อนุภาพแสงซินโครตรอน สำรวจหาแหล่งทองคำใต้พื้นดินด้วย “ปลวก”

สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน(องค์การมหาชน) SLRI
12 พฤษภาคม เวลา 16:30 น.
อนุภาพแสงซินโครตรอน สำรวจหาแหล่งทองคำใต้พื้นดินด้วย “ปลวก”

อุตสาหกรรมทองคำในประเทศออสเตรเลียอาจมีมูลค่าถึงหลายพันล้านเหรียญ โดยขึ้นอยู่กับสถานที่พบ และคุณภาพของแหล่งแร่ทองคำ แต่ว่าการค้นหาแหล่งแร่นั้นเป็นเรื่องยากยิ่งกว่า ซึ่งการวิจัยจากแสงซินโครตรอนจึงได้แนะนำผู้ช่วยใหม่ที่อาจชี้ทางให้มนุษย์เราได้พบกับแหล่งทองคำที่มีคุณภาพ ไม่เสียเงินมากมายในการขุดเจาะ โดยผู้ช่วยนั้นคือ “ปลวก” ที่ซ่อนอยู่ใต้ดินนั้นเอง
.
ตามธรรมชาตินั้นปลวกเป็นแมลงที่ต้องการความชื้นในรังสูงมาก และมีขากรรไกรล่างเป็นฟันเลื่อยที่แข็งแรง จึงทำให้มันสามารถขุดเจาะไปยังพื้นที่ที่มากช่น ดิน หรือไม้เนื้อแข็งได้ แม้กระทั่งในพื้นที่แห้งแล้งอย่างด้านตะวันตก
ของประเทศออสเตรเลีย เมื่อเจอพื้นที่ลักษณะนี้ปลวกจึงจำเป็นต้องขุดดินผ่านชั้นหินลงไปหาน้ำในระดับความลึกมาก ซึ่งมีข้อมูลว่าปลวกสามารถขุดลงไปใต้ดินลึกได้ถึง 70 - 100 เมตรเลยทีเดียว
.
ทำให้หากมีสายแร่ทองคำอยู่ใต้ดิน .oบริเวณนั้น ปลวกก็จะสำรวจแหล่งแร่ใต้ดินและขนย้ายแร่ต่างๆ เช่น ทองคำ ทีปะปนติดตัวมันขึ้นมาในการสร้าง
จอมปลวกด้วย
.
ขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ของ CSIRO แอรอน สจ๊วต (Aaron Stewart) ผู้ทำการศึกษาในเขตเหมืองทองของออสเตรเลียตะวันตก พบว่าทองคำที่มีคุณภาพมักจะถูกฝังอยู่ภายใต้ดินลึก และเป็นเรื่องยากที่จะค้นหาแหล่งแร่ เนื่องจากภูมิทัศน์ของออสเตรเลียส่วนใหญ่ถูกปกคลุมด้วยชั้นของดินที่ถูกกัดเซาะ และเป็นพื้นที่เปียกชื้น เค้าจึงเริ่มสนใจที่จะใช้ปลวกที่สามารถขุดเจาะลงไปได้ลึกในชั้นใต้ดิน มาเป็นผู้ช่วยในการค้นหาครั้งนี้
.
ด้วยเหตุนี้เค้าจึงได้เดินทางไปที่ศูนย์ซินโครตรอนของประเทศออสเตรเลีย เพื่อทำการวิเคราะห์ ว่าปลวกสะสมและขับถ่ายธาตุแบบไหนและอย่างไร รวมถึงศึกษาถึงโครงสร้างรังของพวกมันอย่างละเอียด เพื่อใช้ข้อมูลตรงนี้นำไปสำรวจเหมืองแร่ในพื้นที่ต่างๆ โดยใช้แสงซินโครตรอนในเทคนิค x-ray fluorescence microscopy (XFM) ซึ่งเทคนิค XFM นี้ เป็นเทคนิคที่สามารถเลือกเฉพาะบริเวณที่สนใจเพื่อจะวิเคราะห์ธาตุต่างๆ ได้ และแม้จะมีธาตุอยู่ปริมาณน้อยก็ตาม ก็สามารถวิเคราะห์ได้ ต่อจากนั้นยังนำเทคนิคดังกล่าว มาวิเคราะห์ของเหลวที่ติดอยู่ในหินใต้ดินโบราณซึ่งมีผลต่อการก่อตัวของแร่ทองคำอีกด้วย
.
ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้แสงซินโครตรอนนั้นเป็นประโยชน์อย่างมาก ไม่เพียงสามารถกำหนดแหล่งของสถานที่ที่มีแร่ทองคำเก่าแก่ฝั่งตัวอยู่ภายใต้พื้นดิน และยังทำให้ทราบถึงคุณภาพของทองในจุดที่สำรวจได้อีกด้วย
.
แต่เดิมวีธีการขุดเจาะแหล่งแร่ทองคำ นั้นอาจมีผลกระทบที่เป็นข้อเสียหลายด้านและที่สำคัญมักมีราคาแพง โดยเฉพาะการใช้สารเคมีอันตรายต่างๆ แต่งานวิจัยชิ้นนี้จากซินโครตรอนออสเตรเลีย ทำให้อุตสาหกรรมทองคำในประเทศออสเตรเลียอาจเติบโตได้เร็วขึ้น นอกจากจะรับเม็ดเงินหลายพันล้านเหรียณแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนการขุดเจาะ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และยังเป็นการออมเงินเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในทางอื่นได้อย่างถูกจุดอีกด้วย
.
ที่มา Australian Synchrotron Booklet หน้า 8
http://www.synchrotron.org.au/…/highlig…/little-gold-diggers
https://www.asianscientist.com/…/ants-termites-dig-up-gold…/
http://ปลวกไทย.com/index.php/2012-05-16-14-51-29/6-1

 

"ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ" คำสุภาษิตพังเพยเปรียบเอาไว้

แหล่งแร่ทองคำที่หายาก หากแร่ทองคำบริสุทธิ์นั้นอยู่ที่ใจกลางแก่นแท้ของเปลือกโลกล่ะค่ะ น่าเชื่อไหม! เคยอ่านผ่านมามาค่ะ



ส่วนตรงใจกลางโลกมีธาตุอะตอมออกซิเจนบริสุทธิ์ 100 % สีเขียวมรกตปีกแมลงทับทับ อยู่ตรงใจกลางแก่นแท้ของเปลือกโลก เป็นพลังงานที่บริสุทธิ์ แต่กลับอยู่ภายในอันเตาเผาไฟอันร้อนแรงของหินหลอมเหลว


สีของธรรมะ สีเขียว สีแดง สีเหลือง

หากเปรียบดั่งสีเขียวคือ สีตัวแทนแห่งความรักบริสุทธิ์เพื่อความหลุดพ้น

สีแดง คือความอดทน อดกลั้น การให้อภัย เพื่อคลี่คลายอารมณ์กรรมภายใต้ไฟอันร้อนแรงที่แผดเผา คือ ไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ

เมื่อผ่านได้...

สีเหลืองทอง ย่อมปรากฎเป็นแร่ทองคำบริสุทธิ์ หากเป็นดั่งทองก็ใครก็อยากได้ปราถนาไว้ครอบครอง และทองบริสุทธิ์นำมาซึ่งห่อหุ้มพระปฏิมาเป็นที่กราบไหว้บูชาแก่คนทั่วไป

ที่จริงแล้วแร่ทองคำบริสุทธิ์ที่ว่าเป็นแร่ธาตุหายากที่สุด ก็อาจเป็นเพราะว่าเป็นแร่ธาตุที่อยู่ตรงแก่นใจกลางของเปลือกโลกนั่นเองค่ะ การขุดค้นพบต้องอยู่ในบริเวณไต้ดินลึกลงไปมาก ๆ และหายากก็อาจเพียงเพราะว่า แหล่งแร่ธาตุที่แตกกระจายมาสู่ชั้นใต้ดินนั่นเอง

จึงเข้าใจแล้วค่ะ ทำไมศาสนาพุทธของเราจึงเปรียบคนดีว่า "ทองแท้ ย่อมไม่กลัวไฟ"