อนันตริยกรรม ณเวียดนามใต้ ชาวพุทธสละชีพเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย อดุลย์ เมธีกุล, 1 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,793
    <TABLE class=tborder id=post42395 cellSpacing=0 cellPadding=9 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_42395 style="BORDER-RIGHT: #e0e0e0 1px solid">อนัตริยกรรม ณ เวียดนามใต้ ชาวพุทธสละชีพเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา
    <HR style="COLOR: #e0e0e0" SIZE=1>
    [​IMG]

    พระพุทธศาสนาในเวียดนาม ฤาประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย

    ชาวพุทธสละชีพเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา

    ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าเมืองเว้ เป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชประมุขสงฆ์ในพุทธศาสนา เมืองเว้นี้อยู่ห่างจากไซ่ง่อนไปทางเหนือ ๔๐๐ ไมล์
    ในวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๖ เป็นเวลาที่ โง เดียม ถึก สังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิคเวียตนาม ซึ่งเดินทางไปประชุมสังคายนาวาติกัน ๒ (VATICAN COUNCIL ๒) ณ กรุงวาติกัน ประเทศ อิตาลี ได้แถลงต่อที่ประชุมวาติกันว่า "ประเทศเวียตนามเป็นประชากรของพระเจ้า ประชาชนเวียตนามล้วนนับถือในพระเจ้าและซื่อสัตย์ต่อสันตะปาปา" พร้อมกันนั้น ได้โทรเลข ด่วน สั่งให้บาทหลวงคริสเตียนโรมันคาทอลิค ใต้บังคับบัญชาของตน ในเมืองเว้
    สั่งให้ประชาชนทุกบ้านชักธงรูปไม้กางเขนอันเป็นธงทางศาสนาของคริสเตียนโรมันคาทอลิคขึ้น เพื่อเป็นข่าวทางสื่อมวลชนยืนยันให้สันตะปาปาเชื่อถือ และมอบตำแหน่ง คาร์ดินัล ให้กับโง เดียม ถึก (การชักธงทางศาสนาดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายว่าด้วยการชักธงของเวียตนามใต้ แต่กฎหมายที่ออกมานี้ ออกมาเพื่อใช้บังคับในพุทธศาสนา เท่านั้น)

    ในวันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๖ (สองวันต่อมา) ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา พุทธศาสนิกชนในเมืองเว้ จึงได้ชักธงทางพุทธศาสนาขึ้นบ้าง แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้ดำเนินการนำธง ลงจากเสา แล้วนำไปเผาทิ้ง พร้อมทั้งประกาศห้ามประชาชนในเมืองเว้ ชักธงทางพุทธศาสนา และห้ามชุมนุมประกอบพิธีวิสาขบูชาเด็ดขาด (เหมือนในเมืองไทยปี พ.ศ.๒๕๔๒ มีการอ้างเรื่องธงประจำวัด เพื่อใช้สร้างกระแสทำลายพุทธแบบเดียวกัน และมีการออกหนังสือห้ามพระภิกษุสงฆ์ทั่วประเทศ มาปฏิบัติศาสนกิจกับวัด ?) และห้ามชุมนุมประกอบ พิธี วิสาขบูชา เด็ดขาดหากผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องถูกลงโทษโดยเด็ดขาด ฐานกบฏ

    พุทธศาสนิกชนที่ได้เดินทาง เพื่อจะมาร่วมศาสนพิธีวันวิสาขบูชา ในเมืองเว้ประมาณ ๑๐,๐๐๐ คน แทนที่จะได้ปฏิบัติกุศลกิจ กลับถูกห้ามปรามเช่นนั้น จึงได้เดินขบวน ประท้วง รัฐบาล ในจำนวนนั้นมีพระสงฆ์ สามเณร และนางชี ถึง ๒,๐๐๐ รูป เดินเป็นแถวหน้า

    เมื่อบาทหลวง โรมันคาทอลิครู้เรื่อง จึงโทรเลขด่วนไปยัง โง เดียม ถึก ที่วาติกัน กรุงโรม ว่าควรดำเนินการอย่างไรต่อไป โง เดียม ถึก จึงโทรเลขสั่งให้ปราบปรามแบบ "มิชชั่น" กับ พุทธศาสนิกชนในฐานะศัตรูพระเจ้า โดยปฏิบัติตาม VATICAN COUNCIL ๒ ข้อที่ ๗:๗
    นั่นหมายถึงให้ปราบปรามอย่างรุนแรงเด็ดขาด ไม่ต้องคำนึงถึงรูปแบบและวิธีการ (บาทหลวงคริสเตียนเวียตนาม จะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าตำรวจลับในท้องถิ่น และมีอำนาจ สั่งการ เจ้าหน้าที่ของรัฐได้อีกด้วย) เจ้าหน้าที่ตำรวจคริสเตียน ได้ขับรถบรรทุกชนฝ่าเข้าไปกลางขบวน อันมีพระภิกษุสงฆ์และนางชี ซึ่งเดินเป็นแถวหน้าถูกรถทับตาย ในทันที ๗๐ รูป พุทธศาสนิกชนตาย ๓๐ คน และบาดเจ็บจำนวนพันกว่าคน จากการถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตีด้วยกระบอง เพื่อสลายการเดินขบวน ที่เหลือถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม คุมขัง ไปทั้งหมด

    บาทหลวงคริสเตียนผู้ทำหน้าที่สั่งการตำรวจนั้น ได้แถลงแทนรัฐบาลว่า "ผู้เดินขบวนเป็นคอมมิวนิสต์ พระสงฆ์ และนางชีเป็น แนวร่วมคอมมิวนิสต์ที่ต้องการทำลาย ศาสนา และเป็นผู้ขว้างระเบิดทำลายโบสถ์คริสต์??

    " ได้มีการจับกุมพุทธศาสนิกชนผู้เกี่ยวข้องในการเดินขบวนนี้ ซึ่งมีทั้งพระภิกษุ สามเณร นางชี และพุทธศาสนิกชนอีกหลายพันคน ข่าวการปราบปรามชาวพุทธนี้ ได้ถูกสั่งห้าม มิให้มีการเสนอข่าวต่อสื่อมวลชน และ CIA ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ตรวจสอบข่าวสารทางการทูตที่จะส่งออกไปนอกประเทศเวียตนามโดยเข้มงวด เพราะไม่ต้องการให้กระเทือนสถานภาพของรัฐบาล โง ดินห์ เดียม ซึ่งสหรัฐอเมริกามีผลประโยชน์ร่วมอยู่ด้วย

    [​IMG]

    จากสาเหตุการปราบปรามดังกล่าวแม้ทางการจะปิดข่าวโดยวิธีการใดๆ ก็ตาม ข่าวนี้ก็ได้กระจายออกไปสู่เมืองต่างๆ ในเดือนมิถุนายน และเดือนกรกฎาคม ปีเดียวกันนั้น ได้มี การเดินขบวนประท้วงรัฐบาลและโง เดียน ถึก เกิดขึ้นไปทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องพอสรุปเหตุการณ์สำคัญได้ ดังนี้

    วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๖ ได้มีการเดินขบวนหน้ารัฐสภา โดยมีป้ายแสดงข้อความว่าเรียกร้องรัฐบาลทำข้อตกลง หยุดทำร้ายเข่นฆ่าพุทธบริษัทในทันที หากไม่ทำสัญญา ชาวพุทธจะเผาตัวเอง เป็นการป้องกันพระพุทธศาสนา

    วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๖ รัฐบาลไม่ยอมสัญญาใดๆ วัดพุทธแถบนอกเมืองเว้ถูกตำรวจเข้าเผาทำลาย ชาวพุทธเริ่มอดอาหารประท้วง มีพระภิกษุ ๒ รูป เสนอความจำนงค์ จะปลงชีพตนเองปกป้องพระพุทธศาสนา

    วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๖

    [​IMG]


    พระภิกษุในพุทธศาสนานาม ทิจ กวาง ดึ๊ก อายุ ๗๓ ปี ทนเห็นความทารุณโหดร้าย ในการใช้อำนาจรัฐปราบปรามเข่นฆ่าชาวพุทธต่อไปไม่ไหว จึงได้ประกาศอุทิศชีวิต เพื่อป้องกันพระพุทธศาสนาโดยได้เขียนข้อเรียกร้องต่อ รัฐบาล โง ดินห์ เดียม ว่า
    ๑. เพื่อป้องกันพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาดั้งเดิมของประเทศชาติ
    ๒. ขอเตือนการกระทำที่บีบคั้น และฆ่าพระภิกษุ นางชี และคนทั่วไปในประเทศ
    ๓. ขอร้องให้ท่านมอบอิสรภาพ ให้แก่ผู้นำชาวพุทธทั้งหลาย ในคณะกรรมการป้องกัน พระพุทธศาสนา พระภิกษุ นางชี และพุทธ ศาสนิกชน ที่ถูกจับขังอยู่ ในขณะนี้
    ๔. ให้ยุติสถานการณ์เลวร้าย และเลิกจับพระภิกษุ นางชี และพุทธศาสนิกชนอีก
    ๕. ให้เลิกองค์การคณะสงฆ์รวมทั้งบุคคลที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาหลอกลวง ปิดบังความจริงเป็นเหตุให้ประชาชนโง่เขลา
    ๖ คณะกรรมการสหพันธ์เพื่อพระพุทธศาสนาที่บริสุทธิ์ ที่รัฐบาล โง ดินห์ เดียม และพี่ชายตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกลวงประชาชน
    หลังจากได้เขียนข้อเรียกร้องเสร็จ ท่านก็ได้เข้าสู่ขบวนพุทธศาสนิกชนประมาณ ๑,๐๐๐ คนด้วยความสงบ เพื่อไปสวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้ พระภิกษุ สามเณร แม่ชี และ พุทธศาสนิกชนที่ถูกเจ้าหน้าที่ขับรถพุ่งชนเสียชีวิตในวันที่ ๘ พ.ค.๒๕๐๖ ที่ผ่านมา จากนั้นขบวนชาวพุทธศาสนิกชนก็เดินต่อไปอย่างสงบ โดยมีรถนำพระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก ไปยังกลางเมืองหลวง พระภิกษุผู้เสียสละวัย ๗๓ ปีได้ก้าวลงจากรถไปนั่งขัดสมาธิกลางวงเวียนซึ่งมีพุทธบริษัทแวดล้อมเป็นวงใหญ่ พุทธบริษัท

    [​IMG]

    ได้หยิบถังน้ำมันเบนซิน ๕ แกลลอนออกมาจากรถคันนั้น แล้วเอาน้ำมันราดบนพระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก จนหมด ต่อจากนั้นก็เอาไฟจุดร่างนั้น ไฟลุกโชติช่วง ท่วมร่างของ พระภิกษุ ผู้เสียสละ ขณะที่ไฟลุกท่วมร่างอยู่ปรากฏว่าพระภิกษุวัย ๗๓ คงนั่งนิ่งด้วยสมาธิจิตอันแน่วแน่ไม่ไหวติง ไม่แสดงอาการทุกข์เวทนาในสังขารแต่อย่างใดเลย เปลวไฟอันร้อนระอุ ได้เผาจีวร และผิวหนังไหม้เกรียม อยู่ประมาณ ๑๐ นาที ร่างของท่านที่นั่งขัดสมาธิอยู่นั้น ก็หงายหลังอย่างเงียบสงบ
    นี่คือพระภิกษุในพระพุทธศาสนาที่ได้เสียสละชีวิตเพื่อพิทักษ์พุทธศาสนา นับเป็นรูปแรกในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ การพลีชีพของท่านนั้น นอกจากจะเป็นการปฏิบัติตาม คำ ประกาศในนามพุทธศาสนิกชน ที่จะสละชีวิตรักษาพระพุทธศาสนา ให้พ้นจากการกลั่นแกล้งบีบคั้น และปราบปรามจากรัฐบาล โง ดินห์ เดียม แล้วยังแสดงถึงความเด็ดเดี่ยว มั่นคง ของพุทธศาสนิกชนด้วย สรีระของท่านถูกห่อหุ้มด้วยธงธรรมจักร พุทธบริษัทจำนวน ๑,๐๐๐ คน พากันอัญเชิญสรีระของท่านไปไว้ ณ เจดีย์วัดซาลอย ในเมืองเว้

    หลังจากนั้นได้มีพุทธบริษัทสละชีพเพื่อพระพุทธศาสนาอีก คือ สามเณรวัย ๑๗ และพระภิกษุวัย ๗๑ ที่เมืองเว้ แม่ชีที่เมืองนาตรัง พระภิกษุ เล้ อายุ ๒๐ อุทิศร่างเผาตนในเจดีย์ ซึ่งมีพระภิกษุอีก ๒ รูปที่อดอาหารประท้วงมากว่า ๑๐ วัน ที่เมืองพานเทียต ห่างจากไซ่ง่อน ๑๐๐ ไมล์ แม่ชีเยียง เหียน อุทิศร่างเผาตน ประท้วงการกดขี่เข่นฆ่าชาวพุทธ ของ สังฆราชคริสเตียน
    โรมันคาทอลิค โง เดียม ถึก และที่เจดีย์หูดาม ซึ่งเป็นเจดีย์ใหญ่ที่สุดใน เมืองเว้ พระภิกษุวัย ๗๑ ปี ได้พลีชีพอุทิศร่างพิทักษ์พระพุทธศาสนาอีกเช่นกัน

    วันอาทิตย์ ที่หน้าโบสถ์คริสต์โรมันคาทอลิคในไซ่ง่อน พระภิกษุ ทิจ เทียน มี หรือ ฮวางเมียว ได้นั่งขัดสมาธิ รดร่างชุ่มโชกด้วยน้ำมันก๊าด แล้วจุดไฟเผาสรีระของท่านด้วยตนเอง เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. ขณะที่ชาวเวียตนามเข้ารีตคริสต์อยู่ในโบสถ์นั้นประมาณ ๑,๐๐๐ คน ท่านได้เขียนจดหมายถึงสังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิค โง เดียม ถึก และ ประธานาธิบดี โง ดินห์ เดียม เพื่อขอความเป็นธรรมให้เลิกฆ่าและปราบปรามพุทธศาสนิกชน

    อุบาสิกา มาย เกี๊ยต อุทิศชีวิตพิทักษ์พุทธศาสนา ในไซ่ง่อน ด้วยการเอาขวานสับข้อมือตัวเอง แล้วเอามือที่ขาดนั้น ผูกกับหนังสือประท้วงการปราบปราม ของคริสเตียนโรมัน คาทอลิค ส่งให้รัฐบาล ?

    จากการอุทิศชีวิตโดยการเผาตัวเองเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนานี้เอง ทำให้มีพุทธบริษัทเผาตัวเองตามอีกมากมาย

    [​IMG]

    รัฐบาล โง ดินห์ เดียม ได้ประกาศว่าจะทำตามข้อเรียกร้องในจดหมายของ พระ ทิจ กวาง ดึ๊ก ที่อุทิศชีวิตเผาตัวเองนั้น แต่นั่นเป็นเพียงคำพูดที่กลับกลอกหาความจริงใดๆ ไม่ได้ กลับกลายเป็นสัญญาณไฟเขียวให้ สังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิค โง เดียม ถึก เร่งใช้อำนาจผ่านตำรวจในสังกัด ทำการฆ่าและทำร้ายพระภิกษุ และพุทธบริษัท รุนแรงหนักขึ้น ไปอีก และ กลับกลายเป็นว่า พุทธศาสนิกชนเหล่านี้คือผู้ที่ร่วมมือกับฝ่ายตรงข้ามต้องการล้มล้างรัฐบาล

    ตำรวจคริสเตียนของ โง เดียม ถึก ได้ทำการเผาวัด ฆ่าพระภิกษุสงฆ์ระดับผู้ใหญ่ นางชี และพุทธศาสนิกชนหนักยิ่งกว่าเดิมขึ้นไปอีก

    - วัดกลายเป็นที่ต้องห้ามของการทำศาสนพิธี โดยมีลวดหนามและสิ่งกีดขวาง ไปปิดกั้นตามถนนในเมืองใหญ่ๆ เช่นเว้ และไซ่ง่อน
    - พระภิกษุหรือผู้ใส่ชุดขาวหรือชุดอุบาสกออุบาสิกา คือผู้สวมเครื่องแบบของผู้ทำลายความมั่นคงของรัฐบาล
    - พระภิกษุสงฆ์โกนศีรษะโล้นห่มผ้ากาสาวพัสสตร์ คือเป้าหมายของตำรวจเวียตนามที่เข้ารีตเป็นคริสเตียนโรมันคาทอลิค
    ภาพของพระสงฆ์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ยิง จนกระทั่งมรณภาพบนบาทวิถี กลายเป็นภาพที่ประชาชนเห็นเป็นปกติ ศพของพุทธศาสนิกชน ที่ทับถมตามฐานเจดีย์ คือสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกวัน

    ไซ่ง่อน ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๖

    รัฐบาลคริสเตียนโรมันคาทอลิค โง ดินห์ เดียม ปฏิเสธอย่างเป็นทางการ ที่จะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้ให้ไว้ว่า จะเลิกปราบปราม และ เข่นฆ่า ชาวพุทธ จึงมีความคาดหมาย กันว่า อาจมีการเดินขบวนประท้วงครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

    "เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา" (สังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิค โง เดียม ถึก ควบคุม) ได้บังคับให้องค์กรปกครองคณะสงฆ์เวียตนาม พระภิกษุสงฆ์เจ้าอาวาสวัดในพุทธศาสนา องค์กรพุทธศาสนา ลงนามเซ็นชื่อรับรองว่า จะซื่อสัตย์ต่อรัฐบาล โง ดินห์ เดียม และจะเชื่อฟัง โง เดียม ถึก ซึ่งเป็นสังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิค รวมทั้งอยู่ใต้คำสั่งของสมาคม สงฆ์ แห่งชาติ (ที่รัฐบาลตั้งขึ้นเท่านั้น) และจะไม่จัดการเคลื่อนไหวประท้วงใดๆ (สำนักข่าว ยู.พี.ไอ.)

    [​IMG]

    ไซ่ง่อน ๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๖

    เกิดการเล่นสกปรกขึ้น ซึ่งมีรัฐบาลประธานาธิบดี โง ดินห์ เดียม ผู้ถือคริสต์ศาสนา กำลังบีบคั้นพุทธศาสนิกชนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ก็คือ มีมือมืดได้ "ลอบวางยา" พระภิกษุสงฆ์ชั้นสูง ในพระพุทธศาสนาหลายรูป

    (เหมือนประเทศไทย ปี พ.ศ.๒๕๔๒ หลวงปู่โง่น ได้ถูกวางยาพิษหลังจากกลับจากยุโรป แพทย์ไม่ยอมให้ผ่าตัดพิสูจน์ศพ และเกิดกับพระสายปฏิบัติกรรมฐาน สมาธิจิต แถบภาค อีสานของไทย หลายรูป) จนกระทั่งอาพาธหนักต้องเข้าโรงพยาบาลจำนวนถึง ๒๐ รูป

    โฆษกชาวพุทธได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การปฏิบัติของรัฐบาล โง ดินห์ เดียม ที่ปราบปราม ชาวพุทธนั้น ได้ทวีความรุนแรงขึ้น และเตือนให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายพึงระวังตัว (สำนักข่าว ยู.พี.ไอ)

    ไซ่ง่อน ๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๖

    มีผู้ฆ่าตัวตายเพื่อประท้วงรัฐบาล ที่ปราบปราม เข่นฆ่าชาวพุทธ ผู้ฆ่าตัวตายผู้นี้เป็นนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล เป็นผู้นับถือพุทธศาสนา ชื่อ เหงียน เทือง ทัม ได้กินยาพิษและไปเสีย ชีวิต ที่โรงพยาบาล ทั้งนี้เนื่องจากเขาได้ถูกกล่าวหาจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจของสังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิค โง เดียม ถึก ว่าทำลายความมั่นคง ของชาติ โดยกระทำตัว เข้าข้างชาวพุทธ และวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล นายเหงียน เทือง ทัม ได้เขียนจดหมายขอให้รัฐบาล หยุดการเข่นฆ่าพระสงฆ์ชาวพุทธ ไว้ ก่อนตาย (สำนักข่าว รอยเตอร์)

    ไซ่ง่อน ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๖

    ตำรวจคริสเตียนของ โง เดียม ถึก ได้ใช้อำนาจเข่นฆ่าชาวพุทธอย่างโหดเหี้ยมทารุณ บางพวกได้เข้าบุกตีกระหน่ำกลุ่มชาวพุทธที่มาชุมนุมเรียกร้อง บางคนก็ล็อคคอผู้หญิง ลาก ขึ้นรถบรรทุกไป เข้าค่ายกักกันเป็นจำนวนหลายร้อย ทั้งพระภิกษุ แม่ชี ฆราวาสทั้งหญิงชาย ตลอดจนกระทั่งเด็ก ประธานาธิบดีโง ดินห์ เดียม ได้ตัดสินใจ "ขยี้" ประชาชน ชาวพุทธที่มีเป็นส่วนใหญ่ ๙๐% ในเวียตนามใต้แล้ว โดยไม่รับฟังและไม่ยินยอมตามคำเรียกร้องใดๆ ทำให้เขากลายเป็น "ผู้เผด็จการทางศาสนา"

    วันเดียวกันที่เมืองพูลัม มีการชุมนุมของชาวพุทธ พระภิกษุ และแม่ชี รวมทั้งผู้หญิงและเด็ก ถูกตำรวจลากตัวอย่างไม่ปราณีขึ้นรถบรรทุกส่งไปยังค่ายกักกันประมาณ ๑,๕๐๐ คน บาตรพระ ลูกประคำ รองเท้า หมวก และสิ่งของหล่นเกลื่อนกลาด

    ที่เจดีย์เกี๊ยกมินท์ มีการชุมนุมของชาวพุทธอย่างสงบโดยการนั่งสมาธิ แต่ตำรวจคริสเตียนก็ไม่ละเว้น ตั้งข้อหาว่า "นั่งสมาธิเพื่อสาปแช่งรัฐบาล" ระดมกำลังเข้าไปทุบตีที่หัว และ ร่างกาย ลากขึ้นรถไปทั้งหมด ที่หน้าตลาดใหญ่กลางกรุงไซ่ง่อน แม่ชี ๑๐๐ คน สวดมนต์อยู่ แต่ตำรวจของ โง เดียม ถึก ก็ระดมตีและจับไปกักขังทั้งหมด (สำนักข่าว ยู.พี.ไอ)

    [​IMG]

    ไซ่ง่อน ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๖

    เจดีย์ใหญ่ซึ่งเป็นที่ปฏิบัติธรรมของพุทธศาสนิกชนอย่างน้อย ๓ แห่งถูกตำรวจปิดล้อมตลอดวัน เว้นแต่ในตอนเช้าจะเปิดให้เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แต่ก็ไม่มีพุทธบริษัทคนใด ออกจากเจดีย์ทั้ง ๓ แห่ง อาหารที่พระภิกษุได้บิณฑบาตไว้ ได้ถูกนำออกมาเลี้ยงพุทธศาสนิกชน และขณะนี้อาหารได้ร่อยหรอลงไปทุกทีแล้ว และบางเจดีย์พระภิกษุและแม่ชี พุทธศาสนิกชน ต้องกินข้าวกับเกลือ แต่ก็ยังต่อสู้ต่อไป(สำนักข่าว ยู.พี.ไอ.)

    เมืองเว้ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๐๖

    ตำรวจคริสเตียนของ โง เดียม ถึก สังฆราชโรมันคาทอลิค ได้ใช้กำลังบุกตะลุยเข้าสู่เจดีย์ ขณะที่มีการสวดมนต์ของพระและพุทธศาสนิกชน ยังผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ๒๐ รูป และ อาการปางตาย ๕ รูปพระภิกษุสงฆ์บางรูปถูกตีซ้ำแล้วซ้ำอีกจนสลบคาที่ (สำนักข่าว เอ.พี)

    เมืองเว้ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๐๖

    ภายใต้กฎอัยการศึก ตำรวจคริสเตียนจำนวน ๑๒,๐๐๐คน กระจายกำลังเตรียมพร้อมเพื่อทำการกวาดล้าง เข่นฆ่าชาวพุทธอย่างเต็มที่ หลังจาก ที่มีการเผาตัวตายของพระภิกษุ ทิจ เตียว เดียว ในเจดีย์ตูดาม ข่าวแจ้งว่าขณะนี้รอบเจดีย์ตูดามอันเป็นเจดีย์สำคัญของเมืองเว้ มีตำรวจล้อมรอบ และมีลวดหนามล้อมไว้ กันคน ภายในหนีออกมา และตำรวจ ได้ตั้งด่านตรวจผู้คนอย่างเข้มงวดที่สุด ภายในเจดีย์มีพระภิกษุและแม่ชี สวดมนต์ผ่านเครื่องขยายเสียงได้ยินถึงภายนอก ซึ่งมีพุทธศาสนิกชน ที่นั่งอยู่ ตามข้างถนน นอกลวดหนาม ที่ปิดกั้น พนมมือและสวดมนต์ตามไปด้วย สถานการณ์ตึงเครียดพร้อมระเบิดทุกเมื่อ (สำนักข่าว เอ.พี)

    นี่เป็นส่วนหนึ่งในการเข่นฆ่าพุทธศาสนิกชน ที่กระทำโดยรัฐบาลที่นับถือศาสนาคริสต์โรมันคาทอลิค พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของรัฐ เหตุการณ์อันสุดหฤโหด ในประวัติศาสตร์มนุษย ชาติ ของการเข่นฆ่า พระภิกษุในพุทธศาสนาและพุทธศาสนิกชนซึ่งมีแต่เสียงสวดมนต์และปราศจากอาวุธนั้น ไม่มีครั้งใดจะยิ่งใหญ่อำมหิตยิ่งกว่าเหตุการณ์ในเจดีย์ซาลอย กลาง กรุงไซ่ง่อนอีกแล้ว
    ชั่วอึดใจเดียวก็มีเสียงระเบิด และเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ระคนไปด้วยเสียงระฆัง กลอง เสียงตะโกนให้ช่วย และเสียงพระสวดมนต์พระปริต ดังออกมาจากข้างในเจดีย์

    เมื่อตำรวจวิ่งขึ้นไปยังชั้นต่างๆ ถึงตัวก็ตีด้วยพานท้ายปืนล้มลง บางองค์ถูกยิง หลายคนถูกระเบิดแก๊สน้ำตา น้ำตาไหลพรากหาทางไปไม่ได้แล้วก็โดนยิงด้วยปืนเข้าที่กลางหลัง พระบางรูป วิ่งขึ้นไปบนยอดเจดีย์ ตีกลองและระฆัง เพราะไม่สามารถจะทำอะไรได้กว่านั้น เพราะไม่มีอาวุธนอกจากไม้สำหรับเคาะบักฮื้อ (ปลาสีแดงเล็กๆ ใช้เคาะพร้อมสวดมนต์) ซึ่งใหญ่กว่าก้านธูปนิดเดียวเท่านั้น ตำรวจคนหนึ่งวิ่งตามขึ้นไปทัน และจับตัวโยนลงมาจากชั้น ๔ ศีรษะกระทบพื้นหินข้างล่างดังสนั่น เลือดกระจาย พระเณรที่เหลืออยู่ ในชั้นสูง ขึ้นไป เอาเครื่องกีดขวางประตูและปิดหน้าต่างด้วยลูกกรงเหล็ก

    รถบรรทุกตำรวจหลายสิบคันที่จอดอยู่ในบริเวณวัด ล้วนถูกอัดแน่นไปด้วย พระภิกษุ (ประมาณ 700 รูป) แม่ชี และพุทธบริษัทอีกหลายร้อยคน ที่ถูกกวาดต้อนมาเหมือนสัตว์ ประเภทหนึ่ง ภายในเจดีย์ยังคงมีเสียงปืน และเสียงระเบิดดังออกมาอย่างไม่ขาดระยะ และหน้าต่างด้านหลังเจดีย์ได้ค่อยๆ เปิดออก พระภิกษุ ๒ รูปก็ปีนหน้าต่างกระโดดออกมา แล้วปีนข้ามเข้าไปในที่จอดรถ เขตบ้านชาวอเมริกันซึ่งรั้วติดกับวัด ตำรวจใช้ปืนกลยิงกระหน่ำ พระองค์หนึ่งร่วงตกลงมากองกับพื้น อีกองค์หนึ่งสามารถหลบรอดไปได้

    เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ประชาชนในไซ่ง่อน ก็แลเห็นตำรวจเต็มท้องถนน และตามสี่แยกต่างๆ รอบๆ เจดีย์ซาลอยและเจดีย์ของวัดพุทธศาสนาอื่นๆ ในไซ่ง่อน ซึ่งได้ถูกทหารเข้ายึด ในคืน เดียวกันกับที่วัดซาลอย ข่าวได้รับทราบทั่วไปว่า พระภิกษุสามเณรและแม่ชีที่ถูกจับจากวัดต่างๆ ในคืนนั้นมีจำนวนกว่า ๑๐,๐๐๐ คน และสังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิค โง เดียม ถึก ได้ประกาศกฎอัยการศึกในไซ่ง่อนโดย ห้ามประชาชนที่เป็นพุทธศาสนิกชน ออกจากบ้านเวลา ๒๑.๐๐ น. ถึง ๐๕.๐๐ น. ยกเว้นผู้ที่เป็นคริสเตียน ซึ่งได้รับอนุญาตพิเศษ ตำรวจได้รับคำสั่งให้ยิงทุกคนได้โดยเสรี รวมทั้งเครื่องบินก็ห้ามขึ้นลงในท่าอากาศยานด้วย... ที่โบสถ์คาทอลิคมีการกระจายเสียงว่า รัฐบาล โง ดินห์ เดียม. ประกาศเผาเมือง และ ยอมทิ้งเมืองไซ่ง่อน หากมีการรัฐประหารและแพ้...
    ในขณะเดียวกันที่เมืองเว้ อันเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชทินเกี๊ยตประมุขสงฆ์แห่งพระพุทธศาสนา สมเด็จสังฆราชองค์นี้ได้ถูกจับไปขัง ถูกซ้อม และบังคับให้ออก แถลงการณ์ มอบอำนาจการบริหารคณะสงฆ์ให้กับพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งเป็นบาทหลวงคริสต์โรมันคาทอลิค ที่ปลอมเข้าไปบวชเป็นพระสงฆ์พุทธชื่อ ทิจ เทียน หัว ซึ่ง โง เดียม ถึก ได้แต่งตั้งให้เป็น ประธานกรรมการ "คณะกรรมการป้องกันพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ??"

    (เหมือนในประเทศไทย ปี พ.ศ.๒๕๔๒ มีผู้ก่อชนวนฟ้องร้องให้ถอด พระมหาเถระ กรรมการองค์กรปกครองคณะสงฆ์ไทย ออกจากตำแหน่ง เพราะไม่ทำตามคำสั่งของนักการเมือง และ ได้ตั้ง องค์กรอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาขึ้นเมื่อ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๒)
    ดูแลกิจกรรมศาสนพิธีของชาวพุทธในประเทศเวียตนาม (พุทธศาสนิกชนไม่เลื่อมใส การเข่นฆ่าที่รุนแรงโดยตำรวจคริสเตียนโรมันคาทอลิค ภายใต้การบัญชาการของ โง เดียม ถึก การบัญชาการนั้นข้ามประเทศมาจากกรุงวาติกัน ประเทศอิตาลี ขณะที่นาย โง เดียม ถึก ได้เดินทางไปประชุม VATICAN COUNCIL ๒ และการปราบปรามนี้เรียกว่า "มิชชั่น" หรือ "การรุกแบบตรงตัว" นั่นเอง

    ทหารเวียดนามเดินขบวนร่วมกับพุทธศาสนิกชน

    ทหารเวียตนามส่วนใหญ่ในสมัย โง ดินห์ เดียม เป็นพุทธศาสนิกชน การกระทำของ โง ดินห์ เดียม กระทบต่อจิตใจของพวกเขาอย่างร้ายแรง นับตั้งแต่นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ชั้นผู้น้อย และชั้นกลาง ต่างตกอยู่ในฐานะที่ไม่สะดวกใจในการรับคำสั่งจากประธานาธิบดี ถึงขนาดผู้บัญชาการทหารบางเหล่า ปฏิเสธที่จะปฏิบัติการใดๆ อันเป็นการทำร้าย ชาวพุทธ ทหารชาวพุทธไปวัด ไม่ค่อยได้ แม้แต่ขออนุญาตก็ตาม

    (เหมือนในประเทศไทยปี พ.ศ. ๒๕๔๒ กรณีข้าราชการทหารแต่งเครื่องแบบเข้าประกอบการกุศลในวัด แล้วโดนผู้บังคับบัญชาสั่งตั้งกรรมการสอบสวน ทั้งๆ ที่ประเทศไทย ปกครอง ระบอบประชาธิปไตย... มีเสรีภาพในการนับถือศาสนา และไม่มีระเบียบวินัยข้อใด ห้ามแต่งกายเข้าวัด เพื่อประกอบศาสนพิธี ??)

    นายทหารเวียตนามที่นับถือพระพุทธศาสนากับนายทหารที่นับถือคริสต์ศาสนา ต่างอยู่ในภาวะที่ไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน และอยู่ในฐานะที่ไม่สะดวกใจ ในการรับคำสั่ง หรือ การบัญชาการใดๆ ในเมื่อต้องอยู่ในสังกัดกรมกองเดียวกัน

    หลังจากที่เกิดเหตุการณ์อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนา พระภิกษุและพุทธศาสนิกชนเผาร่างตนเองนั้น ทำให้นายทหารที่เป็นพุทธศาสนิกชน ซึ่งเป็นนายทหารส่วนใหญ่ของ กองทัพ ไม่พอใจและเสียใจ ต่อการกระทำของรัฐบาลเป็นอย่างยิ่ง ทหารเวียตนามทั้งกรมรบพิเศษ ผูกผ้าสีเหลืองที่คอ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการสนับสนุนพระพุทธศาสนา โดยแถลงว่า

    "พวกเขาไว้ทุกข์ให้พระภิกษุที่เผาตนเองเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา อันเป็นอุดมการณ์ของพุทธศาสนิกชน แต่งเครื่องแบบออกมาเดินขบวนร่วมกับพุทธศาสนิกชน และประกาศว่า พวกเขาพร้อมที่จะรบ และพร้อมที่จะตาย เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา และแจกจ่ายแถลงการณ์ ข่าวการอุทิศชีวิตของพระทิจ กวาง ดึ๊ก ไปยังสาธารณชน พร้อมเปิดเผย การกระทำ อันไม่ถูกต้องของรัฐบาล แต่ถูกตำรวจคริสเตียนของ โง เดียม ถึก สั่งเก็บเอกสารทั้งหมด

    (เหมือนประเทศไทยปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่มีการสั่งยึดเอกสาร ซึ่งจัดทำโดยนายทหารฝ่ายเสนาธิการสามเหล่าทัพ จากที่ทำการไปรษณีย์ โดยอ้างว่า ทำลายความมั่นคง ซึ่งการกระทำ ของตำรวจนั้น เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญมาตรา ๓๘ มาตรา ๓๙ และมีความผิดกฎหมายอาญามาตรา ๘๖ ???)
    ที่เมืองมีโธ ซึ่งอยู่ทางเหนือไซ่ง่อน ๘๐ กม. ทหารที่นับถือพุทธศาสนาได้ปะทะกับทหารซึ่งเป็นคริสเตียนโรมันคาทอลิคของ โง ดินห์ เดียม มีทหารเสียชีวิต ๖๐๐ นาย บาดเจ็บ ๑,๒๐๐ นาย เป็นนายทหารสัญญาบัตร ๗๐ นาย

    (จากคำปราศรัยของประธานาธิบดี จอนด์ เอฟ เคเนดี้ ทางโทรทัศน์ในวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๐๖ อาจทำให้สามารถวิเคราะห์ได้ว่า เป็นการเห็นด้วย ในการปราบปรามพุทธ ศาสนิกชน โดยรัฐบาล โง ดินห์ เดียม ใช่หรือไม่ ?? ทั้งไม่ปรากฏการกระทำใดๆ หลังจากนั้นอย่างเป็นรูปธรรมจากสหรัฐอเมริกา ในอันที่จะระงับการใช้กำลังปราบปราม เข่นฆ่า ชาวพุทธอย่างป่าเถื่อน ซึ่งไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ของโลก และนี่คือก้าวแรกของความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกา ในสงครามเวียตนาม ในการยึดฐานมวลชน ทางด้าน จิตวิทยา ที่สหรัฐพลาดในการวิเคราะห์พื้นฐาน ความสำนึกในชาติ และศาสนา ของชาวเวียตนาม)

    http://gotoknow.org/blog/peacewarrior/90247
    </TD></TR><TR><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #e0e0e0 1px solid" vAlign=bottom><HR style="COLOR: #e0e0e0" SIZE=1></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. วนากร

    วนากร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +69
    ถ้าไทยยังไม่นำพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ บรรจุในรัฐธรรมนูญ ก็จะเกิดเหตุวิบัตในภายภาคหน้าดังเรื่องนี้ หรือเรื่องที่ผ่านมาในอดีต
     
  3. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    สาธุ...ขออนุโมทนาครับ พึ่งได้ทราบข้อมูลเต็มๆก็ครั้งนี้ ปกติเคยเห็นแต่รูปน่ะครับ
     
  4. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,793
    ขอให้พวกเราช่วยกันสอดส่องดูแลปกป้องพุทธศาสนาภายในใจของเรา

    ก่อน ภายนอกก็จะดีเอง คือทุกคนถึงเวลาแล้วที่จะต้องนำธรรมะกลับ


    มาอยู่ในใจปฏิบัติตามจริงๆ ถึงจะชื่อว่า ปกป้องพระพุทธศาสนา
     
  5. note_bank

    note_bank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +968
    อ่านแล้วพูดไม่ออกเลย น้ำตาไหล
    ถ้าเป็นเรา เราก้อยอมไม่ได้ ขอตายดีกว่าที่จะไม่ยึดถือพระรัตนไตยเป็นสรณะ
    ขอให้น้ำมันเผาร่างของเราเสียดีกว่าที่จะพูดออกมาว่าเราไม่ใช่พุทธ

    ใครจะรู้บ้างว่าคำว่า "เราเป็นพุทธศาสนนิกชน" คำนี้มันมีความหมายมากมายแค่ไหน

    แค่คนรับเงินจะต่างศาสนาหนึ่งคน สามารถทำร้ายคนอื่นได้ถึงเพียงนี้ ขอให้เขารับผลกรรมที่เขาทำไว้

    คนที่อ้างศาสนามาทำร้ายคนอื่น มันผู้นั่นต้องได้รับกรรม ไม่มีศาสนาไหนในโลกใบนี้ที่สอนให้คนฆ่าคนแล้วได้บุญ มันผู้นั้นก้อเป็นแค่เศษคนที่เอาคำสอนมาเพื่อหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง

    ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ต่อให้เราเป็นชาวพุทธคนสุดท้าย เราก้อจะเป็น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2008
  6. อมตนคร

    อมตนคร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +299
    พวกวาติกันนี้ ไม่ต่างอะไรกับฮิตเลอร์เลยจริงๆ
    อยากให้คนที่นับถือคริต เข้ามาอ่านบ้าง
     
  7. note_bank

    note_bank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +968
    ศาสนาอื่นเขามีเงินทุนมหาศาล มากพอที่จะซื้อทุกอย่างในโลกนี้ได้

    แต่ศาสนาพุทธไม่ได้มีเงินมากพอที่จะซื้อศรัทธาของคน เราใช้ความดีซื้อใจ

    ความดีของพวกเราทุกคนจะทำให้ศาสนาของเราอยู่ต่อได้โดยไม่ต้องใช้เงินอุดหนุน

    เพราะว่าความดีของเรา ศีล และคำสอนจะต้องอยู่โดยศรัทธาอย่างแท้จริง
     
  8. virot05

    virot05 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,679
    อะไรจะรุนแรงขนาดนั้นขอรับ รีบ ๆ ปฏิบัติกันนะขอรับ อนุโมทนาบุญด้วยคนขอรับ
     
  9. imfd

    imfd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +335
    ผมอ่านแล้วน้ำตาไหลพรากและก็ปวดศรีษะมาก...ทำไมศาสนาอื่นในบางประเทศ
    ชอบเบียดเบียนศาสนาพุทธด้วย ทำไมต้องทำลายพระรัตนไตรของพวกเราด้วย
    การเสียสละเพื่อปกป้องพระศาสนาน่านับถืออย่างยิ่ง...ข้าพเจ้าขออฐิษถานจิต
    ขอให้ผู้คนชาวพุทธทั้งหลายในเหตุการครั้งนี้จงมีแต่ชัยชนะเพื่อพระพุทธศาสนา
    และจงพบแต่ความสุขความเจริญในทุกภพทุกชาติ....และขอให้กฏแห่งกรรมจง
    มีผลในเร็ววันแก่ผู้ที่มีจิตใจคิดที่จะทำลายพระพุทธศาสนาทุกผู้ทุกเหล่า....สาธุ
     
  10. บุษบากาญจ์

    บุษบากาญจ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    9,476
    ค่าพลัง:
    +20,271
    อึ้งเลย พูดอะไรไม่ออก ขอให้ท่านผู้อุทิศตนให้กับศาสนาพุทธให้ดำรงอยู่จนมาถึงทุกวันนี้ทุก ๆ ท่าน บรรลุในสิ่งที่ท่านได้ปรารถนาทุกประการเถิดนะคะ ขอให้อนุชนรุ่นต่อๆ ไป พึงรักษาไว้ให้สมดังที่ท่านทั้งหลายได้ตั้งใจไว้นะคะ อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  11. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลอันเป็นอุทาหรณ์และน่าสลดใจ
    ขออนุโมทนาบุญอันยิ่งใหญ่ของท่านผู้สละชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนาทุกรูปทุกท่าน

    พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า
    พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ
    พึงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต
    พึงสละชีวิตเพื่อรักษาธรรม
     
  12. คนตาบอด

    คนตาบอด Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +42
    จิตที่เบียดเบียน มีโทษมหาศาล

    อนุโมทนา อย่างมหาศาลครับ..

    ปกติแล้ว ปุถุชนที่มีกิเลส นั้น จะมี กามวิตก พยาบาลวิตก วิหิงสาวิตก อยู่ในจิตเสมอ แต่วิตกที่มีโทษอย่างมาก และ ไม่สามารถที่จะป้องกันได้อย่างง่ายเลยก็คือ วิหิงสาวิตก คือ การคิดเบียดเบียนกัน ทำร้ายกัน ..

    ความเห็นแก่ตัว อยากให้คนอื่นเป็นหรือทำอย่างเรา พอเค้าไม่ทำหรือไม่เอาด้วย ความโกรธที่ซ่อนอยู่ภายใต้จิต ก็ก่อตัวขึ้น เผาตัวเองและพาลไปทำร้ายคนอื่นอีก ..เป็นการเบียดเบียนไป.

    มิตรที่ชั่ว แม้วันนี้ ทำดี กับเรา เพราะว่าเราเชื่อและทำตามเค้า
    แต่อีกวัน เรามีธุระ ไม่ไปกับเค้า ไม่ทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เค้าต้องการอยากให้ช่วย ซึ่งดูแล้วเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เขาจะโกรธขึ้นมาทันที และสามารถฆ่าเราได้ โดยไม่สะทกสะท้านภายในจิตใจเลย แถมกับจะมีความสะใจด้วยซ้ำไป.

    การนับถือศาสนานั้น เค้านับถือกันที่จิตใจ ไม่ได้นับถือกันด้วยการบังคับขู่เข็ญ
    ศาสนาใดที่ เข่นฆ่า มนุษย์หรือสัตว์ใดๆ ในโลกโดยความตั้งใจ ศาสนานั้นไม่ใช่ศาสนาอย่างแน่นอน เป็นการบังคับให้เชื่อแค่นั้น.

    มนุษย์ สร้างกฎหมายขึ้นมา ระบบระเบียบการเมืองสังคม การที่จะสร้างขึ้นมาได้นั้น จำเป็นจะต้องขอความเห็นชอบ จากมนุษย์ทุกคนที่อยู่ร่วมในสังคมนั้น อธิบายเหตุผลว่า ทำไมต้องสร้างกฎหมาย ระเบียบนี้ขึ้นมา เพราะเหตุใด.นี้คือกฎหมาย..

    กฎหมายที่บังคับ ให้เรานับถือศาสนานั้น เป็นกฎหมายหรือไม่ ทุกคนยอมรับว่าไม่เป็นกฎหมายอย่างแน่นอน เพราะว่ากฎหมายไม่สามารถบังคับให้คนนับถือศาสนาใดๆ ได้เลย.เพราะเป็นเรื่องของจิตใจของแต่ละบุคคล.

    แต่ทำไมหนอ กฎหมายในเวียดนาม ถึงทำร้าย เข่นฆ่า ประชาชน ผู้ไม่นับถือ ศาสนาคริสต์ ตามหัวหน้ากฎหมาย..

    ตอนที่ยังไม่ได้เป็นหัวหน้ากฎหมายนั้น ก่อนที่จะได้เป็น เค้าไม่ได้รับคะแนนเสียง จากบุคคลทั่วไปหรอกหรือที่สนับสนุนให้เค้ามาเป็นคนมียศ มีตำแหน่ง มีหน้าที่ตามความรับผิดชอบ..

    ศาสนาพุทธ ที่ถูกทำร้าย ทำลาย ให้เสื่อมลง ในเวียดนาม เพราะเพียงแค่บุคคล คนเดียว ก้คือ หัวหน้ากฎหมายนั้นเอง..เค้าเป็นคนที่นับถือศาสนาคริสต์ เดิมที่นั้น ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่ไม่สอนให้บุคคลใดๆ ทำร้ายกันเลย...แต่นี่ปากเค้าว่าเป็นคริสต์ แต่จิตใจเค้านั้น ไม่ได้เป็นคริสต์เลย ถ้าศาสนาคริสต์ยังคงเบียดเบียน ศาสนาอื่นดังเช่น ที เวียดนามนี้ ศาสนาอื่น ๆ คงไม่มีอย่างแน่นอน.ศาสนาอื่นคงหมดไป..แบบนี้ไม่ชื่อ ว่า ความเห็นแก่ตัวหรอกหรือ..

    ..เอาเถอะคับ ทุกท่านที่อ่านกระทู้ของผม ในความเข้าใจของผมน่ะคับ ผมขอยกตัวอย่าง ...ลูกศิษย์ กับอาจาย์ ใครทำร้ายบุคคลอื่นได้มากกว่ากัน..ปกติแล้ว อาจารย์คนเดียว สามารถมีลูกศิษย์ได้อย่างไม่จำกัด ถ้ามีคนสมัครใจมาเป็นลูกศิษย์..อาจารย์ว่าทำสิ่งนี่ดี ลูกศิษย์ทำตาม...

    เปรียบเทียบ อาจารย์ที่นับถือศาสนาคริสต์ บอกว่า การทำร้ายพระสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา ในศาสนาพุทธเป็นสิ่งที่ดี ทีถูกต้อง เป็นสิ่งที่ควรทำ ทั่งๆที่ พระสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา และคนอื่นๆที่นับถือศาสนาพุทธนั้น ไม่มีอาวุธ และภายในจิตใจของชาวพุทธรวมทั้งตัวผมด้วย ไม่มีจิต วิหิงสา คือ คิดที่จะเบียดเบียนบุคคลอื่น ที่นับถือศาสนาอื่นแม้แต่นิด..

    ท่านใดที่อ่านกระทู้ของผม ท่านคงจะเข้าใจเหมือนผมน่ะคับว่า การเบียดเบียนกัน เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่ควร..ศาสนาพุทธ ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์เลยแม้แต่น้อยที่พระสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา หรือท่านใดๆ ที่นับถือศาสนาพุทธรวมตัวกันทำร้ายศาสนาอื่น เข่นฆ่าศาสนาอื่น อย่างโหดร้าย ป่าเถื่อน..

    มิจฉาทิฎฐิ ในเวียดนาม ครั้งนี้ ล่ะ เป็นมิจฉาทิฎฐิอย่างแรงกล้า...

    ...โลกปัจจุบัน อินเตอร์เน็ต เผยแพร่ ข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว อย่างกับตาเห็นเป็นสิ่งที่ดีมากคับ..ขอให้ทุกคนที่นับถือศาสนาพุทธทุกท่านรวมทั้งตัวผมเองด้วย มีจิตที่ยึดเหนี่ยวกับพุทธศาสนาตลอดไป เปรียบเหมือน มดแดงที่สร้างรังใกล้ลำคลอง พอโดนทำร้าย รังย่อมตกลงสู่ลำคลอง ..พยายามว่าย เกาะ เกี่ยว กัน เป็นแพ แล้วมุ่งหน้าไปด้วยกัน เพื่อสร้างรังใหม่ .. ผมเองก็จะว่าย อย่าไม่ยอมหยุด แม้จะถูกทำร้าย ก็จะพยายามว่ายขึ้นสู่ฝั่งแล้ว สร้างรังใหม่ ที่มั่นคง ไม่มีใครสามารถทำร้ายได้อีกต่อไป..

    สาธุ ...ข่าวสารที่สมาชิกท่านนี้นำมาเผยแพร่ เป็นข่าวสารที่ไม่ให้ชาวพุทธประมาท ซึ่งเป็นข่าวสารที่ได้จากมิตรผู้เป็นกัลยามิตร..

    ขอบคุณมากคับ...ขอให้ทุกท่านที่ได้อ่าน พ้นทุกข์ได้เร็วๆ ครับ

    สาธุ^-^
     
  13. นิพันธะ

    นิพันธะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +90
    อนุโมทนาครับแต่ที่สะกิดคือ 2506 กับ 2542
    - การปกป้องศาสนาทุกศาสนาเป็นสิ่งที่ดีและควรกระทำของศาสนิก แต่ต้องไม่เบียดเบียนศาสนาอื่น เพราะแต่ละศาสนาเชื่อว่าพระศาสดาที่สั่งสอนมีวัตถุประสงค์ต้องการให้มนุษย์ชาติมีความสุข
    - สถานการณ์ในเวียตนาม ปี 2506 ต่างกับประเทศไทยปี 2542 โดยสิ้นเชิง เวียตนามต่อสู้เพราะถูกศาสนาอื่นเบียดเบียน แต่ประเทศไทยเกิดจาก ความผิดเพี้ยนของการดำเนินการ หรืออาจมีการบิดเบือนคำสอนเพื่อเป็นพุทธพาณิชย์ หรือมีทีท่าจะเบียดเบียนสถาบันอื่นโดยอ้างศาสนา โดยใช้ศรัทธาความเชื่อ และกฏระเบียบที่เคร่งครัดเป็นที่โปรยประโยชน์ แต่โดยเนื้อแท้จริงแล้วผู้เกี่ยวข้องรู้ดีอยู่ที่ใจว่าต้องการอะไร จึงเปรียบกับกรณีเวียตนามไม่ได้
    - กรุงเทพไปเชียงใหม่ สามารถไปได้หลายเส้นทางและหลายวิธีการ ล้วนแต่ถึงทั้งสิ้นไม่ช้าก็เร็วบนพื้นฐานความตั้งใจเด็ดเดี่ยว มานะมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึง ฉันใดก็ฉันนั้น บุคคลจะล่วงพ้นความทุกข์ได้อย่างถาวรตามหลักศาสนาพุทธเพื่อให้บรรลุซึ่งนิพพานก็มีวิธีปฏิบัติได้หลายแนวทางเช่นกัน แต่..แต่ละวิธีการต้องมีหลักการปฏิบัติที่ตรงกับคำสอนหลักก็คือมรรคที่มีองค์ 8 และต้องเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นอย่างที่สุดสงสัยไม่ได้เลย ถ้าผิดหรือทิ้งจากหลักนี้ก็ยากนักที่จะบรรลุ
    - การหลอกล่อให้พุทธบริษัทเข้ามาสู่มาปฏิบัติถึงแม้จะถูกทาง แต่หวังประโยชน์จากทรัพย์ เพื่อการก่อสร้างถาวรวัตถุ หรือเพื่อกลุ่มตนโดยไม่คำนึงถึงพระธรรมวินัยที่แท้ และมีแผนที่จะกำกับสถาบันของชาติสถาบันใดสถาบันหนึ่งหรือหลายสถาบัน ให้อยู่ในอาณัติ นั่นคือเหตุการณ์ปี 2542หรือไม่? จึงไม่สมควรนำมาเปรียบเทียบกรณีเวียตนาม 2506
    - ผู้ใฝ่หาความพ้นทุกข์ในทุกระดับตามหลักศาสนาพุทธ หรือศาสนาใดก็ตามสิ่งที่สมควรอย่างยิ่ง จะต้องหยุด การเบียดเบียนผู้อื่นทั้งกาย วาจา และใจ มนุษย์ชาติจึงจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข มดเท็จกับใครพอมดเท็จได้ แต่กับตัวเองถ้าบอกมดเท็จได้ก็วิปลาศแล้ว ใช่ไหมครับท่านผู้เจริญทั้งหลาย ด้วยความนับถือทุกท่านครับผม.
     
  14. jethrotull

    jethrotull เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +180
    atheism
    you heard it right,
    that's what she said.....atheism
     
  15. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ถ้าสมมติว่าสงฆ์ทะเลาะหรือแตกแยกกัน แล้วเราสามารถทำให้สงฆ์สามัคคีกันได้ นั่นก็เป็นอนันตริยกรรมฝ่ายดี ข้อหนึ่งใช่รึเปล่าครับ ^ ^
     
  16. sio191

    sio191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +601
    ขอให้ทุกรูปทุกนามอย่าเบียดเบียนกันอีกเลยครับ ขออนุโมทนา
     
  17. 0..0

    0..0 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +779
    [​IMG]



    ขอแสดงความเสียใจกับพระภิกษุนาม ทิจ กวาง ดึ๊ก ที่ต้องถวายกายเป็นพุทธบูชา [​IMG] เป็นความชอกช้ำกับชาวพุทธมากๆ ทำไมถึงทำกับท่านได้!!! ....


    ขอให้ท่านได้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป และสร้างบารมีให้ยิ่งๆขึ้นไปในภพภูมิใหม่


    ขอน้อมถวายรูป และ เสียง แด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่หนึ่ง พระธรรมเป็นที่สอง พระสงฆ์สาวกพระพุทธเจ้าเป็นที่สาม รวมถึงพระภิกษุนาม ทิจ กวาง ดึ๊ก และพระภิกษุที่ถวายกายเป็นพุทธบูชาทุกรูป ในคุณธรรมในใจอันประเสริฐ ขอน้อมด้วยใจคารวะที่สุด [​IMG]


    [music]http://palungjit.org/attachments/a.274493/[/music]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2008
  18. vnoen

    vnoen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +827
    เป็นกรรมของสัตว์โลกจริงๆ...
    คริสต์..อิสลาม..เก่งแต่กฎหมาย..การปกครอง
    แต่คุณธรรมต่ำทราม..ข้าพเจ้าขอประนาม..แม้ส่วนหนึ่งของเขาจะดีข้าพเจ้าก็ไม่จักแลมอง เพราะเต็มไปด้วยข้อความหลอกลวง เห็นแก่ได้ ซึ่งคำสอนแต่ละอย่างล้วนตรงข้ามกับพุทธศาสนาทั้งสิ้น...หรือผู้ใดมีข้อโต้แย้ง..วันหนึ่งโลกนี้จะมีที่พึ่งเดียวคือพุทธศาสนา
     
  19. เงาใจ

    เงาใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +1,214
    บอกได้ว่าสลดสังเวชยิ่งนักครับ แต่จงรู้ไว้ว่า ถ้านักการเมือง หรือทหารระดับสูงเป็นคนนอกศาสนาพุทธ แล้ว อันตรายครับ อย่าพยายามให้ขึ้นสูงนักครับ
    ชาวพุทธ อันตรายครับ และจับตาดู ความเสื่อมของเราด้วยครับ อย่าประมาทแม้ นาทีเดียวครับ
     
  20. chotiwit

    chotiwit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,616
    ค่าพลัง:
    +1,794
    ขอเป็นชาวพุทธตลอดไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...