสังสารที่ภาคดำเขาขุดหลอกล่อท่านเอาไว้อีกด้วย....


    ผมไม่ได้ต้องการขวางงานบุญของใคร แต่ขอติงสำหรับผู้ต้นคิดงานบุญว่า เลิกเสียทีเถิดการสร้างบารมีที่ไม่ตรงหลักของการเกิดมาพบวิชชาธรรมกาย...
     

แชร์หน้านี้

Loading...