ห้องแมวยิ้ม สัพเพ เหระ อะไรก็เอามาลงกระทู้นี้ได้ครับ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย zalievan, 9 ธันวาคม 2018.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เลือดเป็นสาย น้ำตานอง สองแผ่นดิน


    สงครามกลางเมืองอเมริกา-American Civil War
    นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ถึงปี พ.ศ. 2565 จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ชาติไทย จะเป็นข่าวดังไปทั่วโลก?
    10...................................................นับจากนี้เป็นต้นไปให้ระวังจะเกิดการสูญเสียบุคคลสำคัญของประเทศ...อาจจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ก็เป็นไปได้...เกรงว่าจะมีการสูญเสียติดๆกัน หรือเว้นปี สองปีก็จะมีการสูญเสียตามมาอีก...ขอให้ทุกคนช่วยกันภาวนา...ประเทศไทยยังมีเคราะห์ ในเมื่อ “ดวงเมือง” ยังไม่ดี ก็รู้สึกเป็นห่วงบุคคลสำคัญของประเทศ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์โปรดคุ้มครองด้วยเถิด

    11............อันนี้ไม่สมมุต.............................ทหาร ยังต้องมีภารกิจสำคัญที่ต้องทำ ต้องทหารเท่านั้นจึงจะทำได้...จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ชาติไทย? จะเป็นข่าวดังไปทั่วโลก?...เสาหลักเมืองกรุงเทพมหานคร จึงได้วางฤกษ์ “ดวงทหาร” เป็นหลักของประเทศ อาจจะเป็นเพราะสมัยนั้นประเทศไทยมีต่างชาติเข้ามารุกรานประเทศ...ด้วยเหตุนี้ ทหารจึงต้องเป็นเสาหลักของบ้านเมืองตลอดไปอีกนานเท่านาน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้น ก็มาจากทหารเป็นผู้ลงมือทำทั้งสิ้น คอยดูว่าจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่?...โปรดฟังอีกครั้ง

    12..................บทความนี้ไม่สมมุต..................ระวังภัยธรรมชาติ ระวังภัยที่เกิดจากน้ำ ระวังแผ่นดินไหว ถ้าไม่เกิดในประเทศไทยโดยตรง อาจจะเกิดแผ่นดินไหวประเทศอื่นหรือใกล้ประเทศไทย จึงส่งผลมาถึงประเทศไทย ระวังสึนามิ ระวังแผ่นดินยุบ แผ่นดินถล่ม ระวังตึกสูงเอาไว้ด้วย...อย่าประมาทเรื่องภัยธรรมชาติเป็นอันขาด นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปถึงปี พ.ศ. 2565 อาจจะเกิดขึ้นภายในปี สองปีนี้ก็เป็นไปได้...(พ.ศ. 2562-2563)...แต่ไม่สามารถระบุ วัน เวลา สถานที่ เกรงว่าจะเกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรง เกรงว่าจะเกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก....ภัยธรรมชาติอาจจะเกิดขึ้นหลายประเทศ ไม่ใช่เฉพาะที่ประเทศไทยเท่านั้น เหมือนปี 2561 ที่ผ่านมาหลายประเทศก็เจอภัยธรรมชาติรุนแรง บางประเทศเจอภัยธรรมชาติซ้ำแล้วซ้ำอีกตามที่เป็นข่าวดังไปทั่วโลก

    13...............บทความนี้ไม่สมมุต....................อีกไม่น่าเกินสอง-สามปีนับจากนี้ ขอให้จับตาดูเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะเกิดภาวะ ”ฟองสบู่แตก”...ธนาคารหลายธนาคารในสหรัฐอเมริกา ก็อาจจะล้มครืนตามไปด้วย หรืออย่างน้อยก็ต้องเกิดหนี้สูญจำนวนมาก บริษัท โรงงานหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาถ้าไม่ปิดกิจการ ก็คงต้องลดจำนวนคนงานลงจำนวนมาก...เมื่อยักษ์ใหญ่ล้มโลกต้องสะเทือนไปหมดเช่นกัน เศรษฐกิจทั่วโลกจะพลอยสะเทือนไปด้วย...คนอเมริกาจะตกงานจำนวนมาก ที่ดิน บ้านช่อง คอนโด ที่อเมริการาคาจะตกต่ำอย่างมาก...คิดว่าในปัจจุบันนี้หลายๆประเทศคงจะเริ่ม...”ถอนเงิน”...หรือทวงเงินจากอเมริกา หลายๆประเทศจะทยอยนำเงินดอลลาร์ไปแปรเปลี่ยนเป็น “ทองคำ” หรือเปลี่ยนเป็นเงินสกุลอื่นที่มีความมั่นคง ต่อไปอีกไม่นานเงินดอลลาร์จะไร้ค่า...ประเทศไหนที่มีผู้นำที่ฉลาด รวมทั้งผู้ว่าการแบงก์ชาติ ที่มีสายตากว้างไกล ควรจะทยอยเอาเงินดอลลาร์ไปเปลี่ยนเป็นทองคำ หรือเงินสกุลอื่นที่มีความมั่นคง...

    อีกไม่นาน “เงินหยวน” จะมาใช้แทนเงินดอลลาร์สหรัฐ...ถึงแม้ว่าตอนนี้เศรษฐกิจประเทศจีนจะซบเซาลงบ้าง แต่ประเทศจีนไม่มีวันล้มละลาย เพราะมีเงินสำรองจำนวนมหาศาลและมีทองคำสำรองจำนวนมาก...ต่อไปประเทศจีนจะเป็นประเทศมหาอำนาจแทนอเมริกา...ประเทศอิสราเอล เป็นประเทศที่มีเงินฝากอยู่ในสหรัฐมากที่สุด ถ้าอิสราเอลถอนเงินทั้งหมดออกจากสหรัฐอเมริกา อเมริกาคงล้มทั้งยืน...แต่ถ้าอิสราเอลยังใจเย็นไม่ถอนเงินออกมาจากอเมริกา ถ้าอเมริกาเกิด “ฟองสบู่แตก” ขึ้นเมื่อไหร่ ชาวยิวคงจะเดือดร้อนมากที่สุด...เมื่อไหร่ที่อเมริกาตกต่ำเงินดอลลาร์ไร้ค่า อิสราเอลจะเดือดร้อนมากที่สุด เป็นที่รู้ๆกันดีว่าประเทศอิสราเอลเป็นฝาแฝดกับสหรัฐอเมริกา

    14.............................อันนี้ก็ไม่สมมุต........................คาดว่าอีกประมาณ 5-10 ปีแต่อย่างช้าที่สุดไม่น่าเกิน 20 ปี จะเกิดสงครามศาสนาเดียวกันหรือนิกายคล้ายๆกันเกิดขึ้นก่อน (คงไม่ต้องบอกว่าศาสนาใด) แล้วจะลุกลามขยายวงกว้างกลายเป็นสงครามระหว่างประเทศมหาอำนาจเกิดขึ้น และฝ่ายอเมริกาจะเป็นผู้แพ้สงคราม ถ้าประเทศไหนเข้าร่วมรบเป็นพันธมิตรกับอเมริกา จะพ่ายแพ้และเสียหายทั้งเศรษฐกิจ คงมีประเทศอิสราเอลที่จะเดือดร้อนมากที่สุดถ้าอเมริกาแพ้สงคราม...ถึงแม้ว่าในขณะนี้ทุกฝ่ายมองว่า อเมริกา มีอาวุธที่ทันสมัยที่สุดก็ตาม เมื่อถึงเวลานั้น (เกิดสงคราม) อเมริกาจะได้ชมและชิมอาวุธทั้งของประเทศจีนและรัสเซียที่ล้ำสมัยกว่ามาก...

    ในประวัติศาสตร์ประเทศยุโรป ฝรั่งเศส อังกฤษ อเมริกา เคยรุกรานประเทศอื่นมามากมาย เคยตีเมืองขึ้นหลายประเทศมาแล้ว แต่สงครามครั้งต่อไป ประเทศแถบเอเชีย รัสเซีย เกาหลีเหนือ และอิหร่าน ฯล จะเป็นฝ่ายรุกไล่โจมตีประเทศยุโรป อเมริกาจนพ่ายแพ้ราบคาบอย่างแน่นอน ถ้าประเทศไหนที่เข้าร่วมรบกับอเมริกา จะได้รับบทเรียนอย่างแสนสาหัส ถึงเวลานั้นเศรษฐกิจทั่วโลกจะปั่นป่วนไปหมด สินค้าอุปโภค-บริโภคจะแพงขึ้นอย่างมากมาย ใครมีที่ดินที่สามารถปลูกข้าว ข้าวโพด ถั่ว ผัก ผลไม้ บ่อเลี้ยงปลา ฟาร์มต่างๆ ควรจะศึกษาไว้แต่เนิ่น ๆ เมื่อถึงคราวจำเป็นจะได้ไม่เดือดร้อนมากนัก / ขอจบคำทำนายดวงเมืองปี 2562 เพียงเท่านี้ สวัสดี

    หมอนิด กิจจา ทวีกุลกิจ
    วันที่ 10 พ.ย. 2561

    ที่มา facebook 1092491170959947


    เเอน สิเรียม ผันตัวเป็นชาวสวน ปลูกผักกินเองในพื้นที่บ้าน 400 ไร่
    12 พ.ค. 2021
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2021
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อยากรู้อดีตชาติทักษิณ

    %81-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%81-2.jpg

    คนไทยเป็นหนี้ทักษิณ มาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี

    ท่านทักษิณ ปราถนาพุทธภูมิครับ เคยกอบกู้ประเทศชาติมาหลายครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่ง เคยเกิดเป็นเจ้าสัวจากเมืองจีน ในสมัยพระเจ้าตาก และพระเจ้าตากได้กู้เงินจากท่านเจ้าสัว เพื่อนำไปพัฒนาประเทศหลังสงครามให้เจริญ

    จากนั้น พระเจ้าตากก็ได้ออกบวช ปฏิบัติธรรมจนหลุดพ้นครับ ส่วนท่านเจ้าสัว ยังต้องกลับมาเกิดเพื่อพุทธภูมิ ครับ แม้แต่ชื่อยังคล้ายพระเจ้าตากเลย ( TAKSIN ) ถ้าไม่ตรงกับประวัติศาสตร์ ก็อ่านเป็นนิทานขำๆไปเถอะครับ ผมรู้มาแค่นี้

    ปองจัง, 30 สิงหาคม 2006


    ที่มา https://palungjit.org/threads/อยากรู้อดีตชาติทักษิณ.48276/

    เรื่องราวของสมเด็จพระเจ้าตากสิน นั้นยังเป็นปริศนาของใครหลายคนถึงพระราชประวัติของพระองค์ มีความเป็นมาที่ซับซ้อน ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่า แท้จริงแล้วพระองค์มีความเป็นมาอย่างไร และเสด็จสวรรคตด้วยเหตุใด จากหนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน (พิเศษ) ที่จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในโอกาสวันเกิดของหลวงพ่อ ตุลาคม ๒๕๒๔ เกี่ยวกับประเด็น สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชถูกประหารชีวิตจริงหรือไม่ โดยพระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ได้บันทึกไว้ว่า


    พระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์เป็นคนรักชาติ เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งหลังยับเยินมาก พระองค์มีกำลัง ๕๐๐ คน ตีฟันฝ่าข้าศึกออกไป รวบรวมกำลังคนได้ไม่เกิน ๕ พันคน ก็กำลังใหญ่ๆ ๑๐ จุด ของกำนันจันนั่นแหละ กลับมากู้กรุงศรีอยุธยา สามารถกู้คนไทยได้ทั้งชาติ นี่เราก็ต้องถือว่าเป็นบารมีของพระเจ้าแผ่นดินที่สามารถรวบรวมคนสำคัญไว้ได้ เช่น พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็ดี กรมพระราชวังบวรก็ดี นี่ต้องถือว่าเป็นคู่บารมี เป็นคนที่มีบุญคุณต่อประเทศชาติมาก เวลานั้นตอนกรุงแตกมีคนขายชาติ แต่สมัยพระเจ้าตากสินไม่มีคนขายชาติ เพราะถ้ามีคนขายชาติละก็ ถูกกำจัดเสียหมดไม่เหลือ ดูคนคิดคดทรยศอย่างพระยาสวรรค์ก็ถูกประหารชีวิต การปกครองกันต้องทำกันแบบนี้จึงจะถูกไม่ควรปล่อยให้ไอ้พวกขอมเก่าเข้ามาทำลายชาติ เวลานี้เรามักนิยมขอมเก่ากัน ทั้งๆ ที่มันทำลายชาติไทยไปตั้งหลายวาระ และมันก็อ้างว่าจะทำโน่นให้เจริญ จะทำนี่ให้เจริญ แต่มันบ่อนทำลายทุกอย่าง

    เมื่อพระเจ้าตากสินขึ้นมาเป็นกษัตริย์ พระองค์ไม่ได้เป็นลูกกษัตริย์ไม่มีราชสมบัติมาก่อน การรบทัพจับศึกไม่ได้หยุด นึกดูก็แล้วกัน ท่านเป็นพ่อบ้าน เพียงแค่พ่อบ้านแม่เรือน ก็รู้อยู่ว่าการจับจ่ายใช้สอยมันมากมายเพียงใด ถ้าเป็นเรื่องของประเทศล่ะจะจับจ่ายใช้สอยกันมากมายขนาดไหน เงินที่ใช้สอย เบี้ยหวัด เบี้ยบำนาญ เงินเดือนข้าราชการของท่านก็ไม่มี ผลที่สุดในฐานะที่พระองค์มีเชื้อสายเป็นจีนมาก่อน ท่านจึงต้องอาศัยจีนคือ
    “ขอยืมเงินเจ้าสัวคนจีนเขามา” เพราะเป็นหนี้ เบี้ยหวัด เบี้ยบำนาญข้าราชการเขาอยู่มาก

    ฉะนั้น มาบั้นปลายของชีวิต ท่านจึงมาคิดว่า “ถ้าเราจะเป็นกษัตริย์ต่อไป เราก็ต้องใช้หนี้เขา เงินก็ไม่มีจะใช้หนี้เขา” จึงได้เรียกสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก หรือสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เข้ามาพบในวันหนึ่งให้ทรงเครื่องรบขัดดาบมาด้วย เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกท่านก็แปลกใจคิดว่าคงจะมีเรื่องร้าย ครั้นเข้ามาแล้วก็ปรากฏว่า พระเจ้าตากสินอยู่ทรงอยู่องค์เดียวในห้องพระ ทรงขาวทั้งชุดนั่งชักลูกประคำ พระพุทธยอดฟ้าเห็นแบบนั้นก็ไม่กล้าเข้ามา เพราะขัดดาบมาด้วย พระเจ้าตากสินเห็นเข้า ก็ทรงเรียกว่า

    "ด้วงเรอะ เข้ามาซิ (ความจริงท่านเป็นเพื่อนกัน) เอาดาบเข้ามาด้วย"

    พระพุทธยอดฟ้าจะถอดดาบเก็บข้างนอกก็จำต้องถือเข้ามา แล้ววางดาบไว้ห่าง ๆ หมอบคลานเข้าไปเฝ้า พระเจ้าตากสินรับสั่งว่า


    "หยิบดาบมาให้ใกล้"


    พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็เลยเอามือกระทุ้งดาบออกนอกประตูไป ในฐานะที่พระมหากษัตริย์ประทับอยู่พระองค์เดียว การถือดาบเข้าไปอย่างนั้นย่อมไม่เหมาะ และอยู่ในชุดรบ พระเจ้าตากสินจึงถามว่า

    "ด้วง อยากจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินไหม" พระพุทธยอดฟ้าก็กราบทูลว่า "ไม่เคยคิด พระพุทธเจ้าข้า"

    พระเจ้าตากสินจึงบอกว่า

    "ด้วง จะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน" แล้วทรงเล่าเรื่องตามความเป็นจริงให้ทราบ แล้วบอกว่า

    "อีกไม่กี่วัน เจ้าสัวเขาจะมาทวงเงินเขา ด้วงก็รู้อยู่แล้วนี่ว่า ฉันเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ยากจนที่สุด ฉันไม่มีทรัพย์สินที่ไหนมาเลย ต้องกู้เงินเจ้าสัวเขามาจับจ่ายใช้สอย เวลานี้ฉันก็เป็นหนี้ เบี้ยหวัด เงินเดือน เงินปี ของข้าราชการอยู่มาก ยังชำระไม่หมด การรบทัพจับศึกก็ไม่เสร็จ ทำอยู่ตลอดเวลา การจับจ่ายใช้สอยมันก็มาก ถ้าฉันจะเอาเงินใช้หนี้เขาก็ไม่พอ เราก็จะต้องกู้หนี้ยืมสินเขาใหม่อีก และเงินเก่าเราก็ไม่มีให้เขาพร้อมทั้งดอกเบี้ย ฉันลำบากมาก ถ้ากระไรก็ดี ด้วงจะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เวลานี้เขมรแข็งเมือง ให้ด้วงยกทัพไปตีเขมร เอาลูกชาย ๒ คน ของฉันไปด้วย และเมื่อตีเขมรได้แล้ว ไม่ต้องเอาลูกชายฉันมา ให้ครองอยู่ที่นั่น ด้วงกลับมา ด้วงก็เป็นกษัตริย์

    สำหรับเงินที่จะต้องใช้ให้แก่ข้าราชการ เบี้ยหวัด เงินปีต่าง ๆ ที่คั่งค้างฉันเตรียมไว้แล้ว และเงินอีกส่วนหนึ่งสำหรับใช้ภายในประเทศฉันก็เตรียมไว้แล้ว และเงินอีกส่วนหนึ่งที่จะใช้เวลาที่ด้วงเป็นกษัตริย์ฉันก็เตรียมไว้แล้ว รวมเป็น ๓ ส่วนด้วยกัน
    ซึ่งในระยะไม่ช้า เจ้าสัวเขาก็จะมาทวงเงินของเขา ซึ่งตอนนี้แหละ ด้วงจะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน และฉันจะต้องพ้นจากตำแหน่งพระเจ้าแผ่นดิน แต่ด้วงทำงานคราวนี้ต้องทำในรูปปฏิวัติหรือทำในรูปขบถยึดอำนาจจากฉัน แต่การยึดอำนาจกันเฉย ๆ ใคร ๆ เขาจะคิดว่าด้วงเป็นคนอกตัญญู เห่อเหิมมาก ฉันจะทำทีเหมือนว่าเป็นนักบวช และทำเป็นสติฟั่นเฟือน ในที่สุดกลับมาแล้ว ด้วงก็จับฉันประหารชีวิต แต่การประหารชีวิตฉันนั้น จะประหารจริงหรือหลอกก็ให้เป็นวิธีการของด้วง ฉันพร้อมที่จะยอมตายเพื่อชาติ"

    อ้างอิงจาก หนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน (พิเศษ) โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ จัดทำโดย คุณพรนุช คืนคงดี และคุณสมพร บุณยเกียรติ


    ที่มา https://www.tnews.co.th/religion/359652/ด้วงจะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน!!-เรื่องเล่าจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ-พระเจ้าตาก-สนทนากับ-รัชกาลที่-๑-เผยความจริงอีกด้านของมหาราชผู้ยิ่งใหญ่-!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2021
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    A7361809-23.jpg

    มิช้ามินาน เจ้าสัวเขาก็มาทวงเงินคืน พร้อมกับเอาถ้วยโถโอชามมาขายด้วย พอเรือสำเภาของเจ้าสัว เลี้ยวเข้ามาในเขตจันทบุรีตราด ก็ถูกลมสลาตัน คือ ลมหอกลมดาบ พัดกระหน่ำจนเรือจมอยู่ที่นั่น

    (ท่านใดจะบอก พระเจ้าตากชักดาบ ก็เชิญเถิด ข้าพเจ้าอ่านแล้วซาบซึ้งตื้นตันใจมากเป็นล้นพ้น ปิติจนร้องโฮ ในความดีเสียสละของท่านทั้งสองพระองค์ (พระเจ้าตาก และ ร.1) ยิ่งใหญ่มาก จึงอดเขียนแทรกตรงนี้ไม่ได้ ต้องขอประทานอภัย ศ.ธรรมทัสสี)


    ที่มา https://sites.google.com/site/thrap...di-helk/phraya-sri-siththi-sngkhram-kanan-can
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    3 อดีตชาติ ของทักษิณ
    (ก่อนที่จะเกิดเป็นเจ้าสัวเมืองจีน)

    P13102178-0.jpg

    แค่ 3 ชาติ ของ “พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร” ก็เพียงพอแล้ว
    สำหรับ คำอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินสยามเวลานี้


    ถ้า ผมบอกถึง 3 ชาติ ที่ พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร เคยเกิด เคยเป็น แล้ว ท่านที่ชอบที่จะขวนขวาย อยากรู้ก็จะสามารถค้นหาข้อมูลรายละเอียด ในแต่ละภพชาติของ ท่าน พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้ไม่ยาก ดังตัวอย่าง ข้อมูล ที่ผม หยิบยกมาบางส่วนข้างท้ายนี้ ท่านก็จะทราบมูลเหตุ แรงจูงใจที่ ทำไม พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร จึงทำกับแผ่นดินสยามเช่นนี้ และทำไมจึงมีคนที่รักใคร่ ผูกพัน จงรักภักดีกับท่าน พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้มากมายและลึกซึ้งยิ่งนัก ชนิดที่ว่า อาจจะมากกว่า ความรักใคร่ ผูกพัน จงรักภักดี ต่อสถาบันฯ ด้วยซ้ำไป

    3 ชาติที่ว่า คือ ชาติที่ท่าน พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร เคยเกิดเป็น พระเจ้าติโลกราชชาติหนึ่ง เคยเกิดเป็นพระเจ้านันทบุเรงชาติหนึ่ง และเคยเกิดเป็นพระเจ้าอลองพญาชาติหนึ่ง ซึ่ง 3 ชาติที่ว่า ก็เพียงพอที่จะอธิบาย ความเป็นตัวตนและการกระทำของ พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร ในชาติปัจจุบัน และความเป็นไปของสยามประเทศ หากปล่อยไปตามกระแสกรรมและความอาฆาตพยาบาท โดยไม่คิดที่จะแก้ไขในปัจจุบัน มาดูข้อมูลสั้นๆ ที่ผมค้นมาจากอินเตอร์เน็ต เพื่อเป็นตัวอย่าง ให้ท่านทั้งหลายได้พิจารณา ดังนี้

    เรื่อง พระเจ้าติโลกราช

    พระเจ้าติโลกราช พระมหากษัตริย์ล้านนาแห่งราชวงศ์มังรายพระองค์ที่ 9 ครองราชย์ พ.ศ. 1985 – พ.ศ. 2030 พระนามเดิมคือ "เจ้าลก" เนื่องจากเป็นพระโอรสองค์ที่ 6 ในพญาสามฝั่งแกน ร่วมรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยาเจ้าลก เสด็จพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 1952 เป็นพระโอรสลำดับที่ 6 ในพระเจ้าสามฝั่งแกน เมื่อทรงเจริญพระชันษาถึงกาลสมควร พระราชบิดาทรงพระกรุณาโปรดให้พระองค์เสด็จไปครองเมืองพร้าววังหิน (อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ใน ปัจจุบัน) ต่อมาเกิดราชการสงครามขึ้นแล้ว ทัพของเจ้าลก ยกไปสมทบพระราชบิดาช้า พระเจ้าสามฝั่งแกน จึงทรงลงพระราชอาญา เนรเทศให้เจ้าลกไปครองเมืองยวมใต้ (อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอนในปัจจุบัน)

    ต่อมามีอำมาตย์ของพระเจ้าสามฝั่งแกนคนหนึ่งชื่อ "เจ้าแสนขาน" คิดเอาราชสมบัติให้เจ้าลก จึงได้ซ่องสุมกำลังลอบไปรับเจ้าลกจากเมืองยวมใต้มาซ่อนตัวไว้ที่นครเชียงใหม่ ในขณะที่พระเจ้าสามฝั่งแกนประทับแปรพระราชฐานอยู่ที่เวียงเจ็ดลิน การเริ่มชิงราชสมบัติทำโดยการเผาเวียงเจ็ดลิน แล้วบังคับให้พระเจ้าสามฝั่งแกนสละราชสมบัติ แล้วก็อัญทูลเชิญ เจ้าลกขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระเจ้าเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 1985 มีพระนามว่า พระมหาศรีสุธรรมติโลกราช เมื่อมีพระชนมายุ 32 พรรษา ส่วนพระราชบิดาโปรดให้ไปประทับอยู่ที่เมืองสาด (อยู่ในรัฐฉาน ประเทศพม่า)

    แต่อยู่มาได้เพียง 1 เดือน 15 วัน เจ้าแสนขานก็คิดก่อการเป็นกบฏอีก พระเจ้าติโลกราชจึงให้ "หมื่นโลกนคร" พระเจ้าอาของพระองค์ ผู้ครองเมืองลำปาง เข้าจับตัวเจ้าแสนขานไปคุมขังแต่ไม่ให้ทำร้าย เมื่อพ้นโทษได้ลดยศเป็น "หมื่นขาน" และให้ไปครองเมืองเชียงแสน (อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ในปัจจุบัน) แทน

    พระเจ้าติโลกราชทรงสร้างความมั่นคงภายในอาณาจักรล้านนาในช่วง 10 ปี (พ.ศ. 1984-94) อาณาจักรล้านนาจึงมีความเข้มแข็ง สามารถยึดได้เมืองน่าน เมืองแพร่ จากนั้นจึงขยายอำนาจลงสู่ทางใต้ ทรงทำสงครามกับอยุธยาในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถติดต่อกัน ในช่วงเวลา 24 ปี เริ่ม พ.ศ. 1994 พระยายุทธิษเฐียรเจ้าเมืองพิษณุโลกเข้าสวามิภักดิ์ ต่อพระเจ้าติโลกราชและร่วมกันตีได้เมืองปากยม (พิจิตรตอนใต้) จากนั้นใน พ.ศ.2003 พระยาเชลียงก็เข้าสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าติโลกราช ในปีต่อมาพระยาเชลียงนำพระเจ้าติโลกราชมาตีเมืองพิษณุโลกและเมืองกำแพงเพชร แต่ไม่สำเร็จ

    สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงแก้ไขการขยายอำนาจของพระเจ้าติโลกราช โดยเสด็จขึ้นมาครองเมืองพิษณุโลกใน พ.ศ. 2006 ในการทำสงครามกับล้านนา นอกจากใช้กำลังทหารโดยตรงแล้วทางอยุธยายังใช้พิธีสงฆ์และไสยศาสตร์ด้วย กล่าวคือ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเมื่อทรงออกผนวชใน พ.ศ. 2008 ก็ได้ทรงขอเครื่องสมณบริขารจากพระเจ้าติโลกราช และระหว่างที่ผนวชก็ทรงขอบิณฑบาตเมืองเชลียงคืน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนการใช้ไสยศาสตร์ก็ได้ส่งพระเถระชาวพม่ามาทำลายต้นนิโครธ (ต้นไทร) ซึ่งเป็นไม้ศรีเมือง ณ แจ่งศรีภูมิ ด้วยความเชื่อทางไสยศาสตร์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2017 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงยึดเมืองเชลียงกลับคืนได้ และ พ.ศ. 2018 อยุธยาและล้านนาก็ทำไมตรีต่อกัน

    มีเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ที่น่าสนใจ ซึ่งบ่งบอกถึงนิสัยที่ติดข้ามภพ ข้ามชาติ มาในหลายภพ หลายชาติ จนถึงปัจจุบัน น่าศึกษา ดังว่า...

    เมื่อครั้งที่พระเจ้าติโลกราช ยกทัพไปล้อมเมืองพิษณุโลก พระบรมไตรโลกนาถ ใช้กลศึกหลบหนีออกจากเมืองพิษณุโลกเวลาเที่ยงคืนและเดือนมืดสนิท ทางลำน้ำน่านกลับอยุธยา พระเจ้าติโลกราชทรงพระพิโรธ รับสั่ง ให้"ควักลูกตา "ทหารทุกนายที่ซุ่มล้อม ณ พื้นที่ลำน้ำน่าน "หมื่นด้งนคร"แม่ทัพใหญ่รุดเข้าเฝ้า กราบบังคลทูลถวายรายงานว่า พระบรมไตรโลกนาถ ใช้ "กลศึก" ตีสัญญาณ ฆ้อง กลองล่องเรือหนีมาตามลำน้ำน่านโดยให้จังหวะเคาะสัญญาณ เลียนแบบสัญญาณ ของ "มหาราชเชียงใหม่" ทุกประการ ประกอบกับเดือนมืด มองเห็นไม่ถนัด ทหารที่ซุ่มเฝ้าระวัง จึงไม่เฉลียวใจ

    ต่างคิดว่า เป็นเรือพระที่นั่งของพระเจ้าติโลกราช เสด็จ จึงไม่ยับยั้ง และข้าในฐานะแม่ทัพ ขอรับโทษแทนทหารชั้นผู้น้อยทั้งหมด หากจะควักลูกตาทหารผู้น้อย ก็ขอให้ควักลูกตาของข้าแต่เพียงผู้เดียว พระเจ้าติโลกราช ได้ฟังทหารเอกผู้ภักดี ยอมสละแม้กระทั่งลูกนัยตาของตัวเองเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ปกป้อง รับแทนทหารลูกน้อง อีกทั้ง ความจงรักภักดีของหมื่นด้งนคร ที่มีต่อ มหาราชเชียงใหม่ รุกรบไปทั่วดินแดนใกล้ ไกล เคียงบ่า เคียงไหล่ ร่วมเป็น ร่วมตาย มาด้วยกัน นับครั้งไม่ถ้วน ทรงตรึกตรอง แล้วนิ่งเสีย ไม่ตรัสถึงอีกต่อไป ต่อมากองทหารม้าทัพหน้าไล่ตาม เรือพระที่นั่งของพระบรมไตรโลกนาถ ขณะยั้งพักที่ปากยม และกองทัพม้าได้รายล้อมทัพสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถไว้แล้ว จึงได้ส่งม้าเร็วรีบแจ้งขอรับพระบรมราชโองการจากพระเจ้าติโลกราช พระองค์ตรัสว่า "มันก็พญา (กษัตริย์) กู ก็ พญา กูแป้ (ชนะ) มัน มันก็ละอายแก่ใจแล้ว หมื่นด้ง มึงอย่าทำเลย"

    แต่ในเวลาต่อมา ชะตากรรมของของ ทหารเอก ก็จบลง ดังว่า...

    ต่อมาเชียงใหม่ถูกพระเถระพุกามที่รับจ้างจากอยุธยา มาเชียงใหม่ หลอกให้ตัดต้นไม้นิโครธ ไม้แห่ง "เดชเมือง" ซึ่งชาวเชียงใหม่สักการบูชาที่แจ่งศรีภูมิ จนบ้านเมืองปั่นป่วน ต่อมามีเหตุการณ์ไม่คาดคิด คือ พระเจ้าติโลกราช สั่งประหารท้าวบุญเรือง พระราชโอรสองค์เดียวที่ถูกท้าวหอมุก (นางสนม) ใส่ความว่าจะชิงราชบัลลังค์ ภายหลังทราบว่าพระโอรสบริสุทธิ์ ก็ทรงเสียพระทัย อีกทั้งทรงกริ้วและหวาดระแวงว่าหมื่นด้งนคร ทหารเอกคู่บัลลังค์ ที่ส่งให้ไปต้านทานกองทัพอยุธยาที่ชายแดนเมืองเชลียง เชียงชื่น (สวรรคโลก จ.สุโขทัย) จะแปรพักตร์ไปเข้าอยุธยา จึงเรียกตัวไปเชียงใหม่และถูกประหารชีวิต

    เรื่อง พระเจ้านันทบุเรง

    “พระเจ้านันทบุเรง” เป็นพระราชโอรสพระองค์โตของพระเจ้าบุเรงนองและอัครมเหสีอดุลศรีมหาราชเทวี (พระพี่นางของพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ พระนามเดิมว่า ตะเคงจี) มีชื่อที่เรียกในภาษาพม่าว่า "นานเตี๊ยะบาเยง" ขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2124 ภายหลังการสวรรคตของพระเจ้าบุเรงนอง เมื่อขึ้นครองราชย์ มีพระนามว่า "หานตาวดี เซงยูงาซีเชง" แปลว่า "พระเจ้าหงสาวดีช้างเผือกทั้ง 5" พระเจ้านันทบุเรงมีพระประสงค์จะขยายอำนาจของอาณาจักรหงสาวดีให้กว้างขวาง ยิ่งขึ้น โดยทำสงครามกับเมืองใหญ่น้อยต่าง ๆ รอบข้างรวมทั้งพิษณุโลกและอยุธยาด้วย ซึ่งผิดแผกไปจากพระเจ้าบุเรงนอง พระราชบิดาของพระองค์ เนื่องจากหลักการปกครองของพระเจ้าบุเรงนองจะเป็นไปในลักษณะเมืองใหญ่ปกครอง เมืองน้อย ดูแลเมืองที่ขึ้นเป็นประเทศราชต่าง ๆ และผูกสัมพันธ์ไมตรีเอาไว้

    พระองค์มีมีพระอัครมเหสีพระนามว่า เมงพยู พระองค์มีราชโอรสองค์โตชื่อ "เมงกะยอชวา" (ไทยและมอญเรียกว่า มังสามเกียด) ที่เจริญชันษามาพร้อมกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และได้สถาปนาขึ้นเป็นพระมหาอุปราชา ต่อมา เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง เมื่อปี พ.ศ. 2127 พระเจ้านันทบุเรงได้ทำสงครามกับอาณาจักรอยุธยาหลายต่อหลายครั้ง เช่น ปี พ.ศ. 2129 ที่พระองค์ยกทัพมาเองพร้อมกำลังทหารราว 2 แสน ปิดล้อมกรุงศรีอยุธยานานถึง 6 เดือน แต่ไม่สามารถหักตีเข้าได้ และในปี พ.ศ. 2135 ที่พระองค์ส่งพระมหาอุปราชยกทัพเข้ามาในขอบขัณฑสีมาของอยุธยา และได้กระทำยุทธหัตถีกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเป็นฝ่ายพ่ายแพ้จนถึงขั้นสิ้นพระชนม์ขาดคอช้าง

    พระเจ้านันทบุเรงเมื่อทราบข่าว ทรงพิโรธมาก ทรงเข้าไปหาพระสุพรรณกัลยาที่ยังคงอาศัยอยู่ในกรุงหงสาวดีและใช้พระขรรค์ฟันพระนางพร้อมพระธิดาจนสิ้นพระชนม์ทั้ง 2 พระองค์ และเมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทราบข่าวนี้ ก็ทรงพิโรธ ยกทัพมาด้วยความฮึกเหิม หมายจะเผากรุงหงสาวดีให้ราบคาบเพื่อเป็นการแก้แค้น แต่ก่อนหน้านั้น พระเจ้าอังวะได้แข็งเมืองได้วางแผนซ้อนกลลวงให้พระเจ้านันทบุเรงเสด็จออกจาก เมืองไปเสียก่อน หงสาวดีเลยกลายเป็นเพียงเมืองร้าง และพระเจ้านันทบุเรงก็ได้ถูกจับกุมตัวไว้

    วาระสุดท้ายของพระเจ้านันทบุเรง ถูกพระเจ้าตองอูหรือนัดจิงหน่องแย่งชิงราชบัลลังก์ สิ้นพระชนม์เพราะถูกวางยาพิษ ในปี พ.ศ. 2142 พระองค์จบพระชนชีพลงอย่างน่าอนาถเพราะเป็นนักโทษในคุกของพระเจ้าตองอู

    ภายหลังการสิ้นพระชนม์ อาณาจักรหงสาวดีที่เคยยิ่งใหญ่ก็อ่อนอำนาจลง เนื่องจากถูกศูนย์กลางแห่งอำนาจได้สูญเสียผู้นำที่เข้มแข็งลง ประกอบกับพระราชโยบายของพระเจ้าบุเรงนองที่เคยประนีประนอมกับหัวเมืองต่าง ๆ ได้ถูกทำลายลงในรัชสมัยของพระเจ้านันทบุเรง จนในที่สุดก็อ่อนแอลงเรื่อย ๆ และนำไปสู่การแตกสลาย มอญก็ขึ้นมาเป็นใหญ่ ก่อนที่จะถูกสถาปนาขึ้นเป็นอาณาจักรใหม่ในสมัยพระเจ้าอลองพญา ในอีกหลายปีต่อมา

    เรื่อง พระเจ้าอลองพญา

    “พระเจ้าอลองพญา” กำเนิดเป็นสามัญชนธรรมดา นามว่า "อองไชยะ" หรือ "อองไจยะ" ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อ "มุตโชโบ" หมู่บ้านไม่กี่ร้อยหลังคาเรือนในเขตแม่น้ำมู ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 60 ไมล์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอังวะ ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2297 โดยถือกำเนิดในครอบครัวผู้ดีซึ่งเคยปกครองหุบเขามูมาหลายชั่วอายุคน บิดาเป็นผู้นำหมู่บ้านมุตโชโบสืบต่อจากบรรพบุรุษ และลุง สิธาเมงยี เป็นขุนนางในเขตหุบเขามูด้วย พระองค์ทรงอ้างว่าทรงสืบเชื้อสายมาจากผู้บังคับบัญชาทหารม้าสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15 พระอนุชาของพระเจ้าโมนิงทาโด (Mohnyin Thado) ซึ่งหมายถึงว่าพระองค์สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์พุกามด้วย พระองค์มาจากครอบครัวใหญ่ และมีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดและการแต่งงานกับครอบครัวผู้ดีอื่น ๆ อีกมากในพื้นที่หุบเขานั้น ในปี พ.ศ. 2273 แต่งงานกับยุงซาน ลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เคียง ทั้งสองมีลูกชายหกคน และลูกสาวสามคน โดยลูกสาวคนที่สี่เสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเล็ก

    มีพระราชกรณียกิจที่สำคัญ คือ ปราบปรามมอญที่ขึ้นมามีอิทธิพลแทนที่ชนชาวพม่า หลังการล่มสลายของราชวงศ์ตองอู จนได้รับชัยชนะเด็ดขาด ในปี พ.ศ. 2300 โดยใช้เวลา 8 ปี และตั้งพระนามโดยให้เชื่อว่า พระองค์เป็นเสมือนพระโพธิสัตว์มาปราบยุคเข็ญ และยังได้สถาปนาศูนย์กลางของอาณาจักรพม่าขึ้นใหม่ ที่เมืองชเวโบ ก่อนที่จะย้ายมาที่อังวะในยุคหลัง โดยมีเมืองอื่น ๆ รายล้อมเช่น อมระปุระ มณีปุระ หรือ สะกาย เป็นต้น อีกทั้ง พระองค์ยังเป็นผู้พัฒนาเมืองย่างกุ้งและพระราชทานชื่อเมืองนี้ ซึ่งเป็นอดีตเมืองหลวงของพม่าให้มีพัฒนาการขึ้นมาด้วย จากเดิมที่เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ

    นอกจากนี้แล้ว ในทางพุทธศาสนา นอกจากพระองค์จะใช้พระนามที่ให้เชื่อว่าพระองค์เป็นเสมือนพระโพธิสัตว์เสด็จ มาปราบยุคเข็ญแล้ว พระองค์ยังเป็นองค์ศาสนูปถัมภกที่สำคัญ โดยทรงสนับสนุนศาสนา มีพระจริยวัตรที่ธรรมะ ธัมโม และทรงสนับสนุนให้ราษฎรไม่ทำผิดศีล เป็นต้น

    พระเจ้าอลองพญา สิ้นพระชนม์ระหว่างทางกลับจากการทำสงครามกับอยุธยา รัชสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ ซึ่งก่อนจะมาสงคราม พระองค์ส่งพระราชสาสน์ถึงสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 2 แห่งบริเตนใหญ่ แจ้งเหตุสงครามครั้งนี้ โดยอ้างสิทธิของพม่าเหนืออยุธยาแต่ครั้งพระเจ้าบุเรงนอง และอ้างว่าพระองค์เป็นพระเจ้าช้างเผือก หรือพระเจ้าจักรพรรดิ ตามพงศาวดารไทยระบุว่าสิ้นพระชนม์เพราะปืนใหญ่แตกที่วัดหน้าพระเมรุ

    เป็นอย่างไร เล่า เมื่อได้อ่านเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ดังยกมาแต่พอเป็นสังเขปข้างต้นนี้แล้ว ท่านทั้งหลายผู้มีใจเป็นกลาง ปราศจากอคติ ก็จะเห็นได้ด้วยญาณวิถีของท่านเองว่า เป็นจริงดังที่ผมว่าหรือไม่ว่า ....แค่ 3 ชาติ ของ “พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร” ก็เพียงพอแล้ว สำหรับ คำอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินสยามเวลานี้

    แล้วเมื่อเราได้ล่วงรู้ ความเป็นตัวตนและการกระทำของ พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร ในชาติปัจจุบันที่สืบต่อเนื่องมาแต่อดีตชาติ และความเป็นไปของสยามประเทศที่จะเกิดขึ้น หากปล่อยไปตามกระแสกรรมและความอาฆาตพยาบาท พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร โดยไม่คิดที่จะแก้ไขในปัจจุบัน เพื่อให้ประเทศชาติของเรากลับคืนเข้าสู่ภาวะแห่งความสงบ สามัคคี ปรองดอง ร่มเย็น ผาสุก กันเลยหรือ?

    ที่มา https://sites.google.com/site/histrory1/haelng-reiyn-ru/xdit-chati-ph-t-th-thaksin-chin-watr
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สาเหตุที่ทำให้ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ กลายเป็นพญามาร

    Gj7zdu3E3sybGCv-LSiwAR9zFw5HTbw_D9A-b9RgeVCPFA3IlL1TYtRTYzvpgv9NJQFugBRLRBRB77utHv1PVbJwqMQxxFf0.jpg
    p13102178-0-jpg.jpg

    บำเพ็ญพุทธภูมิ

    ในการบำเพ็ญบารมีของพุทธภูมินั้น จะบริจาคทรัพย์จนหมดก่อนจึงเรียกว่า บารมี ๑๐ ทัศ จากนั้นจะอุทิศแรงกายจนอาจต้องเสียสละเลือดเนื้อหรืออวัยวะ เช่น การออกศึก ปกป้องประเทศ ช่วยเหลือมวลมนุษย์ หรือ การบริจาคอวัยวะถวายเป็นพุทธบูชาจึงเรียกว่า บารมี ๒๐ ทัศ จากนั้น จะเข้าสู่การเสียสละชีวิต เช่น การยอมตายเพื่อผู้อื่น, ฆ่าตัวตายถวายพุทธบูชา จึงได้เข้าสู่บารมี ๓๐ ทัศ ช่วงนี้แบ่งได้เป็นสามระยะคือ

    บารมีต้น ช่วงเสวยบุญเป็นเศรษฐี มีทรัพย์ในการทำบุญทำทานได้มากมาย เป็นช่วงที่ดวงจิตหลังได้รู้ตนเองว่าปรารถนาพุทธภูมิแล้ว จะบำเพ็ญ "ทศบารมี" ในขั้นต้น ในขั้นนี้พระโพธิสัตว์ จะทรงใช้ "ทรัพย์สิน" ในการบำเพ็ญเพียรเสียโดยมาก จะเกิดมาร่ำรวย เป็นผลบุญจากการได้ถวายพุทธบูชา จะได้มาเกิดในพระพุทธศาสนาและทำนุบำรุงพุทธศาสนาด้วยทรัพย์ของตนนั้น แต่ยังไม่สามารถที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงหรือบริหารงานด้านพุทธศาสนามากนัก

    ช่วงนี้ จะไม่ได้พบพระพุทธเจ้า จำต้องบำเพ็ญเพียรด้วยความคิดของตนเอง ไม่มีผู้ใดสั่งสอน จึงมีทั้งทำดีและทำพลาดไปบ้าง แต่ผลยังไม่ขยายวงกว้างนัก ได้ทั้งผลบุญและบาปกรรมเปื้อนติดตัวไประดับหนึ่ง ยังไม่มีบริวารมากนัก ความเสี่ยงที่จะทำงานผิดพลาดจึงยังน้อย เพียงสะสมคุณงามความดีเบื้องต้นไปก่อน ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมที่เลวร้ายได้ กำลังบารมียังไม่พอ


    บารมีกลาง ช่วงเสวยบุญเป็นราชามีอำนาจและบริวารมากมายทำกิจได้มาก เป็นช่วงที่ดวงจิตมีบุญบารมีมากมาย เหนือกว่ามารในสวรรค์ชั้นสูงสุด เป็นผลจากการบำเพ็ญบารมีที่สะสมมา จะมีทั้งบริวารมากมาย และทรัพย์มากมาย ในขั้นนี้ จะเริ่มเปลี่ยนแปลงสังคมตามความคิดของตนเอง ทำให้พระโพธิสัตว์อาจจะเริ่มหลงทาง เพราะหลงในผลบุญที่มีมากมายนั้น เริ่มได้รับอนุญาตให้เกิดมาพร้อมทรัพย์สินและบริวาร และเริ่มได้ปกครองประเทศ ได้เกิดเป็นพระราชา ซึ่งหากปกครองประเทศได้ดี ก็จะได้ผลบุญมากก็จะยิ่งต่อยอดบุญได้มากขึ้นไปอีก หากหลงทางก็จะกลายเป็นมารได้ จะต้องไปจุติยังสวรรค์ชั้นมาร เพื่อปกครองพวกมารอยู่ยาวนาน ต้องเป็นมารเพื่อปกครองมารได้ และรอเวลาอีกยาวนานกว่าจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์อีกรอบหนึ่ง

    บารมีปลาย เป็นช่วงที่ดวงจิตมีบุญบารมีสูงสุด พร้อมที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เนื่องจากได้พ้นภพมารแล้ว ได้ละเลิกทิฐิจากความเป็นมารแล้วเพราะได้พบกับคู่ปรับแล้ว แต่ยังมีกรรมที่สะสมมาในแต่ละชาติต้องชดใช้ จากนั้น จึงมาเกิดเป็นคนยากจน ไร้ทรัพย์สินและบริวาร เพื่อแสวงหาสิ่งที่เป็นพื้นฐานธรรมดา เหมือนพระพุทธเจ้าช่วงที่ทรงสละราชสมบัติเพื่อออกผนวช ซึ่งไม่สนใจลาภยศเงินทอง หรือเรื่องราวความวุ่นวายทางโลก ใช้เพียงลำพังตัวคนเดียว ด้วยกำลังสติปัญญา ยังความเมตตาโปรดสัตว์ ตัวอย่างเช่น พระพุทธเจ้าในชาติที่ทรงปราบ "รากษส" ทรงเกิดเป็นคนยากจน และมีแม่ที่อดอยาก

    ดังนั้น จึงทรงอาสาปราบรากษส เสี่ยงตายเพื่อหาเงินเลี้ยงแม่ จนในที่สุด ปราบรากษสได้ด้วยตัวคนเดียว เป็นต้น ช่วงบารมีปลายนี้ยิ่งต้องระวังกรรมที่เปื้อนไปสู่ชาติที่ได้ตรัสรู้ให้มาก เพราะหากยังมีเศษกรรมเปื้อนไป ก็จะยังผลให้พระศาสนาในชาติที่ตรัสรู้นั้น ได้รับผลกรรมไปด้วย เช่น การฆ่ารากษสของพระพุทธเจ้าในชาติที่บำเพ็ญเพียร ยังผลให้ท่านมีอายุเพียง ๘๐ พรรษา ไม่อาจทำกิจตามพุทธศาสนาได้สมปณิธานที่ตั้งใจ ในชาติที่บำเพ็ญบารมีปลาย จึงต้องใช้ "ปัญญาและเมตตา" ให้มากขึ้น แม้มีสิ่งยั่วยุก็ตาม เพื่อไม่ให้กรรมเปื้อนติดตนไปในชาติสุดท้าย


    ที่มา http://buddhapoom.com/index.php/topic,21.0.html
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ความอาฆาตแค้นของทุกคน จะต้องจบลงในชาติภพนี้ !!!


    สุดท้าย Ost.ดวงใจในมนตรา | ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ | Official MV


    ถ้าไร้เธอ Ost.ดวงใจในมนตรา | โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ | Official MV
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    5 ภัยพิบัติโลก ที่เกิดขึ้นจริงแล้ว เหลือเพียงแค่ 1 เดียว เท่านั้น


    19 พ.ค. 2021

    พระอนุตตรธรรมมารดาเจ้าสิบบัญญัติ

    นำบทข้อที่ห้า (บางส่วน)


    "ชะตาฟ้า ดำเนินถึงปลายยุค
    เภทภัยทุกข์ ลำบากทั่วหัวระแหง
    เก้า-เก้าภัย ใครรอดพ้นความรุนแรง
    ธรรมนาวาแล่น ช่วยชาวโลกโดยทั่วกัน"

    "ขอเตือนลูกพุทธบุตรเดิม น้อมบำเพ็ญ
    รู้กำหนดเกณฑ์เจตนาฟ้า เป็นปราชญ์ได้
    กัปสุดท้ายเกิดคู่กัน ธรรมกับภัย
    เปลี่ยนหญิงชายทั้งฟ้าดิน สิ้นยุคกาล"

    "หากบัดนี้ไม่มีภัย ลงเก็บกวาด
    จะไม่เหลือปราชญ์สักคนเห็น เป็นแก่นสาร
    จึงให้เกิดน้ำไฟ มารอนราญ
    แปดภัยผลาญพร้อมทำลาย ภัยสงคราม"
    (แปดภัย คือภัยจากน้ำ ไฟ อาวุธ ทหาร แห้งแล้ง น้ำหลาก อกอยาก ขาดแคลน)

    "กำหนดเก้าเก้าแปดสิบเอ็ดภัย กระจายทั่วโลก
    ส่งรากษสพญามารห้า มาก่อเรื่อง
    (รากษส คือยักษ์ร้าย ในที่นี้หมายถึงยักษ์ร้ายในคราบของคน)
    หมื่นพันวิธีเก็บคนชั่ว อยู่เนืองเนือง
    ดินฟ้าเสื่อมครบกำหนด หมดสิ้นชะตากาล"

    "อีกเพราะเหตุคนก่อกรรม คร่ำอาฆาต
    ถึงโอกาสสงบบัญชี หกหมื่นปีแล้ว
    หยกกับหินชั่วกับดี ถึงทีแบ่งแนว
    แม่เห็นแล้วเลือดน้ำตา พาพรั่งพรู"

    "พืชธัญญา ทั่วโลกตาย ไม่เหลือสักต้น
    ทุกข์ภัยระคน เช่นดังว่า ยังไม่น่าตื่น
    หวาดสยอง น้ำ ไฟ ลม จมโลกกลืน
    วันเป็นคืน ไร้ตะวันเดือน มืดสนิทเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน"
    (ตัวเลขรหัส 7:7:49 เป็นเลขเดียวกันกับอาจารย์ปริญญา ตันสกุล ด้วยครับ )

    "ประตูนรกเปิด ปลดปล่อยผี ทวงหนี้ชีวิต
    มืดสนิทน่าสะท้าน วิญญาณวาบวูบ
    ใช้หนี้เคยทำเวรกรรมเงินทอง เคยจองพันผูก
    โลกจะถูกสูบด้วยลมมหันต์ ถอนรากถอนโคน"

    "ชำระหนี้ทั้งสามโลกเปลี่ยนแกนกลาง (แกนโลกทั้งสามภพ)
    แม้ร่างกายจะแกร่งเป็น เช่นเหล็กไหล
    ไม่พ้นไฟประลัยกัลป์รอดไปได้
    กำหนดภัยแม่สั่งความแต่น้ำตาเป็นเลือดนอง"

    "ตายเจ็ดส่วน อีกสามส่วนทุกข์มหันต์ (พลโลกหายไป 7ส่วน)
    กระดูกถมกัน เลือดท่วมใหญ่ เป็นสายน้ำ
    ลืมหลักอริยะ โลกีย์จิต คิดใฝ่ต่ำ
    เก้าเก้าจะนำ มหันต์ภัยนรก หมกเศษวิญญาณ "

    "อยากจะรอด ภัยทุกข์เข็ญ เร่งสร้างบุญ
    พระจะหนุน ให้ลูกสำราญ ตามบัญชาแม่
    คนตื่นใจตามแม่ กลับนิพพานแท้
    ไม่ตื่นแน่ เจอพิบัติภัย ขังในโลกันตร์"

    "มิอดใจ ทำลายหยก หมกกับหิน
    จึงตัดสิน หย่อนสายทอง ล่องเรือกู้
    ทุกหนทาง หมื่นพันสาย ไม่ชุบชู
    ชีวิตอยู่ หนทางเดียวคือ ขอรับวิถีธรรม"


    ที่มา https://palungjit.org/threads/ศิลาจารึกโบราณ700ปี-บันทึกโองการแห่งฟ้า-และพระโอวาทจากพระแม่องค์ธรรมถึงลูกๆทุกคน.17009/
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เพลงศึกสายเลือด ฟังเนื้อหาแล้วกินใจมากๆ ครับ


    เพลงศึกสายเลือด พร้อมซับเพลงไทย ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
    24 ส.ค. 2017
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สาเหตุของความวุ่นวาย ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้


    คำสาปพระแก้วมรกต-ที่คนไทยไม่พูดถึง
    16 ก.ย. 2020
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ปาฎิหาริย์พระบรมรูป รัชกาลที่ ๙


    “ในหลวง”ทรงปรากฏพระองค์ครั้งแรก สยบทุกข่าวลือ..
    โปรดเกล้าฯให้ “องคมนตรีใหม่”เฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาน
    25 พ.ค. 2021

    563000003658001.jpg

    “ในหลวง” โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระบรมรูป ร.๙ ประดิษฐาน ณ ปราสาทพระเทพบิดร ในวัดพระแก้ว


    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังประกอบพิธีอัญเชิญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปประกอบพิธีประดิษฐานและสมโภช ที่ปราสาทพระเทพบิดร วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง

    วันนี้ (6 เม.ย.2563) เมื่อเวลา 18.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังประกอบพิธีอัญเชิญพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จากพระที่นั่งอัมพรสถาน เพื่อไปประกอบพิธีประดิษฐานและสมโภช ที่ปราสาทพระเทพบิดร วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง

    โดยใช้เส้นทางเลี้ยวขวาเข้าถนนราชดำเนินนอก ราชดำเนินกลาง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชดำเนินใน เลี้ยวขวาเข้าถนนพระลาน และเลี้ยวซ้ายเข้ายังประตูวิเศษไชยศรี ขบวนอัญเชิญเทียบยังประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

    ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อถวายเป็นพระบรมราชานุสรณ์ เพื่อประดิษฐานบนปราสาทพระเทพบิดร ในพระบรมมหาราชวัง โดยพระบรมรูปมีความสูงจากพระบาทถึงพระเศียร ขนาด 172 เซนติเมตร ความสูงฐานพระบรมรูปขนาด 7 เซนติเมตร ความสูงรวมขนาด 179 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 50 เซนติเมตร น้ำหนักรวม 156 กิโลกรัม

    หล่อด้วยโลหะบรอนซ์ ซึ่งเป็นวัสดุผสมระหว่างทองแดงกับโลหะผสมอื่นๆ อาจมีมากกว่า 1 ชนิดก็ได้ โดยปกติจะผสมสังกะสีเล็กน้อยลงไปด้วยเสมอ และมีทองแดงอยู่ร้อยละ 60-98 ที่เหลือเป็นโลหะผสมอื่นๆ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ มาทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ที่บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง


    ที่มา https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000035517
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2021
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เตรียมนองเลือด..คำเตือนจากเกจิอาจาร์ยชื่อดัง!!


    28 ก.พ. 2021
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้


    สุดแปลก! อีกาเผือก | 27-05-64 | ข่าวเย็นไทยรัฐ

    ดิน ดํา
    2 วันที่ผ่านมา
    มาแล้วยุคกาขาว หลังจากนี้ก็ ชาวศิวิไลซ์....เยี่ยมเลย

    Envi Since
    2 วันที่ผ่านมา
    คงถึงเวลาแล้ว.ถิ่นกาขาว..ชาวไทยคงถึงยุคศิวิไลซ์แล้ว..รออีกหน่อย..

    มณเฑียร แสงแก้ว
    2 วันที่ผ่านมา
    ต่อจากกาขาว ก็จะเป็นศิวิไลซ์ ตามคำทำนาย เริ่มทำงานละครับ วงจรชีวิตประเทศ

    วิจิตรา รัตนภรณ์
    2 วันที่ผ่านมา
    Wow บังเอิญจัง เพิ่งได้ฟังคลิบกำเนิดพระพุทธเจ้าในภัทรกัลป์ ทั้ง 5 พระองค์ ที่เกี่ยวข้องกับอีกาเผือก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2021
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พระยาธรรมิกราช จะทรงมีอายุขัยยาวนาน ๒๐๐ - ๓๐๐ ปี

    30728723_964734877027254_2316447.jpg
    พุทธพยากรณ์โลก แผ่นทองคำจารึก (หลวงพ่อบรรจุไว้ในพระอุโบสถวัดท่าซุง งานฝังลูกนิมิต ๒๔ เมษายน ๒๕๒๐ )

    " เราพระมหาวีระ มีพระราชานามว่าภูมิพล เป็นผู้อุปถัมภ์ ร่วมด้วย พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ สร้างวัดนี้ไว้เป็นพุทธบูชา เมื่อศักราชล่วงไปได้ ๒,๗๐๐ ปีปลาย จะมีพระเจ้าธรรมิกราช นามว่า "ศิริธรรมราชา" สืบเชื้อสายมาจากเชียงแสนบวกสุโขทัย ร่วมกับพระอรหันต์ จะมาบูรณะวัดนี้สืบพระศาสนาต่อไป คณะเราขอโมทนาด้วย แต่อยู่ช่วยไม่ได้ เพราะไปนิพพานหมดแล้ว "

    (ถ้าไม่ใช่รุ่นใหม่ถัดจากนี้ไป ๒๐๐ - ๓๐๐ ปี ก็แสดงว่าอายุขัยยืนมาก เมื่อแก่ตัวลงขนาดนั้น พระโพธิสัตว์ต่างๆจะได้รับ อาหารอันเป็นทิพย์หรือ จึงกลับมาหนุ่ม หรือทรงฌานแปลงอสุภะ รูปสัญญาคืนสู่เยาว์เอา หรือว่า ท่านจะถืออิทธิบาท ๔ ข้อนี้ต้องพิจารณา

    ตามสภาวะธรรม เมื่อพิจารณาอีกกรณีหนึ่ง อันว่าพระอริยะเจ้าหากปรากฎตามกาล ก็ให้เห็นควรแล้วว่า การที่กระทำกิจอันเป็นวัตรปฎิบัติอันเป็นกิจอันสมควรแก่กาล จนเป็นที่รู้เห็นและทราบแก่เหล่าเวไนยสัตว์บุคคลทั่วไป จนสาธุชนขนานนามท่านว่า " ศิริธรรมราชา " การบูรณะวัดท่าซุง ย่อมเป็นการฉลองชัย หลังจากกิจอันสมควรจบ ข้อนั้นพึงสมควร มิใช่พึงประกาศตนเป็นแล้วจึงกระทำกิจในพระพุทธศาสนา อ้างตามองค์คุณของกลามสูตร พึงทำให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ แก่สายตาของบัณฑิตปัญญาชน ข้อนั้นพึงถือทิฏฐิอันงามได้ ๒๗๐๐ ปีกลาย เวลานั้นฉลองชัยเป็นแน่แท้)

    ขอยืนยันว่า ถึงแม้ว่าสงครามจะเกิดก็จริงแหล่ แต่ทว่าเราจะไม่ตายเพราะสงครามโลก เราจะไม่อดตายเพราะสงครามโลก และนักเกษตรศาสตร์ก็ดี นักเกษตรศาสตร์นี่ จะมีโชคดีมากคือจะรวย ข้าวจะแพง พวกที่เลี้ยงสัตว์ก็ดี ราคาจะแพง จะรวยทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าไม่มีความประมาท บรรดาท่านพุทธบริษัท ประเทศไทยจะมีแต่ความอุดมสมบูรณ์.

    ที่มา
    - จากหนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับพิเศษ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
    พุทธพยากรณ์ โดย..หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (โพสต์ในเว็บไซด์ต่างๆ)


    ที่มา https://palungjit.org/threads/สำนักวัดนาป่าพงคึกฤทธิ์และสาวกพลาด-สร้าง-พุทธวจน-ปลอม.552222/page-48
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    a.jpg

    a.jpg
    ขอย้อนอ่านคำแปล "คัมภีร์เทวดา" เป็นสำนวนไทยภาคกลาง

    ในตอนนี้ ผู้เขียน "เว็บตามรอยฯ" จะขอขยายความจาก "พระคัมภีร์โบราณ" ส่วนที่ ๒ คำอ่านหน้าที่ ๖ - ๑๑ มีดังนี้

    “...เผ่ยย่ำห่วง ฮองย็อกฉ่าย ยำว็อกไห่ กิดีมี ลัดฝ่อ ต่างมุเย่า เวว็อดห่ากีดิ พุทธาวดิ เมื่อศตวรรษโลกจักได้เสื่อมพระศาสนา มีราชา องค์น้อย หายใจบ่ทั่วท้อง มาเข้าเชิดชู คนจัก มรณาม้วน สูญพันธ์เมิดเผ่า..เป็นต้น..”

    ผู้เขียนไม่คุ้นกับภาษาอีสาน จึงมอบให้ คุณนิภา (น้อย) เมืองไทย อยู่ที่ประเทศอิตาลี เป็นคนอีสานแต่กำเนิดช่วยแปลเป็นสำนวนภาคกลางให้อีกทีหนึ่งว่า...

    “...เมื่อพระราชาองค์น้อยเริ่มเจริญวัยขึ้นแล้ว เมืองไทยเริ่มเปลี่ยนแปลง ต่อจากปี พ.ศ. ๒๕๕๐ นี้ มีทั้งคนดีและคนชั่วปะปนกัน เกิดโลกใหม่ ยุคศิวิไลซ์ พระสีส้มโยมสีเหลืองทั่ว ทั้งประเทศ ยกย่องสรรเสริญก้องขึ้นใน สุวรรณภูมิ คงความเห็นเป็นคำเดียวกันหมด ดั่งพระองค์ลงมาโปรดดูแลโลกใหม่ ผู้คนพากันไหลหลั่งมาเฝ้าต่อพระองค์...”

    ต่อไปก็เป็นการบอกลายแทงขุมทรัพย์ มีค่าต่างๆ ๑๑ แห่ง ที่เคยเป็นเมืองล่มจมบาดาล หลายแห่ง สิ่งของเหล่านี้มีทองคำ เป็นต้น

    “..จะโผล่ขึ้นมาเป็นสมบัติของราชวงศ์ ถ้าผู้ใดมีบุญให้ไปทำพิธีขอดู ท่านจะให้ไหม ถ้าได้แล้วนะ จะเอาไปทำอย่างที่พูดหรือคิดจริงไหม เทวดาชื่อ เทวจักร รู้อยู่แล้วว่า ใครจะเอาสมบัติ ไปบูรณะพระศาสนาและประเทศชาติบ้านเมืองจริง ถ้าใครมีบุญบารมีท่านจะให้

    ดูรา..เจ้าองค์เอกสัพพัญญู ปูทางไว้ให้บุคลากรสานต่อ ถ้าหากไม่มีวาสนาจะได้พบ หมายมั่นพึ่งบุญ ทรัพย์มรดกที่พระองค์แบ่งให้ผสมกันหลายอย่าง ถ้าต่างคนต่างตั้งใจปรองดอง ตั้งมั่นรวมใจเป็นหนึ่ง เชื้อพระองค์แบ่งให้รักษา ไว้ซึ่งธรรมะประเพณีที่ดีงาม

    จึงขอให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวพึ่งพากัน เปรียบเสมือนรากไผ่และกำแพง คำนี้คือคำของ “เมตตาหลวง” วัดโกสัมพี อยู่เมืองสาวัตถีโน้น นี่อีกวรรคหนึ่งที่พระองค์ทรงบันทึกไว้ ณ สาวัตถี”

    คำทำนายนี้ ต้นฉบับเดิมเป็นบทกลอน ถึงแม้จะเรียบเรียงใหม่ แต่ก็อ่านไม่ง่ายเลย จึงคิดว่าผู้อ่านคงจะจำได้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานเคยเล่าไว้ว่า ต่อไปจะเข้ายุคศรีวิไล ในสมัย รัชกาลที่ ๑๐ ไปแล้ว แร่ธาตุทองคำที่ซุกซ่อนไว้ จะปรากฏขึ้นในสมัยนั้นมากมาย โดยมีรายละเอียดดังนี้

    "ในราวปลายรัชกาลที่ ๙ หรือรัชกาลที่ ๑๐ นี้ ประเทศไทยจะขุดพบแร่สำคัญชนิดหนึ่ง ซึ่งมีกำลังคล้ายแร่ "ยูเรเนียม" แต่ทว่ามีกำลังสูงกว่า ถ้าใช้ทางด้านสันติจะมีความเย็นสามารถเผาโรคได้ด้วยอำนาจของความเย็น ถ้าใช้ทางด้านพลังงาน ก็จะมีพลังงานสูงมาก ถ้าใช้ฆ่าฟันกันก็จะมีพลังงานมากยิ่งกว่าแร่ที่เขาใช้กันในปัจจุบัน

    เวลานี้ขุดมาได้ก็เหนื่อยเปล่า ๆ ไม่มีประโยชน์ ถึงเวลามันจะปรากฎเอง และเมืองไทยจะมีทรัพยากรต่าง ๆ ปรากฎขึ้นมาอีกมากมาย เริ่มตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นต้นไป และจะค่อยๆ มีมากขึ้นอย่างเต็มที่ เมื่อกลางสมัยรัชกาลที่ ๑๐ ต่อไป ประเทศไทยจะมีความมั่งคั่งสมบูรณ์ ประเทศชาติจะร่ำรวยมาก"

    เรื่องนี้มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพราะในขณะนี้มี "พระราชาองค์น้อย" ที่เริ่มทรงพระเจริญวัยจริงๆ ในวันทำพิธีสำคัญที่ผ่านมามีพระอาทิตย์ทรงกลดด้วย แล้วได้รับการขนานตามพระนาม “พระพุทธเจ้า” องค์ต้นๆ ตามที่ทราบกันดีอยู่แล้ว หากอนาคตต่อไปข้างหน้า ถ้าคำทำนายเป็นจริงแล้วไซร้ ชาวไทยคงมีความสุขกันถ้วนหน้า...!


    ที่มา คำแปล "คำทำนายโบราณ" (คัมภีร์เทวดา) (Update 05/11/52)

    ที่มา https://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1249
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ประเทศไทย ต่อไปจะไม่ปลอดภัย
    (เพราะเป็นแหล่งเสบียงอาหาร ที่ต่างประเทศต้องการ)

    a-jpg-jpg.jpg
    เพื่อนธรรมคนหนึ่ง เล่าให้ผมฟังว่าพระเกจิอาจารย์ของเขาเล่าให้ฟัง ยังไม่ต้องเชื่อนะครับจับตาดูกันต่อไป ประเทศไทยต่อไปจะไม่ปลอดภัยครับถ้าเราเป็นครัวโลก เพราะประเทศมหาอำนาจ จะเข้ามายึดแหล่งอาหารของคนไทย ดังคำทำนายข้างล่างนี้


    เรื่องราว จากนี้ไป ไม่ง่ายนัก การเมืองจัก วุ่นวาย ไม่หน่ายหนี
    เศรษฐกิจ การเงินซ้ำ กระหน่ำอีกที ประชาชี สิหนีพราก ลำบากลำบน

    ต่อๆไป ไทยอาจแตก เป็นเสี่ยงๆ เพราะคนเอียง เลี่ยงหลับ จนสับสน แผ่นดินเรา เขาเข้ายึด เป็นของตน ประชาชน ต้องหลบลี้ เพราะมีภัย

    เสือขาวเหลือง (อเมริกา-จีน) เข้ามาหา กระยาหาร เข้ารุกราน เราตายเป็นเบือ จะเชื่อไหม ส่วนที่เหลือ จะอยู่รอด กันอย่างไร คิดๆไป ใจก็เศร้า ไฟเผาทรวง

    วิบากกรรม นำชักพา ให้มาเกิด ในยุคนี้ ที่เปิดกรรม อันใหญ่หลวง
    กระแทกคน ที่ไร้ศีล ที่หลอกลวง ไม่พ้นบ่วง ต้องรับหมด ตามกฏแห่งกรรม

    ทางรอด ดั่งยอดดอย มีน้อยนิด ทุกคนคิด หยุดแตกแยก หยุดถลำ ถึงจะหยุด ฉุดกระชาก วิบากกรรม ชาวสยาม จะกลับยิ้ม อิ่มเอมใจ

    ที่มา https://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-787

    ตำนานพระยาธัมมิกราช


    ตำนานพระญาธัมมิกราช ซึ่งอ้างว่า "ได้จากเมืองพุก่ำมาแล" ซึ่งศูนย์ส่งเสริมและศึกษาวัฒนธรรมลานนาไทย วิทยาลัยครูเชียงใหม่ได้ปริวรรตไว้เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๓ มีใจความกล่าวไว้ ดังนี้

    ในตอนต้นเรื่อง กล่าวถึงความเดือดร้อนประการต่างๆ ที่เกิดมีในบริเวณเมืองเชียงใหม่กับลำพูน แล้วจึงกล่าวถึงพญาตนหนึ่งอยู่ทางฟากตะวันออกของน้ำแม่ระมิงคือน้ำแม่ปิง พญาดังกล่าวมีบุตร ๒ คน แล้วทั้ง ๓ ได้รบกันที่เชิงดอยอุจฉุคือดอยสุเทพ บุตรที่เกิดในปีฉลูได้เป็นพญาแทนพ่อ ต่อมาก็ถูกพญากัปปราชแห่งเมืองใต้ยกขึ้นมารบกวน

    ถัดจากนั้นพญาซึ่งอยู่ด้านตะวันออกและตะวันตก ของน้ำแม่ปิงจะรบกัน หลังจากนั้นท้าวพญาทั้งหลายที่อยู่บริเวณขุนน้ำแม่ปิง จะหาศีลธรรมมิได้ ซึ่งเป็นเหตุให้พญาทาง"ฝ่ายสมุทร" หรือทางใต้ ยกรี้พลขึ้นมาตามลำน้ำแม่ระมิงแล้วรบกันที่เชิงดอยคำ เลือดจะตกในที่นั้นมากจนหนูข้ามไม่ได้


    พญาธัมมิกราชจะปรากฏที่ "นาไร่หลวงแห่งเมืองหริภุญชัย" แล้วพญาธัมมมิกราชหรือพญาธัมม์ จะเป็นผู้ห้ามการรบต่างๆ ครั้งนั้น จะเกิดมีปราสาทเกิดที่ผาก้อนใหญ่นอกเมือง พระอินทร์จะมาสรงน้ำและเป่าหอยสังข์ ท้าวจตุโลกบาล เทวดา ผีเสื้อ(อารักษ์) จะเอาของดีวิเศษต่าง ๆ ไปมอบให้เนื่องในการอภิเษกให้เป็นพญาธัมม์ พระวิษณุกัมม์จะมาเป็นสารถี พระอินทร์จะนำนางแก้วจากอุตตรกุรุทวีปมาให้ รวมทั้งธิดากษัตริย์ต่างๆ ในชมพูทวีปอีก ๑๘,๐๐๐ นาง

    แล้วพญาธัมมิกราชและพระอินทร์ จะช่วยกันสร้างเมืองลำพูน ให้เป็นมหานคร ให้ชื่อว่า"อินทาปราการ"และสร้างเครื่องประดับถวายพระธาตุหริภุญชัย แล้วขุมทรัพย์ทั้งหลายจะปรากฏขึ้น ซึ่งพญาธัมมิกราชจะได้แจกจ่ายแก่คนทั้งปวง


    ที่มา https://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1249
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    จะมาสร้างสถานกงสุล หรือสร้างฐานทัพทางทหารกันแน่?

    120096324_330923534797713_5685246166498220461_n-728x546.jpg

    สหรัฐฯ ทุ่ม 8.8 พันล้านบาท ผุดสถานกงสุลเชียงใหม่แห่งใหม่ มุ่งสร้างความร่วมมือทุกภาคีเครือข่ายในพื้นที่ภาคเหนือ

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2563 สถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา เชียงใหม่ได้จัดพิธีเปิดหน้าดินเพื่อเริ่มดำเนินการก่อสร้างสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา เชียงใหม่ แห่งใหม่ ณ บริเวณสถานที่ก่อสร้างสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา เชียงใหม่ แห่งใหม่ (พื้นที่ติดกับอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ถ.ซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง) โดยมีนายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย พร้อมด้วยนายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ให้เกียรติเป็นประธานร่วมในพิธีเปิดหน้าดินครั้งนี้

    นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า วันนี้สหรัฐอเมริกาได้เริ่มการก่อสร้างสถานกงสุลใหญ่แห่งใหม่ในจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากที่ได้ก่อตั้งสถานกงสุลขึ้นครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อ 70 ปีที่แล้ว โดยออกแบบอาคารหลังใหม่ให้คงอยู่ต่อไปอีกอย่างน้อย 70 ปี ทั้งนี้ การก่อสร้างสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา เชียงใหม่ แห่งใหม่ มีมูลค่าการลงทุน 284 ล้านเหรียญสหรัฐ (8,800 ล้านบาท) ตั้งอยู่บนพื้นที่ราว 16.5 ไร่ บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2566 ซึ่งจะทำให้เกิดการว่าจ้างแรงงานในท้องถิ่นกว่า 400 คน และจะกลายเป็นสัญลักษณ์ถึงความมุ่งมั่นที่สหรัฐฯ มีต่อภาคเหนือของไทยต่อไปในอนาคต

    สำหรับการออกแบบสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา เชียงใหม่ แห่งใหม่ ได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิทัศน์และรูปแบบการสร้างอาคารในภาคเหนือที่มีความหลากหลาย ผสมผสานภูมิทัศน์ที่เขียวชอุ่มเข้ากับ “ศาลา” ซึ่งมีลักษณะเป็นระเบียงเปิดโล่งเพื่อใช้จัดงานที่เป็นทางการ อาคารสำนักงานแห่งใหม่นี้ ยังสะท้อนถึงลักษณะสถาปัตยกรรมแบบล้านนาโบราณ โดยการใช้พื้นที่สาธารณะกั้นส่วนต่างๆของอาคารออกจากกัน นอกจากนี้ สำนักงานฝ่ายศิลป์ประจำสถานเอกอัครราชทูต กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะจัดแสดงชุดผลงานหลากหลายสื่อศิลป์เป็นการถาวร ซึ่งมีทั้งภาพวาด ภาพถ่าย สิ่งทอ และประติมากรรมจากศิลปินทั้งชาวอเมริกันและชาวไทย รวมถึงจะจัดแสดงผลงานที่รังสรรค์ขึ้นเฉพาะสำหรับสถานกงสุลใหญ่แห่งใหม่นี้ เพื่อสะท้อนถึงความหลากหลายและความรุ่มรวยของมรดกทางวัฒนธรรมของสหรัฐฯ และไทย

    ขณะเดียวกันโครงการดังกล่าวยังมีเป้าหมายที่จะได้รับการรับรองมาตรฐาน Leadership in Environmental Design ระดับ Silver โดยมีองค์ประกอบที่โดดเด่นด้านความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ และระบบน้ำที่สอดคล้องกับเป้าหมายระดับประเทศของไทยในการใช้พลังงานทดแทน และการพัฒนาคุณภาพอากาศ รวมถึงองค์ประกอบที่ยั่งยืนอื่นๆ ได้แก่ ระบบควบคุมอาคารอัตโนมัติ การติดตั้งสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ ตลอดจนกรอบอาคารที่ช่วยปรับลดอุณหภูมิภายใน ซึ่งประกอบด้วยหน้าต่างที่ลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ และการออกแบบโครงสร้างโดยรอบภายนอกอาคารโดยใช้แผงบังแดด

    เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวต่อว่า การก่อสร้างสถานกงสุลใหญ่ เชียงใหม่ แห่งใหม่นี้ เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องของสหรัฐฯ ต่อภาคีและพันธมิตรในภาคเหนือ ขณะเดียวกันก็ยังมุ่งลงทุนกับแรงงานและเศรษฐกิจในท้องถิ่น เพื่อให้ไทยและอเมริกามีความยั่งยืนและมั่งคั่งยิ่งขึ้นสืบไป

    นายฌอน โอนีลส์ กงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำเชียงใหม่ กล่าวว่า ชาวอเมริกันและชาวไทยมีประวัติศาสตร์ร่วมกันในภาคเหนือ ถือเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจยิ่ง และเราก็หวังที่จะสานต่อความสำเร็จอีกมากมายที่จะบรรลุร่วมกันในภายภาคหน้า

    นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การสร้างสถานกงสุลใหญ่แห่งใหม่นี้ ยิ่งแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมถึงความไว้วางใจและความมุ่งมั่นที่เรามีต่อกันในฐานะมิตรและหุ้นส่วนที่ยาวนาน อีกทั้งยังเปิดศักราชใหม่แห่งการยกระดับความร่วมมือระหว่างไทยและสหรัฐฯ ในภาคเหนือ


    ที่มา https://www.prachachat.net/local-economy/news-527559
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2021
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เสือขาวเหลือง (อเมริกา-จีน) เข้ามาหากระยาหาร เข้ารุกรานเราตายเป็นเบือ จะเชื่อไหม?

    563000011185127.jpg

    สิ่งหนึ่งซึ่ง หวัง อี้ ได้ทำ และได้ทำสำเร็จ เพราะว่าหวัง อี้ เห็นว่า ... จีนเห็นว่าอเมริกา ได้ขอขยายกงสุลที่เชียงใหม่ ให้ใหญ่โตมโหฬาร ว่ากันว่ากงสุลที่มูลค่าเกือบ 1 หมื่นล้านบาทนั้น มีชั้นใต้ดินลึกถึง 30 เมตร บางคน บางแหล่งข่าวบอกว่าลึกถึง 80 เมตร

    จะกี่เมตรก็ตาม การก่อสร้างกงสุลด้วยเงินประมาณเกือบ 9,000 ล้านบาท นั้น จะต้องเป็นสถานกงสุลที่ไม่ใช่เป็นสถานกงสุลสำหรับที่ให้คน ประชาชนคนไทย ไปติดต่อกงสุลอเมริกาในเรื่องขอวีซ่า เรื่องการติดต่อในด้านการทูตเลยแม้แต่นิดเดียว มันจะต้องเกี่ยวข้องกับการสืบราชการลับ และการสืบข้อมูล โดยใช้สถานกงสุลนั้น เป็นฐานทางภาคเหนือ อย่างที่ผมเคยชี้ให้เห็นว่า ฐานทางภาคเหนือที่เชียงใหม่นั้น เมื่อยืนอยู่ตรงเชียงใหม่ แล้วมองขึ้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเชียงใหม่แล้ว จะเจอกับทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งประกอบด้วย มณฑลเสฉวน แล้วเหนือมณฑลเสฉวนขึ้นไปคือ ทิเบต เหนือทิเบต ก็คือชิงไห่ ชิงไห่ก็คือที่ตั้งของซินเจียง แล้วก็มีชนกลุ่มน้อยอุยกูร์อยู่ที่นั่น ตลอดจนมีฐานทัพของจีนนั้นตั้งอยู่แถวชิงไห่อยู่มากพอสมควร

    เมื่อมองจากเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ก็จะพบกับมณฑลกวางสี และมณฑลกวางตุ้ง เพราะฉะนั้นแล้ว จีนวันนี้ก็เลยกลับมา กลับมาขออนุญาต ว่าจีนขอตั้งสถานกงสุลเพิ่มเติม ปัจจุบันนี้จีนมีสถานกงสุลอยู่ที่ไทย 4 แห่ง คือ ที่ภูเก็ต สงขลา ขอนแก่น และเชียงใหม่ (แผนที่) เชียงใหม่อยู่นี่ เชียงใหม่แล้วขึ้น ไปเสฉวน มาทางขวาคือกวางโจว เชียงใหม่ขึ้นไปเฉิงตู เสฉวน แล้วไปที่ชิงไห่ ชิงไห่ก็คือซินเจียงนั่นเอง ท่านผู้ชมจะเห็นว่าขณะนี้ ลักษณะการขอตั้งกงสุลของจีนที่ต้องการจะตั้งในประเทศไทยเป็นอย่างไรบ้าง

    พื้นที่สีแดง คือพื้นที่ที่คาดว่าจีนต้องการขยายกงสุลเพิ่มเติม คือ บริเวณภาคเหนือตอนล่าง หรือภาคตะวันตก คือสิ่งที่จีนต้องการตั้งกงสุล ทำไมจีนต้องการตั้งกงสุลตรงนี้ ? มีคนทำนายว่า ส่วนหนึ่งจีนกำลังมองที่จังหวัดตาก และกาญจนบุรี แต่ผมคิดว่า ผมเชื่อว่าจีนต้องการตั้งกงสุลที่กาญจนบุรี ทำไมรู้ไหม ? เพราะว่าตรงกาญจนบุรี ข้ามมาทางฝั่งพม่าก็คือท่าเรือทวาย ท่าเรือทวายตรงนี้มีความสำคัญตรงไหนสำหรับจีน ? มีความสำคัญมากครับท่านผู้ชม

    ท่าเรือทวาย สินค้าจากทวายส่งเข้ามา ผ่านกาญจนบุรี แล้วมาต่อกับแลนด์บริดจ์ของประเทศไทย ออกไปทาง EEC ออกไปทางเวียดนาม ออกไปทางมหาสมุทรแปซิฟิก หรืออีกนัยหนึ่งคือ จากมหาสมุทรอินเดีย จีนส่งสินค้ามา หรือส่งวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ มา แล้วก็มาลงที่ทวาย จากทวายมีทางเชื่อมต่อมา แล้วมาออกอีกทีที่มหาสมุทรแปซิฟิก ตรงเวียดนามพอดี ท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัดว่ามันเป็นอย่างไร

    ส่วนสีแดง คือเส้นทาง Southern Coastal Corridor ซึ่งทำอยู่ในขณะนี้ เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าจีนจะตั้งสถานกงสุลใหญ่อยู่ที่กาญจนบุรี ซึ่งอเมริกาไม่ได้อยู่ตรงนี้ แล้วสถานกงสุลตรงนี้จะเชื่อมต่อกับพม่า คือทวาย เพราะว่าตอนนี้พม่า อย่างที่ผมเรียนให้ทราบในรายการครั้งสุดท้าย ที่ผมพูดในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์จีนและอเมริกานั้น พม่าเดิมทีไม่เอาจีน แต่เกิดมีปัญหาขึ้นมาตอนเรื่องโรฮีนจา เพราะพม่ารู้ว่าโรฮีนจานั้น เกิดจากฝีมืออังกฤษ และอเมริกา รัฐยะไข่วุ่นวายไปหมดเลย เพื่อที่อเมริกา และอังกฤษ ตะวันตกจะได้แทรกแซงเข้ามา พม่ามีหลักฐานพิสูจน์ได้ชัดว่าอเมริกาและอังกฤษอยู่เบื้องหลังการลุกฮือ หรือความวุ่นวายที่ยะไข่โดยกลุ่มโรฮีนจา

    ท่านผู้ชมครับ โรฮีนจา เป็นชนกลุ่มชาวเบงกาลี หรือพวกเชื้อสายพันธุ์ของพวกบังกลาเทศ โรฮีนจาพวกนี้จะเห็นได้ชัดว่าสร้างปัญหาให้กับพม่า ในที่สุดพม่าก็เลยตัดสินใจที่จะให้จีนไปตั้งฐานทัพในพม่า ที่อยู่ริมฝั่งมหาสมุทรอินเดียได้ ท่านผู้ชมจะเริ่มเห็นหมากล้อมนะครับ หมากล้อมหมากหนึ่ง จีนเอามาล้อมไว้ที่พม่า

    ตอนนี้เรามาดูสถานกงสุลก่อน ของเรา ถามว่าเรามีกี่แห่งในประเทศจีน เรามีทั้งหมด 9 แห่งในประเทศจีน เรามีสถานกงสุลที่กว่างโจว สถานกงสุลคุนหมิง สถานกงสุลที่นครเซี่ยงไฮ้ สถานกงสุลที่นครเฉิงตู สถานกงสุลใหญ่ที่หนานหนิง สถานกงสุลใหญ่ที่ซีอาน สถานกงสุลใหญ่ที่เซียะเหมิน สถานกงสุลใหญ่ที่เมืองฮ่องกง และสถานกงสุลใหญ่ที่เมืองชิงเต่า เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่าเรามีสถานกงสุลที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน มากกว่าที่จีนมีอยู่ในประเทศไทยขณะนี้ เพราะฉะนั้น โดยความชอบธรรมแล้ว จีนเขาถึงเรียกร้องว่าเขาจะตั้ง และกระทรวงการต่างประเทศก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะถ้าพูดถึงจำนวนสถานกงสุลแล้ว ของเรามีมากกว่าเขา เมื่อเขาขอตั้งเพิ่ม เราก็ต้องให้เขาตั้ง

    ทีนี้ ผมจะพูดเรื่องบางเรื่องให้ท่านผู้ชมฟังนิดหนึ่ง หวัง อี้ แวะมาที่ลาว หวัง อี้ แวะมาที่เขมร หวัง อี้ แวะมาที่ไทย และหวัง อี้ ก็แวะมาที่มาเลเซีย จะเห็นได้ชัดว่า ถ้าเราดูให้ดีๆ เราดูเขมร แล้วเราก็ดูลาว และเราดูมาเลเซีย จะเห็นได้ชัดว่าถ้าเป็นหมากล้อม จีนก็วางหมากล้อมอเมริกาไว้แล้ว ก็คือ ลาว เขมร และมาเลเซีย ในกรณีที่ไทย เกิดไปเล่นกับอเมริกาขึ้นมา จะด้วยเหตุผลใดผมไม่รู้

    แต่ถ้าวันนั้นเกิดขึ้น จีนเขาก็ยังมีเขมร จีนเขาก็ยังมีมาเลเซีย จีนเขาก็ยังมีลาว ซึ่งอย่างที่ผมเรียนให้ทราบคราวที่แล้วว่า เขมร จีนเขาได้ไปตั้งฐานทัพเรือของจีนอยู่ที่เมืองสีหนุวิลล์ เท่ากับว่าถ้าฐานทัพเรือจีนอยู่ตรงนี้ ก็สามารถจะยันกับไทยได้ทันที ในกรณีที่อเมริกามาอยู่ในเมืองไทย ถ้าไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร เขาป้องกันเอาไว้ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบคราวที่แล้วว่า เราสั่งซื้อรถถังสไตรเกอร์ของอเมริกามา 80-90 คัน จีนได้ส่งขีปนาวุธปราบรถถัง 300 ลูก ให้กับเขมร ก็คือว่า บล็อกกันไปบล็อกกันมา


    ที่มา https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000108426
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    แย่งชิงกันเป็นจ้าวยุทธจักร
    สุดท้ายก็เหลือเพียงความว่างเปล่า



    天蠶變 (เพลง "กระบี่ไร้เทียมทาน" ต้นฉบับภาษาจีน) - ไมเคิล กวัน - เนื้อร้องจีนและไทย 26 ธ.ค. 2017
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ขั้นตอนสุดท้าย การเลื่อนระดับ


    25 พ.ค. 2021
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    การ "รีเซ็ต" ของระบบการเงิน มันคือการถ่ายโอนความมั่งคั่งครั้งใหญ่ !!!

    dFQROr7oWzulq5FZUEh9wzmgf9IR52OEKSEG580rVsxRsfoUfMrgmydvDvs5Ryj48Re.jpg

    โพสเก่า : ถ้าบอกว่าอนาคตคุณ อยู่กับพวกเจ้าไซเบอร์เหล่านี้ : เมื่อบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก เช่นสมาชิกของ WEF ปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง วิกฤตต่างๆก็เกิดขึ้นอย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็นสงครามภัยพิบัติ หรือการล่มสลายทางเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้เกิดการ "รีเซ็ต" ของระบบ มันคือการถ่ายโอนความมั่งคั่งครั้งใหญ่
    https://web.facebook.com/SIGNSOFTHEENDTIME/posts/3618943844895620
    ที่ลิ้งคและหนังสือในหัวข้อ "การกำจัดเงินสดออกจากระบบ" จะนำมาของการหายไปของประชากร .. ตัดตอนมาจาก https://web.facebook.com/SIGNSOFTHEENDTIME/posts/3731931766930160

    - จีนเริ่มทำการวิจัยเกี่ยวกับเงินหยวนดิจิทัลมาตั้งแต่ปี 2014
    - จีนปลุกปั้นหยวนดิจิทัล ให้สามารถใช้ร่วมกับเครือข่าย 5G และอินเทอร์เน็ต สำหรับการควบรวมใช้กับสิ่งต่างๆ?!!
    - สกุลเงินนั้นสามารถปิดได้เหมือนสวิตช์ไฟ!?
    - ระบบการเงิน "ควอนตัม"
    -
    .. ในรายงานที่เผยแพร่เมื่อปีที่แล้วโดย WEF-Carnegie Cyber Policy Initiative เรียกร้องให้มีการรวมธนาคาร Wall Street หน่วยงานกำกับดูแลและหน่วยข่าวกรองตามความจำเป็น เพื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีทางไซเบอร์ ที่ถูกกล่าวหาว่าใกล้เข้ามา ซึ่งจะทำให้ระบบการเงินที่มีอยู่ล่มสลาย

    ลางไม่ดีของ WEF มาตั้งแต่พฤศจิกายน 2020 World Economic Forum (WEF) และ Carnegie Endowment for International Peace ได้ร่วมกันจัดทำรายงานที่เตือนว่าระบบการเงินทั่วโลกมีความเสี่ยงต่อการโจมตีทางไซเบอร์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา องค์กรแบ่งปันข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมการเงิน ซึ่งมีสมาชิกที่เป็นที่รู้จัก ได้แก่ Bank of America, Wells Fargo และ CitiGroup ได้เตือนอีกครั้งว่าแฮกเกอร์และอาชญากรไซเบอร์ระดับประเทศ พร้อมที่จะทำงานร่วมกันเพื่อโจมตีระบบการเงินทั่วโลก และเรื่องนี้มีคำเตือนจากซีอีโอขององค์กรนี้ ซึ่งรู้จักกันในชื่อศูนย์แบ่งปันและวิเคราะห์ข้อมูลบริการทางการเงิน (FS-ISAC) เคยให้คำแนะนำกับรายงานของ WEF-Carnegie ซึ่งเคยเตือนเรื่องเดียวกันนี้มาแล้ว

    วิกฤต COVID-19 ถูกอ้างว่าเป็นเหตุผลหลักในการเร่ง "การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล" ของภาคการเงินและภาคส่วนอื่น ๆ ที่ฟอรัมและพันธมิตรส่งเสริมมานานหลายปี การคาดการณ์ล่าสุดของพวกเขาเกี่ยวกับเหตุการณ์โลกาวินาศ การโจมตีทางไซเบอร์ ที่หยุดระบบการเงินในปัจจุบัน และกระตุ้นการล่มสลายของระบบ จะเสนอขั้นตอนสุดท้ายที่จำเป็น สำหรับผลลัพธ์ที่ต้องการของฟอรัม จากการเปลี่ยนไปสู่สกุลเงินดิจิทัลอย่างกว้างขวาง และเพิ่มการกำกับดูแลทั่วโลกของ เศรษฐกิจระหว่างประเทศ

    เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญ ได้รับคำเตือนตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกครั้งล่าสุดว่าการล่มสลายของระบบทั้งหมด เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากการจัดการที่ผิดพลาดของธนาคารกลาง และการคอร์รัปชั่นในวอลล์สตรีทที่อาละวาด การโจมตีทางไซเบอร์จะเป็นสถานการณ์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการรื้อระบบที่ล้มเหลวในปัจจุบันเช่นกัน จะมีการยกเลิกธนาคารกลางและสถาบันการเงินที่ทุจริต โดยไม่รับผิดชอบใด ๆ นอกจากนี้ยังให้เหตุผลสำหรับนโยบายที่น่าหนักใจอย่างไม่น่าเชื่อ ที่ได้รับการส่งเสริมโดยรายงานของ WEF-Carnegie เช่นการรวมกันของหน่วยข่าวกรองและธนาคารเพื่อให้ "ปกป้อง" โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่สำคัญยิ่งขึ้น

    เมื่อพิจารณาถึงแบบอย่างของการจำลองสถานการณ์ที่ผ่านมาของ WEF และรายงานเกี่ยวกับวิกฤต COVID-19 การตรวจสอบการจำลองคำเตือนและนโยบายที่ส่งเสริม โดยองค์กรที่มีอำนาจเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การพิจารณา


    ที่มา https://www.facebook.com/SIGNSOFTHEENDTIME/
     

แชร์หน้านี้

Loading...