หลวงพ่อไปพบลูกศิษย์ตายแล้วไปอยู่ที่พระนิพพาน

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย attasade, 17 สิงหาคม 2014.

  1. attasade

    attasade เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    342
    ค่าพลัง:
    +2,554
    หลวงพ่อไปพบลูกศิษย์ตายแล้วไปอยู่ที่พระนิพพาน


         "..วันหนึ่งไปวิมานบนพระนิพพาน พอไปถึงก็นั่งเล่นนอนเล่นตามสบาย นึกว่าไม่มีใครมา ปกติท่านไปทุกวัน วันละหลาย ๆ เที่ยว ถ้าว่างเมื่อใดก็ไปเพราะจิตเป็นสุข วันนั้นพอไปแล้วก็มีคน 200 คนมาหาแต่งตัวแพรวพราวเป็นระยับเต็มอัตราพระนิพพาน ก็สงสัยว่าพวกนี้มาได้อย่างไร ก็เลยถามว่า

         "ในสภาพที่เป็นมนุษย์มีรูปร่างแบบไหน ทำให้ดูซิ"

         ท่านก็ทำให้ดูสมัยเป็นมนุษย์นุ่งโสร่งก็ขาด ใส่เสื้อก็เก่าแสนเก่ามีผ้าขาวม้าพาดไหล่ ผอม ๆ สูง ๆ อาตมาจำได้เคยไปที่วัดบ่อย ๆ ถามว่า

         "โยม มานิพพานได้อย่างไร การมานิพพานได้ต้องเป็นพระอรหันต์"

         โยมตอบว่า "อรหันต์ไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้า อยู่ที่ใจ"

         ถามว่า "โยมฝึกพระกรรมฐานถึงขั้นไหน"

         ตอบว่า "ผมฝึกไม่มากครับ ไปฝึก มโนมยิทธิ ได้ 2 ครั้ง แต่ไปพระนิพพานได้ และอาตมาบอกว่าทุกวันให้ไปพระนิพพาน ตั้งใจว่าตายเมื่อใดขอไปพระนิพพาน ผมก็กำลังป่วยหนักเห็นพระนิพพานใสชัดเจนมาก วิมานก็สวย คนก็สวย อยู่ใกล้ ๆ แค่เอื้อม เมื่อจิตออกจากร่างเลยเข้าวิมานไปเลย แล้ววิมานก็พาลอยไป"

         เป็นอันว่าการจะไปพระนิพพานได้ ไม่ใช่มีความรู้มาก ต้องจิตสะอาดมาก ความสำคัญขณะที่ป่วยหนักหรือป่วยไม่หนักก็ตาม พอเริ่มป่วยถ้าคนมีจิตเป็นกุศลอยู่แล้ว เขาก็จับพระนิพพานแล้ว.."

    *คัดลอกจากหนังสือ ตายไม่สูญ...แล้วไปไหน เรื่องที่ 21 หน้า 81 โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ( หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 สิงหาคม 2014
  2. daowdeaw

    daowdeaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2013
    โพสต์:
    537
    ค่าพลัง:
    +1,558
    กราบอนุโมทนา สาธุ
    ขอตามหลวงพ่อไปนิพพานด้วยคนค่ะ
     
  3. มรรคา

    มรรคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2009
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +101
    สาธุครับ
     
  4. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    806
    ค่าพลัง:
    +2,515
    กราบหลวงพ่อคะ สาธุกับผู้ที่อยู่ที่นิพพาด้วยคะ เพราะหลวงพ่อชักจุง ผู้คนได้ไปนิพพานเยอะเหมือนกัน ไม่ต้องชาติไหน ชาตินี้แหละ สาธุๆๆๆ
     
  5. ติดกาม

    ติดกาม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +14
    นิพพานไม่ใช่ที่เที่ยวนะครับ จะเข้าๆออกๆเป็นสวนสนุกหรืองัย
    ไปหาอ่านความจริงกันเสียบ้าง ว่านิพพานความจริงเป็นเช่นรัย
    พระพุทธเจ้าบอกไว้ในพระไตรปิฏก จะได้ตาสว่างกันเสียที
     
  6. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    806
    ค่าพลัง:
    +2,515
    แต่หลวงพ่อไปเที่ยวบ่อย ตอนนี้ท่านก็อยู่ถาวรแล้ว มีผู้ที่มีความสามารถไปเที่ยวได้ ไปบ่อยๆได้ หลวงพ่อก็สอนให้ไปได้กันเยอะอยู่ ทั้งสมเด็จองค์ปฐม สมเด็จองค์ประทีปแก้ว องค์ปัจจุบันท่านก็สอนให้จิตจับนิพพานเข้าไว้ จิตมีสภาพจำ จำไว้ ปฎิบัติเข้าไว้ ไปได้แน่ อย่าสงสัย
     
  7. โลโป

    โลโป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2012
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +1,714
    ศรัทธาหมายถึงความเชื่อ คนที่มีศรัทธาในความดีเขาจึงละความชั่วทำความดี คนที่ไม่มีศรัทธาในความดีเขาจึงทำความชั่วไม่ทำความดี สองคนนี้มีศรัทธาแต่เชื่อต่างกัน ศรัทธาเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดน่าเวียนหัวที่สุด คนมีศรัทธาไปทางใดทางหนึ่งแล้วยากที่จะเปลี่ยนได้ง่ายๆ ส่วนมากจะเชื่อตามกันไหลไปตามกัน พระพุทธเจ้าสอนว่าฟังแล้วอย่างเชื่อทันที ฟังธรรมมาแล้วให้จดจำธรรม จดจำธรรมแล้วให้พิจารณา ถ้าเป็นธรรมและวินัยให้จำไว้ ถ้าไม่ใช่ธรรมและวินัยให้วาง อย่างเชื่อโดยฟังมา อย่าเชื่อโดยทำตามกันมา อย่าเชื่อโดยตื่นข่าว อย่างเชื่อโดยอ้างปิฏก อย่างเชื่อโดยนึกเดา อย่าเชื่อโดยคาดเอา อย่าเชื่อโดยตรึกเอา อย่าเชื่อโดยถูกกับลัทธิของตน อย่าเชื่อโดยผู้พูดเชื่อถือได้ อย่าเชื่อโดยถือว่าผู้พูดเป็นครูของตน จะเชื่อสิ่งใดคิดกันให้ดีคิดกันให้มาก ธรรมแบ่งเป็นสอง คือ สังขตธรรมกับอสังขตธรรม นิพานเป็นอสังขตธรรม ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน ไม่ใช่ผอมไม่ใช่สูง ไม่ใช่กลางวัน ไม่ใช่กลางคืน ไม่ใช่พระอาทิตย์ ไม่ใช่พระจันทร์ ไม่ใช่เมืองแก้ว ไม่ใช่บ้านเมือง ไม่ใช่อัตตา ไม่ใช่อนัตตา ไม่ใช่โลกนี้ ไม่ใช่โลกหน้า อะไรที่มีการเกิดมีการตายไม่ใช่นิพาน อะไรที่มีการมามีการไปไม่ใช่นิพพาน ฌานทุกขั้นสมาธิทุกขั้นเป็นทางเดินไม่ใช่นิพพาน ธรรมและวินัยที่พระพุทธเจ้าบัญญัติเป็นธรรมฝ่ายสังขตธรรม ธรรมที่เป็นอสังขตธรรม เป็นวิมมุติ เป็นนิพพาน พระพุทธเจ้าไม่บัญญัติ เมื่อถึงที่สุดแล้วไม่มีคำพูดไม่มีคำบัญญัติ ที่สอนกันที่เล่ากันนิพพานมีบ้านมีเมืองมีพระพุทธเจ้า เป็นพวกอวดอ้างเป็นพวกผู้วิเศษอวดอ้างว่ามีธรรมแต่ความจริงเน่าใน
     
  8. kengloveyou

    kengloveyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +2,077
    คนที่ทำได้แล้ว ไปได้แล้ว ไม่มีใครเขามานั่งค้านกันหรอก

    ต่างจากคนที่ไม่ได้ทำและยังทำไม่ได้ด้วยเท่านั้นแหละ

    ที่ไม่คิดที่จะหัดทำ และกลับเอาเวลาอันน้อยนิดมาทิ้งกับการ

    ไล่ค้านคนที่เขาทำได้ ประมาทพาดพิงเขา น่าสงสารเวทนากับดวงจิต

    เหล่านี้จริงๆอุตส่าห์ได้มีโอกาสมาพบพระพุทธศาสนาแล้วแท้

    โอ้หนอผมสงสารและน่าเห็นใจดวงจิตเหล่านี้ที่สุดเลย
     
  9. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    806
    ค่าพลัง:
    +2,515
    ค้านและประมาทพาดพิงถึงเรา ผู้ชนธรรมะดาไม่เป็นไร แต่ประมาทพาดพิงถึงผู้บริสุทธิแล้ว ผู้อริยเจ้าแล้ว ก้บรรลัยกัน ไปกราบขอขมากันเองก็แล้วกัน
     
  10. sornsill

    sornsill เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +515
    กรรมฐานมีตั้ง 40 กอง แต่ละคนจะถนัดไม่เหมือนกัน เนื่องจากจริตต่างกัน ฉันใดฉันนั้น การสอนแต่ละสำนักอาจารย์ย่อมต่างกันแปลกย่อยตามสายทาง ดังนั้นเมื่อยังไม่รู้ตามได้ก็อย่าประมาท อย่ากล่าวโทษ เพราะจะเป็นบาป
     
  11. krasin

    krasin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +2,821
    มุ่งสู่พระนิพพานนี่คือที่สุดความดับทุกข์แล้ว ท่านที่ค้านเขา แสดงว่าอยากมาเวียนว่ายตายเกิดอีก
    เกิดเป็นมนุษย์มันหาความสุขที่แท้จริงไม่ได้หรอก
     
  12. tanapolr

    tanapolr สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +5
    ศรัทธาหลวงพ่อเช่นเดียวกันครับ แต่ไม่เข้าใจว่า ไป กลับนิพพานได้อย่างไร
    ก็ในเมื่อพิพพานคือ กิเลศดับสนิท ไม่เหลือ ไม่มาเกิดอีก คงต้องรอผู้รู้มาอนุเคราะห์คับ
     
  13. kengloveyou

    kengloveyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +2,077
    ขออนุญาตแก้ข้อสงสัยคุณ tanapolr นะครับ

    "ก็ในเมื่อพิพพานคือ กิเลศดับสนิท ไม่เหลือ ไม่มาเกิดอีก " นี่คือสิ่งที่คุณเข้าใจ

    ใช่ไหมครับ จะอ่านมาจากหนังสือธรรมเล่มใดผมไม่ทราบ แต่ผมขอพูดตรงๆนะครับ

    การอ่านเป็นสิ่งที่ดี แต่ยังดีไม่ถึงที่สุด เพราะการอ่านแล้วจำได้แล้วก็ใช่ว่าจะปฏิบัติได้

    อย่างที่อ่านหรืออย่างที่จำนั้น ความสงสัยนี้จะไม่มีวันหมดไปจากจิตใจของสัตว์โลก

    ได้เลย หากดวงจิตนั้นไม่คิดที่จะปฏิบัติตามธรรมะเพื่อเสาะหาความจริงอันประเสริฐ

    ด้วยตนเอง พูดง่ายๆก็คือ อย่ามัวสงสัยอยู่เลย สงสัยไปทั้งชาติคุณก็ไม่หมดสงสัย

    หรอก ถึงใครจะมาบอกความจริงคุณอย่างไรก็เถอะ แต่ในเมื่อคุณยังจำที่อ่านใน

    หนังสือไว้เต็มใจอยู่ และคุณเองก็ยังไม่เคยปฏิบัติตามสายอภิญญานี้เลย แม้ว่าเขาจะ

    บอกความจริงให้คุณไปมันก็ไปขัดกับสิ่งที่คุณอ่านมาและจำไว้เต็มใจอยู่ดี ทางออกมีอยู่

    ทางเดียวคือ แก้ความสงสัยของตนเองซะด้วยการ ไปสำนักที่เขาสอน มโนมยิทธิเลย

    ตอนนี้น่าจะมีเยอะ แล้วไปปฏิบัติตามที่เขาสอนอย่างเคร่งครัด ถ้าคุณมีบุญเก่าทาง

    ด้านนี้จริง คุณก็คงจะหายสงสัยเองนั่นแหละ เรื่องอย่างนี้อย่าถามให้มากเลย

    ถ้าบุคคลผู้นั้นไม่ใช่วิสัยอภิญญาละก็ ยิ่งถามมากก็ยิ่งจะสงสัยมาก ยิ่งถามมาก

    ก็ยิ่งจะมีมิจฉาทิฏฐิมาก เพราะแทนที่จะได้ประโยชน์กลับอาจจะได้รับโทษแทนอีก

    ดังนั้น หากคุณเคารพและศรัทธาหลวงพ่อฤาษีจริงๆ จำได้ไหมที่หลวงพ่อท่านค่อย

    พร่ำสอนแก่บรรดาพุทธบริษัททั้งหลายอยู่เนืองๆ นั่นก็คือ ขั้นแรกหลวงพ่อท่านสอน

    ให้ปฏิบัติเพื่อความเป็นพระโสดาบันให้ได้ซะก่อนมิใช่หรือ หากเมื่อคุณเป็นพระ

    โสดาบันได้แล้ว ถึงแม้ว่าจริตนิสัยคุณจะเป็นสุขวิปัสโกก็เถอะ ยังไงแล้วคุณก็จะ

    ไม่สงสัยในเรื่องพวกนี้อีกแน่นอน ผมยืนยัน และแนะนำให้ทุกคนที่กำลังสงสัยใน

    เรื่องพวกนี้อยู่เต็มอกเต็มใจ ขอได้โปรดจับต้นทางให้ได้ซะก่อนนะครับ คือหัดปฏิบัติ

    เพื่อความเป็นพระโสดาบันให้ได้ภายในชาติปัจจุบันนี้เลย อย่ามัวมาเสียเวลากับการ

    สงสัยเรื่องพระนิพพานอยู่เลย แล้วทุกอย่างจะดีเอง นะครับ ด้วยความปรารถนาดีที่สุดจากใจ
     
  14. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    806
    ค่าพลัง:
    +2,515
    " นิพพาน " ดับสนิทจริง ดับเฉพาะกิเลสนะคะ แต่ดวงจิตยังอยู่ เป็นดวงจิตที่สะอาดบริสุทธิ์จริงๆ เหมือนพระพุทธเจ้าอย่างไงละคะ แต่พระพุทธเจ้าเราสะอาดกว่าหลายร้อยพันเท่า ไม่รู้จะเปรีบยไงดี เพราะท่านสร้างบารมีมาเต็มหลายภพหลายชาติ ส่วนพวกเราส่วนใหญ่ก็จะไปทางลัดกัน โดยหลวงพ่อสอนว่า ไม่ยินดีในร่างกาย ไม่ยินดีในการเกิดอีก แค่นี้ก็ไปได้ ศีล 5 กรรมบท 10 มีครบก็ใช้ได้
     
  15. กายในกาย

    กายในกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,265
    ผมยอมรับว่า ผมสงสัยเรื่องนิพพาน แต่ผมนับถือหลวงปู่ฤาษีลิงดำเป็นอาจารย์ของผมอีกองค์หนึ่ง ผมไม่เคยฝึกมโนยิทธิเลยครับ มีครั้งหนึ่ง ผมอ่านกระทู้ในเว็บอีกเว็บหนึ่ง เป็นกระทู้ที่กล่าวถึงหลวงปู่ฤาษีลิงดำ แล้วก็มีคำพูด ๆ หนึ่ง เกิดขึ้นในหัวของผมว่า "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านรู้ทางลัดไปพระนิพพานจริง" ทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าจะสงสัยในมโนยิทธิ ฤทธิ์ทางใจ เกี่ยวกับเรื่องไปพระนิพพาน บ้าง แต่เราควรเชื่อฟังครูบาอาจารย์ของเรา และไม่สงสัยท่าน ไม่ควรปรามาสพระอรหันต์ เพราะจะเป็นบาป ปิดกั้นการปฏิบัติครับ ผมก็ปรารถนาพระโสดาบันในชาตินี้เหมือนกันครับ
     
  16. kachangwa

    kachangwa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +33
    ตรงนี้แหละที่เขาบอกว่าอันตราย ที่ฝึกสมาธิโดยการเพ่งจ้อง กรรมฐาน 40 กอง ล้วนแล้วเป็น ในรูปแบบ สมถะ กรรมฐาน หากหลงไปก็หลุดไปเลยเหมือนพวกฤาษีมุณี เหมือนพราห์มที่เขาชอบทำกัน เหมือนพวกชอบอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารทำกัน ถ้าบอกว่านิพพานแบบ สมถะ ก็ไม่ผิด แต่ไม่ใช่ นิพพาน ของพุทธะ แน่ เพราะนิพพานแบบ สมถะ จะเป็นตัวเป็นตนจนถึงที่สุด หมายถึงสร้างบุญบารมีให้กับตัวเองจนสูงสุด
    แต่นิพานแบบ พุทธะ หรือ วิปัสนา กรรมฐาน จะหมายถึง ว่าง เท่านั้นเอง
    ใครจะ นินทา หรือ สรรเสิญ ก็ไม่ได้สะเทือนแก่จิต พุทธะ เพราะจิตไม่ได้เป็นผู้เป็น แต่เป็นผู้ดู มันก็สักแต่ว่าคำพูดมันก็จบ มันก็ไม่มีอะไร พระพุทธเจ้าไม่เคย ห้ามนินทา พระอรหันต์หรือพระพุทธเจ้าเลย
    ผมว่าการห้าม นินทา มาจากการแบ่งแยกชนชั้น วรรณะ ของ ลัทธิพรามห์ม มากกว่า เพราะเรื่องพิธีรีตรอง ล้วนแล้วมาจากลัทธิพราห์มทั้งนั้น พราห์ม มีอิทธิพลมากเพราะเป็นวรรณะ ใกล้เคียง กษัตริย์ ซึ่งมีอำนาจปกครองสูงสุดในแต่ละเมือง
    ปล. มองจากความจริง ตาม ความเป็นจริง ธรรมใดเกิดแต่เหตุ สรรพสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแล้วมีเหตุผลทั้งสิ้น พุทธ คือ วิทยาศาตร์ทางจิต ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2014
  17. Piagk3

    Piagk3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    607
    ค่าพลัง:
    +1,222
    นิพพาน = " สิ่ง" สิ่งหนึ่ง ซึ่งบุคคล พึงรู้ แจ้ง เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีที่สุด แต่ มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบนั้นมีอยู่ ใน"สิ่ง" นั้นแหล่ะ ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ ใน" สิ่ง" นั้นแหล่ะ ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้ ใน " สิ่ง " สิ่งนั้นแหล่ะ นามรูป ย่อมดับสนิทไม่มีเศษเหลือ นามรูป ดับสนิท ใน " สิ่ง " นี้ เพราะการดับสนิทของวิญญาณ ดังนี้
    ไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ สีลขันธวรรค ทีฆนิกาย ๙/๒๗๗/๒๔๓

    ภิกษุทั้งหลาย! " สิ่ง" สิ่งนั้นมีอยู่ เป็นสิ่งซึ่งในนั้น ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ ไม่มีลม
    ใม่ใช่ อากาสานัญจายตะนะ ไม่ใช่วิญญาณัญจายตนะ ไม่ใช่อากิญจัญญายตนะ ไม่ใช่เนวสัญญานาสัญญายตนะ ไม่ใช่โลกนี้ ไม่ใช่โลกอื่น ไม่ใช่ดวงจันทร์ หรือดวงอาทิตย์ทั้งสองอย่าง
    ภิกษุทั้งหลาย! ในกรณีอันเกี่ยวกับ " สิ่ง " สิ่งนั้น เราไม่กล่าวว่ามีการมา ไม่กล่าวว่ามีการไป ไม่กล่าวว่ามีการหยุด ไม่กล่าวว่ามีการจุติ ไม่กล่าวว่ามีการเกิดขึ้น สิ่งนั้นมิได้ตั้งอยู่ สิ่งนั้นมิได้เป็นไป และสิ่งสิ่งนั้นไม่ใช่อารมณ์ นั่นแหล่ะคือที่สุดแห่งทุกข์
    ไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ อุทาน ขุททกนิกาย ๒๕/๒o๖/๑๕๘
    ฉะนั้นนิพพาน จึงไม่ใช่สิ่งที่ปุถุชนจะไปเที่ยวเล่นได้
     
  18. kachangwa

    kachangwa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +33

    "ไม่ควรปรามาสพระอรหันต์ เพราะจะเป็นบาป"
    เป็นความเชื่อที่น่ากลัวสำหรับคนรุ่นต่อๆไป หากไม่มีใครคิดออกจากกรอบความเชื่อที่ผิดๆ จากความเป็นจริง คนรุ่นต่อไปก็คงไม่มีโอกาสพบสัจธรรมแน่
    ผมเข้าใจสัญชาตญาณของคน ที่กลัวตาย กลัวอันตราย เป็นตัวตนจนถึงที่สุด คนเหล่านี้จะหมอบกราบ สิโรราบให้กับสิ่งที่ตนเชื่อ จากการบอกสืบต่อๆกันมา ความเชื่อที่ใช้ข่มขู่ ให้คนอื่นกลัว โดยที่ไม่รู้ความจริง หากปิดกั้นเฉพาะตนเองก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่คนรุ่นหลังอาจถูกบังคับขู่เข็ญให้เชื่อตามความคิดของตนไปด้วยนี่สิ น่าเป็นห่วง
    เขาเหล่านั้นจะใช้แค่เฉพาะ สัญชาตญาณ ซึ่งเป็น ญาณ ของเดรัชฉาน (ขวาง) เพื่อให้ตนปลอดภัย เพื่อความอยู่รอดของตนเอง เพื่อสร้างบารมีให้แก่ตน สุดท้ายก็คือ หลงทาง ใครไม่เชื่อตามตนก็ โกรธ หากมีคนตามตนมากๆขึ้น ก็ โลภ ในบารมี
    ความงมงายมีเกือบทั่วทั้งประเทศ ปัญหาทางสังคมจึงเกิดขึ้น ตามที่เห็นในข่าวแทบทุกๆวันนี่แหละครับ คือผลที่ได้รับ
     
  19. Artorius51

    Artorius51 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2014
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอบคุณ piagk3 ที่นำพระสูตรที่พระพุทธตรัสไว้เกี่ยวกับนิพพานมากล่าว เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ไม่รู้ผู้สนใจ
    ผมเชื่อว่าผู้ที่เข้าสนทนาพระธรรมกันในนี้ ทุกคนล้วนมีเจตนาบริสุทธิ์ เป็นผู้มีกุศลจิตและต้องการศึกษาธรรมปฏิบัติธรรมเพื่อหาความจริงเพื่อประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น เช่นกันก็คงไม่มีใครอยากอ่านคำเท็จคำลวงหรือคำที่ไม่จริงไม่เป็นประโยชน์เพื่อความสนุกความบันเทิงจรรโลงใจ เพียงแต่ว่าพระพุทธศาสนาเราล่วงเลยมา2พันกว่าปีแล้ว พระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ย่อมเปรียบเสมือนกลองศึก ชำรุดแก้ไขแต่งเติม
    พระพุทธเจ้าของเราตรัสแต่คำจริง ถูกต้องที่สุด เป็นประโยชน์ ไม่จำกัดกาลเวลา ทรงตรัสตอบแก่ผู้ถามไว้ว่า สิ่งพระองค์ทรงแตกต่างจากสาวก(ทั้งอรหัตผลหรือไม่อรหัตผล) คือ 1.พระองค์ทรงรู้มรรคก่อน 2.ทรงรู้แจ้งมรรค 3.ทรงฉลาดในมรรค ส่วนสาวกเป็นเพียงมัคคานุคา(ผู้เดินตามมรรค) มรรคใดไปนิพพาน มรรคใดทรงชี้ทางทรงกล่าวถึง พึงศึกษาเอาปฏิบัติเอา ญาณของพระองค์รู้แจ้งแทงตลอด รู้เท่าที่อยากจะรู้ ไม่ปรากฎว่าเคยมีผู้ที่ประเสริฐกว่า ยิ่งใหญ่กว่า แต่ผู้ที่เสมอเหมือนมีอยู่ แต่ไม่อุบัติขึ้นพร้อมกัน ทรงตรัสถึงจำนวนพระพุทธเจ้าที่ล่วงมาแล้วมีมากมายดังเมล็ดทรายในมหาสมุทร แต่พระองค์แรกสุดก็ไม่ทรงตรัสถึง ว่าชื่ออะไร จะมีก็ว่าไปในแต่ละกัปป์แต่ละอสงไขย ก็พึงใคร่ควรกันแล้วกัน
     
  20. Artorius51

    Artorius51 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2014
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +3
    ไม่ต้องห่วง สำหรับผู้ที่กำลังกลัวหรือไขว้เขว มีความคิดกังวลในใจว่า ปรามาสพระอรหันต์หรือไม่ ว่าหากไม่เชื่อเคลือบแคลงแล้วจะไม่ได้มรรคผลตามอาจารย์หรือไม่
    พึงใช้หลักกาลามสูตร เพราะพระพุทธเจ้าทรงเป็นบรมครู เป็นครูแก่เทวดาและสัตว์ทั้งหลาย หากไม่เชื่อพระพุทธเจ้า เหตุเพราะกลัวปรามาสครูอาจารย์พระอรหันต์แล้ว ท่านไม่กลัวปรามาสพระพุทธเจ้าหรือ เพียงศึกษาปฏิบัติธรรมโดยใช้ปัญญาแล้วจะรู้ได้ด้วยตนเองว่า นี่เป็นคำสอนพระอรหันต์เป็นศิษย์พระพุทธเจ้าจริงๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...