อภิญญากับเส้นทางที่ได้มา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย แสน1, 10 พฤศจิกายน 2018.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. แสน1

    แสน1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +160
    อภิญญาคือพื้นฐานของการฝึกกรรมฐาน หรือเป็นบทเทียบว่า คนที่ฝักใฝ่ธรรม มีความสามารถแค่ไหน
    อภิญญาที่จะนำเสนอนี้ อาจจะฝึกยากสักหน่อย แต่เห็นผลแน่ๆ
     
  2. แสน1

    แสน1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +160
    ทำจิตให้สงบ
    ผู้ปฏิบัติควรทำจิตให้สงบ
    จนรู้สึกว่าอารมณ์ต่าง ๆ ไม่เข้ามารบกวนจิตใจ แล้วน้อมจิตที่สงบ
    นั้นเข้ามาที่กายตัวเอง
    เริ่มแยกกายออกเป็นชิ้นส่วนต่าง ๆ แต่หากจิตใจยังไม่สงบนิ่งพอ
    ไม่ควรน้อมเข้ามาแยกกาย
    เกิดความเหนื่อยอ่อน หมดกำลังเพราะกำลังจิตยังไม่แข็งพอที่จะนำเข้ากายได้
     
  3. แสน1

    แสน1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +160
    น้อมจิตที่สงบนิ่งเข้าแยกกาย
    ให้กำหนดแยกกายส่วนนั้นจนกระทั่งเห็นด้วยสมาธิจิตว่ากายส่วนนั้นถูกแยกออกจริง
     
  4. แสน1

    แสน1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +160
    แยกกายคนอื่นและสิ่งอื่น
    น้อมจิตที่สงบไปแยกกายคนอื่นและสิ่งอื่น

    เมื่อแยกกายตัวเองจนชำนาญแล้ว ควรน้อมจิตไปแยกกายคนอื่นหรือสิ่งต่าง ๆ รอบตัว

    จนมีความชำนาญเหมือนกับการแยกกายตัวเอง จิตจึงจะสงบได้ละเอียด
     
  5. แสน1

    แสน1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +160
    ใช้จิตที่ละเอียดนั้น เข้าณานเพื่อแสดงอภิญญานั้นได้ แต่ไม่ได้ทุกข้อ ได้เป็นบางข้อ โดยเฉพาะการดูว่า ตนเองติดขัดอะไร หรือคนอื่นนั้นอยู่ในธรรมขั้นใด
     
  6. มณฑาทิพย์*

    มณฑาทิพย์* สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2018
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +45
    รอติดตามอ่านต่อค่ะ
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    สมัครเป็นศิษย์เลยฮับ
     
  8. มณฑาทิพย์*

    มณฑาทิพย์* สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2018
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +45
    ขอบคุณค่ะ^^
     
  9. แสน1

    แสน1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +160
    การเริ่มฝึกต้องทำใจให้สงบให้ได้ อุปสรรคมีไว้ทดสอบ

    เริ่มนั่งสมาธิใหม่ๆ มักจะมีความฟุ้งซ่าน

    คิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ มีทางแก้หลายวิธี ต้องใช้วิธีที่เหมาะสมกับอารมณ์ในขณะนั้น ถ้าฟุ้งซ่านมากอาจต้องนั่งดูความคิดของตัวเอง ถ้ายึดติดมากจำเป็นต้องปล่อยวาง

    มีหลายอุบายที่จะช่วยให้ปล่อยวางได้ อุบายที่ได้ผล จะต้องเหมาะสมกับตัวเองและอารมณ์ในขณะนั้น ซึ่งมักจะเป็นอุบายที่ตรงกันข้ามกับอารมณ์ในขณะนั้น
     
  10. แสน1

    แสน1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +160
    ฝึกอานาปานสติไปสักพัก แล้วลมหายใจแผ่วลง หรือ แรงขึ้น

    สาเหตุเกิดจากสมาธิดีขึ้น การดูลมเข้าลมออกที่ปลายจมูกอย่างเดียวจึงไม่พอ ต้องกำหนดให้ละเอียดขึ้น

    เช่น ดูลมหายใจ ยาวหรือสั้น แรงหรือเบา หรือดูเส้นทางเดินของลมหายใจ จะใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับจริตของแต่ละคน เมื่อดูละเอียดขึ้น
     
  11. มณฑาทิพย์*

    มณฑาทิพย์* สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2018
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +45
    * เรื่องเปลี่ยนสภาวะอารมณ์ ความรู้สึก เห็นด้วยกับข้อนี้ค่ะ เพราะเคยมีคนถามว่า ถ้าคนรักทำให้ผิดหวัง เสียใจ เราจะรู้สึกอย่างไร เราตอบได้เลยว่า เกลียด คงไม่ใช้บทเมตตา กรุณา เพราะเหมาะกับสาวสายโหดแบบเรา อิอิ
     
  12. แสน1

    แสน1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +160
    พอภาวนาจนจิตตกภวังค์ หรือรู้สึกเบา สบาย
    เข้าใจว่าจิตเข้าสู่ภวังค์แล้วให้หยุดคำบริกรรม
    และวางสัญญาภายนอกให้หมด

    ตั้งสติตามกำหนดจิตจนกว่าจิตนั้นจะหยุด

    และตั้งมั่นลงเป็นหนึ่งอยู่กับที่

    ให้พึงกำหนดอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะนั่งเหนื่อย
     
  13. แสน1

    แสน1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +160
    การรวมจิตเป็นขั้นตอนที่สำคัญ อุปสรรคมากที่สุด เพราะ บางคนพื้นฐานมาจากการเพ่งนิมิต พอถึงขั้นตอนนี้ก็จะมีนิมิต ซึ่งผิดวิธี
    บางคนก็แค่ตามดูจิตว่าจิตเป็นอย่างไร ก็ผิดวิธี
    แต่ถ้าบางคนเคยทำสมาธิแล้วไม่ค่อยเกิดนิมิตก็จะไปได้

    การรวมจิตเพื่อบังคับให้จิตอยู่ในอำนาจของเรา โดยใช้ใจนี่แหละ ผูกบังคับจิตให้เป็นไปตามที่เราต้องการ
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ถ้ามีใครซักคนมาพูดกับข้าพเจ้าว่ามีอภิญญา
    ส่วนตัวจะเข้าใจว่า คนนี้คงจะเหาะได้ หายตัวได้
    เล่นแร่แปรธาตุได้ หรือ คงจะต้องรู้ได้แน่ๆว่า
    ข้าพเจ้าทำอะไรได้ และสามารถสอนข้าพเจ้าได้แน่ๆ....
    อย่างน้อยๆ เรื่อง กสิณ ๑๐ เรื่องพลังงานอื่นๆ
    ต้องประเภทสิวๆ.

    พระอาจารย์ที่ส่วนตัวรู้จัก หายใจเข้าออกรอบเดียว
    เข้าฌานได้เป็น ๑๐ รอบท่านยังไม่เคยพูดเลยว่าท่านมี
    หรือความสามารถแบบนี้เป็นอภิญญา
    ส่วนนี้เล่าให้ฟังเฉยๆครับ


    แต่ถ้าประเภทแบบมีสัมผัสภายใน เห็นโน้นนี่นั้นได้
    หรือไปทางสายวิชาพลังจักรวาลมาก่อน
    โดยไม่เคยฝึกสติและเดินปัญญามาก่อน
    ไม่ได้ผ่านกรรมฐานต่างๆที่ขึ้นด้วยภาพมาก่อน
    และไม่มีกำลังจิตเพียงพอ ที่จะต้านทานพลังงาน
    ภายนอกที่มีกำลังและไม่ดีได้
    และที่สำคัญไม่สามารถทำให้ปรากฏกับผู้อื่นๆได้
    เหมือนกับที่ตนเองสัมผัสได้ และไม่สามารถ
    บอกและแนะทริคต่างๆ ได้ว่า มันมีแนวทาง
    การปฏิบัติหรือเกิดขึ้นได้อย่างไรนั้น
    มีแนวทางวิชาสืบต่อมา จากครูบาร์อาจารย์ท่านใด
    ส่วนตัวมองว่า เป็นแค่สัมผัสธรรมดาทั่วๆไป
    ที่มีเกิดขึ้นได้สำหรับมนุษย์ทั่วไป
    พูดง่ายๆว่า คนที่พอมีสัมผัสก็สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายๆ
    และที่สำคัญ พวกที่ข้าพเจ้ากล่าวมาข้างต้นนั้น
    มักจะทำหลงตนหลงตัวเองได้ครับ

    หลงว่า สิ่งที่ตนสัมผัสได้ มันเป็นอภิญญา
    เป็นความสามารถพิเศษ ซึ่งมันเป็นอะไรที่
    กิ๊กก๊อกมากๆ เหมือนเด็กเห่อของเล่น
    และเข้าใจว่า ของเล่นที่ตนมีมันวิเศษวิโสครับ....



    คำว่า อภิญญา ขอเรียกว่า ความสามารถทางจิตแล้วกัน
    เพราะใช้คำว่า อภิญญาเลย มันกระดากปากจริงๆที่จะพูดครับ
    เพราะว่าส่วนตัวหายตัวไม่ได้ เหาะไม่ได้ครับ

    ซึ่งความสามารถทางจิต มันจะมี ๒ ประเภทหลักๆ
    เอาตามที่เห็นๆทั่วๆไปนะครับ
    ๑.พวกที่เด่นทางด้านภายใน คือ ตนเองรู้ แต่คนอื่นๆ
    ไม่สามารถรู้ตามตนเองได้ ที่เห็นทั่วไป คือ พวกที่เป็นหมอดู
    พวกสายทำนายทายทักต่างๆ มีให้เห็นเต็มบ้านเต็มเมือง
    มีเกือบทุกอาชีพ เห็นได้ชัดในเวบญานทิพย์......
    ส่วนมากแบบนี้ ถ้าจะแก้ปัญหาจะเป็นแนวเชิงแนะนำ
    ไม่สามารถแก้ปัญหาให้ได้เลย
    ๒.แบบที่เด่นภายนอก คือ ทำให้คนอื่นๆรับรู้ได้เหมือนที่ตนทำได้มีกำลังจิต สามารถใช้ทำให้เกิดประโยชน์ต่อบุคคลอื่นๆได้

    และ ๓.มีทั้งแบบที่ ๑ และ ๒ ส่วนมากมีในพระสงฆ์มีชื่อต่างๆ
    และปัจจุบันก็มี แต่มักไม่ค่อยจะเปิดเผยตัวตน.....




    ส่วนตัว เอาตรงๆนะ ถ้าจะแนะนำเรื่อง ความสามารถ
    พิเศษอะไรแบบนี้ แนะนำว่า
    ให้กล่าวว่า แนะนำทริค
    ในเรื่อง การทำอย่างนั้นอย่างนี้ก็ว่าไปกันไป
    สำหรับบุคคลที่ชอบ ที่กล่าวแบบนี้เพราะอะไรรู้ไหมครับ



    เพราะเรื่องพวกนี้ มันไม่ใช่ประเด็นหลักสำคัญอะไรทาง
    พุทธศาสนาครับ. แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่ามันไม่มี หรือไม่ควร
    สนใจเลยนะครับ ใครชอบ ก็ชอบไป
    แต่อย่าลืมว่า พุทธศาสนาเราเน้นอะไร


    และ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ถ้าความสามารถพวกนี้
    หรือสิ่งพิเศษต่างๆ ถ้ามันได้เกิดขึ้นกับตัวคุณหรือใครแล้ว


    และมันทำให้ คุณ เป็นคนที่
    ๑.อยากได้รับการยอมรับ จากสังคมว่าตนเอง
    เป็นคนที่ไม่ธรรมดา เป็นคนเก่ง เป็นคนพิเศษ
    ไม่ว่า คุณจะไปอยู่ในสภาพแวดล้อมใดๆก็ตาม
    ๒.อยากมีชื่อเสียง อยากเป็นครู อยากเป็นอาจารย์
    อยากเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนั้น อยากให้คนอื่นๆ
    เห็นว่า คุณเป็นตามที่กล่าวมา
    ๓.อยากให้คุณ มีทรัพย์ มีบ้านหลังโต มีรถคันงาม
    อยากมีชีวิตที่สุขสบายกว่า มนุษย์ทั่วไป
    ๔.ทำให้คุณเข้าใจว่า คุณไม่ใช่คนธรรมดา
    เป็นคนพิเศษ มีหน้าที่พิเศษลงมาช่วยชาวโลก
    มาโปรดชาวโลก มาโปรดสัตว์ ยกตนเอง
    เหนือผู้อื่นๆตลอดเวลา

    ให้ระวังว่า พวกนี้ไม่ใช่แนวทางพุทธศาสนา
    ทางพุทธศาสนา ถ้าความสามารถต่างๆมันเกิดมี
    มันจะต้องหนุนให้เรา ไม่มีสิ่งใดๆมายึดเกาะใจเราได้
    ไม่ใช้สร้างให้เรามีขึ้นมา


    ต้องระมัดระวังให้ดีครับ
    ไม่งั้นจะหลงตัวเองได้อย่างคาดไม่ถึง
    แม้ว่า ความสามารถของเรา ยังไม่เป็นสากล
    ยังออกงานไม่ได้ ก็จะยังหลงตนเอง
    ว่าตนเองเก่งกว่าใครได้ อย่างไม่น่าเชื่อครับ


    ปล. กำลังสมาธิเล็กๆน้อย ไม่ได้สร้างให้เกิดความสามารถ
    พิเศษอะไรหรอกครับ เพราะมันอยู่ในโหมดที่จิตเป็นทิพย์
    ซึ่งมันจะสามารถสร้างนามธรรม สัมผัสนามธรรมได้ปกติอยู่แล้ว

    ไม่ได้สร้างให้เกิดกำลังจิตเลย และกำลังก็ไม่เพียงพอ
    ที่จะไปหนุนเรื่องเดินปัญญาเพื่อลดละคลายกิเลสได้
    เพราะ ขาดกำลังสติทางธรรม สมาธิสะสม
    มันจะทำให้เราเข้าใจว่า มันเป็นอะไรที่วิเศษ
    และหลงตนหลงตัวเองได้ อย่างคาดไม่ถึง......

    เล่าสู่กันฟังนะครับ......
    ย้ำว่า พุทธฯเน้นอะไรอย่าลืมครับ.
     
  15. แสน1

    แสน1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +160
    ชื่อห้อง อภิญญา สมาธิ ปกติ วิธีที่กล่าวมา ไม่มีใครมาบอกกล่าวเพราะว่า
    มันเป็นเพียงทำให้สมถะกรรมฐานมีพื้นฐานที่ดี
    ดั่งคำที่กล่าวว่า ถ้าสมถะกรรมฐานไม่มีกำลัง วิปัสสนากรรมฐานจะเอากำลังมาจากไหน
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    พูดถูกครับ แต่อ่านอีกรอบนะครับ
    ค่อยๆอ่าน คือถ้าตรงๆครั้งแรกเลย
    เกรงว่าจะรับไม่ได้ สีแดงคือข้อความเดิม

    “ถ้ามีใครซักคนมาพูดกับข้าพเจ้าว่ามีอภิญญา
    ส่วนตัวจะเข้าใจว่า คนนี้คงจะเหาะได้ หายตัวได้
    เล่นแร่แปรธาตุได้ หรือ คงจะต้องรู้ได้แน่ๆว่า
    ข้าพเจ้าทำอะไรได้ และสามารถสอนข้าพเจ้าได้แน่ๆ....
    อย่างน้อยๆ เรื่อง กสิณ ๑๐ เรื่องพลังงานอื่นๆ
    ต้องประเภทสิวๆ.”


    แต่ถ้าประเภทแบบมีสัมผัสภายใน
    เห็นโน้นนี่นั้นได้
    หรือไปทางสายวิชาพลังจักรวาลมาก่อน
    โดยไม่เคยฝึกสติและเดินปัญญามาก่อน
    ไม่ได้ผ่านกรรมฐานต่างๆที่ขึ้นด้วยภาพมาก่อน
    และไม่มีกำลังจิตเพียงพอ ที่จะต้านทานพลังงาน
    ภายนอกที่มีกำลังและไม่ดีได้
    และที่สำคัญไม่สามารถทำให้ปรากฏกับผู้อื่นๆได้
    เหมือนกับที่ตนเองสัมผัสได้ และไม่สามารถ
    บอกและแนะทริคต่างๆ ได้ว่า มันมีแนวทาง
    การปฏิบัติหรือเกิดขึ้นได้อย่างไรนั้น
    มีแนวทางวิชาสืบต่อมา จากครูบาร์อาจารย์ท่านใด
    ส่วนตัวมองว่า เป็นแค่สัมผัสธรรมดาทั่วๆไป
    ที่มีเกิดขึ้นได้สำหรับมนุษย์ทั่วไป
    พูดง่ายๆว่า คนที่พอมีสัมผัสก็สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายๆ
    และที่สำคัญ พวกที่ข้าพเจ้ากล่าวมาข้างต้นนั้น
    มักจะทำหลงตนหลงตัวเองได้ครับ





    คำว่า อภิญญา ขอเรียกว่า ความสามารถทางจิตแล้วกัน
    เพราะใช้คำว่า อภิญญาเลย มันกระดากปากจริงๆที่จะพูดครับ
    เพราะว่าส่วนตัวหายตัวไม่ได้ เหาะไม่ได้ครับ





    ส่วนตัว เอาตรงๆนะ ถ้าจะแนะนำเรื่อง ความสามารถ
    พิเศษอะไรแบบนี้ แนะนำว่า
    ให้กล่าวว่า แนะนำทริค
    ในเรื่อง การทำอย่างนั้นอย่างนี้ก็ว่าไปกันไป
    สำหรับบุคคลที่ชอบ ที่กล่าวแบบนี้เพราะอะไรรู้ไหมครับ



    เพราะเรื่องพวกนี้ มันไม่ใช่ประเด็นหลักสำคัญอะไรทาง
    พุทธศาสนาครับ. แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่ามันไม่มี หรือไม่ควร
    สนใจเลยนะครับ ใครชอบ ก็ชอบไป
    แต่อย่าลืมว่า พุทธศาสนาเราเน้นอะไร


    และ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ถ้าความสามารถพวกนี้
    หรือสิ่งพิเศษต่างๆ ถ้ามันได้เกิดขึ้นกับตัวคุณหรือใครแล้ว


    และมันทำให้ คุณ เป็นคนที่
    ๑.อยากได้รับการยอมรับ จากสังคมว่าตนเอง
    เป็นคนที่ไม่ธรรมดา เป็นคนเก่ง เป็นคนพิเศษ
    ไม่ว่า คุณจะไปอยู่ในสภาพแวดล้อมใดๆก็ตาม
    ๒.อยากมีชื่อเสียง อยากเป็นครู อยากเป็นอาจารย์
    อยากเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนั้น อยากให้คนอื่นๆ
    เห็นว่า คุณเป็นตามที่กล่าวมา
    ๓.อยากให้คุณ มีทรัพย์ มีบ้านหลังโต มีรถคันงาม
    อยากมีชีวิตที่สุขสบายกว่า มนุษย์ทั่วไป
    ๔.ทำให้คุณเข้าใจว่า คุณไม่ใช่คนธรรมดา
    เป็นคนพิเศษ มีหน้าที่พิเศษลงมาช่วยชาวโลก
    มาโปรดชาวโลก มาโปรดสัตว์ ยกตนเอง
    เหนือผู้อื่นๆตลอดเวลา

    ให้ระวังว่า พวกนี้ไม่ใช่แนวทางพุทธศาสนา
    ทางพุทธศาสนา ถ้าความสามารถต่างๆมันเกิดมี
    มันจะต้องหนุนให้เรา ไม่มีสิ่งใดๆมายึดเกาะใจเราได้
    ไม่ใช้สร้างให้เรามีขึ้นมา


    ต้องระมัดระวังให้ดีครับ
    ไม่งั้นจะหลงตัวเองได้อย่างคาดไม่ถึง
    แม้ว่า ความสามารถของเรา ยังไม่เป็นสากล
    ยังออกงานไม่ได้ ก็จะยังหลงตนเอง
    ว่าตนเองเก่งกว่าใครได้ อย่างไม่น่าเชื่อครับ


    ปล. กำลังสมาธิเล็กๆน้อย ไม่ได้สร้างให้เกิดความสามารถ
    พิเศษอะไรหรอกครับ เพราะมันอยู่ในโหมดที่จิตเป็นทิพย์
    ซึ่งมันจะสามารถสร้างนามธรรม สัมผัสนามธรรมได้ปกติอยู่แล้ว

    ไม่ได้สร้างให้เกิดกำลังจิตเลย และกำลังก็ไม่เพียงพอ
    ที่จะไปหนุนเรื่องเดินปัญญาเพื่อลดละคลายกิเลสได้
    เพราะ ขาดกำลังสติทางธรรม สมาธิสะสม
    มันจะทำให้เราเข้าใจว่า มันเป็นอะไรที่วิเศษ
    และหลงตนหลงตัวเองได้ อย่างคาดไม่ถึง......

    เล่าสู่กันฟังนะครับ......
    ย้ำว่า พุทธฯเน้นอะไรอย่าลืมครับ.

    อยากจะบอกว่า กำลังสมาธิในระดับที่คุณ
    นำมาเสนอนั้นมันไม่ได้ทำจิตเกิดความสามารถพิเศษอะไรหรอกครับ


    มันทำให้แค่เกิดสัมผัส ในระดับที่ทำให้คน
    หลงตัวเองได้ง่ายๆ ทั้งที่กำลังจิตไม่มี
    ไม่เพียงพอที่จะออกสู้โลกภายนอกได้
    เพราะกำลังที่เล่ามามันน้อยครับ


    ถามจริงๆเหอะว่า.
    เทคนิคสมาธิที่คุณ แสน 1

    แนะมา ถ้าเจอ หมอผี หมอธรรม
    หรือพวกอสูรกายมีฤทธิ์
    วิญญาณมีฤทธิ์. จะต้านไหวไหมครับ


    เอาไว้หายใจรอบเดียว
    เข้าออกฌานได้ซัก ๑๐ รอบ
    หรือเล่นแร่แปรธาตุได้

    หายตัวได้ ค่อยบอกว่าอภิญญาครับ
    ซึ่งส่วนตัวเหาะไม่ได้หายตัวไม่ได้นะครับ


    สรุป เรื่องสมาธิเล็กๆน้อยๆกำลังแค่นี้
    อย่าทำให้มันดูยิ่งใหญ่เลยครับ

    คุณ ก็รู้ตัวเอง ว่าคุณอยู่ในประเภท
    ภายในหรือภายนอก.

    ถ้าภายใน มันเป็นแค่กิริยาปกติ
    เป็นสัมผัสของจิต ที่เกิดได้ปกติ
    มันยังไม่เท่าทัน กะแสภายนอกต่างๆ
    ที่จะปรุ่งแต่งได้หรอกครับ

    เพรากำลังจิตเราไม่มี จริงไหมครับ?

    อ่านดีๆนะครับ


     
  17. มณฑาทิพย์*

    มณฑาทิพย์* สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2018
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +45
    * เราไม่ค่อยรู้ความหมาย ที่พูดว่า สมถะ วิปัสสนา เท่าไรนิ รู้แต่ว่า การปฏิบัติของแต่ละคน แต่ละท่าน ก็เป็นเส้นทางเฉพาะตน ลอกเลียนแบบไม่ได้ เราเลยเคารพในเส้นทางปฏิบัติของทุกท่าน ส่วนเรา ทางเรา ครูบาอาจารย์ไม่ให้ส่งออก ขนาดไม่ส่งออกนะ บางครั้งยังเห็นของโชว์ ไปรู้ความคิดคนอยู่ใกล้
    ก็เพลิดเพลินกันไป พออยากให้โชว์ ก็ไม่โชว์ซะอีกแน่ะ เราก็เลยไม่เคยจะคิดให้เหมือนใคร หรือให้ใครมาเหมือนเรา เรียนรู้กันไป เรียนแล้ว รู้แล้ว ก็บอกว่า รู้ละ รู้ละ
    ปล. วันนี้เหมือนวัยทองกำเริบ บ่นตั้งแต่เช้ายันเย็น อิอิ ขอตัวพักยาว พบกันใหม่ปีหน้าค่ะ^^
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    อยากรู้ว่าเสื่อมไม่เสื่อมไหมหละ
    รับคำท้ามาเลย อิอิ
    ทำเป็นพูดว่าเสื่อม เหอะๆ
    ที่เสื่อมคือจิตใจคุณนั่นหละ

    เหอะๆใช้คำว่านักเลงคีย์บอร์ด
    ถุยยย แน่จริงก็รับคำท้ามาเลย
    ถ้าไม่กล้า ก็เงียบไป
    อย่าปากดีสร้างภาพ

    อีดัดจริตจิตต่ำ ทำปากดี
    ทำเป็นพูดยกตัวเองให้ดูดี
    ดีไม่ดีดูที่จิต ดูความริษยา
    ดูความอยากเด่น อยากดี
    การสร้างภาพก็รู้แล้วและ
    ดูความสามารถทำได้จริงก็พอ
    ไม่ต้องคอยสมัครใหม่
    มาอวย มาหนุนกัน
    ขนาดคำสอนแบบไม่มีพระแสงอะไร
    ต่อความสามารถ ยังอวยกัน
    ทำยังกับเป็นกระบวนการสร้างภาพ
    กะว่าจะเอาไว้เพิ่มยอด วัตถุศักดิ์สิทธิ ถุย
    กรรมฐานกำลังต่ำๆ
    แต่ดันเข้าใจว่าเป็นอภิญญา ขำตาย


    ทำฟอร์มมากะแซะ เชิงดูถูก
    ในหลายๆกระทู้
    ใครก็ตามที่ไปว่า คู่รักตน
    ต้องเข้าไปปกป้อง
    ยกตนทำเป็นว่าตนเองเก่ง
    ความสามารถสูงส่ง

    พอเจอท้าพิสูจน์ความสามารถจริง
    เลยไม่กล้า เพราะรู้ว่าตนเอง
    แท้จริงไม่มี พระแสงอะไรเลย

    อิอิ ปกป้องคู่รักจนมือสั่น
    ทำดัดจริตมาว่าคนอื่นๆ
    หมกหมุ่น
    เรื่องอย่างว่า ๕๕๕

    ยอมรับว่าคุณ ปากกล้า ปากดีแน่นอน
    ไม่เป็นเห็นว่าเป็น ญ พอรับได้
    และเก่งแต่ในคีย์บอร์ดนี่หละ
    และความสามารถอีกอย่างที่คุณมีแน่นอน
    ก็คือ การใช้ปากเรื่องอย่างว่า
    หรือจะเถียงพี่ไหมครับน้อง

    ปล เรื่องอย่างว่า คือเรื่องอะไรเหรอ
    เห็นน้องว่ามา พี่เลยลองพูดคืนบ้าง
    ว่าแต่จริงหรือเปล่า จะน้อง อิอิ
     
  19. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    สงสัยลุงแมวเข้าใจผิดที่คิดว่าสมถะกรรมฐาน
    ต้องเป็นพื้นฐานของ
    การฝึกอภิญญาจิต
     
  20. แสน1

    แสน1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +160
    ขอรวบรัดตัดความเอาพอเข้าใจ
    สายนี้เขาไม่ค่อยรับศิษย์ รุ่นที่ฝึก มีมาสมัครประมาณ สิบกว่าคน แต่ผ่านการสอบอารมณ์กรรมฐานแค่สามคน
    มีกฏสามข้อสั้นๆว่า ปิดวาจา ปิดกาย ปิดใจ

    อธิบายง่ายๆว่า พระทุกรูปในวัดนั้น ไม่มีมาพูดคุยเจรจากัน ขนาดญาติโยมจะเจรจาด้วย ต้องยกมือห้าม เพราะ ต้องละและวางเรื่องราวๆต่างๆ สัญญาทางโลก

    ผ่านการคัดเลือกไปได้ที่เป็นผู้ปฎิบัติธรรม ก็จะต้องถูกสอบอารมณ์กรรมฐานอีก พร้อมทั้งคำแนะนำที่ฟังแล้วก็จะรู้ด้วยตนเองว่า

    พระอริยสงฆ์นั้นเป็นอย่างไร (ขออนุญาติข้ามรายละเอียด)

    ท่านก็จะแก้สิ่งที่ติดขัดพร้อมแนะแนวทางปฏิบัติ

    วันสุดท้าย ท่านกล่าวว่า

    การภาวนานั้นไม่ต้องสอนกันมาก
    ให้ดูลงไปที่กายใจ
    เพราะกายและใจจะสอนเราเอง

    ของจริงนั้นไม่ต้องอาศัยตำรา
    ไม่อาจเรียนจากตำรา ไม่อาจหาเอาจากสิ่งใด
    แม้แต่คำจากหลวงปู่ก็สอนไม่ได้
    แม้พูดไปเท่าใด ก็ไม่อาจเข้าถึงจิตถึงใจ
    หากไม่มีความเพียร
    ขอให้ทำให้มาก และใจเรานั่นแหละมันจะสอนตัวเอง

     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...