หายนะโลกร้อน นกหลายชนิดใกล้สูญพันธุ์

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
(ภาพซ้าย) นก Great Skua

(ภาพบน) นกกระเรียนไซบีเรีย (ภาพ ICF)

(ภาพขวา) นกอินทรีสีน้ำตาลปนเหลือง (ภาพ WWF)

</TD></TR></TBODY></TABLE>การเปลี่ยนแปลงของอากาศที่เกิดจากภาวะโลกร้อน กำลังส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของนกทั่วทุกทวีป นกหลายชนิดลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วและนกหลายชนิดตกอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์

WWF องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลกได้เผยแพร่รายงานสถานการณ์ของนกทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศซึ่งจัดทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงของอากาศนานาชาติเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2006

รายงานนี้ชื่อว่า "Birds Species and Climate Change : The Global Status Report" ซึ่งศึกษาจากบทความวิจัยเรื่องนกทุกทวีปกว่า 200 บทความ และนำมาจัดกลุ่มนกที่ตกอยู่ในภาวะอันตรายจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศหลายกลุ่มได้แก่ นกอพยพ นกภูเขา นกบนเกาะ นกพื้นที่ชุ่มน้ำ นกบริเวณอาร์กติก แอนตาร์กติกา และนกทะเล

การศึกษาพบว่า การเปลี่ยนแปลงของอากาศส่งผลกระทบต่อพฤติกรรม, อาณาเขตของนก และการเคลื่อนย้ายของประชากรนกและมีนกบางสปีซีส์ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศแล้ว

ที่สำคัญในอนาคต การเปลี่ยนแปลงของอากาศจากระดับก๊าซเรือนกระจกที่สูงขึ้น จะทำให้นกหลายสปีซีส์เสี่ยงต่อการลดจำนวนลงใน อัตราที่หลากหลายกันตั้งแต่ 2-72% ขึ้นอยู่กับพื้นที่ สภาวะอากาศ และความสามารถในการหาที่อยู่ใหม่ของนกแต่ละสปีซีส์

นกสปีซีส์ที่มีความสามารถในการอพยพไปยังที่อยู่ใหม่จะมีโอกาสอยู่รอด ส่วนนกซึ่งอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมขนาดเล็กจะมีจำนวนลดลงและยังมีจำนวนน้อยกว่านกที่บุกรุกด้วย รายงานระบุ<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
(ภาพบน) นกทะเลที่มหาสมุทรแอตแลนติก (ภาพ WWF)

(ภาพล่าง) นกนางนวลอาร์กติก

</TD></TR></TBODY></TABLE>

ดร.คาร์ล มอลลอน ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์ของ Climate Risk องค์กรที่ปรึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงของอากาศในออสเตรเลีย หนึ่งในทีมเขียนรายงาน กล่าวว่า หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เข้มข้นนี้แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของอากาศในปัจจุบันกำลังส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของนก "เรากำลังเห็นนกอพยพล้มเหลวในการอพยพ และการเปลี่ยนแปลงของอากาศได้เพิ่มจำนวนนกที่ไม่กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมของพวกมันมากขึ้น"

แกเรต จอห์นสตัน จาก Climate Risk มองอีกมิติหนึ่ง เขาบอกว่า การลดลงของนกจะกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของชุมชนชนบทด้วย ประโยชน์จากระบบนิเวศที่นกให้กับมนุษย์สนับสนุนเศรษฐกิจของชุมชนชนบทอย่างมาก ที่เห็นได้ชัดคือ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การอนุรักษ์และกีฬาล่านกจะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการลดลงและการสูญพันธุ์ของนก

นักวิทยาศาสตร์พยากรณ์ว่าหากอุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงกว่าระดับก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม 2 องศาเซลเซียส (ปัจจุบันสูงกว่า 0.8 องศาเซลเซียส) อัตราเสี่ยงต่อการหมดไปของนกในยุโรปจะสูงถึงร้อยละ 38 และนกทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลียจะสูงถึงร้อยละ 72

ผลการศึกษานกในหลายพื้นที่น่าตกใจทีเดียว กล่าวคือ ร้อยละ 75 ของนกทุกสปีซีส์บริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย, ร้อยละ 38 ของนกทุกสปีซีส์ในยุโรป และร้อยละ 75 ของนกเป็ดน้ำในอเมริกาเหนือ กำลังเผชิญกับการสูญพันธุ์นอกจากนั้น นกบางสปีซีส์ลดจำนวนลงแล้วกว่าร้อยละ 90 <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
(ภาพซ้าย) นกเพนกวินจักรพรรดิที่แอนตาร์กติกา (ภาพ WWF)

(ภาพขวา) นกเพนกวินที่หมู่เกาะกาลาปากอส (ภาพ WWF)

</TD></TR></TBODY></TABLE>

รายงานระบุว่า ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงของพรรณพืช และการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศที่มีความสัมพันธ์กับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งส่งผลกระทบด้านร้ายต่อนกทั่วโลก

ตัวอย่างเช่นที่ราบขนาดใหญ่ในอเมริกาเหนือซึ่งเป็นแหล่งที่นกเป็ดน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ใช้ผสมพันธุ์ ขณะนี้จำนวน 3 ใน 4 ของพวกมันจะเผชิญกับภาวะสูญพันธุ์จากภาวะโลกร้อนเพราะพวกมันจะต้องเปลี่ยนที่อยู่อาศัยใหม่

นกเพนกวินที่หมู่เกาะกาลาปากอสลดลงร้อยละ 50 นับตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ 1970 เพราะอดอาหารและไม่สามารถผสมพันธุ์ได้จากผลของปรากฏการณ์เอล นิโญ

การเปลี่ยนแปลงของอากาศจะทำให้นกอินทรีสีน้ำตาลปนเหลือง นักล่าแห่งซาวานนาซึ่งพบในแอฟริกาและเอเซียจะหายสาบสูญไปจากถิ่นที่อยู่ของมันทางตอนใต้ของทะเลทรายกาลาฮารี

ความแห้งแล้งอย่างรุนแรงทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2002 ส่งผลให้การผสมพันธุ์ของนก 4 ชนิด คือ Rufous- crowned Sparrow, wrentit, Spotted Towhee และ California Towhee ลดลงถึงร้อยละ 97

ปี 2004 นกทะเลหลายชนิดในทะเลเหนือ อย่างเช่น นกนางนวลอาร์กติก นก Great Skua ผสมพันธุ์ได้น้อยลง เพราะขาดแคลนอาหารหลักคือ ปลาแซนดีล ซึ่งลดจำนวนลงเพราะอุณหภูมิของทะเลเหนือสูงขึ้นและการเปลี่ยนแปลงของสัตว์ทะเลซึ่งเป็นห่วงโซ่อาหาร

นก Great Skuas เกือบ 7,000 คู่ ออกลูกมาเพียงจำนวนน้อยนิดเท่านั้นและความอดอยากยังทำให้นกที่โตแล้วกินลูกน้อยของพวกมันอีกด้วย

นกกระเรียนไซบีเรียซึ่งทั้งโลกมีอยู่เพียง 3,000 ตัวได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศอย่างรุนแรง นกชนิดนี้ผสมพันธุ์ในเขตอาร์กติกของรัสเซียและไซบีเรียและบริเวณตอนกลางและตอนปลายของแม่น้ำแยงซี ในประเทศจีน พวกมันจะสูญเสียที่อยู่อาศัยในเขตทุนดราของอาร์กติกกว่าร้อยละ 70 และยังเผชิญกับฝนที่มากขึ้นอีกด้วย ที่ประเทศจีนความแห้งแล้งจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้จำนวนนกกระเรียนไซบีเรียลดลง

ฮันส์ เวอโรลมี ผู้อำนวยการโปรแกรมการเปลี่ยนแปลงอากาศของโลก ของ WWF กล่าวว่า รายงานฉบับนี้พบว่านกประจำถิ่นและนกอพยพอย่างเช่น นกทะเล เป็นพวกแรกๆ มีความไวต่อระดับการเปลี่ยนแปลงของอากาศมาก และว่าการสูญพันธุ์ของนกในสเกลขนาดใหญ่จะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เราคิดไว้ แต่ถ้าจะไม่ให้มันเกิดขึ้นก็ต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงโดยเร็ว

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า มาตรการในการแก้ไขปัญหาในการอนุรักษ์นกโดยการจัดพื้นที่คุ้มครองนกในปัจจุบันไม่ได้ผล เพราะการเปลี่ยนแปลงของอากาศจะทำให้นกอพยพออกไป ซึ่ง WWF กำลังแสวงหามาตรการใหม่อยู่

นักอนุรักษ์หวังว่ารายงานฉบับนี้จะกระตุ้นเตือนรัฐบาลของประเทศต่างๆ ให้ลงมือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อไม่ให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงกว่าอุณหภูมิก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม 2 องศาเซลเซียส

 

อย่าว่าแต่นกเลยครับ อีกหน่อยคนก็อยู่ไม่ได้แว้ว

 

ธรรมชาติเอาคืน เพราะคนไม่รักษา
มาร่วมมือกันเพื่อรักษาธรรมชาติกันนะคะ

 

น่าเป็นห่วง