อนัตตา เปรียบดั่งยาขมของผู้ปฏิบัติธรรม

5555+
ไอ้ถ่อยแผ่บุญ ของเอ็งรอแบ๊ป โดนท้าแบบรัวๆ กลัวแพ้แบบนี้

กรูละโคตรเกียจอ่านเลยจริงๆ ตอบแบบรัวแบบนี้คงไม่ไหว

ไอ้ถ่อยนพ เอ็งไม่ต้องท้าหรอก เอ็งกราบตีนกรูได้เลยจริงๆ

เอ็งไม่รู้ตัวจริงๆ หรือหลงตัวเองจนโง่ได้ขนาดถึงนี้

เอ็งเที่ยวท้าคนอื่นว่า เอ็งเก่งกรรมฐานทุกกองกว่าคนอื่นเค้า

แค่นี้กรูก็อายแทนจนแทบหมุดแผ่นดินหนี้

มีแต่พวกเดียร์ขี้เท่อเท่านั้น ที่ชอบถ้าสาวกของพระศาสดา

เอางี้เอ็งเก่งจริง ก็ลองส่งกระแส่จิตหรืออะไรที่คิดโม้ขึ้นมาได้

มาหากรูสิ แล้วกรูจะสอนมรึงกลับไปเอง เอาแบบที่มรึงไม่คิดว่าจะเจอ

แค่กรูถามมรึงยังไม่ตอบกรูหรือตอบกรูไปแล้วที่ทู้โน่น

ก็ยกมาสิ ไม่ต้องอวดตัวอวดตนขนาดนี้ก็ได้ คนเค้าสมเพชเอ็งปล่าวๆ

กรูก็งงจริง กรูไปข่มเรื่องสมาธิมรึงตรงไหน กรูถามไปประมาณว่า

จิตชุมแช่ในสมาธิ ชุมแชยังไง เพราะมรึงคุยโม้ไว้เอง

ว่าจะทำให้จิตซื้อบื้อ ก็มรึงคุยโม้เอง เออเอง พอโดนถามเข้าหน่อย

อาการแก่วงออกมาได้ขนาดนี้ มรึงยังกล้าคุยโม้ว่าเก่งกรรมฐานอีกหรือ

ฐานก็ยังไม่มี แต่กลับคุยโม้ไปไกลได้ใจขนาดนี้ ไม่รู้สึกอายตัวเองหรือ

กรรมฐาน คือฐานที่ตั้งแห่งการงานทางจิต มรึงต้องไม่แกว่งง่ายๆสิ ถ้าเก่งจริง

กราบตีนกรูมาเดี๋ยวนี้ได้เลย ไม่ต้องไปทำต่อหน้าเกจิที่ไหนหรอก

ต่อหน้าเค้าๆก็ต้องบอกให้มรึงมากราบตีนกรูงามๆอยู่ดีรู้ไว้ด้วย

กรูคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ต้องขอบใจไอ้ถ่อยแผ่บุญกับไอ้ถ่อยอย่างมรึง

เพิ่มไอ้ถ่อยสามอีกคนก็ได้(คิดถึง) ที่มาช่วยเพิ่มเรตติ้งให้ทู้กรูชัดๆ

เฮ้อ!!! เหนื่อย เพราะกรูทายไว้ล่วงหน้าอย่างกับตาเห็น(ทิพย์จักขุ)555+

มรึงต้องหัวร้อนสมองบวมเพราะความเป็นอริยตราตั้งของมรึง วนเวียนแต่เรื่องเอาคืน

ทีนี้มรึงก็จะตอบแบบรัวๆ พร้อมคุยทับถมเพราะหัวร้อนสมองบวม พูดแบบรู้เองคนเดี๋ยว

มรึงไม่ลองคิดรู้ให้ดีๆล่ะ โดยปรกติแล้ว กรูเป็นคนไม่ชอบยุ่งกับใคร

สู้อุตส่าห์ หนีร้อนมาพึ่งเย็นทู้นี้ ก็ผิดอีก ดันมาเจอพวกอาจมหัวร้อนสมองบวม

แบบไอ้ถ่อยแผ่บุญเข้าไปอีก แถมมรึงก็กระสันเข้ามาเอง

เพราะความอยากโชว์ว่าเก่งกว่ากรูเท่านั้นเอง ทั้งๆที่กรูก็ไม่ได้จุดธูปเรียกมรึงมาเลย

เฮ้ยกรูล่ะงงจริงๆ กรูไปแอบคุยว่ากรูเก่งตรงไหนว่ะ?

ใครหาเจอเอามายันได้ กรูนับถือเป็นอาจารย์เลยจริงๆสิให้ดิ้นตาย

ไม่เอาบ่นยาวแล้ว เหมือนคนบ้าเข้าไปทุกที

เจริญในธรรมทุกท่าน

 

5555+
ไอ้ถ่อยแผ่บุญ ขั้นแรกเอ็งแผ่บุญให้ตัวเองไปที่ชอบๆก่อน

คำว่า "โง่" ก็มาจากมรึง แล้วเสือกมาถามกรูทำไมว่ะ ไอ้ควายเอ๊ย

คำว่า "ซื้อบื้อ" ก็มรึงอีกนั่นแหละ ที่ซื้อบื้อมาเพิ่มเรตติ้งให้กรูซะงั้น

คำว่า "ต่ำสถุล" เอ็งก็ลองคิดเองเล่นๆดูว่า ควรด่าใคร แค่นี้เอ็งยังเขียนผิดเลย

เอ็งจะไปด่าใครเค้า ด่าตัวเองหรือเขกหัวตัวเองซะเดี๋ยวนี้555+ (เอามันนิดหน่อย)

เอ็งไม่ต้องกล้วเหงาหรอกในนี้โดนกรูไปเยอะไม่น้อย

ทั้งพวกชอบตั้งตัวเป็นอาจารย์ พวกอริยตราตั้ง พวกชอบอวยอริยะ

พวกชอบแอบอ้างครูบาอาจารย์ โดนกรูสวนด้วยธรรมของพระพุทเจ้ามาแล้วทั้งนั้น

ก็อย่างที่เห็นวันนี้ไง คุยโม้เองชัดแบบเออเองรู้เอง

แถมยกตัวเองว่าเก่งกรรมฐานก็เอา ทั้งที่ไม่รู้จักกรรมฐาน

พอโดนถามกลับเท่านั้น อาการแกว่ง หัวร้อนสมองบวมทันที

เหนื่อยนักก็พักหน่อย คิตแคตซักชิ้นมั้ย5555+

เจริญในธรรมทุกท่าน

 

ฝรั่งสรุป พุทธศาสนาได้อย่างลึกซึ้ง 19 ประเด็น

อ่าน บทความนี้ จาก การส่งต่อ ที่มีที่มา และที่ไป ยอมรับ ว่า ฝรั่ง เวลาเอาจริงเรื่อง ศาสนา แล้ว ลึกซึ้ง ,,,, (19 Differences Between Buddhism And Other Religions)

ท่านทราบหรือไม่ว่าพุทธศาสนาเป็นลัทธิ หรือ อเทวนิยม?

ความจริง สิ่งสำคัญที่ชาวพุทธทุกคนต้องเข้าใจ...

จุดเด่นที่ทำให้พระพุทธศาสนาต่างจากศาสนาเทวนิยมอื่นๆ ในโลกนี้ คือ

๑.พระพุทธศาสนาปฏิเสธว่ามีผู้สร้างโลกถือว่าความเชื่อนี้ไร้สาระ ตรงข้าม โลกนี้ประกอบขึ้นจากเหตุปัจจัยต่างๆ จึงมีขึ้นมา

๒.พระพุทธศาสนาไม่ใช่ระบบความเชื่อที่ควรใช้คำว่า Religion เพราะศัพท์นี้หมายถึงต้องมีความเชื่อในพระเจ้าผู้สร้างโลก

๓.จุดหมายปลายทางของพระพุทธศาสนาคือละกิเลสได้หมดแล้วหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดหรือวัฏฏสงสาร ไม่ใช่ไปเกิดบนสวรรค์

๔.พระพุทธเจ้าไม่ใช่ผู้ปลดปล่อยสรรพสัตว์ให้รอด สรรพสัตว์ต้องช่วยตนเองเพื่อหลุดพ้นจากกิเลสและวัฏฏสงสาร

๕.ความสัมพันธ์ระหว่างพระพุทธเจ้าและสาวกคือครูผู้สอนและลูกศิษย์ ไม่ใช่ตัวแทนพระเจ้าและทาสผู้รับใช้

๖.พระพุทธเจ้าไม่เคยให้สาวกใช้ความเชื่อโดยปราศจากปัญญามานับถือ ตรงข้ามทรงสอนให้ใช้ปัญญาพิจารณาคำสอนก่อนจะเชื่อ และผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าต้องปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นด้วยตนเอง ไม่มีใครช่วยทำให้หลุดพ้นได้นอกจากให้แค่แนะนำ

๗.คำสอนพระพุทธเจ้าเป็นสัจธรรมประจำโลก พระพุทธเจ้าทรงเป็นแต่เพียงผู้ค้นพบเท่านั้น พระองค์ไม่ใช่เป็นคนสร้างคำสอนขึ้นมา

๘.นรกในพระพุทธศาสนาไม่ใช่สถานที่กักขังสัตว์อย่างนิรันดร์ บุคคลทำบาปแล้วไปเกิดในนรก เมื่อพ้น(บาป)กรรมแล้ว ก็สามารถกลับไปเกิดในภพที่ดีกว่าได้

๙.พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนแนวคิดเรื่องบาปติดตัว เหมือนที่ศาสนาเทวนิยมสอน แต่สอนเรื่องกฎแห่งกรรม ซึ่งมีทั้งดี(บุญ) และชั่ว(บาป)

๑๐.พระพุทธศาสนาสอนว่าสัตว์ทุกชีวิต(ที่อยู่ในสุขติภูมิ) มีศักยภาพที่จะบรรลุธรรมได้ ข้อสำคัญก็คือต้องใช้ความพยายามในการปฏิบัติเพื่อชำระกิเลสให้พ้นไปจากจิตใจ พระพุทธเจ้าก็ทรงเป็นมนุษยสามัญธรรมดาที่หลุดพ้นจากทุกข์ได้เพราะการปฏิบัติ

๑๑.กฎแห่งกรรมเป็นตัวอธิบายว่าเหตุใดคนถึงเกิดมาแตกต่างกัน กฎแห่งกรรมเป็นตัวอธิบายถึงภพภูมิที่สัตว์พากันไปเกิด

๑๒.พระพุทธศาสนาเน้นให้แผ่เมตตากรุณาไปยังสรรพสัตว์ ให้พ้นจากการฆ่าสัตว์ทุกชนิด ไม่มีสัตว์ใดเกิดมาเป็นอาหารให้คนอื่นฆ่าเพื่อกิน แม้ว่าชาวพุทธจำนวนมากจะกินอาหารมังสวิรัติ แต่ก็ไม่มีพุทธวจนะใดบังคับ

๑๓.ธรรมะของพระพุทธเจ้าเสมือนแพ หลังจากบำเพ็ญเพียรจนดับทุกข์ได้แล้ว จะอยู่เหนือบุญและบาป(แพนั้นก็จะถูกละทิ้ง) ธรรมะทั้งปวงจะต้องไม่เป็นอารมณ์ให้เกิดความยึดมั่นถือมั่น

๑๔.ไม่มีสงครามศักดิ์สิทธิ์ในทรรศนะพระพุทธศาสนา การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไม่ว่าฆ่าด้วยเหตุใด ผู้ฆ่าจะต้องรับกรรมทั้งสิ้น การฆ่าในนามศาสนายิ่งกระทำมิได้ในพระพุทธศาสนา

๑๕.พระพุทธเจ้าตรัสว่า กำเนิดสังสารวัฏไม่มีเบื้องต้นและที่สุด ถ้าหากสัตว์ยังดำเนินชีวิตไปตามอำนาจกิเลส

๑๖.พระพุทธเจ้าทรงเป็นพระสัพพัญญู แต่พระพุทธเจ้ามิใช่เทพเจ้าผู้ทรงมีอำนาจล้นฟ้า ดลบันดาลสร้างธรรมชาติต่างๆ ขึ้นมา

๑๗.การฝึกสมาธิสำคัญมากในพระพุทธศาสนา แม้ว่าศาสนาอื่นๆ อาจจะมีสอนให้คนมีสมาธิ แต่มีพระพุทธศาสนาเท่านั้นที่สอนไปถึงระดับวิปัสสนา(ปัญญา) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รู้แจ้ง(เข้าถึงพระนิพพาน)ได้

๑๘.หลักคำสอนเรื่องศุนยตา (สุญญตา)(ความว่างจากกิเลสทั้งปวง) เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในพระพุทธศาสนา ถือเป็นคำสอนระดับสูงของพระพุทธศาสนาด้วย เพราะสรรพสิ่งทั้งหลายไม่มีตัวตนอยู่แท้จริง มีแต่ปัจจัยส่งเสริมกันและกันให้เกิด สรรพสิ่งในโลกจึงตกอยู่ในภาวะอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา เหมือนกันหมด พระพุทธศาสนาจึงไม่สุดโต่งไปข้างสัสสตทิฏฐิ (Eternalism)(ความเห็นว่าเที่ยง, สรรพสิ่งตายแล้วเกิดใหม่ไม่มีที่สิ้นสุด) ตามแนวศาสนาประเภทเทวนิยม หรืออุจเฉททิฏฐิ (Nihilism) (ความเห็นว่าขาดสูญ, สรรพสิ่งตายแล้วสิ้นสูญไม่มีการเกิดอีก) ตามแนววัตถุนิยม

๑๙.วัฏจักรหรือสังสารวัฏเป็นศูนย์กลางคำสอนในพระพุทธศาสนา ตราบใดที่สรรพสัตว์ยังไม่หลุดพ้นจากกิเลส ก็จะเวียนว่ายตายเกิดไปตามภพภูมิต่างๆ ตามแรงเหวี่ยงของกรรม ไม่มีวันสิ้นสุด ทุกคนจึงต้องช่วยตนเองเพื่อพัฒนาไตรสิกขาให้หลุดพ้นจากโลภะ โทสะและโมหะ หรืออวิชชา เพื่อทำลายระบบสังสารวัฏให้หมดสิ้นไป(จากตน)


ขอขอบคุณ :

คุณปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
ผู้สรุปความและเรียบเรียงเพิ่มเติมจากเวปไซต์ข้างล่าง (๕ มีนาคม ๒๕๖๐)

โปรดช่วยกันเผยแผ่ และคิดดี ทำดี พูดดี
http://blog.sivanaspirit.com/differences-buddhism-religions/

ชื่นชมคนเขียนที่เป็นชาวตะวันตก เข้าถึงพุทธะได้แจ่มแจ้ง จริงๆ

คนแปลได้เช่นนี้ต้องมีพื้นฐานและปฏิบัติดีมาแน่แท้ สาธุๆๆ

 

อาเนญชสัปปายสูตร

[๙๒] พ. ดูกรอานนท์ อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้
ฯลฯ
ซึ่งอมตะ คือความหลุดพ้นแห่งจิตเพราะไม่ถือมั่น

ดูกรอานนท์ ด้วยประการนี้แล
ฯลฯ
เป็นอันเราแสดงปฏิปทาเครื่องข้ามพ้นโอฆะ คือวิโมกข์ของพระอริยะแล้ว

ดูกรอานนท์ นั่นโคนไม้ นั่นเรือนว่าง เธอทั้งหลายจงเพ่งฌาน อย่าประมาท
อย่าได้เป็นผู้เดือดร้อนในภายหลัง นี้เป็นคำพร่ำสอนของเราแก่พวกเธอ ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระภาษิตนี้แล้ว
ท่านพระอานนท์ ชื่นชมยินดีพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล ฯ

http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=14&A=1440&Z=1570
อ้างพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๖
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เทวทหวรรค อาเนญชสัปปายสูตร
..........................................................................................
^
^
เมื่อจิตหลุดพ้นเพราะความไม่ยึดมั่นไม่ถือมั่นได้แล้ว
จิตจะเขลาเบาปัญญาอีกทำไม

ในเมื่อจิตละความยึดมั่นถือมั่น(อาการของจิต)ได้แล้ว
จิตคงไม่เขลาเบาปัญญาพอที่จะกลับมายึดมั่นถือมั่นในตนเอง(จิต)อีกแล้วนะ

การปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนา (เพ่งฌาน) ที่เรียกว่า "สัมมาสมาธิ"
ทำให้ไม่ประมาท ทำให้ไม่เดือดร้อนในภายหลัง ชัดเจนนะไม่เดือดร้อนอีกต่อไป

ถ้าการเพ่งฌานแล้ว เกิดประมาท(ซื้อบื้อ) เกิดเดือดร้อนขึ้นมาในภายหลังแล้ว
พระพุทธองค์ทรงให้เพ่งฌานเพื่ออะไร? นี้เป็นคำพร่ำสอนของเราแก่พวกเธอ ฯ

ถ้าวิปัสสนามีความสำคัญอย่างมากชนิดที่ทำให้หลุดพ้นได้
โดยไม่ต้องมีพื้นฐานสำคัญแห่งความสงบตั้งมั่นแล้ว

พระพุทธองค์ทรงต้องกล่าวไว้ชัดๆแล้วว่า

"เธอทั้งหลายจงเพ่งวิปัสสนานำไปสู่ความหลุดพ้น
อย่าประมาท อย่าได้เป็นผู้เดือดร้อนในภายหลัง"สิ

พระสูตรชัดเจนว่า การเพ่งฌานหรือสัมมาสมาธินั้น
เมื่อเพียรเพ่งจนสามารถเข้าสู่ความสงบตั้งมั่นหมดจดของจิตได้แล้ว

ย่อมรู้ตามความเป็นจริง รู้ชัดเห็นชัดว่า นั่นสงบตั้งมั่น นั่นวุ่นวานซัดส่าย
นั่นก็แสดงให้เห็นชัดๆว่านำไปสู่ปัญญาวิปัสสนาโดยตนเอง

ในพระสูตรก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า
"การเพ่งฌาน(สัมมาสมาธิ) ทำให้ไม่ประมาท ไม่เป็นผู้เดือดร้อนในภายหลัง"

ก่อนตรัสถึงการเพ่งฌาน ทรงตรัสว่า
"เป็นอันเราแสดงปฏิปทาเครื่องข้ามพ้นโอฆะ คือวิโมกข์ของพระอริยะแล้ว

เจริญในธรรมที่สมควรแก่ธรรม

 

5555+
ไอ้ถ่อยภูติ มึงคงเรียนจบมาต่ำมากเลยสินะ แปลไม่ถูกสักข้อเลย เด๋วกูจะแปลให้มึงหัดอ่านใหม่นะ

คำว่า "โง่" ก็คือมึงไอ้เฒ่าโง่ เสือกโง่ไร้ที่ติ ไอ้ควายเฒ่าเบาปัญญาเอ๊ย
คำว่า "ซื้อบื้อ" ก็คือมึงไอ้เฒ่าซื่อบื้อ เสือกซื่อบื้อไร้ที่ติ ไอ้ควายเฒ่าไก่น้อย
คำว่า "ต่ำสถุล" ก็คือมึงอีกนั่นแหละไอ้เฒ่าสถุนต่ำ กูเขียนให้อ่านทีแรกทำเป็นกระแดะเล่นลิ้นเปลี่ยนคำทำควายอะไรของมึง ไอ้ขยะเปียก

มึงจะไปด่าใครเค้า มึงสมควรด่าตัวเองหรือเขกหัวตัวมึงเองซะนะไอ้เฒ่าผักตบเดี๋ยวนี้555+ (เอามันนิดหน่อย)

มึงไม่ต้องกล้วจนหางจุกตูดขนาดนั้นหรอก กูสั่งสอนเฒ่าหมาน้อยแค่นี้ถึงกับครางเอ๋งๆเลยเหรอ ไม่มีอะไรดีเลยแล้วมาทำตัวงี่เง่าตั้งตัวเป็นอาจารย์แบบนี้ใครจะยอมรับมึงไอ้หน้าส้นตีนแตก

มึงนั่นแหละตัวอ้างครูบาอาจารย์ อ้างจนหน้าดำปี๋กลับบ้านไปนอนหงอยทุกวันแล้วไอ้เฒ่าทากกระป๋อง ก็อย่างที่เห็นวันนี้ไง คุยโม้เองชัดแบบเออเองรู้เอง แถมยกตัวเองว่าเก่งกรรมฐานก็เอา ทั้งที่ไม่รู้จักกรรมฐาน พอโดนถามกลับเท่านั้น อาการแกว่ง หัวร้อนสมองบวมทันที ถ้าอ่อนหัดขนาดนั้นก็ไปเล่นขี้ที่บ้านมึงไปไอ้ขี้ภูติ

กูเข้ามาทีไรก็กลัวมุดหัวหนีตลอด แพ้กูแล้วมึงอ่ะ เจอกูสอนคนโง่อย่างมึงให้โง่หนักเข้าไปกว่าเดิมได้นี่ต้องขอบใจกูนะไอ้ควายเฒ่า ทีหลังอย่าเสลอแอบอ้างธรรมใดๆอีกนะ อย่าแอบอ้างครูบาอาจารย์ด้วย มึงไม่คู่ควรกับธรรมใดๆ มึงแค่ขี้ตีนอูฐเท่านั้นนะ ไอ้เฒ่าไก่นกกระจาบน้อย

ไสหัวมึงออกไปไกลๆเลย ไอ้หมาจู ไม่มีใครหลงติดตามมึงอีกแล้ว ไอ้เฒ่ากะโปกขี้เปียกแก่ อิอิ

 

เหมือนไม่ได้พกใบขับขี่กันเขาปรับการแพงแล้วนะครับ เหยียบกันละเละเลย
โอเคร นอนละครับ ท่านเล่าปุ๋ง ..ระมัดระวังการข้ามถนนด้วยนะพ่อเล่า

 

เรื่องอำนาจไม่เข้าใครออกใครเมื่อมีการครอบครองก็มีโอกาสลุ่มหลงมัวเมาได้

มีอำนาจทางลาภ

มีอำนาจทางยศ

มีอำนาจทางชื่อเสียง

มีอำนาจทางปัญญา

หากให้ครอบครองอำนาจใดอำนาจหนึ่ง บัณทิตย่อมเลือก ปัญญา
เพราะ ปัญญา มีคุณประโยชน์มากกว่า ลาภ ยศ ชื่อเสียง

อะไรที่มีคุณมาก ก็ย่อมมีโทษมาก ด้วยเหตุนี้การเมา ลาภ ยศ ชื่อเสียง ก็ยังไม่เท่า เมาปัญญา

 

ยังปกติทางจิตใจหรือเปล่า
เรื่องที่. ธรรมภูต คุยทับ
ท้าไปแล้วในกระทู้หนึ่ง
แต่ธรรมภูตเงียบไปเอง
และเรื่องที่ ธรรมภูต ถามมาทั้งหมด
ตอบไปแล้วนะในกระทูนั้น
อ่านหรือยัง ถ้าพูดว่าอ่านไม่เข้าใจ
เพราะปฎิบัติไม่ได้
ยังจะดีกว่า เอาตำราที่ยึด แต่ปฎิบัติไม่ได้
มายกข่มคนอื่นๆ มาพูดในกระทู้อื่นๆ
ให้ตนดูดีนะครับ ๕๕

เอ่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ถามจริงๆ
ไม่รู้ว่า ตกเรื่องการอ่านทำความเข้า
ภาษาไทยพื้นๆหรือเปล่า
ทำไมตรรกะที่ตอบ มันย้อนแย้ง
เข้าตัวเอง ทำให้ดูตรรกะ
เริ่มเพี้ยนๆไปเนาะ อิอิ
มิน่า ถึงเถียงสู้เด็กไม่ได้ซักที
เพราะมีที่ให้ย้อนแย้งได้เสมอ
ประมานว่าหลักฐานมีเห็นๆยังกล้าแถ ๕๕

ข้าพเจ้าเคยเขียนไปแล้วนะ
ว่าข้าพเจ้าไม่เคยบอกว่าตนเองเก่งอะไร
จะท้าเฉพาะคนที่มายกตนข่มเท่านั้น
และไม่เคยบอกว่าเป็นคนดีอะไร
ทำไมมีข้อกล่าวหาอริยะตาตั้งได้เนาะ ๕๕
(คิดอะไรเรื่องนี้หรือเปล่า ๕๕)
และไหงทำเป็นพูดสร้างภาพ
ให้ตนเองดูดีได้หละว่าไม่เคยท้า ๕๕
ดูแล้วเหมือนจะอ่านไม่รู้เรื่องจริงๆ
เหตุและผล การทำความเข้าใจ
หายไปไหนเอ่ย อิอิ

“ธรรมภูต
ผู้ไร้ความสามารถทางสมาธิและทางจิต
ผู้พอมีสัมผัสภายในระดับกระโหลกกระลา
และผู้ถนัดคิดวิเคราะห์แยกแยะ
ยกแต่ตำราคำสอนสูงๆมาแนะนำ
แต่ตนเองเข้าไม่ถึงสภาวะการปฎิบัติ
เป็นจอมแถระดับชาติ จอมยกตนข่มคนอื่นๆ
แบบไม่เจียมความสามารถทางสมาธิตนเอง
ไม่เจียมกำลังจิตตนเอง
รวมทั้งสภาวะระดับปัญญาของตน
รวมทั้งหลงตัวเองสุดๆครับ”

ตรงนี้ถ้าข้าพเจ้าพูดผิด
ก็ช่วยรับคำท้าแสดงความสามารถทางจิต
ต่อหน้าพระเกจิด้วยนะครับ
รอ ธรรมภูตไปแสดงให้ดูอยู่นะครับ
ว่าจะเก่งเหมือนที่ ธรรมภูต
เกรียนคีย์บอร์ดหรือเปล่า

อิอิ อยากเจอมากกกกกกกเลย
พาเพื่อนมาเยอะๆนะ
แล้วบอกเพื่อนไป
ว่าไอ้ถ่อยกะจอกคนนี้
มันมาขี้โม้ใส่ตรูเรื่องสมาธิ
(จริงๆตัวเองมาข่มก่อนแท้ๆ)
และมันยังไม่เจียมความสามารถ
ที่มันมโนขึ้นมากล้ามาท้าตรู เรื่องแสดง
ความสามารถทางจิต กล้าท้าแข่งหายใจเข้าออกฌานกับตรูสงสัยมันคิดว่ามันเก่ง
ไม่รู้จักตรูซะแล้ว กล้าท้ายกตัวอย่าง
เรื่องพลังงานกสิณกับตรู
หรือกรรมฐานอื่นๆที่ตรูเก่งกว่าใคร

ไอ้ถ่อยนี้มันโม้ระดับโลกเลยนะพวกมรึง
พวกมรึงต้องมาดู. ตรูปราบมันให้ได้นะ
เพราะมันเป็นพวกเดียรถีย์ที่ชอบท้า
สาวกอย่างตรู เด่วพวกมะรึงคอยดูนะ
ตรูจะปราบมันด้วย ความสามารถ
ทางสมาธิระดับสาวกอย่างตรู
ให้ไอ้ถ่อยนี้ มันกราบตีนกรูให้ดู
ต่อหน้าพวกมะรึงทั้งหลาย
(เห็นคุยว่ามาหา. ตรูชิ จะสอนกลับเอง
แบบที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ อิอิ อยากเจอมากๆๆๆๆๆๆ. หามานานแล้วฆราวาส
แบบนี้. แต่ถ้าธรรมภูตไม่รับคำท้าก่อน
ไม่เตรียมนัดพระเกจิ นัดวันเวลา จะให้ไปหาอย่างไรหละ จริงไหม รับซิ อิอิ)

เอาพอชิวๆก่อนนะ
ข้าพเจ้ายังไม่รีบแย้งข้อแถอื่นๆที่ธรรมภูต
สร้างภาพและยกตนเอง
ให้ดูดีและข่มคนอื่นๆตอนนี้
เด่วพรุ้งนี้เสร็จธุระจะจัดให้นะ
ตามลำดับข้อแถต่างๆ
ครบทุกประเด็น

ธรรมภูต ตอนนี้ได้ฉายาใหม่แล้วว่า

“ธรรมภูตกราบตีนกรู”

ปล ที่ด่าข้าพเจ้ามา ไม่โกรธหรอกอิอิ
รู้สึกชอบ เหมือนคนด่ากันปกติทั่วไป
ถ้าด่าว่า ไอ้สุภาพ ไอ้ฉลาด ไอ้แสนดี
อาจมีเคืองได้. หรือพูดลอยๆกล่าวหา
ว่าไปทำโน้นนี่นั่น ทั้งที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำ
ไม่มีปัญหาอะไรหรอก


อ้ออีกอย่างนะ ก่อนจะว่า
ใครหัวร้อนสมองบวมนั้น
เคยบอกไปแล้วนะว่า ให้ดูว่าตนเองว่า
ได้สร้างเสริมบารมีอะไรบ้าง นานแค่ไหน
และที่สำคัญมีความสมารถ
ใช้งานทางจิตได้แล้วหรือยัง
และสำคัญที่สุด คือมีกำลังจิตใช้งาน
ที่ได้จากการฝึกกรรมฐานจน
สำเร็จแล้วหรือยัง คงไม่ลืมเนาะ. อิอิ
จบเด่วพรุ้งนี้มาว่าประเด็นแถสร้างภาพต่อ

ท้ายนี้ ถึงผู้เฒ่าบางคน ไม่ใช่ลุงแมวนะครับ
ให้ระวังนะ นอกจากตับ(ไม่ใช่ตับอ่อนนะ)
ม้ามและ กระเพาะปัสสาวะจะมีปัญหา และสมองฝั่งซ้ายที่เริ่มพร่องเป็นเหตุให้ขาดตรรกะด้วยแล้วนั้น
ควรระวังสมองซีกขวาบนหน่อยนะ
ช่วงที่มันตรงกับใบหูพอดี
ซึ่งมันส่งผลมาจากการขาดเลือด
จากหัวใจ ที่เกี่ยวเนื่องมาจากปอดด้านขวา
ที่ตอนนี้ไม่ค่อยจะดี และระวังแถวๆบริเวนใต้แนวฟันกลามด้านซ้ายล่างด้วยนะ

เคยบอกแล้ว คนเราถ้า
ไม่มีบารมีทางวาจาสิทธิ์มาก่อน
และที่สำคัญไม่มีกำลังจิต และใช้งานทางสมาธิอะไรได้ อย่าได้เผลอไปพูดพล่อยๆ
ว่าใครหัวร้อนสมองบวมอีกนะ(ถ้าเป็นแค่สำนวนก็แล้วไป) หรืออ้าง เอาเวรเอากรรมไปขู่ใคร มันไม่ได้ผลหรอก
ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน

แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง. ^_^

 

55 ฟัดกันมาถึง 5 หน้าก็หลายยกอยู่และ เริ่มจะมีการตะลุมบอนกันแล้วฮับ

 

อย่าไป ดูเบา ว่า คนแก่เฒ่า อาธิ ทำมาปูด ท่าน
เขาไม่มีใบ ไรเส้นอนุญาติ ขับเคลื่อน ยาน ฌาณ
หน่าฮับ

ป๋มเคยเหน ผู้เฒ่า มีอายุเพราะ สีลดี ไม่มีการ
ปลงชีวิตใคร จึงมี อายุเปนหลักฐานแห่งสีล
แล้ว ก้มี ธรรมมาสในวัดมหาธาตุ หรือมหาจุฬาฯ
ไม่ทราบได้

พี่แก่ไปนั่งหนวดจิ๋ม สอน สมาธิให้แก่พระสงฆ์
องค์เจ้าโดยมี ไรเส้น บรรจุเวลา

คงไม่ใช่ทะเล่อ ทะล่า เข้าไปจิก หัวพระ มานั่ง
เรียนสมาธิ(แนว แผ่ปุญญะ จิตเที่ยงไชยทรง,
เปรมังกะโรคิกขุ ขั้นเทพ ขั้นพรหม)

เสียดาย แพ้คนเขียน คนตายได้อ่าน แพ้สหธรรมิก
พันทิปหมดรูป ก้เลย สัญญาเสีย เหนใคร
คุยกับใคร ก้เหนเปนกลุ่ม ดีจุต ไปหมด

เลยมีอาการ ใครมาอยู่ตรงหน้า ปู่แก ทับเละ

 

สำหรับจิตเที่ยงไหม ตัวผมก็ยังไม่ทราบแน่ชัดขอรับ
แต่สำหรับผมตอนนี้ ขณะนี้ ขณะจิตนี้ จิตของกระผมยังไม่เที่ยงขอรับ มีรู้ชัดกับไม่ชัด
เวลายังไม่เข้าใจจิตเที่ยงเป็นยังไง ตอนนี้ จิตผมยังเป็นอนัตตราอยู่

 

ความตายสิเที่ยง(นิจจัง)นอกนั้นไม่เที่ยง(อนิจจัง)
ถ้าโลกุตตระก็มีนิพพานเที่ยง ฮับ

 

กาลุบัตินี้ มหาอุปราช อาจหาญการศึกเป็นสามารถ
จบกระบวนพิชัยยุทธ สุดขอบจักรวาล

เมื่อ ปราบอริญาญะธรรมราบเป็นหน้ากลอง พรากขันธ์
ทั้งห้าดังปลิดขั้วมะม่วงปานนี้แล้ว

พึงย้อนกลับมาพิจารณา ธรรมสองอย่าง ต้อง บริหารด้วย
ปัญญาอันยิ่งกำหนดรู้ยิ่งใน สมถะ และ วิปัสสนา ในกาล
อันเหมาะสม ค่อยๆเซิ้งกระติบเพิ่มสองส่วนไปทีละนิด
ขนาบขนาน ดุจกองอาตมาท จรยุทธิ ยุทธถอยๆ แม้นคชนารถตื๊บตายตอนจบ
จงสดุดี คนดีไม่มีวันตาย

ในกาลไม่นานเลย สะหยามรัดเมืองแก้ว จะอยู่ในหัตถเจ้าพี่เป็นแม่นมั่น

ตุเลง ตุเลง เป๊ะพ่อ....


ปล. พึงเว้นขาด เสวนา บุคคลมี จิตไม่ตั้งมั่น สักกายทิฏฐิไม่เคยสะเทือน

 

นั่งลงฟัง

よろしくおねがいします^^

 

ฮิเมะ

เป็น มิโกะ ...

กวาดศาลเจ้า รอ ค่ะ ...^^

 

ความตายไม่เที่ยงขอรับ ตายแล้วตายอีกวนอยู่หลายภพแล้ว แต่เอคงไม่มีอะไรตายกระมัง มันรวมธาตุขึ้นอีกตลอด

 

เพ่ตีเมืองแก้ว แตกกระจุยแล้วน้อง

 

+++ ลุงแมว "อย่าเพิ่งตื่นเต้น" "เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น"

+++ "The Shroud of the Dark Side has Fallen, begun this TUMMAPOOD War has"

 

พักชมสิ่งที่น่าสนใจ

สักครู่ค่ะ

เตรียมเก็บศพ...

 

นึกถึงเพลงนี้เลยครับ...เวทีแห่งนี้ไม่มีพี่เลี้ยงจะคอยเสี่ยมสอน...555