อธิษฐานแบบนี้ เรียกว่า บนไหมคะ หรือว่า ขอ แล้วต้องแก้บนไหมคะ

แบบนี้ บน หรือ ขอพร คะ
"ข้าแต่พระองค์ ด้วยผลบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้มากราบสักการบูชา
พระองค์ในคราวนี้ขอให้
นาย ....กลับมารักมาคืนกับข้าพเจ้าดังเดิม
และหากเขายังไม่มีคู่ไม่มีภรรยา ก็ขอให้เขาได้เป็นสามีของข้าพเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
ในชาตินี้ภพนี้ด้วยเถิด”
ขอให้ข้าพเจ้าสมหวังทุกประการ
ตามคำขอด้วยเถิด สาธุ

ถือว่าบนไหม หนูต้องแก้บนไหม แต่หนูขอนะ ว่าถ้าสมหวังหนูจะถือศีล 5 ตลอดชีวิต โดยจะเคร่งคัดศีลข้อ 3 ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เพื่อถวายเป็นบุญทานบารมี อุทิศให้ท่านและเจ้ากรรมนายเวรยิ่งๆขึ้นไป

 

ถ้ามีข้อแลกเปลี่ยนก็ถือเป็นการบนครับ เข้าใจว่าทุกวันนี้คุณก็รักษาศีลเป็นปกติอยู่แล้ว ทำตรงข้ามสิครับในเมื่อคุณรักษาศีลอยู่แล้วคุณก็อุทิศบุญให้ท่านไปเลย ไม่ต้องบนท่านจะทำให้ไม่ทำให้ก็สุดแท้แต่เพราะเรื่องคู่ครองมันเป็นกฏแห่งกรรมฝืนกันไม่ได้ ถ้าคนนี้ไม่ใช่คู่ท่านอาจจะดลจิตดลใจคุณหรือใครที่เคยทำกรรมร่วมกันให้มาเจอกันแทนก็ได้

 

อนุโมทนาบุญในการตั้งใจถือศีลตลอดชีวิตนะครับ
ถ้าหากคุณ นุภาวีษ์ สมหวังแล้ว
อย่าลืมคำปฏิญาณตนด้วยนะครับ

 

ต้องถือว่าเป็นการบนบาน อย่างนึงเหมือนกันครับ คุณเองตั้งใจดีรักษาศีลเคร่งครัดแล้วถือว่ามาถูกทางแล้ว ทางที่ดีควรอธิฐานต่อพระ ขอให้เจอแต่ความดี และขอให้ตาสว่างเห็นตามจริง ในเรื่องต่างๆโดยเฉพาะเรื่องของความรัก และตั้งใจทำบุญรักษาศีลด้วยความตั้งใจไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องคิดถึงเค้า น่าจะดีกว่าครับ คุณจะได้ไม่ทุกข์มากที่ต้องคิดถึงเค้าอธิฐานถึงเค้าบ่อยๆ เรื่องคนรักคู่ครองนั้น เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน คนที่สมหวังเรื่องคู่นั้นในโลกนี้มีเป็นส่วนน้อยไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ สักวันหากคุณกับเค้ายังมีกรรมสัมพันธ์กันและเหตุปัจจัยได้อยู่ร่วมกัน เค้าก็จะมาเองครับ หาก ไม่มีเหตุปัจจัยใดๆให้ได้กลับมาแล้ว บุญกุศลที่ทำมาก็จะเหนี่ยวนำคนดีๆที่เหมาะสมให้เข้ามาในชีวิตคุณเองครับ

 

================

อย่างนี้จัดว่าเป็นการบนบาน

การบนบาน คือการที่ผู้นั้นได้ตกลงกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ได้ตามประสงค์โดยมีเงื่อนไขข้อแลกเปลี่ยน เป็นสัจจะวาจา กายและใจ ว่าหากสิ่งที่ปราถนาสำเร็จสมประสงค์ตนก็จะกระทำสิ่งนั้นสิ่งนี้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให่แก่กันและกันหรือให้แก่ท่านสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ส่วนหนึ่งที่เป็นการขอเพราะอาศัยการที่ตนได้ทำความดีทำบุญไว้ก่อนแล้วนั้น ไม่จัดว่าเป็นการบนบาน แต่อาศัยว่าเพราะตนได้ทำความดีดังกล่าวจึงขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ท่านช่วยอย่างนี้จัดว่าเป็นการขอพร แต่พรที่ขอนั้นเป็นพรที่ตนเองปราถนาหรือมีความประสงค์อยากได้อย่างนั้นอย่างนี้

จะเป็นการบนบาน หรือการขอพร ทุกอย่างพึงกระทำด้วยความคิดอันเป็นสัมมาทิฏฐิ คือต้องอยู่บนพื้นฐานของศีลธรรมอันดีงามเป็นความถูกต้องโดยธรรม เป็นความผาสุขที่จะเกิดกับตนเองและผู้อื่นนะครับ เพื่อประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นนะครับ จึงจะถูกต้องดีงามครับ สาธุ

 

การ ขอที่ท่านจขกท ทำนั้นเรียกว่าเป็นการขอที่ไม่ประเสริฐเลย..เพราัะตนเองก็มีทุกข์เพราะความ แก่ เจ็บ ตาย..เสื่อมจากลาภ ยศ สรรเสริญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ยังต้องการสัตว์ สังขารที่มีทุกข์เช่นเดียวกันมาครอบครองอีก เหมือนหาทุกข์ มาเพิ่มให้ตนแบกอีก...


ก็ถ้าเขาผู้นั้น มีอันต้องพลัดพรากไปเพราะเขาไปชอบใจรักใคร่หญิงอื่นเล่า..ท่านจขกท จะทุกข์สักปานใด?..


หรือเขามีอันต้องจากไปด้วยอุบัติภัยหรือโรคาพาธอย่างใดอย่างหนึ่งเล่า ท่านจขกท จะทุกข์เพียงใหน?..


เอา เถิด มาตรว่าเขามีอายุยืน สุขภาพแข็งแรง ได้มาครองคู่กับท่านจขกท น่าจะเป็นแฮปปี้เอ็นดิ้ง......แต่ปรากฏว่า หลังจากแต่งงาน ชายที่น่ารักนั้นกลับกลายเป็นคนขี้เกียจ ไม่ทำงานอะไรๆ วันๆเอาแต่ไลน์เล่นเกมส์ เข้าโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค กลับได้พบสาวน่ารักคนใหม่ที่เขาใส่ใจนัดพบกันเพื่อดินเนอร์หรือ..ฯลฯมากกว่า จะมานี่งคุยกระหนุงกระหนิงกับภรรยาในครัวที่บ้าน..หรือ พ่อเจ้าประคุณติดนิสัยถูกตามใจมาตลอดจากการเลี้ยงดูในบ้านตน เมื่ออยากได้อะไรย่อมต้องได้สมใจเสมอ ครั้นรายได้ไม่พอก็กู้ยืมสร้างหนี้สินท่วมทับตนและครอบครัวเพราะอาการจมไม่ลงของตน..หนี้ที่เราไม่เคยคิดว่าจะมาปรากฏในชีวิต กลับเบิกบานตรงหน้าราวปาฏิหาริย์ให้ต้องแบกรับทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข เหมือนเล่นกล... เวลานั้น ท่านจขกท จะมีความสุขเพราะได้เป็นคู่ของชายคนนี้หรือเปล่า...?...


ท่าน จขกท ยังอายุน้อย อาจมองเห็นโลกเป็นสีชมพูสดใส ..แต่ท่านพึงเผื่อใจมองอีกด้านหนึ่งที่พระอริยะทั้งหลายเห็นแล้วตามจริง ว่า...ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์..ยิ่งรักมาก หวงมาก ติดยึดข้องมาก ยิ่งทุกข์ทุรนทุรายมากเป็นอัตราส่วนผกผันทีเดียว...


อนึ่ง แม้การเอาใจตนไปผูกไว้กับ"เขา"คนนี้เช่นนี้ หากเขาไปมีรักในหญิงอื่น ท่านจขกท จะดีใจหรือเสียใจกันเล่า ..ก็บุคคลใดหวังสิ่งใด เมื่อไม่ได้สิ่งนั้นย่อมเข้าถึงทุกข์โทมนัส นี้เ็ป็นความจริง ..และใครเล่าจะรับรองได้ว่า ความหวังของท่านจขกท จะไม่เป็นหมัน ทั้งการรอคอยของท่านจะไม่ใช่การเสียเวลาให้ชราฉุดคร่าไปโดยไม่เกิด ประโยชน์..ปิดโอกาสของตนเองเเต่ถ่ายเดียว..


หาก ท่านจขกท จะตั้งใจประพฤติศีล เป็นปรกติสม่ำเสมอ แล้วตั้งความปรารถนาให้ตนพ้นทุกข์ เข้าถึงความมีสติแลปัญญาดี แล้วไซร้ นี้จะเป็นความเกษมปลอดภัยของท่านทั้งในปัจจุบันแลสัมปรายภพ...หาข้อเสียหายหรืออันตรายใดๆไม่มีเลย


หาก และเมื่อท่านประสงค์จะมีคู่ ท่านควรจะปรารภว่าเมื่อต้องมีคู่ คู่นั้นพึงเป็นผู้"มีศีล" มีหิริโอตตัปปะมีศรัทธา จาคะ ปัญญาเสมอกับตน นี้ย่อมได้ความสวัสดีในชีวิตคู่..การเพ่งเล็งหาคู่หน้าตาดี..มีฐานะอย่าง เดียวหาใช่เครื่องประกันความสมานฉันท์ของชีวิตคู่ตลอดไปไม่ แต่ความมีศีลของบุคคลนั้นจะเป็นเครื่องยังชีวิตคู่ให้ยืนยงได้แม้ชั่วชีวิต หนึ่งทีเดียว เพราะคนมีศีล ย่อมไม่เบียดเบียนใครๆ ความสงบสันติย่อมปรากฏได้ในแวดวงผู้มีศีล.....


ก็ เมื่อท่านจขกท หมั่นประพฤติศีลอยู่ บุญนั้นย่อมจำแนกให้พาลชนออกห่าง ผู้มีศีลทั้งหลายย่อมเข้าใกล้..เพราะสัตว์ทั้งหลายย่อมเสพเส้องกันด้วยความ เสมอกันแห่งธาตุ..คนชั่วย่อมไม่คบคนดี คนขี้เมาย่อมคบกันได้ดีกับนักเลงสุรา คนเพ้อเจ้อย่อมไม่นิยมผู้แสดงธรรม เป็นต้น ..แม้ท่านจขกท ไม่ร้องขอ โอกาสที่จะได้คู่ที่ดีย่อมมีได้ด้วยอาการนี้ ขอท่านจขกท พิจารณาเห็นโทษของการยึดติดข้องกับสิ่งใดๆด้วยปัญญาในทางธรรมนะครับ..

 

ขอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
ทุกความคิดเห็นนะคะ อันไหนดีก็จะทำต่อ อันไหนบกพร่องก็จะแก้ไขคะ
สิ่งที่เน้นที่สุดคือ "หากเขายังไม่มีคู่ไม่มีภรรยา ก็ขอให้เขาได้เป็นสามีของข้าพเจ้าแต่เพียงผู้เดียว" อธิษฐานแบบนี้กันผิดศีลข้อ 3 ไปในตัวด้วยคะ
เพราะถ้าเขากลับมาจริง แสดงว่า เป็นไปตามเงื่อนไขแล้ว ไม่งั้นสิ่งศักดิ์คงไม่ให้เขากลับมา
ชีวิตทางโลกยังต้องการความรักอยู่คะ เพราะรักคือกำลังใจ
ชีวิตทางธรรมไม่เคยละทิ้ง เพราะ คือสิ่งที่มีความสุขที่แท้จริงคะ