หากเกิดเป็นเทวดา หรือ พรหม จะสามารถสั่งสมบุญต่อถึงพระนิพพานได้หรือไม่ครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย penkonthai, 30 กันยายน 2005.

  1. penkonthai

    penkonthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +129
    ตั้งใจเอาไว้ว่า ชาตินี้หากบำเพ็ญเพียรไม่ถึงพระนิพพาน หากตายไปอย่างน้อยชาติหน้าก็ขอเกิดเป็นเทวดา หรือถ้าดีก็เกิดเป็นพรหม

    แต่ได้ฟังเทศน์ของหลวงพ่อฤาษี ท่านบอกไว้ว่า ให้พวกเราเพียรพยายามจนถึงพระนิพาน อย่าหวังว่าตายไปจะเกิดเป็นเทวดา หรือพรหม เพราะถ้าหากหมดบุญแล้ว ส่วนมากจะต้องไปชดใช้กรรมต่อที่นรกภูมิ

    เลยอยากทราบว่า หากเราเพียรไม่ถึงพระนิพพาน แล้วได้ไปเกิดเป็นเทวดา หรือพรหม เราสามารถเพียรต่อให้ถึงพระนิพพานที่นั่นได้หรือปล่าวครับ กลัวต้องตกนรกมาชดใช้กรรม วนเวียนเกิดมาทุกข์ทรมานบนแดนมนุษย์อีก
     
  2. Catwater

    Catwater เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2005
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +142
    อืมมม... ก็ได้อ่ะนะแต่ว่าจะต้องมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วสร้างบุญบารมีอ่ะ

    แบบว่าปกติแล้วเวลาเทพจะช่วยอะไรใครที่กำลังจะตกทุกข์ได้ยาก กำลังจะตกทุกข์ ยังไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร แต่ถ้าเราเห็นว่าคนนี้กำลังจะแย่แล้วแล้วเราช่วยให้เขาหลีกพ้นจากความทุกข์ที่เขาจะเดินก้าวเข้าไปหาได้ เราก็ได้บุญแล้วนะ ไม่ต้องรอให้ไอ่นั่นมันจะตายแล้วค่อยช่วย... แล้วเทพเองก็มีปัญญาสูงส่ง ใครกำลังจะซวยอะไรที่ไหนก็รู้ได้ก่อนหมดนั่นแหล่ะ ดังนั้นเมื่อรู้ก่อนก็จะสามารถช่วยได้ก่อนที่จะเกิดความทุกข์ขึ้นซึ่งเป็นการช่วยที่ดีที่สุด... ( เพราะถ้าสามารถช่วยได้ก่อนที่คนจะได้รับความทุกข์ คนๆนั้นก็จะไม่ต้องรับความทุกข์ใดๆเลย )

    และตามปกติวิธีที่เทพใช้ในการดูแลโลกคือวิธี " เทพดลใจ " คือการทำให้คนเราอยากที่จะทำตามอย่างที่เทพอยากให้เราทำ นั่นคือถ้าเทพอยากจะให้เราคบคนนี้ ก็จะสร้างไอ่คนนั้นให้ตรงกะเสปคเราทุกอย่างเพื่อให้เราอยากที่จะคบกะมัน หรือถ้าเทพอยากให้เราไปช่วยเหลือคนนั้น ก็จะดลบันดาลให้เราอยากจะไปอยู่ในที่ๆไอ่คนนั้นมันกะลังจะซวยโดยที่เราก็มีความรู้สึกเข้าข้างไอ่คนนั้นและเราก็มีศักยภาพมากพอที่จะช่วยเหลือให้มันพ้นจากความทุกข์ยากนั้นๆได้เงี้ยอ่ะนะ

    นั่นคือปกติแล้วถ้าเทพเห็นว่าควรจะช่วยใคร ก็จะดลใจให้คนอื่นไปช่วยหรือใช้ให้คนอื่นไปช่วยนั่นเอง ซึ่งการทำอย่างนี้เทพจะไม่ได้บุญ แต่ไอ่คนที่เทพใช้ให้ไปช่วยจะได้บุญแทน... เพราะว่าบุญจะเป็นของคนที่อยากจะช่วย และเมื่อเทพดลใจให้ไอ่คนนั้นไปช่วยนั่นคือดลใจให้ไอ่คนนั้นอยากจะช่วย ดังนั้นไอ่คนที่ช่วยนั่นก็ได้บุญไป ไม่มีเศษส่วนบุญใดๆตกมาเหลือให้แก่เหล่าเทพได้เลย

    ดังนั้นการดูแลโลกของเหล่าเทพ จะไม่ได้บุญ ถ้าอยากจะได้บุญจะต้องลงมาช่วยด้วยตนเอง และการลงมาทั้งๆที่ยังคงร่างเป็นเทพอยู่นั้นก็ทำไม่ได้ เพราะจะทำให้มนุษย์อ่อนแอ มนุษย์จะร้องขออ้อนวอนจะเอาแต่กะเทพ ไม่ได้มองหาทางออกของปัญหาด้วยตนเอง แล้วคนไม่ดีก็จะคิดแต่ว่าถ้าไม่อยากจะให้ตัวเองทำไม่ดีแล้วกลับตัวไปทำดีก็ต้องให้เทพมาบอกให้เทพมาสั่งสอน ไม่ได้มีความคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นไม่ดีควรจะกลับเนื้อกลับตัวเพราะทำให้คนอื่นเดือดร้อนแต่อย่างใด...

    ดังนั้นถ้าจะลงมาช่วยด้วยตัวเอง ก็จะต้องมาเกิดเป็นมนุษย์ ไม่ว่ายังไงถ้าจะช่วย จะต้องอยู่ในสภาพที่เป็นมนุษย์ ห้ามลงมาทื่อๆทั้งๆที่ยังคงร่างเทพอยู่ จะใช้วิธีเทพดลใจเพื่อสร้างบุญบารมีอยู่แต่บนสวรรค์ไม่ได้ ( เพราะการดลใจให้คนอื่นสร้างบุญ บุญนั้นคนอื่นก็จะเอาไป ไม่เหลือไว้ให้เราแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว... )
    (b-hmm)
     
  3. penkonthai

    penkonthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +129
    หลวงพ่อท่านเทศน์ให้เราหมั่นเพียรเพื่อมัคผลนิพพานให้ได้ในชาตินี้ จริงๆแล้วมันเป็นประการเช่นนี้นี่เอง

    ขอบพระคุณอย่างสูงครับท่านแมวน้ำ
     
  4. Catwater

    Catwater เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2005
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +142
    อืมมม การที่พยายามจะดูแลโลกโดยใช้พลังของตัวเองไปกดหัวมนุษย์ไม่ให้มันทำเลวนั้นเป็นไปได้ยาก เพราะพลังของเทพนั้นจริงๆแล้วมีจำกัด แต่มนุษย์ไม่เข้าใจว่ามันมีจำกัด และที่แย่ไปกว่านั้นคือมนุษย์ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองนั่นแหล่ะ ที่มีข้อจำกัดที่มากมายและสลับซับซ้อนยิ่งไปกว่าเทพเสียอีก... ดังนั้นถ้ามนุษย์เรียกร้องอะไรที่เกินกว่าความสามารถของเทพที่จะทำได้ก็จะทำให้เสียการควบคุมทันที

    แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่พระเจ้ายังทรงพลังอยู่ ก็มีอยู่บางครั้งที่ใช้วิธีนี้ ประมาณว่ามีกษัตริย์ที่ไหนซักที่เนี่ยแหล่ะที่ทรงพลังทางทหารมาก แล้วจะไปก่อความเดือดร้อนทุกข์เข็ญให้กับเมืองอื่นอะไรเนี่ยแหล่ะ... พระเจ้าก็พูดด้วยเลยว่าอย่ายกทัพไป ถ้ายกทัพไปพระเจ้าจะทำลายกองทัพนั้นเสีย แน่นอน คนที่มีกำลังคนอยู่ในมือเป็นหมื่นเป็นแสนย่อมจะมองไม่ออกแน่ๆว่ากองทัพอันเกรียงไกรของตนเองนั้นจะถูกทำลายได้อย่างไร พระเจ้าก็บอกว่า " เจ้าสงสัยในอำนาจของเราหรือ ถ้าเจ้าสงสัย เจ้าจะให้เวลาเดินไปข้างหน้า หรือย้อนกลับ " ... พระราชาก็นึกในใจ เอ เดินไปข้างหน้ามันง่าย งั้นเอาย้อนกลับละกัน... พระเจ้าก็บอกให้จ้องดูที่นาฬิกาแดดของเจ้าให้ดีๆ แล้วก็หมุนโลกกลับไป 15 นาที จะเห็นว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่สิ้นเปลืองพลังอย่างมากมายมหาศาล ถ้าไม่ได้มีพลังอยู่ในระดับที่จะแจกจ่ายโยนทิ้งโยนขว้างยังไงก็ได้ก็อย่าใช้วิธีนี้จะดีกว่า...

    อีกอย่างหนึ่ง คำพูดของเทพเป็นประกาศิตที่ต้องปฏิบัติตามสถานเดียว การที่จะลงมาบอกให้คนทำดีนั้นจะเป็นประกาศิตให้คนต้องทำดี แต่ถ้าคนทำไม่ดีมันก็จะไม่คิดที่จะทำดีด้วยตัวเองเพราะมันเห็นว่าคนอื่นทำเพราะโดนประกาศิต มันเลยจะคิดว่าต้องให้ประกาศิตมาก่อนมันถึงจะทำ อันนี้มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับประกาศิตของเทพมาให้ฟังอยู่เรื่องหนึ่ง...

    วันหนึ่ง บนสวรรค์มีการจัดงานเลี้ยงขึ้น ก็ได้เชิญเล่าพราห์มทั้งหลายไปในงานเลี้ยงนั้นกันด้วย พระศิวะซึ่งเป็นเทพผู้มีลักษณะห้าว เป็นชายชาตรีที่สุดในหมู่เหล่าเทพที่พระเจ้าสร้างขึ้น ซึ่งมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือห้าวจัดไป ( เทพแต่ละองค์มีข้อดีและข้อเสียต่างกันไปตามแต่ที่พระเจ้าสร้างขึ้น ) พระศิวะถ้าเจอเหล้าก็จะดกๆลูกเดียวไม่เคยยั้งไม่เคยพอ กินทีไรเมาแอ๋ทุกที แน่นอนงานนี้พี่ท่านก็ดกเข้าไปเพียบ.... พอเมาแล้วก็ไปเสพสังวาสกับพระศรีอุมาเทวี ( ชายาของพระศิวะ ) พอเสพเสร็จแล้วก็หายเมา แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตูทำไรหว่า... ท่ามกลางความตะลึงงันของเหล่าพราห์ม และความคิดที่ว่าพระศิวะเอาอีกแล้วของเหล่าเทพเทวดานางฟ้าทั้งหลาย พระศิวะก็บอกเหล่าพราห์มไปว่า " ผู้ใดกราบลึงค์ของเรา ผู้นั้นจะเจริญ " ... เหล่าพราห์มทั้งหลายก็ โอ.... แล้วก็ก้มลงกราบกัน งานนี้พระเจ้าชมไหวพริบแก้สถานการณ์ดีมาก... แล้วก็ด่าไปเรื่องที่ทำให้มนุษย์ต้องกราบลึงค์ของตัวเอง...

    แม้คำพูดของเทพจะเป็นประกาศิต... แต่ตอนนี้เราบางคนก็ยังไม่กราบลึงค์ของพระศิวะ ก็คงต้องรอประกาศิตของพระศิวะมาถึงเราเท่านั้น เราถึงจะยินดีและยินยอมจะกราบลึงค์ของพระศิวะด้วยใจจริง ( และก็ไม่ต่างไปจากนี้เท่าใดนักถ้าคิดจะควบคุมดูแลโลกด้วยประกาศิตสวรรค์อ่ะนะ )
    (b-ng)
     
  5. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,810
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ไม่ค่อยรู้นะครับ แหะๆ

    แต่ที่ได้ยินเขาฟังมา เขานิยมไปค้างอย่างต่ำที่สวรรค์ แล้วมาเกิดสมัยพระศรีอาริย์ แล้วไปนิพพานกันแบบ หมูๆ
     
  6. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    512
    ค่าพลัง:
    +433
    แล้วตอนนี้ Catwater โดนประกาศิตของใครอยู่รึเปล่าเนี่ย สงสัย สงสัย? (b-2love)
     
  7. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    766
    ค่าพลัง:
    +5,790
    ที่หลวงพ่อท่านให้รีบมุ่งตรงต่อนิพพานเพราะสภาพทั้งหลายมันไม่แน่นอน ตอนเป็นคนอยู่รีบทำซะ ตายไปไม่แน่กรรมหนักอาจมาดึงดีไม่ดีหล่นตูมลงนรกโน่น เกิดเป็นเทพ พรหม หรือ สัตว์เดรัจฉานก็ทำดีได้ แต่เกิด เป็นเทพ เป็นพรหมจะมีความสามารถบำเพ็ญต่อจนหลุดพ้นได้ แต่บางคนพอเกิดเป็นเทพแล้วหลง เกิดเป็นพรหมแล้ว หลง ลืมนิพพานเสียเมื่อหมดอำนาจกุศลก็หล่นตูมลงมาภพต่ำกว่า ให้รีบทำเสียแต่ตอนที่เป็นคนนี่แหละสำคัญสุด อย่าประมาท คนจะเป็นเปรตหนะจิตมันเป็นไปแต่ก่อนตายแล้ว คนจะเป็นเทพใจมันเป็นเทพก่อนตายแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มกราคม 2006
  8. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    766
    ค่าพลัง:
    +5,790
    ที่นิยมไปอยู่สวรรค์และลงมาเกิดสมัยพระศรีอาริย์น่าจะมาจากการที่เป็นพรหมมันเนิ่นนานเกินไปกระมัง อายุพรหมนานมากๆ บางคนไปอยู่ก็เกิดความหลงเกิดหลงว่าจะไม่ตายเป็นอมตะ แล้วลืมทำความดีต่อยอด พอหมดอำนาจกุศลก็หล่นลงมา ถึงพรหมจะอายุนาน หรือ โลกันตนรกจะอายุนานแต่สภาพทุกสภาพไม่เที่ยงเป็นไปตามกฎธรรมชาติ แม้นานเท่าใดย่อมเทียรกลับเปลี่ยนไปเรื่อยแหละ
     
  9. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    766
    ค่าพลัง:
    +5,790
    เป็นเทพหรือพรหมก็บรรลุมรรคผลได้ ทำความดีบำเพ็ญต่อยอดได้ มีตัวอย่างเยอะแยะ แต่ว่ารีบเอาตอนที่เป็นคนนี่แหละชัวร์กว่า จะตายลงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้รีบทำดีกว่า และอีกอย่างมนุษย์มีธาตุขันธ์ที่หยาบกว่าเทพและพรหม จึงกำหนดรู้กำหนดพิจารณาเห็นทุกข์ได้มากกว่า จึงบรรลุมรรคผลได้ดีกว่า เจริญวิปัสสนาได้ดีกว่า เพราะกายมันหยาบกำหนดง่าย แต่อย่ามาแย้งนะว่า สัตว์เดรัจฉานยิ่งกายหยาบทำไมไม่บรรลุมรรคผล ก็เพราะว่าเขาอยู่ในภพภูมิที่มันความทุกข์มันบีบบังคับเกินไป จิตใจหมักหมมอยู่แต่ความทุกข์ตลอดเวลาและเขาอยู่ในสภาพกรรมบีบคั้นมากกว่าเรา
     
  10. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    ผมเคยอ่านหนังสือของหลวงพ่อ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเทวดาและำพรหม ที่บำเพ็ญบารมีต่อข้างบนจนสามารถ บรรลุธรรมและไปนิพพานได้โดยไม่ต้องกลับลงมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ... คือมีโอกาสได้ฟังเทศน์
    จากพระพุทธเจ้าครั้งเดียวก็สามารถบรรลุธรรมได้....

    หากมีโอกาสอ่านพบเรื่องดังกล่าวอีก ผมจะนำมาโพสต์ให้อ่านกันครับ
     
  11. อักขรสั จร

    อักขรสั จร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +343
    ไม่แน่ แล้วแต่ว่าบารมีเต็มหรือยัง
    ถ้ากำลังใจไม่พอถือศีล 5 เป็นปกติ ถือศีล 8 วันพระวันโกน
    จะหวังพึ่งพระเมตตรัยคงลำบาก
    ถ้าคิดว่าจะไม่เอาชาตินี้ก็ต้องมีอธิษฐานไว้
    ตั้งแต่ระดับอสีติมหาสาวกขึ้นไปจนถึงพุทธภูมิ
    หรือไม่ก็อธิษฐานเป็นสาวกพระโพธิสัตว์องค์ใดองค์หนึ่งที่เที่ยงแล้ว
    ไม่งั้นจะเคว้งคว้างเกินไป เหมือนนักบินไม่รู้จักสนามบินจะลง
    ทางที่ปลอดภัยที่สุดคือพยายามให้ถึงพระนิพพานในชาตินี้
    ถ้าจะไปต่อก็ควรมีความมุ่งมั่นขนาดยอมลงนรก
    หรือมีความรู้สึกว่า ยอมเกิดอีก ไม่ใช่ อยากเกิดอีก
     
  12. Catwater

    Catwater เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2005
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +142
    อืมมม... ประกาศิตของกษัตริย์ในหมู่กษัตริย์ทั้งปวงที่ลิขิตให้ตูต้องตัดสินโลก... เอ้ยม่ายช่ายยย... (555)
    จริงๆแล้วมันเป็นลิขิตของเราเองที่จะรักเธอคนเดียวคนนั้นไปจนวันตายน่ะ... :p

    ( แต่หลังจากตายค่อยมาเคลียร์กันอีกที เอ้ยม่ายช่ายยย เพื่อน issara นึกในใจไอ่นี่อาฆาตไปถึงชาติหน้า 5555 ) (b-smile)
     
  13. Catwater

    Catwater เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2005
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +142
    อืมมม จริงๆแล้วถ้าเป็นพรหมหรือเป็นเทวดาแล้วก็ไม่ต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกแล้วอ่ะนะ

    โปรดเข้าใจด้วยว่ากายทิพย์ ไม่ได้ทำไว้ให้แตกสลายได้เมื่อบุญหมด แต่กายทิพย์ก็สามารถที่จะแตกสลายได้เมื่อผู้มีอำนาจเหนือกว่าทำลายกายทิพย์ทิ้งแล้วส่งกลับมาบนโลก ( หรือถ้าเลวร้ายกว่านั้นก็จะส่งไปลงนรกเลยก็ยังได้ ) นั่นคือ ถ้าสามารถสร้างบุญบารมีไปเกิดบนสวรรค์ได้แล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าบุญจะหมดแล้วจะตกสวรรค์ ไม่มีครับ มันตกไม่ได้ ไม่ได้ทำไว้ให้มันตกได้ แต่ถ้าโง่มากๆอาจจะตกได้ไม่แน่...
    (b-ng)
    ส่วนการมาเกิดในยุคพระศรีอารีย์นั้น ทางทฤษฏีแล้วก็สามารถที่จะทำได้ถ้าขึ้นไปบนสวรรค์แล้วพอพระศรีอารีย์ลงมาก็ลงตามมาแล้วผูกชะตากัน

    แต่ทางปฏิบัติ การที่จะสร้างร่างจุติขึ้นมาตามที่ตนเองต้องการ หรือการผูกชะตานั้นต้องใช้พลังในระดับหนึ่ง ซึ่งระดับเทพจะสามารถสร้างร่างจุติเองได้ตามที่ตนเองต้องการอยากให้เป็น แต่ระดับที่ต่ำกว่าเทพนั้น ไม่แน่ใจอ่ะ ดีไม่ดีได้แต่ลงมาอย่างเดียว ร่างจุติห่วยแตกแถมไม่ได้ผูกชะตากันด้วยซ้ำ เมียของพระศรีอารีย์ที่ตามพระศรีอารีย์ลงมาด้วยก็ไม่ใช่ระดับเทพ ตอนเอาขึ้นไปไม่ได้กะให้ไปทำงานทำการอะไรซักอย่างเลยไม่ได้ทำให้มีพลัง ตอนจะลงมาก็มีเทพองค์อื่นเป็นคนทำร่างจุติให้ ซึ่งไม่แน่ใจว่าถ้าเทวดาองค์อื่นจะลงมาในยุคของพระศรีอารีย์แล้วเหล่าเทพจะทำร่างจุติให้หรือป่าวอ่ะนะ
    (b-oneeye)
     
  14. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,810
    ค่าพลัง:
    +18,982



    ....บุญหมดก็ต้องลงมา ...ตราบใดที่ยังไม่ถึงพระนิพพาน ..นี่ไม่ใช่แค่ความเชื่อ เป็นเรื่องที่คุณแมวน้ำควรพิสูจน์เอง ..

    พลังก็มีทั้งดี และ ชั่ว...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 ตุลาคม 2005
  15. โลกันต์

    โลกันต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    357
    ค่าพลัง:
    +620
    ...........เทวดาที่อยู่บนสวรรค์ (ละกายมนุษย์ไปแล้ว) เวลาเดินวิชาจะเดินวิชา 16 กาย หรือ 18 กาย ? แล้วหากเป็นพรหมเดินวิชา 14 หรือ 18 กาย ? อรูปพรหมเดินวิชา 12 หรือ 18 กาย ? แต่เวลาเราเข้าเฝ้าต้นธาตุ เราเดิน 18 กายในท้องกายธรรมต้นธาตุได้ จงอธิบาย



    +หายไปกายเดียว คือกายมนุษย์หยาบเท่านั้น ต้องทำกายมนุษย์ละเอียดหรือกายฝันของเรา ให้หยาบขึ้นมาแทนกายมนุษย์หยาบ แล้วก็เดินวิชา 18 กาย เหมือนพวกเรา

    +ทิพย์ พรหม อรูปพรหม ก็แบบเดียวกัน ต่างกันที่เครื่องทรงเท่านั้น พรหม อรูปพรหม ทำฌานได้ มีแผ่นฌาน จึงเลื่อนชั้นเป็นพรหมได้ ส่วนทิพย์ไม่มี ; ทำฌานได้ 4 แผ่น ก็เป็นพรหม ; ทำได้ 8 แผ่น ก็เป็นอรูปพรหมไป

    +สรุปก็คือ มีกายมนุษย์ตายอยู่กายเดียว เหลืออีก 17 กาย ไม่ว่าจะไปอยู่ไหน ? เมื่อจะเดินวิชา ก็ต้องทำกายมนุษย์หยาบขึ้นมาดังกล่าว

    +ทิพย์ คือ สวรรค์ 6 ชั้น ; พรหม คือสวรรค์ 16 ชั้น ; อรูปพรหม คือสวรรค์ 4 ชั้น นั่นเอง
     
  16. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,810
    ค่าพลัง:
    +18,982
    นี่เลย ภาคกายโดยตรง ...
     
  17. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,166
    ค่าพลัง:
    +3,212
    ตั้งใจนิพพานชาตินี้

    ทำๆๆๆๆๆๆให้นิพพานชาตินี้
     
  18. เบื้องล่าง

    เบื้องล่าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +116
    มนุษย์เราเมื่อเกิดมาย่อมมีกรรมติดตัวมาด้วยทุกคน อาจมีทั้งกรรมดี และกรรมชั่ว
    หากมีกรรมดี ท่านก็ส่งให้มาทำความดีเพิ่มเติม เพื่อสร้างผลกรรมดีในชาตินี้และชาติหน้า หากมนุษย์คนใดปฏิบัติธรรมเข้าถึงนิพพาน ก็ถือว่าหลุดพ้นจากการเวียนวายตายเกิดในโลกมนุษย์ แต่ไปเกิดใหม่ในโลกแห่งนิพพาน การนิพพานไม่ได้มีแค่ชั้นเดียว มีอีกเป็นล้านๆๆๆๆๆชั้น ไม่มีที่สิ้นสุด
    ดังนั้น เมื่อท่านอยู่ในโลกแห่งนิพพานแล้วไม่ปฏิบัติธรรมต่อไป ท่านก็จะต้องลงมาเกิดใหม่ตามผลกรรมที่ได้กระทำ
    สำหรับผู้ที่มีกรรมชั่ว หากมาเกิดเป็นมนุษย์ถือว่าท่านให้โอกาส มาสร้างกรรมดีในชาตินี้ แต่ก็จะมีอุปสรรคในการดำเนินชีวิตเช่นกัน ผู้ใดยึดมั่นในการปฏิบัติดีก็สามารถเข้าสู่นิพพานได้เช่นเดียวกัน
    การเข้าถึงนิพพานไม่ใช่เรื่องยากสำหรับมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม หากเรายึดมั่นและศรัทธาในคำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วนำมาปฏิบัติให้ถูกวิธี คือ การปฏิบัติดี - กระทำแต่สิ่งที่ดี ไม่คิดชั่ว ไม่ทำชั่ว การปฏิบัติชอบ - การปฏิบัติชอบธรรมตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
     
  19. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,482
    คำถามคือ "หากเกิดเป็นเทวดา หรือ พรหม จะสามารถสั่งสมบุญต่อถึงพระนิพพานได้หรือไม่"

    คำตอบคือ ไม่ได้ครับ เพราะเทวดาหรือพรหม ไม่จำเป็นต้องทำบุญหรือสะสมบุญ หากแต่เพียงว่าบุญที่เคยทำในภพของมนุษย์ชาตินั้นได้ส่งผล ให้เกิดในภพถูมิที่สูงขึ้นนั่นคืออาจจะอยู่ในกามาวจรภูมิ หรือ รูปาวจรภูมิ หรือ อรูปาวจรภูมิก็ได้ และนั่นคือภูมิปัจจุบันที่ได้ถูกต่อยอดมาจากอดีตภพแล้ว

    และหากเพียงแค่ฟังธรรมของพระอริยสงฆ์เจ้า หรือพระพุทธเจ้าเพียงครั้งเดียว ก็หลุดไปที่ นิพพานได้แล้วครับ ... ง่ายกว่ากันเยอะเลย ...
     
  20. เบื้องล่าง

    เบื้องล่าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +116
    ได้ซิ ไม่ว่าท่านจะอยู่ในภพภูมิไหน ท่านก็สามารถปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจนถึงพระนิพพานได้ทั้งนั้น การเข้าสู่พระนิพพานไม่มีที่สิ้นสุด มีทุกระดับจนถึงจักรวาล
    พระนิพพานก็มีลำดับชั้นเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานแล้วจะอยู่แค่นั้นเพราะเมื่อเข้าสู่พระนิพพาน ก็เหมือนไปเริ่มปฏิบัติดีปฏิบัติชอบใหม่ในแดนของพระนิพพาน เป็นการสั่งสมบุญต่อไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...