องค์แห่งพระโสดาบัน ๔ อย่าง

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 5 มีนาคม 2012.

  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๑ หน้าที่ ๑๘๔/๒๘๘
    [๒๔๑] องค์แห่งพระโสดาบัน ๔ อย่าง
    ๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยความ
    เลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระพุทธเจ้าว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆพระผู้มีพระภาคนั้น เป็นพระ
    อรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นนาย
    สารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว
    เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม ฯ
    ๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยความ
    เลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว อันผู้ได้บรรลุ
    จะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนพึงรู้
    เฉพาะตน ฯ
    ๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยความ
    เลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระสงฆ์ว่า พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว
    ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเป็นธรรม ปฏิบัติชอบ คือคู่บุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นั่นคือพระสงฆ์สาวก
    ของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ควรรับของบูชา เป็นผู้ควรรับของต้อนรับ เป็นผู้ควรรับของทำบุญ
    เป็นผู้ควรทำอัญชลี เป็นบุญเขตของชาวโลก ไม่มีเขตอื่นยิ่งกว่า ฯ
    ๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยศีล ที่พระ
    อริยเจ้าใคร่แล้ว อันไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทย อันวิญญูชนสรรเสริญ อัน
    ตัณหาและทิฐิ ไม่ลูบคลำแล้ว เป็นไปเพื่อสมาธิ ฯ
    [๒๔๒] สามัญญผล ๔ อย่าง
    ๑. โสดาปัตติผล
    ๒. สกทาคามิผล
    ๓. อนาคามิผล
    ๔. อรหัตตผล
     
  2. JitJailove

    JitJailove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +741
    คนธรรมดานั้นจะมีศีลบริสุทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อ สมาทานศีลและงดเว้นไม่ทำผิดได้ และได้สมาทานก่อนปฏิบัติกิจการงานที่เป็นกุศล ถือว่าขณะนั้นศีลบริสุทธิ์ได้ ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย
    ซึ่งผู้ที่ศีล 5 บริสุทธิ์ได้จริงตลอดเวลานั้น อยู่ในขั้นที่ได้เป็นพระอริยเบื้องต่ำแล้ว
    คือ พระโสดาบัน
    แต่ถ้ายังเป็นปุถุชนคนธรรมดานั้น การทำให้ศีลไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย
    ในเวลาปกตินั้นยากมาก ทั้งที่ได้พยายามงดเว้นกันหนักหน่วง แต่ก็ยังมีขาด ทะลุ ด่าง พร้อย กันเสมอๆ ดังนั้นอาศัยการสมาทานศีลกันทุกวันไว้ และพยายามงดเว้น
    ให้ได้มากที่สุด การสมาทานศีล การงดเว้นไม่ทำผิดศีลในแต่ละครั้งนั้นก็มีอานิสงค์มาก
    อาศัยการสมาทานศีล และงดเว้นได้ขณะปฏิบัติการงานกุศล ในคนธรรมดาอย่างเราๆ
    ที่ยังไม่เป็นพระโสดาบัน เราจะได้ศีลที่บริสุทธิ์กันจากตรงนี้ เป็นอานิสงค์นำไปเกิดใน
    สุคติภูมิค่ะ และการคิดถึงกุศลที่ได้กระทำไปแล้วเกิดปิติ ได้อานิสงค์มากกว่าก่อนและ
    กำลังทำกุศล ก็มีอานิสงค์มากเช่นกันค่ะ การคิดถึงกุศลที่เคยทำไว้บ่อยๆ เป็นการเกิดกุศลใหม่
    ได้อีกขณะที่คิดนั้น เรียกว่า กุศลเก่าเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดกุศลใหม่เกิดได้ค่ะ ง่ายๆ ด้วยการนึกถึงแล้วปิติค่ะ
    มีอานิสงค์สูงมากกว่า ก่อนทำและขณะทำกุศลค่ะ
    อานิสงค์ของกุศลและศีลที่บริสุทธิ์ ที่กระทำทุกๆ วันเป็นอาจิณณกรรม สามารถส่งผล
    เมื่อใกล้ตาย และนำเราไปสู่สุคติภูมิได้ค่ะ

    ในภาวะปกติ เราจะมีศีลที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย นั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...