หลวงพ่อสด แยกกายมาจากต้นธาตุต้นธรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย belives, 29 ตุลาคม 2010.

  1. ดุสิตบุรี

    ดุสิตบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +273
    ผมเข้ามาอ่านอยู่หลายกระทู้ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่เข้ามาตอบแล้ว แต่ขอเข้ามาตอบและถามไปในกระทู้นี้ด้วยครับ


    ผมว่าทุกท่านที่ศีกษาวิชชาธรรมกายก็มีเป้าหมายเดียวกันคือเข้าถึงพระธรรมกาย ทำวิชชาเข้าใจให้เข้าถึง 18 กายและต่อวิชชาต่อไป แต่ที่ผ่านมาไม่แน่ใจว่าทางคุณสมถะอาจจะเข้าใจผิดว่าทางสายวัดพระธรรมกายไม่ได้เน้นย้ำการปฏิบัติให้เข้าถึงธรรม เดินวิชชาได้ 18 กาย ผมขออธิบายไว้ต่อด้านล่างแล้วกันครับ แต่คุณสมถะควรไตร่ตรองหยุดคิดนิดนึงว่า ที่ผ่านมาตัวคุณเองยังมีอคติกับอีกฝ่ายอยู่แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่คุณจะพยายามให้อีกฝ่ายรับฟังคุณในเมื่อตัวคุณยังไม่เปิดใจรับฟังอีกฝ่ายเลย เหตุที่ไม่เปิดใจรับฟังกันเพราะทั้งสองฝ่ายต่างเชื่อว่าฝ่ายของตนทำวิชชาถูก อีกฝ่ายทำวิชชาผิด ผมว่านี่แหละคือสิ่งที่มารชอบใจนัก

    <O:p
    <O:p
    ขอให้ท่านใช้ปัญญาไตร่ตรองว่าวัดพระธรรมกายถูกสร้างและดูแลโดยคุณยายอาจารย์อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ท่านเป็นอุบาสิกาผู้ทำวิชชาธรรมกายอยู่ในโรงงานทำวิชชาสมัยที่พระเดชพระคุณหลวงปู่สดยังมีชีวิตอยู่ ท่านทำวิชชาอยู่กับพระเดชพระคุณหลวงปู่สดอยู่หลายปีแล้ววิชชาท่านจะบิดเบือนได้อย่างไรครับ เพราะท่านชำนาญในวิชชาเป็นอย่างมากท่านต้องสอนศิษย์ของท่านให้เดินวิชชาตามอย่างท่านในสมัยพระเดชพระคุณหลวงปู่สดยังมีชีวิตอยู่สอนศิษย์เป็นแน่นอนครับ แต่เหตุที่วัดพระธรรมกายต้องมีกิจกรรมงานบุญบ่อยๆนั้น ด้วยเหตุผลอยากให้หมู่คณะผูกพันในบุญกุศล รักการสร้างบารมี และเพื่อดึงคนที่มีอินทรีย์ยังเบาบางได้เข้าวัดมาร่วมกิจกรรมงานบุญ เพื่อจะได้ศึกษาวิชชาธรรมกายต่อไปเพราะบางคนมีอินทรีย์อ่อน บางคนมีอินทรีย์แก่ ถ้าจะจับคนอินทรีย์อ่อนมานั่งสมาธิเลย เขาก็คงไม่เข้าวัดมานั่งสมาธิหรอกครับ ทางวัดก็เลยต้องมีกิจกรรมงานบุญหรือกิจกรรมบุญบันเทิงต่างๆบ้างครับ แต่ถ้าคุณไปวัดจะได้ยินหลวงพ่อธัมมชโยท่านสอนทุกครั้ง ย้ำบ่อยมาก (ยกเว้นคนที่ฟังหูซ้าย ทะลุหูขวา)ว่าการนั่งธรรมะเข้าถึงธรรมกายเป็นเรื่องสำคัญนะลูกนะ แต่พวกเรายังต้องมีหน้าที่ต้องชักชวนหมู่คณะ ชักชวนพี่น้องร่วมวงบุญของเราเข้ามา เพราะยังมีบางคนที่ยังกระจัดกระจายอยู่ตามจุดต่างๆในโลกนี้ แต่ระหว่างที่ลูกทำหน้าที่ ลูกก็อย่าลืมเอาใจจรดศูนย์กลางกายไปด้วยทุกกิจกรรมและผมกล้าพูดว่าในวัดพระธรรมกายมีคนได้ 18 กายหลายคน แต่คนเหล่านี้ไม่ได้ออกมาโฆษณาเพราะต้องต่อวิชชาและทำวิชชาในโรงงานต่อไปครับ (ประโยคหลัง คุณคงไม่เชื่อ ผมเข้าใจครับ)
    <O:p

    ผมขออนุญาตถามบ้างนะครับแหะๆ สงสัยมานานครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ คำถามอาจจะรุนแรง กระทบกระทั่งไปบ้างครับ

    <O:p<O:p
    1. คุณสมถะทราบได้อย่างไรว่าในวัดพระธรรมกายไม่มีใครได้ 18 กายและคุณรู้ได้อย่างไรว่าทางวัดพระธรรมกายถูกปราบเรียบร้อยแล้วครับ


    <O:p2. คุณอ้างมาตลอดว่าทางสายปฏิบัติคณะของคุณสอนคนได้ 18 กายมามากแล้ว แล้วคนที่ได้ 18 กายเขาทำอะไรอยู่ครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงป่านนี้คงมีคนได้ 18 กายนับหมื่นคนนะเพราะทางคณะคุณได้เปิดสอนมาหลายหลักสูตรแล้ว และที่ผ่านมาพวกคุณพูดเสมอว่ากำลังปราบมารอยู่ แล้วทำไมมารยังเล่นงานหัวหน้าคณะคุณจนเป็นมะเร็งกล่องเสียงได้หรือว่าหัวหน้าคณะคุณโดนมารปราบไปแล้วหรือว่าเป็นวิบากกรรมเก่า ถ้าเป็นวิบากกรรมเก่าจริงๆ ผมก็ไม่ขอสงสัย แต่ไม่ทราบว่าใกล้จะชนะหรือยังครับ


    <O:p<O:p
    3. คนที่เข้าวัดพระธรรมกาย บางคนมีอินทรีย์อ่อน บางคนมีอินทรีย์กลาง บางคนมีอินทรีย์แก่ พวกที่มีอินทรีย์แก่ก็เข้าถึงธรรมกายได้ง่าย พวกที่อินทรีย์ยังอ่อนอยู่ก็ต้องสะสมบารมีต่อไปพร้อมปฏิบัติธรรมต่อไป จะให้เข้าถึง 18 กายทั้งหมดก็คงไม่ใช่ครับ หรือคุณจะปฏิเสธเรื่องบารมีหรือว่าทางสายคณะของพวกคุณสามารถทำคนที่มีอินทรีย์อ่อนให้แก่รอบได้รวดเร็ว ถ้าเป็นแบบนั้นพระพุทธเจ้าก็คงไม่ต้องบำเพ็ญบารมีอย่างน้อยถึง 20 อสงไขยกับแสนกัปป์ถึงจะได้มาตรัสรู้หรอกนะครับ


    <O:p4.หัวหน้าคณะคุณมักจะพูดว่าการบวชเป็นพระปราบมารไม่ได้ ปราบไม่สำเร็จ ปราบได้ยาก เพราะต้องระวังเรื่องศีลจะด่างพร้อย ต้องอยู่ในเพศฆราวาสถึงจะปราบมารได้ดี แล้วทำไมท่านเจ้าประคุณหลวงพ่อเสริมชัยยังทำวิชชาได้ ถ้าอย่างนั้นพระภิกษุสงฆ์ก็ไม่ต้องจำเป็นต้องบวชแล้วสิครับเพราะทำวิชชาปราบมารลำบากกว่าฆราวาส สึกหาลาเพศมาเป็นฆราวาสดีกว่าจะได้เดินวิชชาปราบมารได้ง่ายกว่า


    <O:p5.ทางคณะของคุณมักจะพูดว่าบูชาข้าวพระได้เพียงคนเดียวคนอื่นทำไม่ได้ ผมขอถามว่าสมัยที่คุณยายอุบาสิกาทองสุข สำแดงปั้น ท่านยังมีชีวิตอยู่หัวหน้าคณะคุณจำไม่ได้หรือว่า สมัยนั้นคุณยายอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ก็บูชาข้าวพระได้ เพราะทั้งคุณยายทองสุข และคุณยายจันทร์สองท่านนี้เป็นคนค้นคว้าการบูชาข้าวพระขึ้นมาครับ


    <O:p6.คุณยายอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูงได้ทำวิชชาในโรงงานสมัยหลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ โดยทางคุณจะว่าเป็นแค่รองหัวหน้าเวรก็ไม่เป็นไรครับ แต่คนที่เป็นรองหัวหน้าเวรต้องมีบารมีและมีญาณทัสสนะที่ดีมากไม่เช่นนั้นไม่ได้ทำวิชชากับพระเดชพระคุณหลวงปู่สดหรอกนะครับ แล้วหัวหน้าคณะคุณจะพูดได้อย่างไรว่าก่อนคุณยายอุบาสิกาทองสุข สำแดงปั้นจะละสังขารได้พูดฝากคุณยายอุบาสิกาจันทร์ ขนยกนูงไว้กับหัวหน้าคณะของพวกคุณให้คอยดูแล ให้คอยประคับประคอง ผมขอถามกลับว่าคนที่ทำวิชชาในโรงงานถึงได้ตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าเวร(ตามที่พวกกล่าว) แล้วทำไมยังต้องให้คนที่ไม่ได้ตำแหน่งอะไรในโรงงานทำวิชชามาดูแลท่านละครับ


    <O:p
    สุดท้ายนี้ผมกราบขออโหสิกรรมและขอโทษด้วยครับ ที่บางคำบางประโยคผมอาจใช้คำพูดกระทบกระทั่งไปบ้างแต่ผมตั้งใจพิมพ์เพื่ออรรถรสในการปุจฉา-วิสัชนาครับ<O:pด้วยความเคารพในธรรมครับ


    ด้วยความเคารพในธรรมครับ<O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2010
  2. ต้นไม้โพธิ

    ต้นไม้โพธิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +85
    อยากจะให้เสวนากันใช้สำนวนซอพๆกว่านี้นะครับ เดี๋ยวคนสายอื่นเขานึกว่าเรามาทะเลาะกัน

    มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจา ไม่สำทับกันไปๆมาๆ มีอะไรเสนอแนะก็ว่ากันไป ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งคิดไปว่า ใครมีอคติต่อใครเลยนะครับ
    .............................

    สำหรับโพสต์ส่วนของผม ไม่ได้ว่าอะไรสำนักไหนหรอก แค่เสนอแนะให้เติมเต็ม เพื่อไม่ให้วิชชาธรรมกายถูกโจมตี และใช้สติปัญญาในการรับรู้รับฟัง ไม่หลงไหลไปกับภาพต่างๆ เท่านั้นเองนะครับ

    หากเข้าใจดังนี้ก็เป็นอันก่อเกิดประโยชน์

    ส่วนท่านอื่นๆก็ปรับทัศนะกันให้ดี เสวนากันให้ใจเย็นๆ ให้การเสวนาก่อเกิดประโยชน์นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2010
  3. ต้นไม้โพธิ

    ต้นไม้โพธิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +85
    ออ อีกนิดนึง หากต้องการจะเสวนากันประเด็นลึกๆ ของคุณสมถะ ก็เข้าไปที่บอดร์ของสมถะ
    หากเป็นประเด็นของวัดพระธรรมกายก็เข้าบอดร์ดีเอ็มซี
    หรือหากจะประเด็นของสายพระที่ดำเนินก็ไปบอดร์วัดหลวงพ่อสด นะครับ

    การเสวนาประเด็นลึกๆที่บอดร์สาธารณะแห่งนี้ ไม่สมควรนะครับ เดี๋ยวคนนอกเขาจะคิดไปว่า เราทะเลาะกัน ความจริงไม่ใช่นะ เราแค่เสวนากัน


    นิมนต์ไปเสวนากันต่อตามที่อยู่หลักๆกันเลยนะครับท่านผู้เจริญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2010
  4. loxinfo

    loxinfo สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +16
    เคารพรักหลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย ด้วยเศียรเกล้า
     
  5. belives

    belives เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +234
    อีกไม่นาน ครับ อีกไม่นาน

    แล้ววิชชาธรรมกายจะเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดังดวงตะวันที่มีดวงเดียว

    ขอให้ทุกท่าน รักษาธรรมะที่ได้จากการปฏิบัติแนว วิชชาธรรมกายไว้

    ทุกๆท่าน ถือว่าเป็นผู้ที่มีธาตุธรรมแก่ ถึงได้เกิดมาพบเจอ วิชชาธรรมกาย

    ได้ปฎิบัติตาม่คำสอนหลวงปู่ อีกไม่นานเท่านั้นนะครับ

    อย่าพึ่งกล่าวพาดพึงอะไรรุนแรงเลย เราก็ชาวธรรมกายด้วยกัน

    ใจเย็นๆๆๆๆๆๆๆๆ นะครับ
     
  6. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    เรื่องเหล่านี้ ต้องถามว่าท่านเปิดใจรับฟังจริงหรือไม่ล่ะครับ แต่เท่าที่ดูตอนนี้เหมือนกับกำลังจะชวนวิวาทะกันนะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาเริ่มการวิวาทะเช่นนี้นะครับ

    ผมขอไม่ตอบในส่วนที่คุณดุสิตบุรีถามในที่สาธารณะเพื่อความสงบสุขของสังคมนักปฏิบัติและผมก็ไม่ได้ต้องการให้มีคำถามซ้ำๆ ซากๆ เช่นนี้ เพราะตอบมามากแล้ว ตอบมาหลายครั้งแล้วด้วย ผมไม่ได้ต้องการให้เรามากระทบกระทั่งกันเช่นนี้ ต้องการให้เราเห็นค่าของวิชชาธรรมกายและสอนให้คนเห็นธรรมให้จงได้ นี่ผมก็เปลี่ยนแนวเพื่อให้เราคุยภาษาเดียวกัน ท่านก็จะวกไปคุยกันแบบเดิมๆ ไม่จบสิ้นอีก...


    เรื่องมันง่ายนิดเดียว ถ้าใครเขาติงว่าวัดที่คลองสามไม่สอนหรือฝึกให้เป็นขั้นตอนชัดเจน ตรวจสอบไม่ได้ วัดผลก็ไม่ได้ ท่านก็แค่ไปแก้ไขให้มีการสอนที่ชัดเจนเป็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน และตรวจสอบวัดผลได้ ก็เท่านั้น ทำไมจะต้องมาตั้งแง่หาเรื่องทะเลาะกันล่ะครับ ผมก็บอกแล้วถ้าท่านสามารถสอนให้คนเข้าถึงธรรมกายได้อย่างถูกต้อง เป็นลำดับ ชัดเจน ตรวจสอบ วัดผลได้ ผมยินดีเป็นเพื่อนท่าน ยินดีช่วยเหลือท่านเท่าที่จะทำได้ เรื่องมันก็แค่นี้เอง


    ถ้าจะคุยกับแบบที่คุณดุสิตบุรีกำลังกระทำอยู่ ขอเชิญไปคุยในห้องสนทนาของผมได้นะครับ ตามลิงค์ข้างล่างนี้ ผมก็เสนอแนวทางไว้ให้แล้ว ทำไมไม่คิดจะสมานฉันท์กันล่ะครับ....



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2010
  7. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    สำหรับท่านที่สนใจเรียนรู้ฝึกภาวนาวิชชาธรรมกายจำเป็นหรือไม่ที่ต้องอ่านตำราความรู้ทางวิชชาธรรมกาย ผมเห็นว่า จำเป็นอย่างยิ่งครับ โดยเฉพาะท่านที่ต้องการฝึกฝนอย่างถูกหลักวิชชา เพราะการอ่านความรู้ตามตำราทางวิชชานั้นเป็นเสมือนแม่บทมาติกาแก่การเรียนรู้ เปรียบเทียบไปแล้วก็เหมือนนักกฏหมาย ถ้าไม่รู้หลักมาตราทางกฏหมายอย่างถูกต้องแม่นยำ ก็เป็นนักกฏหมายไม่ได้ จะเป็นทนายความ เป็นอัยการ เป็นผู้พิพากษา หรือแม้แต่เป็นเจ้าหน้าที่ทางกฏหมายอื่นๆ ถ้าไม่รู้มาตราตัวบทกฏหมายเอาเสียเลยก็เลิกพูดกันนั่นเอง

    แต่วิชชาธรรมกายนั้นสำคัญยิ่งกว่า ความผิดเพี้ยนจะบังเกิดขึ้นอย่างง่ายดายเมื่อเราไม่เคยอ่านตำราทางวิชชาธรรมกายใดๆ เลย ตำราที่ว่านั้น มีดังนี้

    [​IMG]
    ๑.ทางมรรคผล ๑๘ กาย ที่ทางวัดปากน้ำจัดทำขึ้น
    [​IMG]
    ๒.ตำราคู่มือสมภาร
    [​IMG]
    ๓.ตำราหลักสูตรวิชชามรรคผลพิสดาร ภาค ๑
    [​IMG]
    ๔.ตำราหลักสูตรวิชชามรรคผลพิสดาร ภาค ๒

    หาอ่านได้ทางลิงค์นี้ http://www.crystalmind.org/library/index.asp

    นี่คือจุดเริ่มต้นที่เราจะจับหลักวิชชาธรรมกายตั้งแต่เบื้องต้น เบื้องกลาง และเบื้องปลาย ได้อย่างถูกต้อง และรู้เห็นได้ตรงกัน พูดภาษาเดียวกันทุกสำนัก ทุกกลุ่ม ทุกคน ที่ฝึกภาวนาวิชชาธรรมกายเพราะเราถือตำราเล่มเดียวกัน พูดจาภาษาเดียวกัน เราก็จะลงตัวลงรอยกันได้ง่าย โดยไม่แบ่งแยกอาจารย์หรืออ้างทิฏฐิใดๆ มากล่าวกระทบกันเลย นี่คือความสำคัญของการสนใจอ่านตำราวิชชาธรรมกายทุกหลักสูตรนั่นเอง



    บางท่านอาจกล่าวว่า การฝึกภาวนาจะติดตำรามากเกินไปไม่ได้ ท่านอาจกล่าวได้อย่างมีเหตุผล แต่ก็ยังไม่สมด้วยเหตุผลนัก เพราะอะไรหรือ...?

    เพราะว่า การอ่านตำราวิชชาธรรมกาย ไม่เหมือนการอ่านตำราทั่วๆ ไป ตำราวิชชาธรรมกายทุกเล่มทุกหลักสูตร เป็นตำราทางปฏิบัติ ไม่ใช่ตำราปริยัติ หมายความว่า ถ้าท่านอ่านท่านจะได้เข็มทิศชั้นเลิศ วันนี้ท่านยังไม่เห็นวิชชาท่านอ่านไปก่อน ยิ่งทำให้ท่านเห็นคุณค่าของวิชชา เมื่อใดที่ท่านเข้าถึงวิชชาท่านจะนึกความรู้ที่อ่านตามตำราได้ แล้วท่านจะเรียนภาคปฏิบัติได้เข้าใจและไปได้เร็วขึ้น ที่สำคัญท่านจะไม่พลาดในหลักปฏิบัติที่จะเป็นบ่อเกิดของความผิดเพี้ยนทางวิชชานั่นเอง

    ผมย้ำนะครับ ตำราวิชชาธรรมกายทุกเล่ม ทุกหลักสูตรเป็นตำราภาคปฏิบัติไม่ใช่ตำราปริยัติ ไม่ใช่ภาคทฤษฎี ก็เมื่อท่านสนใจปฏิบัติภาวนาวิชชาธรรมกาย ท่านยิ่งต้องอ่าน และอ่านให้ครบทุกหลักสูตรด้วย เพราะเนื้อหาทุกบทพิสูจน์มาแล้วว่าถูกต้องตามหลักเดินวิชชาของธรรมภาคขาว ถึงแม้ท่านยังไม่เห็นวิชชาแต่ทรงจำเนื้อความตามตำราได้ ท่านก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้หนึ่งที่รักษาหลักความรู้หลักวิชชาธรรมกายผู้หนึ่งเลยทีเดียว และเมื่อใดที่ท่านเป็นวิชชา ท่านจะก้าวหน้าไปได้ไวอย่างถูกต้องและจะเข้าถึงกรุวิชชาได้อย่างเร็วด้วย...



    สำหรับที่อาจมีบางท่านกล่าวว่า อ่านได้แต่อ่านแล้วก็ไม่เข้าใจจะทำอย่างไรดี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ท่านจะต้องขวนขวายต่อไป ถ้าเป็นผม ผมจะหาอาจารย์ที่ท่านสามารถอธิบายความรู้ทางตำราวิชชาธรรมกายได้ทุกหลักสูตร นั่นแปลว่าท่านเข้าถึงความรู้จริง ทรงภูมิจริง เป็นที่พึ่งทางวิชชาของเราได้ แต่ถ้ามีอาจารย์ท่านใดไม่เห็นคุณค่าของตำรา ไม่เห็นความสำคัญของตำรา ก็แปลว่าความรู้ที่ทรงค่าที่หลวงพ่อวัดปากน้ำรวบรวมเอาไว้และเหล่าบรรดาศิษย์ที่ฝึกปฏิบัติในโรงงานทำวิชชาได้รวบรวมจัดทำขึ้นความรู้เหล่านี้ก็จะฝั่นเฝือลงไป เพราะบรรดาอาจารย์ทางวิชชาธรรมกายไม่สนใจ ไม่เอาธุระ ไม่สามารถอธิบายความรู้ภาคปฏิบัติที่อยู่ในตำราได้นั่นเอง ตรงนี้ถือเป็นตัวบงชี้ได้ว่า วิชชาธรรมกายกำลังจะถูกดับ...?

    หวังว่า ท่านผู้อ่านจะทำความเข้าใจได้ว่า หลักวิชชาธรรมกายเบื้องต้นภาคปริยัติที่จะนำสู่ภาคปฏิบัติด้วยการอ่านตำราทุกหลักสูตรนั้นสำคัญไฉน ก็สำคัญดังกล่าวมาฉะนี้เอง....



    .................."ให้เอาความรู้ออกหน้า อย่าเอาความเชื่อออกหน้า"...................​


    สนใจอ่านเนื้อหาทั้งหมดในกระทู้...
    วิชชาธรรมกาย กับความสมานฉันท์แก่กันทุกสำนัก http://forums.212cafe.com/samatha/board-2/topic-62.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2010
  8. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +1,035
    5555 จบซะที คิดต่างแต่ไม่แตกต่าง
    มันมีข้อดีและข้อด้อยกันทุกที่
    อยู่ที่จะยอมรับได้มั๊ย
    และศรัทธาในส่วนใด
    ส่าธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2010
  9. ดุสิตบุรี

    ดุสิตบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +273
    ประโยคนี้แหละครับที่ชี้ชัดว่าท่านสมถะยังไม่เข้าใจวัดพระธรรมกายดี ท่านไม่ได้เข้ามาพิสูจน์วัดพระธรรมกายในระดับลึก ไม่ได้ใช้หลักกาลามสูตร บางท่านก็เพียงมาสัมผัสแค่ผิวเผิน ไม่ได้อะไรหรอกครับ พุทธศาสนามีทั้งเปลือก ใบ กระพี้ และแก่น วัดพระธรรมกายก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่ท่านยังไม่เคยสัมผัสแก่นของวัดพระธรรมกายที่แท้จริง นั่นก็คือแก่นของวิชชาธรรมกาย ผมว่าวัดพระธรรมกายไม่ต้องเปลี่ยน ไม่ต้องแก้ เพราะทุกวันนี้เขาก็มีการสอนที่เป็นลำดับขั้นตอนดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือมุมมองของท่านสมถะ ที่มีอคติกับวัดพระธรรมกายอยู่ก่อนแล้วครับ

    ผมขอย้ำนะครับ "จะมีเหตุผลอันใดที่คนอย่างคุณยายอาจารย์อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ที่มีญาณทัสสนะดีจนเป็นที่ไว้วางใจของพระเดชพระคุณหลวงปู่(สด จันทสโร)ให้ทำวิชชาในโรงงานทำวิชชาจนได้รับตำแหน่ง เมื่อท่านสร้างวัดพระธรรมกายขึ้นมา ท่านได้วางรากฐานอย่างดียิ่ง แล้วท่านจะมีเหตุผลอันใดที่ไม่ปฏิบัติตามคำสอนพระเดชพระคุณหลวงปู่" หรือท่านสมถะกำลังสงสัยใจตัวคุณยายอาจารย์อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ว่าวางการสอนวิชชาธรรมกายผิดเพี้ยนไป นั่นก็เท่ากับท่านสมถะกำลังปรามาสพระเดชพระคุณหลวงปู่ทางอ้อมด้วยนะครับ

    ขอให้ท่านไตร่ตรองในทัศนคติด้วยนะครับ

    ปล.ขณะพิมพ์ผมไม่มีโทสะอันใด เพียงต้องการชี้แจงอธิบายครับ ผมขอโทษด้วยที่บางประโยคเหมือนชวนทะเลาะครับ ผมเข้าใจเจตนาอันดียิ่งของท่านสมถะว่ามีเจตนาดีกับคนที่เข้าวัดพระธรรมกาย ที่ต้องการให้ปฏิบัติตามแนววิชชาธรรมกายอย่างถูกต้องครับ

    ด้วยความเคารพในธรรม
     
  10. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    ขออนุญาตแจ้งกระทู้ในห้องสนทนาของกระผม อันเนื่องมาจากคำถามของคุณดุสิตบุรีนะครับ ผมได้ตอบให้รับทราบไปทีละข้อแล้ว ตามลิงค์นี้


    ตอบคำถามของคุณ...ดุสิตบุรี...
    http://forums.212cafe.com/samatha/board-2/topic-66-1.html
     
  11. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972

    ท่านจะหาคู่เปรียบอะไรหรือครับคุณดุสิตบุรี ครั้งแรกก็พยายามคิดไปเองว่าผมปรามาสพระราชาคณะ นี่ก็จะมายัดเยียดว่าผมปราบมารคุณยายจันทร์

    ผมขอย้ำว่า คุณยายจันทร์ละสังขารไปแล้ว ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว ณ ตอนนี้วัดที่คลองสามยังสอนแบบที่รับมาจากคุณยายจันทร์หรือไม่ และยังสอนเน้นที่การปฏิบัติอันเป็นแก่นหรือเน้นที่เปลือกคือพิธีกรรม ท่านต้องไปชั่งใจเอาเอง

    ทำไมต้องมานั่งคิดแทนคนอื่นล่ะครับ ถ้าท่านคิดว่าดีแล้วไม่ต้องเปลี่ยน ก็แปลว่าท่านมองเฉพาะความคิดท่านเองเป็นใหญ่ ก็ในเมื่อคุณต้นไม้โพธิ์ก็แจ้งแล้วว่าควรปรับปรุงอะไร ผมก็เสนอแล้วว่าควรปรับปรุงอะไร ถ้าท่านยังดื้อดึงก็จบกัน แปลว่าท่านจะมุ่งตามหลักการของท่าน

    ผมไม่อยากจะแตกเรื่องราวไปเรื่อยๆ แต่ทำไมท่านไม่หยุดคิดเสียทีว่า ผมหรือใครๆ อคติต่อวัดพระธรรมกาย ก็ผมบอกชัดเจนอยู่แล้วว่ายินดีช่วยเหลือทุกเรื่องเท่าที่ทำได้ ถ้าท่านสนใจแทคนิคการฝึกให้ผู้ฝึกสามารถเข้าถึงธรรมกายได้อย่างเป็นลำดับชัดเจน ท่านมีจานดาวธรรม ถ้าท่านได้เทคนิคที่ถูกต้องในการสอนให้เขาเข้าถึงธรรมกาย พอท่านสอนจนกระทั่งถึงขั้นตอนการวัดผล เพียงท่านถามว่า "ขั้นตอนนี้ ใครเห็นดวงใสในท้องแล้ว โปรดยกมือขวาขึ้น" รับรองได้ว่ายกมือกันเต็มสภาธรรมกายสากล จากนั้นท่านก็ต่อวิชชาให้เขาเห็นธรรมกายเบื้องต้น ออกทีวีเลยครับ ถ้าท่านนำวิธีที่ถูกต้องท่านทำได้แน่นอน วัดหลวงพ่อสดก็ทำได้ สายอาจารย์การุณย์ก็ทำได้ ใครๆ ก็เห็นไปดูได้ มีภาพยืนยันชัดเจน ท่านก็แค่ไปรับรู้เทคนิคการฝึกที่ถูกต้อง เป็นลำดับชัดเจน แล้วก็เอามาสอน ประโยชน์ก็เกิดแก่ทุกฝ่าย แถมได้ออกจานดาวธรรมดังไปทั่วโลกอีกต่างหาก ทีนี้วิชชาธรรมกายก็ไม่ยากอย่างที่คิด ไม่ต้องมานั่ง "มืดตื้อมืดมิด" กันอีกต่อไป ดีไหมครับท่าน....


    เราปรารถนาดีต้องการเติมเต็มในสิ่งที่ท่านขาด ก็ท่านสามารถพาคนไปทำกิจกรรมกันทีละแสน ทีละล้านคน ทำไม่จึงปล่อยโอกาสให้หลุดลอยในการฝึกสอนคนที่เข้าวัดให้เห็นธรรมกายล่ะครับ นี่ก็ได้ข่าวว่าจะนำเด็กดีวีสตาร์ คือนักเรียนในโครงการเข้าร่วมเป็นหลักล้านคนที่วัดในอีกไม่นานนี้ อย่าปล่อยให้โอกาสหลุดลอยที่จะทำให้เด็กๆ จำนวนนับล้านคนเห็นกายธรรมในตัวนะครับ...
     
  12. ดุสิตบุรี

    ดุสิตบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +273
    ผมว่าตัวท่านสมถะควรไปอ่านในคำตอบของท่านเอง ค่อยๆพิจารณาไตร่ตรอง แล้วจะทราบว่าทำไมผมจึงตอบไปแบบนั้นครับ

    ตลอดเวลาที่ผ่านทั้งหมดท่านสมถะเก็บข้อมูลของวัดพระธรรมกายไม่ครบถ้วน เก็บแต่เฉพาะที่เป็นเปลือก บางอันอาจจะถึงกระพี้บ้าง แต่ยังไม่ถึงแก่นครับ ส่วนเรื่องพระที่สึกออกไปนั้น ก็แล้วแต่ตัวของท่านนั้นๆครับ ใครทำเช่นไร ย่อมได้รับเช่นนั้น

    และท่านสมถะคงไม่ทราบว่าวิธีวัดพระธรรมกายมีวิธีติดตามผลการปฏิบัติธรรม ถ้าท่านเคยปฏิบัติธรรมที่ไปพนาวัฒน์ ที่ภูเรือ สวนบัว ท่านจะทราบว่าเขามีการเก็บผลการปฏิบัติธรรมกันอย่างไร เขาจดบันทึกผลการปฏิบัติธรรม ส่งรายงานกันทุกวัน แต่ท่านสมถะไม่ทราบ ท่านก็เลยหวังดี วนแนะนำแต่เรื่องเดิมๆครับ ผมกล้าพูดว่าท่านยังห่างข้อมูลอีกมากครับ วิธีที่ท่านคิด ท่านแนะนำมานั้น ถ้าทำทีละแสนคน ล้านคน เวลาไม่พอหรอกครับ พอดีไม่ต้องทำอะไรเลยเพราะจะให้คนยกมือขึ้น คนโกหกก็มี คนพูดจริงก็มี แล้วถ้ายกทีละเป็นพัน เป็นหมื่น วุ่นวายมากๆครับ

    วัดพระธรรมกายมีศูนย์สาขาทุกจังหวัด แต่ละอาทิตย์เขามีรวมกัน ส่งผลการปฏิบัติ แก้ไขแนวทาง คนที่เข้าวัดธรรมกายที่เห็นหลายแสน ผมกล้าพูดว่ามีไม่กี่หมื่นคนที่เข้าใจวิธีการที่ถูกต้องครับ แต่ทุกวันนี้ทางวัดเขาก็พยายามแล้ว มีพิธีกรรมก็เพื่อทำใจคนให้สงบลง ผมอธิบายเรื่องนี้ไว้หลายรอบแล้วครับ แต่ทุกวันนี้ได้คนเข้าใจจากหมื่นแล้ว อีกไม่นานก็คงจะได้แสน เพราะเมื่อก่อนได้ไม่กี่สิบคนเองครับ

    ทำไมผมกล้าตอบแบบนี้เพราะผมเป็นคนหนึ่งที่ในอดีตไม่เข้าใจวัดพระธรรมกายแบบคุณนั่นแหละครับ ผมกล้าพูดว่าผมเริ่มปฏิบัติแนวทางวิชชาธรรมกายอย่างจริงจังที่วัดหลวงพ่อสดฯ ราชบุรีครับ

    ผมว่าพอกันแค่นี้เถอะครับ แต่ละคนเห็นต่างกัน ถ้าคุยต่อไปก็คงไม่เกิดประโยชน์อันใดหรอกครับ แต่ทั้งหมดที่คุยกันผมกล้าสรุปได้ว่า แต่ละฝ่ายมีความจริงใจที่ต้องการให้อีกฝ่ายเข้าใจ เห็นถูกต้องในสิ่งที่ตนเห็น นี่แหละคือคุณธรรมที่ดีของนักปฏิบัติธรรมครับ

    เวลาที่เหลือต่อไปนี้ ผมว่าเรามา "แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง" กันดีกว่าครับ

    สุดท้ายนี้หวังว่าอนาคตเราอาจจะได้เจอกัน เป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อน และเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยขยายงานวิชชาธรรมกายต่อไปครับ

    สาธุ
     
  13. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    ถ้าท่านคิดจะสรุปความเช่นนั้น ก็เป็นเพียงในชั้นความคิดของท่านนะครับ ผมเองมีวิธีที่จะเข้าใจอะไรๆ มากกว่าที่คุณดุสิตบุรีนำเสนอมากนัก แต่พูดไปก็มากความเปล่าๆ

    ถ้าคิดว่าผมอคติและไม่เข้าใจถึงแก่นของวัดที่คลองสาม นั่นก็เป็นเรื่องที่ท่านมีสิทธิที่จะคิดไปได้ ถ้าเช่นนี้ ผมจะมองว่าท่านทั้งหลายยังไม่เข้าใจการปฏิบัติภาวนาวิชชาธรรมกายที่แท้จริงผมก็มีสิทธิกล่าวได้ จริงไหมครับ

    แต่เอาเถิดครับ แค่เพียงคุณดุสิตบุรีคนเดียวยังคิดไปได้ขนาดนี้ แล้วการจะรวมพลังกันเพื่อเดินวิชชาให้ตรงกัน เพื่อเรียนรู้วิชชาจากการพูดภาษาเดียวกันมันก็ดูจะยิ่งห่างไกลไปทุกที สิ่งดีๆ ที่ทุกท่านนำเสนอ ถ้าชาววัดคลองสามจะคิดแบบปกป้องตนเองเช่นนี้ ก็แปลว่าเราจะเข้าใจกันและกันได้ยาก เพราะมันมีม่านบังตาบังใจท่านอยู่ ถ้าท่านคิดว่าท่านดีเยี่ยมอยู่แล้วก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ เพราะสิ่งที่ท่านกล่าวผมรู้ทุกอย่างครับ อย่าลืมซีครับคนที่เข้าวัดมาตั้งแต่แรกสร้าง และคนอยู่วัดมา 20-30ปี คนที่ปัจจุบันนี้ก็ยังอยู่ที่วัดหรือออกมาจากวัดผมก็พอรู้จักมาไม่น้อยทั้งทางตรงและทางอ้อม และข้อมูลที่ผมเข้าไปศึกษาด้วยตนเองผมรู้และทราบดีอยู่ ถ้าจะหาแก่นในวัดคลองสาม ผมว่าคำพูดที่ว่าอันนี้แก่น อันนี้เปลือก ไม่น่าจะเอามาใช้ได้ น่าจะกล่าวให้ตรงว่า อันไหนคือความรู้ทางวิชชาธรรมกาย อันไหนเป็นเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับวิชชาธรรมกายสำหรับในวัดคลองสามนั้น ผมพอทราบดีครับ


    ถ้าท่านประสงค์จะจบ ก็ขอให้จบที่กระทู้นี้นะครับ ไม่จำเป็นต้องออกตัวปกป้องหรือมองว่าผมเองอคติหรือรู้ไม่จริงต่อวัดคลองสามอีก เพราะทุกอย่างมันเลยขีดขั้นตามที่คุณกล่าวไปหมดแล้ว ผมมีเพียงหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องมานั่งอคติกับใคร เอาเถิดครับใครจะคิดอย่างไร ขอให้ท่านยืนอยู่ในจุดที่พร้อมจะเปิดรับความรู้วิชชาธรรมกายโดยรอบด้านเถิด เพราะคำตอบของทุกเรื่องอยู่ที่หลักความรู้ทางวิชชาธรรมกายตามตำราที่ผมนำเสนอทุกเล่มแล้ว....
     
  14. ต้นไม้โพธิ

    ต้นไม้โพธิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +85
    สวัสดีครับทุกท่าน กระผมก็นึกว่าจะจบไปตั้งแต่โพสต์ที่ #112 ซะแล้ว แต่ก็ยังไม่จบ หากผมจะโพสต์เพิ่ม ก็คงจะไม่จบหรืออย่างไร?

    เรียนถึงบุคลากรวัดพระธรรมกายโดยรวม ไม่ได้เจาะจงผู้ใด ว่าหากเรารู้จักพิจารณาตามตามความเป็นจริงมันจะเป็นผลดีนะครับ มีแต่คนเสนอแนะของดีให้ท่านดูเหมือนจะจบๆแล้วก็ยังไม่จบซะที

    มีอยู่สองท่านหลักๆที่เข้ามาให้คำแนะนำคือผมและท่านสมถะ

    ผมเป็นศิษย์สายวัดหลวงพ่อสดและเข้าวัดพระธรรมกายด้วยและศึกษางานของคุณลุงการุณย์ด้วย ส่วนคุณสมถะเป็นศิษย์สายคุณการุณย์และเข้าวัดหลวงพ่อสดด้วยอดีตเคยเข้าวัดพระธรรมกาย

    ที่ชี้แจงมานี้เพื่อให้ไม่เกิดความสับสนอันใดนะครับ
    .............................

    ต่อไปนี้ขอโพสต์เสวนาเพิ่มเติมอีก อย่าได้คิดไปว่าเป็นการว่ากล่าวหรือหาเรื่องหาราวอะไร และผมพยายามใช้คำพูดไม่ให้บานปลายที่สุด ให้เหมาะกับในที่สาธารณะนี้นะครับ

    สำหรับสถาบันที่ดำเนินนั้น ก่อตั้งทีหลังวัดพระธรรมกาย กลุ่มบุคคลผู้บุกเบิกนั้นที่เป็นฆราวาสมาก่อนก็เป็นศิษย์วัดปากน้ำ และเคยอยู่ร่วมกันที่บ้านธรรมประสิทธิมาก่อนและเป็นยุคเริ่มบุกเบิกวัดพระธรรมกาย แต่มาภายหลังได้แยกตัวออกมาเป็นศิษย์วัดปากน้ำตามปกติ แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันนะครับ แค่ทัศนะแตกต่างกันไป ก็ยังนับถือคุณยายอาจารย์ลูกจันอยู่

    ภายหลังท่านผู้เริ่มก่อตั้งซึ่งเป็นศิษย์วัดปากน้ำตามปกติอยู่แล้ว ท่านได้มีโอกาศรู้จักท่านเจ้าคุณวีระอย่างเป็นเรื่องเป็นราว(ผู้เป็นรองเจ้าอาวาสและอาจารย์ใหญ๋ฝ่ายวิปัสสนาธุระวัดปากน้ำ ต่อจากท่านเจ้าคุณเล็ก ธีระ)และได้เรียนวิชชาธรรมกายทุกระดับจากท่านผู้นี้

    ขอยืนยันว่า วิชชาที่ได้รับถ่ายทอดมาจากสายตรงโดยพระสู่พระนี้ ชัดแจ้งและสมบูรณ์ทุกประการ เพราะได้รับการถ่ายทอดโดยตรงมาจากท่าเจ้าคุณวีระ ผู้ได้รับมอบหมายทางวิปัสสนาธุระโดยตรงจากหลวงปู่สด มาสู่หลวงพ่อเล็ก และท่านเจ้าคุณวีระ ซึ่งปัจจุบันท่านก็ยังครองภาระหน้าที่นี้อยู่

    วิชชาหลักๆก็ยึดเอาจากหนังสือวิชชาธรรมกายดั่งเดิม คือ ทางมรรคผล คู่มือสมภาร มรรคผลพิศดาร เล่ม 1 2 3 ที่เหลือนอกนั้นก็จะเป็นประสบการณ์ทางวิชชาที่ได้รับการถ่ายทอดเพิ่มเติมโดยตรง

    หลังจากนั้นทางศิษย์วัดปากน้ำกลุ่มนี้จึงได้รับการอนุเคราะห์จากพระมหาเถระสายวัดปากน้ำและวัดสระเกศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวิชชา และเป็นบุคคลยุคต้นวิชชา นับตั้งแต่เจ้าประคุณสมเด็จมา ได้มาตั้งโครงการธรรมปฏิบัติเพื่อประชาชนวัดปากน้ำภาษีเจริญ และต่อมาได้ก่อตั้งสถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกายขึ้นที่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี

    นี่คือความเป็นมานะครับ

    ต่อคำถามที่ว่า แล้ววิชชาของสายบ้านธรรมประสิทธิ์ เป็นอย่างไรบ้าง ในทัศนะของสายตรงจากพระสู่พระนี้?

    ก็ต้องกล่าวตามความเป็นจริงว่า สายบ้านธรรมประสิทธิ์นั้นไม่ได้อาศัยหลักวิชชาอย่างน้อยจากตำราหลักๆข้างต้นอย่างชัดเจนนัก แต่อาศัยจากประสบการณ์ที่คุณยายอาจารย์แม่ชีจันได้รับการเรียนรู้ฝึกฝนมาจากโรงงานทำวิชชาเท่านั้น(เรียนด้วยความเคารพนะครับ ไม่ได้มีใครไปว่ากล่าวครูอาจารย์ท่านเลยอย่าคิดในแง่ร้ายนะครับ)

    แม้แต่สายคุณลุงการุณย์เองซึ่งเป็นศิษย์สายแม่ชีทองสุก สำแดงปั้น และเคยทำวิชชาร่วมกันสมัยหลวงปู่มาแล้ว ท่านก็ได้ยึดตำราดังกล่าวเป็นหลักเช่นกัน ซึ่งท่านได้มารับจากมือท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯในเวลาต่อมาเช่นกัน

    ผู้ที่มือชื่อเสียงว่าเป็นคลังวิชชาและทางการแต่งตำราและรวบรวมตำราก็คือ พระอาจารย์ทั้งหลายเช่นเจ้าคุณเล็ก เจ้าคุณวีระ พระมหาจัน ปธ.๕ และฝ่ายแม่ชีอาจารย์รุ่นใหญ่ทั้งหลายเช่น อุบาสิกาฉลวย แม่ชีถนอม อาจารย์ตรีธา เป็นต้น

    ซึ่งตำราหลักๆข้างต้นนั้น โดยเฉพาะ มรรคผลพิสดาร 1 2 3 ท่านเจ้าคุณวีระพึ่งจะอนุญาติให้ตีพิมพ์เพื่อแจกแก่ผู้ปฏิบัติถึงธรรมกายเบื้องสูงแล้วนั้น โดยภายใต้ความควบคุมของท่านเจ้าประคุณสมเด็จและเจ้าคุณวีระและในโครงการธรรมปฏิบัติเพื่อประชาชนโดยกลุ่มของทางสายพระนี้แหละเป็นผู้ดูแลเท่านั้น ไม่มีคณะอื่นใดอีกแล้ว

    ส่วนที่เจ้าคุณหลวงป๋าเคยกล่าวไว้ว่ามีคนกล่าวกันว่าท่านเจ้าคุณเสริมชัยเขียนเองแต่งเอง อันนั้นไม่ได้หมายถึงตำราหลักๆข้างต้น แต่หมายเอาหนังสืองานวิจัยธรรมชื่อ ทางมรรคผลนิพพาน ครับ ซึ้งเล่มนี้เป็นผลงานทางวิชาการภาคปฏิบัติไงละครับ ที่ศิษย์สายพระท่านได้วิจัยธรรมเอาไว้เป็นผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ในระดับแนวหน้า

    หากเป็นสายคุณลุงการุณย์ก็อาจจะได้แก่หนังสือที่อธิบายการเดินวิชชา และหนังสือปราบมารนั่นเองที่เป็นผลงานอันเป็นที่ประจักษ์

    ทั้งนี้สายพระยังได้ทำวิจัยเรื่อง พระนิพพานสามนัย เรื่องธรรมกาย อัตตา อนัตตา อัตตะลักษณะตามนัยในอนัตตลักขณะสูตร อริยสัจ4และอาการแทงตลอด ไตรสิกขาและสติปัฏฐาน 4 ตามแนววิชชาธรรมกาย หลักการพิจารณาพระนิพพานธาตุ เป็นต้น และยังมีเรื่องราวอีกมากมาย แม้แต่การวิจัยคำสอนของหลวงปู่สด และอีกมากมาย มาก่อนปี พ.ศ. 2517 โดยภายใต้การดูแลของเจ้าประคุณสมเด็จฯเจ้าคุณวีระ และพระมหาเถระผู้ทรงวิชชาหลายท่าน ภายใต้โครงการธรรมปฏิบัติเพื่อประชาชนวัดปากน้ำภาษีเจริญ ก่อนจะออกไปตั้งสถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกายที่ดำเนินฯ

    และได้จัดการอบรมพระกัมมัฏฐานปีละสองรุ่น ได้มีการต่อวิชชาทุกระดับชัดเจน ครบทั้งวิชาการปริยัติปฏิบัติ ไม่มีลึกลับหรือชักช้าหรือต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น มีเอกสาร ตำรา เสียงบรรยาย อย่างเป็นะบบ เป็นมาตรฐานสำนักปฏิบัติ ในระยะเวลาของคอสร์ต่างๆครบ ช่วง 14 วันเป็นมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือต่างประเทศ ก็ให้เสมอกันหมดเป็นมาตรฐาน

    ที่กล่าวมานี้ผมจะได้เสวนาเข้าหาคำถามว่า.....

    สายบ้านธรรมประสิทธิ์นั้นวิชชาสมบูรณ์ดังสายพระอันเป็นมาตรฐานดังเช่นครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆไหม?

    .....สำนักวัดพระธรรมกายมีการสอนวิชชาธรรมกายทุกระดับชัดเจนไหม?

    พิจารณาดูนะครับ ว่าแค่ระดับการตรวจดูนรกสวรรค์ จะมีเพียงสามท่านเท่านั้นที่ตรวจดูได้ ส่วนที่สูงไปกว่านั้นจะเป็นลักษณะให้ไปนั่งกับครูบาอาจารย์ ท่านนำสอนแต่ไม่ได้สอนให้ผู้นั่งเจริญวิชชาได้เองแจ่มแจ้งเองจนเป็นครูได้เอง

    ปัจจุบันก็เช่นกัน สอนไม่เกิน 18 กาย ที่สูงไปกว่านั้น ยากมากที่จะให้เข้าไปถึง มีนับหัวได้เลย เป็นเรื่องลึกลับ หรือไม่ก็ต้องเข้าคิวขึ้นดอยเป็นกรณีพิเศษซึ่งต้องเป็นผู้ที่ทำบุญมากเข้าวัดมานานและมีกำหนดการต่างๆมากมาย ส่วนผู้ที่เข้าไปนั่งทำวิชชาได้ เช่นเหล่าพระใน และสามเณรอภิญญา กับอุบาสกอุบาสิกาไม่กี่ท่าน ก็จะเป็นเพียงนั่งตามเสียง แต่ไม่ได้มีการสอน ไม่มีการให้ตำรา เสียงบรรยาย เพื่อให้ผู้เข้าถึงนั้นสามารถเจริญวิชชาได้เองเป็นครูได้เอง

    .....สำนักวัดพระธรรมกายมีตำรับตำราผลงานอันเนื่องด้วยวิชชาธรรมกายอันเป็นที่ยอมรับให้ประจักษ์ไหม?

    .....การบริหารวัดที่มีปัญหา จนทำให้วิชชาธรรมกายถูกดึงเข้าไปเสียด้วย!!! ในกรณีธรรมกาย

    .....เรื่องพระธรรมกาย พระนิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา ไม่สามารถชี้แจงให้สังคมพุทธยอมรับได้ (แต่สายพระทำมาตั้งแต่ก่อนปี 2517 แล้ว)

    .....วัดพระธรรมกายสอนว่าพระธรรมกายมีผ้ารัดอก??? ซึ่งสายอื่นๆ ไม่ว่าวัดปากน้ำ เจ้าคุณวีระ คุณครูตรีธา คุณครูฉลวย วัดหลวงพ่อสดฯ คุณลุงการุณย์ ฯลฯ ต่างเห็นตรงกันหมดว่าเป็นอย่างไร ยกเว้นวัดพระธรรมกาย???

    .....ไม่สอนวิปัสสนา เน้นแต่ให้คนเห็นดวงเห็นกายแล้วให้นั่งนิ่งๆใสๆเข้าไว้ แล้วก็ทำทาน???

    .....การสอนว่าการทุ่มทำทานสุดตัวเป็นบารมีตามอย่างพระโพธิสัตว์ (อันนี้จริง แต่มิใช่บารมีระดับภาคปราบ) แต่กลับมีภาพการโปรโมททำนองว่า ต้องทำทานทุ่มสุดตัว แล้วจะรวยโคตรผิดหูผิดตา ???

    .....การที่ลูกศิษย์โหมโปรโมทมากเกินไปว่าที่แห่งนี้เป็นภาคปราบเป็นผู้สืบทอดวิชชาธรรมกายที่เป็นหนึ่งที่สุดมีบารมีมากมาย ซึ่งมากเกินจริง ความเป็นจริงคือผู้สืบทอดวิชชาธรรมกายมีมากมายหลายท่าน และท่านที่ได้รับการยกย่องมากอย่างชัดเจนจากหลวงพ่อสดโดยไม่ตองอาศัยคำพูดของใครก็เช่นหลวงพ่อเจ้าคุณเล็ก เจ้าคุณวีระ(ลูกครึ่งญี่ปุ่นในพระธรรมเทศนาเรื่องรัตนะ) และแม่ชีถนอมป็นต้น(มาทีหลังเก่งกว่าเพื่อน)

    อีกอย่างครับ มีศิษย์วัดพระธรรมกายสวมชุดฟอร์มมาปฏิบัติที่วัดหลวงพ่อสดด้วยในสมัยก่อน แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีใส่ชุดฟอร์มเปิดเผยมาเท่าไร เราก็สอนให้ทุกระดับและให้ตำราและเสียงบรรยายแก่ผู้เข้าถึงด้วย ต่างยืนยันกันว่า.....ปฏิบัติที่วัดธรรมกายมาตั้งนานก็ยังไม่เคยได้รับการสอนการต่อวิชชาเช่นนี้ ซึ่งตัวผมเองก็เข้าไปคลุกคลีอยู่เช่นกันก็ทราบดีครับ
    .........................

    ส่วนที่ดีๆคือการเผยแผ่ไปทั่วโลกด้วยระบบบริหารอันเยี่ยมยอด อันนี้ดีมากแล้วครับ สาธุ แต่ต้องเข้าใจว่าการมีความสามารถในการบริหารองค์กรณ์ไม่ใช่สิ่งยืนยันว่าท่านดีพร้อมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลักวิชชา เรื่องการบริหารองค์กรณ์ศาสนานี้ชาวศาสนาอื่นๆเขาไปไกลในระดับโลกกว่าท่านมากมายนักซึ่งใครๆก็ทำได้หากมีความสามารถพอ
    ........................

    ยังมีอีกมากมาย แต่ในที่สาธารณะนี้ เอาเพียงเท่านี้ดีกว่า ผมก็ไม่สบายใจนักเลยที่จะกล่าวอะไรมากไปในที่สาธารณะนี้

    ซึ่งกระผมเองปราถนาที่จะชี้ขุมทรัพย์ และเพื่อทำให้วิชชาธรรมกายไม่ถูกโจมตีอีกเท่านั้นเอง พยายามพิจารณากันให้ดีนะครับ อย่าไปวนๆเวียนๆแต่เรื่อง อคติ การเกทับกัน หรือมานั่งจับผิดว่าใครดีใครไม่ดี หรืออะไรเลยนะครับ เห็นแก่วิชชาธรรมกายกันเถิดครับทุกท่าน จับประเด็นให้ถูกนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2010
  15. ต้นไม้โพธิ

    ต้นไม้โพธิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +85
    ตัวอย่างบทสัมภาสน์ชาวต่างประเทศที่ปฏิบัติเข้าถึงวิชชาธรรมกายที่สถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกายวัดหลวงพ่อสด ดำเนิน ราชบุรี

    โดยสถานีโทรทัศน์ช่อง 9

    ขนาดเป็นชาวต่างประเทศที่พึ่งจะเข้ามาปฏิบัติไม่นานนัก แต่ที่นี่สอนให้ตรวจดูจักรวาลและภพ 3 โดยไม่ต้องอาศัยเคสสตั๊ดดี๊

    และสามารถทำพระนิพพานให้แจ้งได้ตามหลักสมถะวิปัสสนาสติปัฏฐาน 4

    หากใครถึงแล้วแค่เห็นดวง จะได้รับการต่อวิชชาทันที ไม่มีปล่อยให้นั่งนิ่งๆใสๆแช่ๆนานๆ แล้วเน้นให้ทำแต่ทานเท่านั้นแน่นอน ทำเท่าที่ทำได้ สมถะวิปัสสนาสติปัฏฐานต้องครบ แม้แต่วิชชาอาสวักขยญาณชั้นสูง ถึงแม้จะเป็นชาวต่างประเทศที่พึ่งเข้ามาปฏิบัติไม่ถึงเดือนก็ตามก็ตาม

    คุณลอเรน รีด จอห์นสัน

    [​IMG]

    ลอเรน รีด จอห์นสัน อายุ 24 ปี อาศัยอยู่ที่นอร์ธฮอลิวูด แคลิฟอร์เนีย เขาเป็นนักบำบัดด้วยการนวด เป็นครูสอนโยคะ และเป็นนักเรียนการแสดง
    ลอเรนฝึกโยคะซึ่งเรียนมาจากครูชาวอินเดียอยู่ทุกวันเป็นเวลานานถึง 5 ปี เขารู้สึกว่ารีชี่โยคะช่วยให้เขานั่งเจริญภาวนาได้ดี การฝึกโยคะนี้รวมถึงการจำกัดอาหารเหลือแค่ผลไม้และผักเท่านั้น
    ลอเรนและภรรยามาฮันนีมูนกันในประเทศไทยซึ่งเป็นบ้านเกิดของฝ่ายหญิง แล้วตระเวนไปตามวัดต่างๆ เพื่อหาผู้ที่สอนเจริญภาวนาเป็นภาษาอังกฤษได้ ด้วยเหตุนี้เองได้นำเขามาสู่วัดหลวงพ่อสดฯ เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับธรรมกายเลย พระภาวนาวิสุทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดจึงแนะนำให้เขามาร่วมกิจกรรมแบ่งกลุ่มเจริญภาวนาตอนเช้าวันอาทิตย์ ซึ่งทำให้ท่านรับรู้ถึงความสามารถอันพิเศษของลอเรน ท่านจึงให้รองอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาทำหน้าที่สอนเขาทุกๆ วัน หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ พระภาวนาวิสุทธิคุณ ก็เริ่มสอนเขาเป็นการส่วนตัว แม้ลอเรนเรียนได้แค่ 2 สัปดาห์ แต่เขาก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ได้บันทึกการสัมภาษณ์ลอเรนมีความยาว 15 นาที
    ผู้สัมภาษณ์ของช่อง 9 : สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้พบคุณ. คุณได้เรียนรู้อะไรจากการเจริญภาวนา ?
    ลอเรน: อันดับแรก ผมได้เรียนวิธีการรวมใจหยุดนิ่งตรงศูนย์กลางกาย. หยุดนิ่งถูกส่วนตรงนั้น ศูนย์กลางขยายออกไปเป็นดวงใสรอบตัว เมื่อใจหยุดกลางของหยุดเรื่อยไปก็หยุดในหยุดกลางของหยุดเรื่อยๆ ไป ได้เข้าถึงกายละเอียดๆ ต่อๆ ไปจนสุดละเอียดจนถึงธรรมกาย
    คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อคุณถึงดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายในท้องของคุณ ?
    ผมรู้สึกสงบเยือกเย็นมาก อย่างล้ำลึก และความสุขที่แผ่ขยายออกมา
    เมื่อเจริญภาวนาถึง 18 กาย และถึงธรรมกายนั้น คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง ?
    รู้สึกว่าแต่ละกายที่เข้าถึงนั้น [กิเลส]เบาบางลงตามลำดับ เริ่มตั้งแต่กายมนุษย์ซึ่งเป็นกายที่หยาบที่สุดและเป็นกายโลกิยะ ถึงกายมนุษย์ละเอียดต่อๆ ไปจนถึงสุดละเอียดได้ถึงธรรมกาย ซึ่งเป็นกายที่ทึบน้อยที่สุด. มันพ้นจากความรู้สึกยึดถือในความเป็นตัวตนใดๆ ทั้งสิ้น.
    คุณรู้สึกไหมว่า สิ่งที่คุณได้เห็นเป็นของจินตนาการหรือของจริง ?
    ใช้จินตนาการน้อยมาก [อาจใช้ในช่วงแรกๆ ในระดับขณิกสมาธิ]. แต่สิ่งที่เห็นนั้นปรากฏขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ. ผมเพียงแต่เพ่งไปที่กลางของกลาง แล้ว[ดวงและกายต่างๆ]ก็ปรากฏขึ้นเอง.
    คุณได้เห็นนรก-สวรรค์บ้างไหม
    เห็นครับ
    แล้วคุณเห็นอะไรที่นั่น
    ได้เห็นหลายอย่างครับ. ในนรก, เห็นการลงโทษที่แตกต่างกันหลายระดับมาก. เห็นผู้คน[สัตว์นรก]มากมายกำลังถูกสุนัขกัด มันดุร้ายและเกรี้ยวกราดมาก. พวกเขาพยายามวิ่งหนี - ปีนต้นไม้ที่มีหนามแหลม [ต้นงิ้ว]. ยังถูกสัตว์ที่คล้ายแร้งจิกทึ้งจนพลัดตกลงมาจากต้นงิ้ว แล้วก็ถูกสุนัขก็จะเข้ามาจัดการกับพวกเขา.
    ผมได้เพ่งดูที่ศูนย์กลางดวงธรรมของสัตว์นรกเหล่านี้ เห็นเป็นสีดำมืด. ผมได้มองเข้าไปในจุดศูนย์กลางกายของพวกเขาเพื่อดูว่าทำไมพวกเขาจึงต้องไป อยู่ในนั้น - เป็นเพราะประพฤติผิดในกาม. และผมได้เห็น[ว่าเขาทำ]สิ่งที่น่าละอาย ความผิด และสิ่งที่ชั่วร้ายต่อจิตใจ.
    ผมไปยังอีกระดับหนึ่ง [นรกอีกขุมหนึ่ง] เห็นผู้คน[สัตว์นรก]อยู่ในกระทะ[ทองแดง]ใหญ่ … ใหญ่มาก! ร้อน! มีสิ่งซึ่งดูเหมือนของเหลวร้อนหรือโลหะหลอมเหลว เหมือนตะกั่ว [หมายถึงน้ำทองแดงร้อนจัดที่สัตว์นรกต้องดื่ม]. มันแผดเผา[อวัยวะ]ภายใน. บางคนก็ต้องดื่มของเหลว ที่มีกลิ่นเหม็นมาก แย่มาก [หมายถึงน้ำทองแดงนั้นเอง].
    และผมได้เพ่งดูที่ศูนย์กลางดวงธรรมของสัตว์นรกเหล่านี้อีก ได้เห็นว่า [พวกเขาได้รับวิบากกรรมเช่นนี้ เป็นเพราะ]ดื่มแอลกอฮอล์กันเป็นส่วนมาก. รวมทั้งยาเสพติดอื่นๆ, แต่ส่วนมากเป็นแอลกอฮอล์ [เพราะเป็นสิ่งเสพติดที่ถูกกฎหมาย และโฆษณาประชาสัมพันธ์ได้].
    และแล้ว, ในนรก, สิ่งที่ร้ายสาหัสที่สุดที่ผมเห็น - ลึกลงไปกว่าระดับ[นรกขุม]ที่ 8 - ลึกกว่านรกของพวกที่ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต พวกที่พูดโกหกหลอกลวง และพวกที่ขโมย โกง คอร์รัปชั่น ของผู้อื่น - ในนรกขุมนั้น ผมเห็นผู้ที่สอนผู้อื่นผิดๆ พวกเขาเหล่านี้ถูกปิดตาจนมืดมิด. พวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้และต่างคนต่างวิ่งเข้าหากันด้วยความสับสนอลหม่าน และทุกข์ทรมานมาก. ร่างกายของพวกเขาถูกเผาไหม้จนดำเหมือนกับถูกลวกด้วยน้ำกรด มีกลิ่นเหม็นเหมือนซากศพ กลิ่นตลบอบอวลมาก.
    ผมได้เจริญภาวนาถึงธรรมกายที่สุดละเอียด ได้เห็นสวรรค์ซึ่งตรงข้ามกับนรก อย่างสิ้นเชิง. สว่างไสวมาก - สวยงามมาก. ศูนย์กลาง[กาย - ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกาย]ของเทพดาเหล่านี้ส่องรัศมีสว่างนัก. ในนรก สัตว์นรกมีศูนย์กลาง ดำมืดมัวมาก. ในสวรรค์ ผมเห็นเทพยดาบนสวรรค์มีรัศมีใสสว่างเป็นประกาย ประดุจดังแก้วผลึก. และผมสามารถดูไปที่ศูนย์กลางของเทพดาเหล่านี้ และรู้เห็นว่า ทำไมพวกเขาได้มาอยู่บนสวรรค์ - ก็เนื่องจากสิ่งที่เป็นบุญกุศลทั้งหมด, กรรมดีมากมายที่เขาได้ทำแก่[ตนและ]ผู้อื่น.
    เทวดาบางตนอยู่บนพื้นดิน; บางตนอยู่ในอากาศ และผมเห็นเทวดาอยู่ในต้นไม้ก็มาก.
    แต่, ความแตกต่างสำคัญระหว่างสวรรค์กับนรก ก็คือ สิ่งที่ผมเห็นที่ศูนย์กลางกายของสัตว์นรกและเทพดาเหล่านั้น - ไม่กรรมดีก็กรรมชั่ว อย่างใดอย่างหนึ่ง [สองอย่างนี้เท่านั้น ที่พวกเขาได้ทำลงไป เห็นปรากฏได้ที่ศูนย์กลางกาย - บุญกุศลนำให้มาเกิดเป็นเทวดา ส่วนบาปอกุศลนำให้ไปเกิดเป็นสัตว์นรก].
    คุณก็ได้เห็นทั้ง 2 ฝ่าย - ระหว่างสวรรค์กับนรก ระหว่างกรรมดีกับกรรมชั่ว ที่ผู้คนพากันทำ. แล้วคุณได้เห็นพระนิพพานไหม ?
    ครับ, ผมเห็น. พระนิพพานอยู่นอกเหนือไปจากสิ่งที่เราคิดว่าเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ. ผมไม่เห็นธาตุทั้ง 4 เหล่านี้เลย. ผมได้เห็นพระนิพพานธาตุ นับไม่ถ้วน - เท่าที่ผมจะเห็นได้. และมีรัศมีเจิดจ้า สว่างไสว.
    คุณคิดว่าอะไร คือประสบการณ์ที่ดีที่คุณได้ปฏิบัติเข้าถึง ได้รู้ และได้เห็นจากการเจริญภาวนานี้ ?
    ผมรู้สึกว่า วิธีเจริญภาวนาวิชชาธรรมกายนี้ มีความพิเศษ เป็นการปฏิบัติทางตรง ทำให้ผมได้มีประสบการณ์อย่างสูง.
    เมื่อคุณกลับไปสหรัฐอเมริกาแล้ว คุณจะทำอะไร ?
    ผมวางแผนไว้ว่า จะสอนวิชชาธรรมกาย. ผมมีลูกค้าซึ่งผมสอนโยคะ, การเจริญภาวนา และการนวดอยู่แล้ว และผมเชื่อว่าการแนะนำวิชาธรรมกายให้จะช่วยให้พวกเขาให้ช่วยตนเองได้.








    <HR>Channel 9 Interviewer: Good morning. It's nice to meet you. What did you learn from meditation?
    Loren: Well, I learned first to focus my attention on the center of the center of the body. And, from there, the center expanded to surround my entire body. As I continued to focus on the center, I saw my refined human body and became that - continuing to focus on the center. This happened again and again, all the way until I reached my refinest Dhammakaya body.
    And, how did you feel when you first reached your own nucleus in your stomach?
    It felt very cool and calm and a very deep, expanding sense of joy... happiness.
    And how did you feel after you completed all 18 bodies and reached Dhammakaya?
    Well, each body became less and less dense. So, we begin with the human body which is the most crude and mundane, and then it becomes more and more refined until it reaches the most refined Dhammakaya which is the least dense. It totally transcends any sense of personal ego.
    And, did you feel that what you saw was imagination or reality?
    Very little imagination. It happened automatically. I just focused on the center of the center and it appeared by itself.
    And did you see hell or heaven?
    Yes.
    And what did you see there?
    Well, many things. In hell, I saw many levels of different punishments. I saw different people in one level who were being attacked by a dog - very mean and angry. And, they were trying to escape - climbing a tree with thorns. Also, like vultures were trying to attack them and they would fall and then the dog would get them.
    And, I would look at the nucleus of the people - very dark. In the nucleus I would see why they were there - because of sexual misconduct. And I would see lots of shame and guilt and mental poison.
    And then we went to another level and I saw a large caldron ... Large! People were inside it. Hot! With what looked like a very hot liquid or melted metal like lead.
    And they are inside, burning. And some had to drink this very smelly - very bad liquid.
    And I look at their nucleus and I see that most had drunk alcohol. Also some drugs and things, but mostly alcohol. And they drink the liquid and it cooks their organs - especially the brain. It fries the brain.
    And then, in hell, the worst thing I saw - below the 8th level - below the murders and all the liars and thieves - I saw the false teachers. And they had blindfolds. They couldn't see and they were running into each other - chaos and lots of torment. And their bodies were burned dark like they had been scalded with acid. There was a dead smell - a very thick smell.
    And then I became the refined Dhammakaya and then we saw heaven. And there we saw the opposite, really. Very luminous - very beautiful. The center of the beings was very radiant. In hell the beings had a very dark, cloudy nucleus. In heaven I saw them very radiant and glowing like a crystal sphere. And, I could look into the center and see why they were there - all the meritorious things, the many good deeds they did for the people.
    Some were on earth; some flying through the sky. I saw many in trees. But, the main difference between heaven and hell was what I saw at the center of the beings - either evil deeds or good, meritorious deeds.
    So, you saw both sides - hell and heaven and the good things and bad things that people do. And, did you see Nirvana?
    Yes, I did. It goes beyond what we think of as earth and water and fire. All of these things, I saw none of. I saw countless saints and Buddhas - as far as the eye could see. And they were very very radiant, with glowing centers. I focused on them and I could see all the good things they did to make them so brilliant.
    But, the most luminous, in the center, was Buddha - the Primordial Buddha - surrounded by Buddhas. And, I asked for permission, and I touched Lord Buddha on the leg. And it felt very very cold, like ice.
    What do you think were the good points that you got from meditation?
    Well, I feel that this particular style of meditation, Dhammakaya, is a very very direct way to experience directly my highest self.
    And, when you are back in America, what will you do?
    Well, I plan on teaching Dhammakaya. I have clients that I practice meditation, yoga and massage with already, and I believe that sharing Dhammakaya with them will help them to help themselves.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • int013.jpg
      int013.jpg
      ขนาดไฟล์:
      14 KB
      เปิดดู:
      101
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2010
  16. ต้นไม้โพธิ

    ต้นไม้โพธิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +85
    ปกิณณกะ

    ถ้าผมเป็นสำนักวัดพระธรรมกาย ผมจะทำเช่นนี้.....แค่แสดงทัศนะให้บุคลากรโดยรวมนะครับ มิใช่ผู้หนึ่งผู้ใด และเป็นเพียงการแสดงทัศนะเท่านั้น

    ในเมื่อสถาบันธรรมชัยสามารถไปเซ็นต์สัญญาความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชื่อดังต่างๆระดับเอเชียและระดับโลกได้ ผมก็จะไปเซ็นต์สัญญาความร่วมมือทางธรรมปฏิบัติกับสำนักอื่นๆที่สอนวิชชาธรรมกาย

    ผมจะทำความร่วมมือเรื่องพระนิพพาน และหลักปริยัติปฏิบัติสมถะวิปัสสนาสติปัฏฐาน4กับสำนักอื่นที่เชี่ยวชาญและมีผลงานเป็นที่ยอมรับในสังคมชาวพุทธอย่างชัดเจน โดยเฉพาะสำนักที่สอนวิชชาธรรมกาย

    ผมจะเปิดคอสร์ปฏิบัติธรรมโดยระบุชื่อคอสร์ชัดเจน เช่น 18 กาย พิสดารกาย สับกายซ้อนกาย ซ้อนสับทับทวี เจริญฌาน เบื้องกลาง เบื้องสูง เป็นต้น อย่างชัดเจน ส่วนจะจัดขึ้นที่อาคารภาวนา60ปี หรือขึ้นพนาวัฒน์ หรือที่ภุูเรื่อ อะไรก็ตามแต่เถอะ ให้เป็นมาตรฐานเหมือนกับที่สำนักอื่นๆทำกัน (ยกเว้นวัดพระธรรมกายยังไม่ปรากฎ อย่างมากก็แค่มีการขึ้นดอยอัดธรรมกาย และพาคนไปนั่งฟังครูอาจารย์นำพานั่งสมาธิเบื้องสูง แต่ไม่ได้สอนเป็นหลักวิชชาให้เป็นเรื่องราวตามเจตนารมณ์หลวงปู่สด เพราะหลวงปู่สดท่านปราถนาให้ทุกท่านเป็นครูสอนวิชชาธรรมกายได้ด้วยตนเอง)

    ผมจะยกนำตำราทางวิชชาธรรมกายดั่งเดิมมาเป็นหลักสูตรมาตรฐาน โดยต้องยอมรับว่าเป็นการรับมาจากท่านเจ้าคุณวีระซึ่งเป็นผู้ดูแลและเผยแผ่หลังจากหลวงปู่สดมรณะภาพ และผมจะอาศัยโอกาศนี้ประกาศว่าวิชชาธรรมกายที่คุณยายอาจารย์แม่ชีจันเรียนมาจากโรงงานทำวิชชาและสอนนั้นก็เป็นไปในทางเดียวกันกับตำรามรรคผลพิสดาร เป็นอันจบสมบูรณ์อย่างสมเกียรติครับครับ บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น และเป็นที่ยอมรับกัน ยุติข้อกังขาทั้งหมด...

    ผมจะไม่ยกย่องหมู่คณะว่าเป็นผู่ที่เก่งกาจที่สุดพียงหนึ่งเดียว เพราะผู้สืบทอดทางวิชชาธรรมกายมีมากมายหลายท่าน

    ผมจะไม่สอนว่าการทุ่มทำทานสุดตัวเป็นบารมีภาคปราบ แต่เป็นบารมีระดับพระโพธิสัตว์ และสอนให้เข้าใจว่าบารมีภาคปราบคือทุกท่านต้องเข้าถึงและเป็นวิชชาธรรมกายเบื้องสูง

    ทั้งหมดเพื่อเห็นแก่วิชชาธรรมกาย ให้เกิดความร่วมมือกับชาววิชชาธรรมกาย ให้ความกระจ่างกับสังคม และเป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาโดยรวมที่แท้จริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2010
  17. belives

    belives เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +234
    ก็มันไม่ยังไม่ถึงเวลานะสิครับ ภารกิจหน้าที่ที่ต้องทำ กับภารกิจที่แท้จริงถ้าไม่ได้เป็นหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ก็คงไม่เข้าใจอยู่ดีเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองนะครับว่าสิ่งที่หมู่คณะวัดพระธรรมกายทำอยู่ตอนนี้ เขากำลังทำอะไร และจะมีผลอย่างไรในอนาคต ต่อพระพุทธศาสนา ต่อโลก ทุกคนในที่นี้ต่างก็อยากเข้าถึงพระธรรมกาย อยากทำวิชชาปราบไอ้ดำทั้งนั้นแหละครับแต่ หน้าทีที่ต้องทำตอนนี้ ต่าวคนก็ต่างมีหน้าที่ ดังนั้นเราทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก่อน ส่วนเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้น ความขัดแย้งกัน ความเข้าใจไม่ตรงกัน เอาไว้ก่อนสิ่งที่ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นต่างๆนาๆมานั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ดีเป็นความปราถานาดีต่อวิชชาธรรมกาย ต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกคนต่างก็รักวิชชาธรรมกายเหมือนกันพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ เราทั้งหลายต่างก็อยู่ในสายตาท่าน เพราะวิชชาธรรมกายนี้ ท่านเป็นผู้ค้นพบ ทำไมท่านจะไม่รู้ นั่นแหละหน้าที่ที่พวกเราทุกคนต้องช่วยกันขยายวิชชาธรรมกายไปทั่วโลกแต่การขยายวิชชาธรรมกายไปทั่วโลกนั้น ต่างสำนักก็มีวิธีที่แตกต่างกันไป สิ่งที่หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายท่านทำอยู่ ท่านก็รู้ดีว่ากำลังจะทำอะไร ทั้งประเทศไทย ทั้งโลกกำลังจับตามองดูอยู่ อีกทั้งศาสนาอื่นๆ อีก ดังนั้นการทำงานอะไรที่มันใหญ่ขนาดนี้ ปัญหามันก็ย่อมมี ทั้งภายในและ ภายนอก ดังนั้นความสำคัญในการเผยแผ่วิชชาธรรมกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทำหน้าที่ของใครของท่านให้ดีทีสุดแหละครับ แล้ววันนั้นจะมาถึงเอง อีกไม่นานจริงๆนะครับ
     
  18. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    เฮ้อ...เบื่อรายการโฆษณาชวนเชื่อและการสร้างความหวังลมๆ แล้งๆ จังนะครับ


    ถ้าท่านศึกษาวิชชาธรรมกาย...ถ้าท่านไม่มีพื้นฐานทางความรู้ที่ถูกตรง ธรรมภาคกิเลสเขาชักจูงเราให้ออกนอกลู่นอกทางได้เสมอ เราจะไม่มีทางรู้สึกตัว เพราะเราคิดว่าเราทำถูกแล้ว ซึ่งอาจถูกในทางโลกทั่วๆ ไป แต่มันคลาดเคลื่อนจนกระทั่งผิดหลักวิชชาธรรมกายไปนั่นเอง

    ผมรู้และทราบจุดจบของปัญหานี้ล่ะครับ ผมมีคำตอบมานานแล้ว ส่วนท่านใดคิดว่าขอให้รอเถิดสักวันทุกท่านจะรู้เอง ผมก็ได้หวังแต่ว่า วันนั้นคงมาถึงเร็วไวที่สุด แล้วทุกท่านจะได้รู้เองว่าอะไรของจริงอะไรของหลอก ปกปิดกันไม่มิดดอก...ขอรับ


    ถ้าท่านผู้อ่านและผู้สนทนามิได้อยู่ในแวดวงของนักปฏิบัติวิชชาธรรมกาย ไม่เคยเข้าหลักสูตรวิชชาระดับต้น กลาง ปลายเลย ท่านจะนำประสบการณ์ที่ไม่เคยรับรู้ทางวิชชามาคิดตรึกตรองเอาเองไม่ได้ จะมาตอบแทนคนอื่นไม่ได้ ทั้งหมดที่ผมกล่าว ผมมีเจตนามุ่งไปที่ตัวผู้สอนให้ตระหนักถึงวิธีการสอนที่ถูกต้อง และถูกหลักวิชชาธรรมกายจริงๆ สำหรับท่านที่นั่งอยู่ฝ่ายผู้ฝึก และมิใช่ฝ่ายผู้สอนท่านจะไม่ทราบเรื่องเหล่านี้เลย ดังนั้นท่านไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบแทนคนอื่นได้นั่นเอง และคนอื่นที่ว่าก็คือฝ่ายผู้สอนไม่ใช่ฝ่ายผู้ฝึกนะครับ...


    โปรดเข้าใจตามนี้ด้วย....
     
  19. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    ขอตั้งคำถาม เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันแบบกระชับมิตร ต่อประโยคที่หลวงพ่อวัดปากน้ำกล่าวไว้ว่า....



    "หยุด เป็นตัวสำเร็จ ตั้งแต่เบื้องต้นจนถึงพระอรหันต์"


    ท่านมีความเข้าใจอย่างไร..??? เพราะข้อความนี้ถ้ามองให้ลึกเป็นเรื่องของธรรมภาคปฏิบัติล้วนๆ ขอให้เราลองแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในประเด็นนี้กันดู จะได้ทราบว่าการที่ท่านเรียนรู้ทางวิชชาธรรมกายมานั้น..ท่านมีพื้นความรู้ความเข้าใจทางวิชชาอย่างไร เรียนเชิญทุกท่านที่ได้ร่วมสนทนามาช่วยกันแสดงความคิดเห็นนะครับ


    เรียนเชิญครับ

    ควรให้เกียรติชาววัดที่คลองสามเป็นผู้มาตอบก่อนก็จะดีนะครับ เพราะเห็นเป็นคตินิยมของคุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->belives<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4098313", true); </SCRIPT> เจ้าของกระทู้ด้วย
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  20. ดุสิตบุรี

    ดุสิตบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +273
    ขอขอบคุณท่านสมถะ ท่านต้นไม้โพธิ และทุกท่านมากครับ


    ผมได้ย้อนกลับไปพิจารณากระทู้ต่างๆตั้งแต่กระทู้ต้นๆเรื่อยมา และจากที่ได้อ่านกระทู้ของท่านต้นไม้โพธิในกระทู้ที่ 118 "ผมต้องบอกกับตัวเองว่าผมคงต้องเปิดใจในวิชชาธรรมกายให้กว้างยิ่งๆขึ้น ไม่ปิดกั้นความรู้ที่ผู้อื่นหวังดีเมตตาแนะนำให้ และที่สำคัญต้องปฏิบัติให้มากๆ แล้วตัวผมเท่านั้นที่จะเป็นผู้รู้คำตอบเอง"


    ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งและขอกราบขอขมาต่อทุกท่าน ณ ทีนี้ด้วยครับ


    ด้วยเคารพในธรรมอย่างยิ่ง
    ดุสิตบุรี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...