อดอาหาร 3 เดือน ฆ่ากิเลส จนสำเร็จธรรมขั้นสูง

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 22 มิถุนายน 2013.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]


    หลวงพ่อวสันต์ สันตมโน วัดป่าหนองหัวหมู บ้านหนองหัวหมู ต.นาดี อ.เมือง จ.อุดรธานี

    องค์ท่านได้ถือ แบบอย่างดำเนินปฏิปทาตามรอยพ่อแม่ครูอาจารย์ของท่าน หลวงปู่บัว สิริปุณโณ และหลวงปู่เจิ่น สิริจันโท แรกเริ่มเดิมทีเมื่อวัยหนุ่มท่านจะอดอาหารตลอดพรรษา 3 เดือน จนหลวงปู่เสน วัดป่าหนองแซง ศิษย์ผู้พี่ท่านยังยกย่องให้ฟังว่า "ในบรรดาศิษย์หลวงปู่บัว ไม่มีใครปฏิบัติได้อุกฤษเทียบเท่าท่านวสันต์ได้"

    หรือแม้แต่ พ่อแม่ครูอาจารย์องค์พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ยังได้เคยมาเยี่ยมดูหลวงพ่อวสันต์ที่วัดป่าหนองหัวหมูว่า "เออ..เก่ง อดอาหาร 3 เดือนไม่ตาย แต่กิเลสตาย"


    http://www.facebook.com/groups/226951157350091/
     
  2. nonsuwan

    nonsuwan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +48
    พระพุทธเจ้าทรงให้เดินสายกลางครับถ้ากำลังเราอ่อนมิตายก่อนดอกหรือ


    "มัชฌิมาปฏิปทา" คือ ทางสายกลาง หมายถึง ข้อปฏิบัติที่ทำให้บรรลุนิพพานไม่ตึงหรือหย่อนเกินไป ซึ่งประกอบด้วย สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติและสัมมาสมาธิ


    นิพพาน หรือ นิโรธ เป็นความสุขที่คนในสังคมอินเดียโบราณต่างมุ่งแสวงหา เพราะถือว่าเป็นความสุข สงบที่เป็นอมตะ ไม่ผันแปร ในการแสวงหานั้น มีหลักความเชื่ออยู่ 2 อย่าง คือความเชื่อที่ว่า การจะบรรลุถึงนิพพานได้นั้น มีได้ด้วยการทรมานตนเองให้ลำบาก กับความเชื่อที่ว่าการจะบรรลุถึงนิพพานนั้น มีได้ด้วยการทำตนเองให้พร้อมพรั่งด้วยสิ่งอำนวยความสุขต่างๆ

    เมื่อเกิดความเชื่อเช่นนั้น จึงทำให้เกิดการปฏิบัติต่างๆ ติดตามมา ผู้ที่เชื่อว่าการบรรลุนิพพาน มีได้ด้วยการทรมานตนเองให้ลำบาก ก็ได้ทรมานตนเองด้วยวิธีต่าง ๆ อาทิ อดอาหารจนร่างกายซูบผอม นอนบนหนาม เอาขี้เถ้าทาตัว และไม่อาบน้ำ ส่วนผู้ที่เชื่อว่า การบรรลุนิพพาน มีได้ด้วยการทำตนเองให้พร้อมพรั่งด้วยสิ่งอำนวยความสุขต่าง ๆ ก็ได้แสวงหาสะสม และหมกมุ่นอยู่กับการเสพสุข แล้วในที่สุดผู้ที่มีความเชื่อ 2 อย่างนั้น ก็ไม่ได้บรรลุนิพพานอย่างที่หวังไว้ เพราะฝ่ายแรกตึงเกินไป และฝ่ายหลังหย่อนเกินไป เพราะเริ่มต้นมาจากการปฏิบัติผิดนั่นเอง

    พระพุทธเจ้า ก่อนตรัสรู้ทรงปฏิบัติตามข้อปฏิบัตินี้มาแล้ว ครั้นทรงเห็นว่าไม่ใช่ทาง หรือข้อปฏิบัติให้ได้บรรลุนิพพาน จึงทรงแสวงหาทางสายใหม่ ในที่สุดก็ทรงพบอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ 8 คือ อริยมรรค

    อริยมรรค มีองค์ 8

    "อริยมรรค" คือ หนทางที่ประเสริฐ (อริยะ =ประเสริฐ มรรค = หนทาง) หนทางที่ประเสริฐ ตามความหมายในพระพุทธศาสนา หมายถึง หนทางที่ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 8 อย่าง หากเปรียบเหมือนถนนหนึ่งเส้น ก็จะมี 8 เลนในเส้นทางเดียว

    1. สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ
    2. สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ
    3. สัมมาวาจา การเจรจาชอบ
    4. สัมมากัมมันตะ การทำงานชอบ
    5. สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีวิตชอบ
    6. สัมมาวายามะ เพียรชอบ
    7. สัมมาสติ ระลึกชอบ
    8. สัมมาสมาธิ ตั้งใจมั่นชอบ

    เคดิต ลานธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2013
  3. ขอนไม้แห้ง

    ขอนไม้แห้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    228
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ครูบาอาจารย์สายกรรมฐาน ท่านรู้กำลังของตน จิตท่านควรแก้อย่างไร สิ่งที่คุณกล่าวคือคนเหล่านั้นทำความเพียรที่กาย ไม่ได้ทำความเพียรที่จิต จิตของคนที่ไม่ประกอบด้วยสัมมาทิฎฐิ
    มันต่างกัน อย่าเอามาเหมารวมกับครูบาอาจารย์ และกลายเป็นตำหนิท่านไปเสีย
    จริตต่างองค์ต่างแตกต่างกันไป ลองศึกษาประวัติอิสิติพระมหาสาวก การปฎิบัติแต่ละองค์ไม่เหมือนกัน บางท่านได้ง่าย บางท่านสำเร็จยาก พระนาลกะปฎิบัติโมเนยยะขั้นอุกฤษฎ์ หรือพระจักขุบาลปฎิบัติจนในตาแตก บางท่านเอาชีวิตเข้าแลก แต่ละองค์แต่ละท่านกรรมไม่เหมือนกัน
     
  4. อริยะ ชน

    อริยะ ชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +1,042
    เท่าที่ได้ยินได้ฟังมา การอดนอน ผ่อนอาหาร พ่อแม่ครูบาอาจารณ์ท่านแนะนำให้ทำ แต่ไม่ได้สั่งให้ทำ ทั้งนี้ท่านก็บอกด้วยว่าให้สังเกตุตัวเอง ว่าเหมาะกับจริตนิสัยหรือไม่
    ท่านถือเอาธุระทางจิตภาวนาเป็นสำคัญ
    บางองค์ท่านอดนอน ผ่อนอาหาร เพราะถูกกับจริตนิสัย การภาวนาของท่าน
    ดี แต่พอ ร่างกายมีกำลังมากแล้วมันไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว
    มันก็เป็นทางสายกลางของท่าน เป็นเรื่องปัจจัตตัง
    ฉะนั้นพระกรรมฐานที่ท่านมุ่งเน้นทำความสงบเพื่อพิจารณากาย ท่านจึงนิยมที่จะ
    อดนอน ผ่อนอาหาร
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ครับ แต่ว่าเรื่องแบบนี้นั้น หยิบยกเอามาพูดเป็นวรรค
    เป็นตอน มันอาจเป็นสิ่งที่นำมาวิพากษ์วิจารณ์ถกเถียงกันได้ครับ
     
  5. bonizuka

    bonizuka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +191
    แล้วคุณnonsuwanที่เดินทางสายกลาง กิเลสซักตัวผิวมันถลอกบ้างรึเปล่า
     
  6. bonizuka

    bonizuka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +191
    ตอนที่หลวงตามหาบัว ออกเดินธุดงค์ ตามป่าเขา ได้ทำความเพียรโดยการอดอาหาร ได้มีชาวบ้านที่มีความรู้ทางธรรมอยู่บ้างได้ถามกับท่านว่า "จะอดอาหารไปทำไม พระพุทธเจ้าก็บอกแล้วมิใช่หรือว่าไม่ให้อด ให้เดินทางสายกลาง " หลวงตามหาบัวได้ตอบกับชาวบ้านคนนั้นไปว่า " แล้วที่เดินทางสายกลางกินข้าวอิ่มทุกมื้อ กิเลสซักตัวหลุดออกจากใจบ้างหรือยัง "
     
  7. ABT

    ABT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +1,524
    จงอย่ามีเมตตากับกิเลส จงขจัดให้หมดสิ้นอย่าให้เหลือซาก มิเช่นนั้นมันจะสร้างภพชาติใ้ห้เราเวียนว่ายตายเกิดจนไม่มีที่สิ้นสุด การปฏิบัติอย่างเด็ดเดี่ยวอาจหาญ ใ้ช้ไม่ได้กับทุกคน แต่ก็เป็นวิธีที่ทำให้ครูบาอาจารย์หลายรูป พ้นจากบ่วงทุกข์ได้ ใครบอกว่าวิธีการเช่นนั้นสุดโต่ง ไม่ดี แสดงว่ายังไม่ได้ลอง ต้องตัดสินใจแลกชีวิตหากชาตินี้ไม่พ้นก็จะเป็นกุศลดลนำให้ชาติต่อไปหลุดพ้นได้ มันอาจจะเป็นวิธีเดียวในปัจจุบันที่ทำใหเราพ้นทุกข์ได้ ผมไม่ได้ดูถูกหรือปรามาสใคร ที่หากินกับความเชื่อของคนก็มาก บางท่านทำให้เลื่อมใสศรัทธาจนเราคิดว่าท่านคือผู้หลุดพ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่วายแพ้นางตัณหา นางราคะ นางโมหะได้ ที่คือสัจจธรรม ของมนุษย์ หากไม่ทุกข์สุด ๆ ก็จะไม่คิดพึ่งพระพุทธเจ้าจากใจจริง เมื่อทุกข์ถึงที่สุดก็จะหวังพึ่งพระพุทธเจ้าด้วยใจจริง จะเกิดความรู้แจ้งแก่ตนเอง และจะมองเห็นทางสู่นิพพานที่แท้จริง ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
     
  8. pummuq

    pummuq เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    375
    ค่าพลัง:
    +352
    ท่านไม่ได้เพียงอดอาหารเพื่อฆ่ากิเลส การฆ่ากิเลสอยู่ที่สติ อยู่ที่ปัญญา เมื่อใดขาดสติดเมื่อนั้นชื่อว่าขาดจากความเพียร
    การอดอาหารนั้นได้ผลดีกับบางคน แต่บางคนก็ไม่ได้ผล
    การอดอาหารสำหรับบางคนจึงเป็นการเดินสายกลาง แต่กับบางคนนั้นจึงไม่ใช่ทางสายกลาง
    พระธุดงธ์บางรูป อยู่ในป่า เจ็ดวันออกมาบิณทบาตร
    ชาวบ้านเห็นผอมมอมแมมกุโลกุโสก็คิดว่าท่านน่าสงสารที่เดินทางผิด แต่ไม่ทราบกิริยาของจิตท่าน

    มีพระบางองค์เห็นพระเพื่อนอดอาหารเงียบอยู่ในกุฎิ ก็อยากตั้งคำสัตย์ว่าจะอดให้ได้เจ็ดวันบ้าง ปรากฏว่าแค่สามวันก็ต้องประกาศว่าไม่ไหวแล้วๆ เพราะเหตใด เพราะจิตไม่ได้เข้าสู่สมาธิความสงบเลย ส่วนพระที่อดข้าวสบายๆนั้นจิตท่านรวมเสมอๆ เป็นต้น ท่านจึงอยู่ได้ มีความก้าวหน้าทางกรรมฐาน
     
  9. supatk

    supatk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +200
    อดเพื่อฆ่ากิเลสครับ จิตเป็นนายกายเป็นป่าว กินมากกิเลสมากครับ แรงเหลือ นั่งสมาธิไม่ได้ เห็นสาวสวยก็เกิดกำหนัด พอกินน้อยไม่มีแรงพอเห็นสาวแก้ผ้ายังไม่สู้เลยเพราะท้องหิวไม่มีอารมณ์กับแรงพอ ตอนบวชผมก็เริ่มจากนับคำ ไม่ไหว ไม่ถ่ายทั้งอาทิตย์ ก็เลยตั้งใจกินแต่ผลไม้มื้อเช้าก็อยู่ได้ทั้งพรรษา พอเริ่มอดกำลังใจปฏิบัตมันจะมาเอง อีโกก็มานั่งก็ไม่ค่อยบวดเเข้งขา ตอนหลังอ่านก็ละอีโก้ได้ น้ำหนักจาก68เหลือ52 เดินจงกรมตี1-ตี5 ไม่เหนื่อยเลย พอสึกกินปรกตินั่งไม่เท่าไหร่ก็ปวดขาสะแล้ว
     
  10. aroonoldman

    aroonoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +462
    เป็นอุบายวิธีกำจัดขัดเกลากิเลส ทำให้เกิดความมักน้อยสันโดษยิ่งขึ้น ไม่สะสม

    แต่ไม่ใช่ตัวตัดกิเลส ตัวตัดกิเลสคือ"สังโยชน์ ๑๐"
     
  11. Rei123

    Rei123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +266
    สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...