อยากทราบว่าในตัวคนมีเทพฯ คุ้มครองมีลักษณะแบบไหน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย nanthiya1, 11 สิงหาคม 2010.

  1. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    ฉันอยากรู้ว่าคนที่มีองค์เทพฯ คุมครองอยู่ในตัวคน หรืออยู่นอกตัวคนกันแน่และพลังงานของพวกเทพฯ หรือ วิญญาณ ต่างๆมีพลังเหมือนกันไหมค่ะ เช่น ร้อน อุ่น เย็น อะไรแบบนี้ คำว่าพลังคือความร้อนใช่หรือเปล่าค่ะ ถ้าเทพฯองค์นั้นมีพลังเยอะ ความร้อนก็เพิ่นขึ้นไปใช่ไหมค่ะช่วยตอบให้หายข้องใจทีค่ะ
     
  2. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,946
    ค่าพลัง:
    +3,301
    อยากทราบว่าในตัวคนมีเทพฯ คุ้มครองมีลักษณะแบบไหน


    ฉันอยากรู้ว่าคนที่มีองค์เทพฯ คุมครองอยู่ในตัวคน หรืออยู่นอกตัวคนกันแน่
    อยู่ข้างในก็ใช่ อยู่ข้างนอกก็ด้วย... เข้า-ออก เข้า-ออก

    และพลังงานของพวกเทพฯ หรือ วิญญาณ ต่างๆมีพลังเหมือนกันไหมค่ะ เช่น ร้อน อุ่น เย็น อะไรแบบนี้ คำว่าพลังคือความร้อนใช่หรือเปล่าค่ะ ถ้าเทพฯองค์นั้นมีพลังเยอะ ความร้อนก็เพิ่นขึ้นไปใช่ไหมค่ะช่วยตอบให้หายข้องใจทีค่ะ
    เรื่องสารพัดเทพไม่ค่อยรู้จักอ่ะ...
    รู้จักแบบหนิดหนมก็มีอยู่เทพเดียวคือ "เทพเจ้าแห่งลมหายใจ"
    รู้สึกถึงท่านเสมอๆ แล้วรู้สึกดีอ่ะนะ เลยไม่ค่อยได้ไปสนใจเทพอื่นๆเลย
    เพราะการรู้สึกถึงท่าน "เทพเจ้าแห่งลมหายใจ" บ่อยๆ ทำให้รู้สึกว่ามีพลังพร้อมในการขับปัญญาในทุกขณะที่รู้สึกถึงท่าน


    โอ้... เทพเจ้าแห่งลมหายใจ จงอำนวยพรทุกท่าน
     
  3. kjkjkj

    kjkjkj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +139
    เทวดานุสติ ก็สามารถทำถึงขั้นญาณ 1 2 3 4 ได้จริงๆนะครับ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

    เจ้าของกระทู้คงถนัด ด้านนี้

    ตอบตามประสบการณ์นะครับ เนื่องจากคนทุกคน และสัตว์ในโลกเกิดมาหลายภพหลายชาติ ทำความดีมามาก ทำความชั่วก็๋เยอะ

    เจ้ากรรมนายเวรของตัวคุณ คือ คนที่คุณไปทำไม่ดีกับเค้าไว้นะแหละ พวกนี้จะคอยจ้องหาโอกาส มาทำร้ายคุณคอยทำให้คุณ เดือดเนื้อร้อนใจ มีอุบัติเหตุ เรื่องไม่ดีต่างๆเข้ามาในชีวิตเรื่อยๆ หรือถึงขั้นเข้าสิงในตัว ทำให้สติวิปลาส กลายเป็นคนบ้าไปก็มี

    ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีเทวดามาคอยคุ้มกัน ดูแลรักษา ปกป้องหรือคุ้มครอง เช่น

    ประเภท มาสิงสถิตอยู่ในตัวเรา ต้องเป็นเทวาที่ญาติสนิทกันมาก่อน หรือครูอาจารย์

    มาดูแลบ้างเป็นครั้งคราว คือจะมาช่วยตอนช่วงมีกรรมหนักๆ เช่นคราวเคราะห์

    สิงสถิตอยู่กับสิ่งของ เช่น พระเครื่อง รักยม นางกวัก รุกขเทวดาประจำต้นไม้

    ทุกคนล้วนมีเทวดาประจำตัว เพราะก่อนจะมาเกิดวันใดๆ เทวดาประจำวันนั้นก็จะรับหน้า ไปปกป้องดูแล ตามกรรม และ บุญที่เคยสร้างไว้ แต่ก็มีบางช่วงเวลาที่เทวดาเหล่านี้ จะไม่คุ้มครอง เช่น ช่วงวัยเบญจเพศ คือ อายุ 25ปี เทวดาเหล่านี้ต้องปล่อยให้เจ้ากรรมนายเวรเล่นงาน คนในคุ้มครองของตนได้อย่างเต็มที่ ตามกฏแห่งกรรมที่พวกได้ทำขึ้นมา

    วิญญาณของเทวดาชั้นต่ำ ที่บำเพ็ญบุญกุศลมาน้อย จะมีสีทึบ เช่น ดำ แดงทึบ ม่วงทึบ เพราะมีกายทิพย์ที่ไม่บริสุทธิ์ เป็นวิญญาณ ที่มากด้วย ราคะ โมหะ โทสะ

    วิญญาณของเทพชั้นสูง ผู้บำเพ็ญบุญกุศลมามาก จะัมีแสงสว่าง รัศมีเจิดจ้า สวยงาม
    เพราะมีกายทิพย์ที่สะอาดบริสุทธิ์ มากด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเปกขา มีความเกรงกลัวต่อบาป ละอายต่อบาป
     
  4. Hikikomori

    Hikikomori เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +326
    น่าจะแบบกระทู้นี้แหละ
    http://palungjit.org/threads/ลักษณะของคนมีองค์.251027/

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2010
  5. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,397
    ค่าพลัง:
    +2,985
    เป็นคนที่เกียจคร้าน ไม่ค่อยจะทำงาน หน้าที่ที่มอบหมายให้ทำต้องตกมาอยู่ที่เพื่อนร่วมงาน พูดถึงเมื่อไรก็ได้ยินแต่เสียงบ่นถึงในทางไม่ดี เพราะมัวแต่ไปแสวงบุญในการช่วยงานบุญกุศล ก็ให้สงสัยว่าทำไมงานของตัวไม่เห็นสนใจ.........อาจไม่เป็นอย่างนี้ทุกคนนะครับ

    เห็นแต่คนที่อยู่ใกล้ ๆ ที่อื่นไม่รู้เหมือนกันหรือเปล่า????
     
  6. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    ขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความกระจ่างโดยเฉพาะคุณ kjkjkj ชอบกระทู้คุณมากโดนเลยค่ะ
    ก่อนหน้านี้ดิฉันก็ไม่ได้สนใจเรื่องเทวดาประจำตัวอะไรดิฉันชอบทำบุญ นั่งสมาธิ เป็นประจำ ในแนวสมาธิเอาทุกสายที่เขาว่าดีแต่สายที่ถูกจริตคือสาย มโนมยิทธิเพราะดิฉันจะชอบนั่งสมาธิคืออยากหลุดพ้นนั่นเองโลกมนุษย์มันวุ้ยวายน่าเบื่อก็เลยตั้งใจสร้างแต่ความดีมาตลอดทำแบบนี้มากว่า 10 ปี ทุกครั้งที่ทำความดีก็จอธิฐานขอเข้านิพานชาตินี้เรื่องของดิฉันมันแปลกไปอ่านกู้ใหนก็ไม่มีใครเหมือนของดิฉันสักคนดิฉันมารุ้เมือปลายปีนี้เมื่อมี เทพฯประจำตัวดึงจิตไปคุยด้วยแบบ มโนฯ แต่ภาพท่านชัดมากท่านงามมากเหมือนผู้หญิงท่านบอกท่านตามดูแลดิฉันมานานแล้วดิฉันเลยถามว่าท่านเป็นใครท่านบอกท่านเป็นสามีในอดีตชาติรอคอยดิฉันมานานเล้วซึ่งดิฉันไปผูกสัญญากับท่านเอาไว้ดิฉันถามรอคอยมานานเท่าไรแล้วท่านบอกว่านานมากนานเป็นกัป ดิฉันเลยพูดว่าเป็นกัปเลยเหรอ ท่านบอกว่าใช่ แล้วท่านก็บอกว่าจะรอคอยดิฉันต่อไปจนกว่าจิตดิฉันจะหลุดพ้นจากกรรม ดิฉันถามท่านว่าท่านเป็นเทพฯ ชั้นใหนท่านบอกว่าท่านเป็นเทพฯ ชั้นดาวดึงห์ ดิฉันถามว่ามันเป็นงานของท่านหรือที่มาดูแลดิฉัน ท่านบอกสวรรค์ชั้นดาวดึงห์ไม่มีงานอะไรให้ทำแต่ท่านรับอาสามาดูแลดิฉันเอง ดิฉันก็ถามต่อว่าดิฉันตั้งแต่ลงไปเกินเคยขึ้นมาเกิดชั้นดาวดึงห์อีกไหมท่านบอกไม่เคยขึ้นมาเลย ดิฉันถามต่อเพราะอะไร ท่านเลยพูดว่าเพราะ จิต เธอติดอยู่
    แล้วดิฉันก็ถามต่อแล้วชาตินี้ดิฉันจะได้ขึ้นมาไหม ท่านพูดว่าชาตินี้เธอมาได้แน่นเธอเลือกสวรรค์เกิดได้เลย ดิฉันถามต่อท่านแน่นใจอย่างนั้นหรือ ท่านพูดต่อเราแน่ใจถ้าถึงวันนั้นเราจะไปรับ(หมายถึงวันสิ้นอายุไข) ดิฉันถามต่อว่าสวรรค์ชั้นดาวดึงห์มนุษย์ขึ้นมาเกิดอยากไหมดิฉันเคยอ่านในหนังสือว่าสวรรค์ชั้นดาวดึงห์ขึ้นมาเกิดไม่ยากแค่ทำบุญตามประเพณีก็มาเกิดได้แล้ว ท่านบอกว่าไม่ใช่เข้าใจกันผิดแล้วการที่จะมาเกิดสวรรค์ชั้นดาวดึงห์ต้องตั้งใจทำทาน รักษาศิล ทำสมาธิ ให้เข้มค้น หน่อย โดยเฉพาะคำอธิฐานจะต้องอธิฐานทุกครั้งที่ทำความดี ดิฉันจะเล่าเท่านี้แหละค่ะ แต่คุยกับท่ามมากกว่านี้ ทั้งการเป็นอยู่ของชาวสวรรค์ ท่านก็บอกมาบ้างพอให้ดิฉันเข้าใจ ดิก็สงสัยว่ามันจริงหรือหลอกที่มาคุยกับท่านก็มองหน้าท่านจริงหรือเปล่าเนี่ย ท่านคงรู้ว่าดิฉันไม่เชื่อกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ท่านยิ้มแล้วพูดว่าเธอจะสงสัยอะไรเธอก็รู้ว่ามีเราอยู่ ยังจะสังสัยอะไรอีก เลิกสงสัยได้แล้วแต่ไม่เป็นไรเราจะทำให้เธอหายสงสัยให้ได้ พอหลังจากการกลับมาใช้ชีวิตประจำปกติ ดิฉันก็สังเกตว่าถ้าดิฉันสวดมนต์ นั่งสมาธิจะมีกลิ่นดอกไม้หอมมากเต็มไปทั้งห้องทั้งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเลยและบางครั้งจะมีความรู้สึกว่ามีใครติดตามดิฉันตลอดเวลาดิฉันจะเห็นด้วยตาเนื้อเลยจะมีความรู้สึกว่าจะเป็นดวงๆ จะเห็นด้วยหางตาแวบไปข้างช้ายบางขวาบาง บางครั้งก็จะมีเป็นเหมือนเกล็ดเพชรล่วงมาจากทางอากาสพอดิฉันจับขึ้นมาดูอยากจะรู้ว่ามันคืออะไรพอวางลงไปบนฝ่ามือมันก็หายไปกลายเป็นกลิ่นดอกไม้หอมมาก เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นกับดิฉันโดยที่ดิฉันไม่ได้เข้าใจมาก่อนก็เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง คุณพูดถูกไม่เชื่อก็อย่าลบลู่เพราะดิฉันสัมผัสมาด้วยตัวของฉันเองแล้ว
     
  7. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    ดีคะ เมื่อคุณnanthiya1เข้าใจแล้วว่าเทวดามีจริง ก็ควรหันมาปฏิบัติ โดยการรักษาศลี ทำสมาธิ อย่างจริงจัง จริงแล้วถ้าจะให้เปรียบ ก็น่าจะเหมือนการล้างภาชนะให้สะอาดเพื่อรับน้ำฝน...เจริญในธรรมคะ
     
  8. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    แต่มันก็คอยจะมีมารมาขัดขวางทุกที บางครั้งก็จะเกิดอาการเบื่อหน่ายเพราะบุคคลรอบข้างทำไห้เราเป็นแบบนี้ ไม่ถึงนิพานไปสวรรค์ก็ยังดี ค่อยสร้างบารมีต่อเอา
     
  9. พุทธาวตาร

    พุทธาวตาร "อีกเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป..."

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +398
    มารไม่มี บารมีไม่เกิดครับ....

    คนชั่วมักจะเห็นความดีเป็นสิ่งที่ทำยากยิ่ง
    แต่คนดีมักจะเห็นความเลวทำยากยิ่งกว่า...

    อนุโมทนาอย่างยิ่งครับสำหรับการปฏิบัติดีกว่า 10 ปี น่าทึ่งครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2010
  10. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจทั้ง มนุษย์ และ เทวดา โดยเฉพาะเทวดา ณ เวลานี้ท่านจะติดตามดูดิฉันตลอดไม่ว่า ดิฉันจะทำอะไร ท่านรู้หมด บางครั้งก็อึดอัดเหมือนกันหลังจากรับสัมผัสท่านได้แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรท่านอยู่มาตั้งนานแล้วไม่รู้เองลักษณะกายท่านบางครั้งจะสัมผัสด้วยตาเนื้อทางหางตาเป็นสีขาวใสคล้ายสีเงินบางครั้งจะมีรัศมีมาถูกตัวดิฉันก็มี ท่านเคยพูดกับดิฉันว่าให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมให้มากๆ แล้วดิฉันจะรับสัมผัสท่านได้มากกว่านี้ จะคอยเป็นกำลังใจให้เมื่อท่านให้กำลังใจแบบนี้ก็คงต้องสู้ต่อไป
     
  11. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    อืมร์ คะ จริงแล้วการปฏิบัตินี่ เราสามารถปฏิษัติได้ทุกขณะเวลาจิต อย่างเช่น เวลาที่เรานั่งรถ ก็เจริญภาวนาไปด้วยคือแทนที่จะปล่อยเวลาเปล่าประโยชน์ จะ พุทธโธ หรือจะ ยุบหนอ ฯลฯ ก็สายเดียวกันคือสายของพระพุทธเจ้านะละคะ ในขณะทำงานก็สามารถตรึกธรรมได้.... ยังไง ..สมมุตินะยกตัวอย่าง .... คุณกำลังเขียนหนังสือ คุณก็คิดว่านี่เรากำลังเขียนหนังสือ อีกเดี๋ยวมันก็เสร็จละ สรรพสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป นี่ก็คือการตรึกธรรมคะ สรุปให้เข้าใจ การตรึกธรรมคือการคิดการนึกแต่เรื่องดี ที่มีสาระต่อตนเองในการทางธรรม ส่วนที่คนอื่นจะมองเราว่าแปลกๆ ก็ไม่ต้องเล่าให้ใครฟังหรอกคะ เพราะสิ่งที่คุณสัมผัสนั้งเป็นเรื่องเฉพาะตน ใครทำใครได้คะ คุณได้พบเทวดาแล้ว ก็ต้องพบมาร นี่เป็นของคู่กัน มารนั้นก็อยู่ในตัวเรานี่ละ มักหลบซ่อน สังเกตสิเวลาโกรธ ถ้าไม่มีสติทำอะไรไปโดยไม่คิดเสียก่อนก็มีแต่ผลเสีย แล้วก็อย่าไปโกรธมารนะเพราะเค้าก็เป็นครูบาอาจารย์ของคุณด้วย ค่อยเป็นค่อยไปนะคะ สวดมนต์ไหว้พระแล้วทำสมาธิแล้ว อุทิศบุญกุศลที่ทำให้เทวดา แล้วอย่าลืมให้มาร และเจ้ากรรมนายเวรด้วยนะคะ
     
  12. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    คะ อีกสักนิดนะคะ ไหนๆวันนี้ก็ว่างแล้ว เมื่อทราบแล้วว่า มีเทวดาคุ้มครองรักษาดูแลอยู่ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า เทวดาจะอวยให้คุณทุกสิ่งทุกอย่างดีหมด ทั้งลาภยศเงินทอง หรือ คุญจะขออะไรก็ได้นะคะ (อย่าหวัง) โดยเฉพาะเรื่องการเสี่ยงดวง เทวดาไม่ช่วยเพราะนั้นไม่ใช่หน้าที่ อีกอย่างนั้นเป็นการส่งเสริมคุณให้หลงมั่วเมาในอบายมุข ... สิ่งที่ท่านช่วยคือการดึงคุณให้เข้าสู่ทางธรรม และ ร่วมอนุโมทนาบุญ กับสิ่งที่คุณทำต่างหากละ

    ทุกอย่างในการดำเนินชีวิต เป็นเรื่องที่คุณจะต้องกระทำ และ ตัดสินใจเองทั้งสิ้น ท่านเป็นเพียงกำลังใจให้คุณเท่านั้นละคะ มีข้อคิดฝากนิดหนึ่ง คือคิดทุกอย่างให้เป็นบวก ..ทำอะไรก็แล้วแต่คะ ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนมัวหมอง และ ตนเองก็ต้องไม่เดือนร้อนมัวหมองด้วยนะคะ ...

    ครูบาอาจารย์ ท่านเคยสอนไว้ ..ว่าทุกครั้ง หลังสวดมนต์ไหว้พระ หรือ ทำบุญ
    ให้อธิฐานจิต เป็นประจำสม่ำเสมอว่า หากมาศแม้นยังไปไม่ถึงซึ่งพระนิพาน ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ขอให้ได้ไปเกิดในยุคของพระศรีอริยเมตไตร ยุคที่มีพระพุทธศาสนา ไม่ขอไปเกิดในช่วงที่ว่างเว้นจากพระพุทธศาสนา ขอเสวยผลบุญก่อน ต่อเมื่อถึงยุคที่มีพระพุทธศาสนาแล้ว ถึงค่อยลงมาเกิด...


    ครูบาอาจารย์ท่านว่าไว้คะ ว่าช่วงที่ไม่มีพระพุทธศาสนานั้น เป็นกุลียุค เป็นยุคที่คนไม่มีศลีธรรมสักนิดเดียว มีแต่ฆ่ากัน แผ่นดินลุกเป็นไฟเดือนร้อนทุกย่อมหญ้า หาความสงบสุขไม่ได้เลย...

    วันนี้เราคุยกันเท่านี้ก่อนนะคะ
    บายๆคะ
     
  13. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    ขอบคุณมาก คุณ ศิลามณี ที่ให้คำสอนดีๆ ดิฉันก็ไม่คิดขออะไรจากท่านเลยเคยคุยกับท่านเหมือนกันแบบมโนฯ นะค่ะแรกๆ งง ไปหมดไปคุยได้อย่างไรเพราะดิฉันตั้งใจจะไปนิพานชาตินี้ ถ้าเป็นไปได้ท่านรู้ความรู้สึกว่าดิฉันคิดอย่าไร ท่านเลยมาดึงจิตไปคุยด้วยว่ายังไม่ให้ไปนิพานคอยไปพร้อมท่าน ให้ไปอยู่กับท่านก่อน ดิฉันเบื่อการเกิดเป็นมนุษย์เพราะมีแต่ความลำบาก ถ้าดิฉันมาอยู่กับท่านหมดบุญดิฉันตอ้งมาเกิดเป็นมนุษย์อีกแหละดิฉันก็พูดต่อท่านจะช่วยดิฉันได้ไหมในระหว่างที่ดิฉันยังอยู่ในโลกมนุษย์ถ้าดิฉันมีความลำบาก ท่านก็พูดตอบมาว่า ท่านช่วยได้เท่าที่ท่านสามารจะช่วยได้แต่ท่านไม่สามารถฝืนกรฎแห่งกรรมได้ ดิฉันก็เลยพูดต่อถ้าเช่นนั้นท่านอย่ามาหวังในตัวของดิฉันเลยถ้าดิฉันมีความลำบากมากๆดิฉันอาจจะ
    ตัดขอเข้านิพานเลย ท่านบอกไม่ได้เธอเคยสัญญาไว้ว่าจะมาอยู่กับเราแล้วจะมาหนีเราไปไม่ได้ ดิฉันพูดต่อก็ดิฉันไม่อยากเกิดเป็นมนุษย์นี่ ท่านก็พูดว่าเธอก็อธิฐานชิว่าถ้าเธอมาเกิดบนเทวโลกให้เธอสร้างบารมีต่อจนเข้าถึงซึ่งนิพานเลย ดิฉันก็ไม่พูดอะไรมันคงจะเป็นเวรกรรมของดิฉันระมัง มีครั้งหนึ่งเคยถามท่านว่าดิฉันมีเวรกรรมอะไร ท่านบอกว่ามีชิเวรกรรมที่เธอจะต้องมาอยู่กับเรา ดิฉันก็เฉย เรื่องเวรกรรมหลีกไม่ได้เลยถ้ามีก็ต้องชดใช้
    เคยขึ้นไปขอความความช่วยเหลือจากหลวงพ่อฤาษี หลวงพ่อช่วยบอกเทวดาองค์นั้นอย่างมายู่งกับหนูได้ไหม หลวงพ่อพูดว่าพวกเองไปเคลียกันเอาเอง พอได้คำตอบแบบนี้ก็ต้องยอมรับโดยปริยายว่าดิฉันมีเวรกรรมกับท่านจริงๆ แต่ท่านก็ดีไม่ได้มาทำร้ายอะไรจะคอยสอนในการ ปฏิติธรรมตลอดมีวันหนึ่งมาบอกหวยไม่ได้ขอมาบอกเองเพราะดิฉันไม่ชอบเล่นหวย พอท่านมาบอกก็ถูกแต่ถูกไม่มากก็เลยเอาไปทำบูญให้ท่านหมดเลย ทุกครั้งที่ดิฉันสวดมนต์นั่งสมาธิดิฉันอุทิศส่วนบุญกุศลให้หมดทั้ง 3 โลกเลยก็แล้วแต่เจ้ากรรมนายเวรจะให้อภัยหรือเปล่า อันนี้ก็คงจะตอ้งพยายามต่อไป
     
  14. โมก

    โมก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,737
    เทวดารักษาคุ้มครองมีกันทุกคน ไม่ใช่แค่เทวดา เป็นผีก็มีอสูรก็มี ขึ้นอยู่กับจิตของมนุษย์คนนั้นว่าเป็นคนดีคนชั่วแบบไหน พวกชั่วจะมีผีใหญ่,อสูรคอยคุ้มครอง พลังดีดึงดูดพลังดี พลังชั่วชอบพวกชั่วด้วยกัน และยังขึ้นกับบุญบารมีที่สะสมมาจากอดีตชาติ ซึ่งอาจผูกพันกับองค์ใดเป็นพิเศษ บางคนอาจเคยเป็นลูกศิษย์หรือสาวกของท่าน มาชาตินี้เกิดเป็นมนุษย์ท่านก็จะตามมาคุ้มครองและแนะวิธีบำเพ็ญบารมีกันต่อไปที่เขาเรียกกันว่า "เทพอาจารย์" หลายคนมีมากกว่าหนึ่งองค์ บางคนไม่เคยรู้ว่าตัวเองมีจนไปขึ้นที่งานสวดพานยักษ์ ที่เทพประจำตัวมาเพื่อส่งสัญญาณว่า "ร่างนี้มีผู้คุ้มครองนะ อย่ามาแหยม" คุ้มครองคนคนนั้นไม่ให้พวกผีหรือผีจากไสยเวทตร์ทั้งหลายที่ติดมากับคนในงานมาทำร้ายได้ บางองค์มาเพื่อปราบพวกผีเกเรที่อยู่ในงาน แต่ไม่แนะนำอย่างแรงให้ไปงานพวกนี้ เพราะนอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้ว ยังมีโทษ บางคนอยากรู้อยากเห็นไปดูไปร่วม อยู่ดีอยู่แล้ว กลับมีผีหรือของสกปรกติดกลับมาด้วย คือมันออกแล้วไปหาร่างใหม่อยู่ต่อ ฉะนั้น วัดใดสงฆ์ใดแอบอ้างหาเงินกับงานแบบนี้มักอ้างว่า สะเดาะเคราะห์ แต่มันเป็นงานหาเคราะห์เข้าตัวมากกว่า
    พลังจากกายทิพย์ทั้งหลายไม่มีอุณหภูมิ เป็นรูปแบบคล้ายพลังงานแสง ยิ่งร้อนยิ่งไม่ใช่ นั่นคุณอาจจะป่วย หรือพลังงานในร่างกายไม่สมดุล หรือคนที่เล่นพลังปราณมากก็อาจเป็นได้ ถึงต้องถ่ายพลังปราณรักษาคนอื่นเพื่อลดความร้อนในตัวเอง
    ไม่อยากให้ไปใส่ใจอะไรมากว่าใครคุ้มครองเราอยู่ จิตยึดมั่นในธรรม มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหนือเกล้าเป็นที่สุด ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่านี้ค่ะ
     
  15. pk010209

    pk010209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    973
    ค่าพลัง:
    +2,634
    อนุโมทนา คุณนันทิยา ขอให้สำเร็จดังใจหมายใชาตินี้นะคะ เราก็เคยได้นะคะดอกไม้สวรรค์กลับมาจากทำบุญแล้วเห็นค่ะ เรื่องกลิ่นหอมก็เคยค่ะหอมดอกไม้ แต่ไม่ใช่กลิ่นที่เราคุ้นชิน เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าเทวดารับรู้ และร่วมอนุโมทนาบุญกับเราค่ะ
     
  16. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะค่ะ ค่ะกลิ่นดอกไม้จะไม่เหมือนเมืองมนุษย์ กลิ่นจะหอมแปลกใครที่รับสัมผัสได้ก็จะรุ้ค้วยตัวเอง ก็กลัวว่าจะเป็นอสูรเหมือนกันเพราะดิฉันพิสูจน์ไม่ได้ แรกๆที่ไปคุยกับท่านดิฉันพยายามหลีกเลียงตลอดแต่ก็ฝืนความรู้สึกไม่ได้เพราะท่านจะมาให้เห้นในจิตแล้วกวักมือเรียกให้ไปคุยด้วยมันเหมือนดิฉันมีความผูกพันธ์กับท่านอย่าน่าแปลกใจ พอดิฉันนั่งสมาธิจิตเคลิ้มก็จะได้รับสัมผัสจากท่านเป็นเสียงท่านเลยว่า วันนี้ว่างหรือเปล่าอย่าลืมชั้น 3 คือว่าวิมานของท่านมี 3 ชั้นท่านจะรออยู่ที่ชั้น 3 พอดิฉันออกจากสมาธิก็มาคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย แต่ดิฉันไม่ได้สนใจอะไรก็แกล้งลืมๆ ไปซะ แต่พอมาอีกวันนั่งสมาธิจิตสบายๆ เคลิ้มๆ ได้ยินเสียงหลวงพ่อพูดมาเลยเองต้องไปหาเขา เขารอเองอยู่เองจะฝืนกฎแห่งกรรมไม่ได้ พอออกจากสมาธิ งง เลยก็ต้องไปหาท่านไปถามท่านว่า ท่านเป็นเทวปุตมารเหรอ ท่านตอบว่าทำไมเธอคิดแบบนั้น ดิฉันตอบก็ดิฉันตั้งใจเพื่อไปนิพานแต่เหมือนท่านมาคอยขัดขวาง ท่านตอบว่าถ้าเราเป็นเทวปุตมารเราคงดลจิตดลใจให้เธอไปทำในสิ่งที่เลวๆ ไปแล้วคงไม่มาดลจิตดลใจให้เธอมานั่งสวดมนต์
    ปฎิบัติธรรมอยู่อย่างนี้หรอกนะ ดิฉันก็คิดว่าจริงอย่างที่ท่านพูดเพราะดิฉัน
    ชอบสวดมมต์ ทำสมาธิมาก เพราะมีความสุข ดิฉันก็พูดว่าดิฉันก็กราบขอโทษก็แล้วกัน คิดเสียว่าคำนั้นดิฉันไม่ได้พูด ท่านก็ยิ้มไม่ว่าอะไร ก็ไม่เป็นไรก็คงจะต้องพิสูจน์ กันต่อไป เทวตานุสติกรรมฐานก็ได้ไปสวรรค์เหมือนกัน
     
  17. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    อืมร์ คุณ นันทิยา ไปปฏิบัติแถววัดป่าหรือคะ วัดไหนคะ แถบภาคอีสาน?

    ....ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันนะคะ ของศิลามณีนี่ ครั้งแรกที่เข้าปฏิบัติ ที่ภาคเหนือ ตอนนั้นไม่รู้จักด้วยซ้ำคะ ว่าการปฏิบัติคืออะไร ทราบแต่ว่ามีไหว้พระสวดมนต์ สอนทำสมาธิ และ ต้องอยู่ที่นั้นถึง 7 วัน ( ตอนนั้นคิดนะคะ โอโฮ้ ตั้ง 7วัน ) สถานที่ ที่ศิลามณีไปเข้าปฏิบัตินั้นชื่อวัดห้วยส้ม คะ ... ต้องยอมรับว่าได้หลักของการปฏิบัติจากที่นั้น ถ้าจะเปรียบ... ก็น่าจะเป็นชั้นเตรียมอนุบาล ช่วงที่เข้าปฏิบัตินะ เค้าต้องตื่นแต่ตี 4 ซึ่งมันเช้ามากๆๆ สำหรับศิลามณีคะ งัวเงียน่าดู... ยังแอบคิดในใจว่าเดี๋ยวนะ :p กลางวันนี้อาจารย์เผลอเมื่อไหร่ ศิลามณีจะเอากระดิ่งไปซ่อนเลย
    ....ไม่สำเร็จหรอกคะ คูรบาอาจารย์ท่านรู้ทันแถบยังพูดดักคอไว้อีกว่า กระดิ่งนี่นะอาจารย์มีหลายอันจ๊ะ :eek:

    หลังจากที่ออกจากวัดห้วยส้ม ก็ปฏิบัติเองอยู่ไม่ขาด มากบ้างน้อยบ้างตามแต่เวลาจะอำนวยนะคะ ....ไม่มีเทวดาเรียกมาคุยแบบคุณนันทิยานะ จะมีก็แต่อาการนั่งตัวโยก ขณะทำสมาธิเวลากลางคืน ในห้องนอนนะคะ ศิลามณีก็ปล่อยให้โยกไป สักพักก็หยุดโยกไปเอง เคยเรียนถามกับครูอาจารย์ ถึงอาการของการโยกตัวนี่แล้วเหมือนกันคะ ท่านก็บอกแค่ให้กำหนดรู้...และไม่ใส่ใจกับอาการที่โยก เท่านั้นละ

    มารู้จักเทพเทวดาว่ามีจริงๆนะ ไม่ใช่นิทานหลอดเด็ก ก็ช่วงที่มีโอกาสได้ไปสอนชาวบ้านทำเครื่องหอมไทย ที่จังหวัดหนองคายนี่ละ มีวันว่างอยู่ 2 วัน เที่ยวซะเลยตามวัด .. ไม่มีเพื่อนไปด้วยคะ ฉายเดี่ยว จนไปถึงที่วัดโพธิ์ชัย ที่มีหลวงพ่อพระใส เค้ามีตู้กระจกใส่ชิ้นส่วนของพญานาคไว้ มองดูสักพักก็เลยอธิฐานจิต ขออนุญาตเห็น เพื่อเป็นการยืนยันว่าพญานาคมีจริงๆ กดถ่ายไปตั้งหลายรูป มีให้เห็นทุกรูปเลยคะ หนำซ้ำนะคุณนันทิยา มีให้เห็นทุกรูปทุกวัดที่ศิลามณีไปเที่ยว .. ไม่ต้องมาขอดูเลยคะไม่ให้ดูหรอก ใครอยากเห็นไปอธิฐานขอเองละกันนิ ตั้งแต่นั้นก็เลยพอละนะ รู้แล้วว่ามีจริงๆ ...

    ถ้าเทพเทวดามีจริง พระพุทธเจ้าก็ต้องมีจริงๆ ใช่ไหมคะ
     
  18. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    สัวสดีค่ะคุณศิลามณียินดีที่จะแลกประสพการณ์ค่ะ ดิฉันอยู่ต่างประเทศค่ะประเทศอังกฤษ
    อายุ 49 แก่แล้วว่างั้นเหอะ มาอยู่ต่างประเทศตั้งแต่อายุ 30 แต่ปัจุบันนี้ไปๆ มาๆ เวลาที่อังกฤษต่างจากเมื่องไทย 6-7 ช ม แรกๆดิฉันก็ไม่ใด้สนใจเรื่องสมาธิเท่าไรตอนที่อยู่ประเทศไทย เพราะไม่มีเวลาทำแต่งานพอแต่งงานกับชาวอังกฤษก็มีเวลาเยอะอยู่ต่างประเทศเหงามากทำให้ดิฉันคิดถึงประเทศไทยมาก ทำให้ฉันเกิดธรรมะในใจเฝ้าถามตัวเองเสอมว่า เราเป็นใครมาจากใหนถ้า ตายแล้วจะไปไหน นรก สวรรค์มีจริงหรือเปล่า นิพานไม่ต้องพูดถึง ณ เวลานั้นคิดว่าศูนย์แน่ ขนาดนรก สวรรค์ยังคิดว่ามีหรือเพราะเราไม่สามารถสัมผัสได้ เบื่อหน่ายชีวิตประจำวันทั้งๆ งานก็ไม่ได้ทำอะไร คุณศิลามณี แต่ดิฉันก็เบื่อสงสัยว่า นางฟ้า เทวดามีจริงหรือเปล่าจะพิสูจน์ได้อย่างเห็นพี่ชายเขามาบอกว่านางฟ้าสวยมากคือว่าเขาไปได้แต่ตอ้งออกดว้ยญาณ 4 แต่ดิฉันทำไม่ได้หรอกก็เก็บความสงสัยไว้ในใจ
    มาวันหนึ่งนอ้งของดิฉันเสียชีวิต เขาเป็นคนพิการ ดิฉันเสียใจมากตัดใจไม่ได้เลยนานมาเป็นเดือนจมมีวันหนึ่งมีรุ่นพี่สงสาร เขาเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำวัดอุทัยธานี
    เอาหนังสือธัมมวิโมกข์มาให้พออ่านแล้วใช่เลยโดนใจมากพออ่านก็เลยเลิกเสียใจเลยมันเป็นเรืองธรรดาจริงๆ ท่านสอนตัดร่างกายคือขันธ์ห้านั่นเองชอบมากที่ท่านสอนให้ไปดู นรก สวรรค์ นิพานได้ แต่จะทำอย่างไรได้ถ้าอยากพิสูจน์ตอ้งฝึก นั้นคือจุดเริ่มต้นของการ
    ปฏิบัติธรรมของดิฉัน ถ้าจะเล่ามันก็ยาวมากเอาแค่คุณศิลามณี นึกเห็นภาพก็แล้วกัน ดิฉันกลับไปเที่ยวเมืองไทยก็ไปหาหนังสือขอหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ทั้งเทปธรรมะโดยเฉพาะพระพุทธรูปแก้วใสเอามานั่งจับภาพ คือให้นึกเห็นให้ได้คือหลวงพ่อท่านสอนแบบนั้นเอามาฝึกเองโดยเอาคำสอนของหลวงพ่อในหนังและเทปเป็นครู ก็แล้วแต่จริตของคน คนนั้นว่าชอบแบบใหนถ้าชอบแบบเงียบๆ ก็มี คือไม่เห็น นรก สวรรค์และนิพาน ถ้าใครอยากจะพิสูจน์ว่า
    นรก สวรรค์มีจริงหรือเปล่าก็มี ดิฉันอยากพิสูจน์ว่ามีจริงๆ หรือเปล่าก็เลยต้องฝึกในแนวนี้ ตอนนั้นมีความพยายามมากแต่ขาดความเข้าใจไม่ว่าจะทำอะไรจะนั่งจะนอนจะยืนจะเดินจับลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนา นะมะ พะทะ และนึกถึงภาพพระอยู่ในใจเห็นบ้างไม่เห็นบางก็ทำไป ตลอด 3 เดือนก็ไอ้ความที่อยากจะไปเห็นสวรรค์นั้นเองจนมีเช้าวันหนึ่งดิฉันตื่นไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับมานอนนึกถึงลมหายใจเข้าออกพร้อมคำภาวนาแบบเบาๆมันจะเป็นไปของมันเองเพราะอารมณ์มันชิน ดิฉันมีความรู้ว่าคำภาวนามันเร็วแต่มีความสบายก็ปล่อยเกิดอาการตัวชาหัวหมุนแต่สบายก็ไม่ได้ฝืนอะไรปล่อยก็มีเสียงมาก็ซิมข้างหูว่าจะออกแล้วนะจะไปไหมอยู่ในอารมณ์เคลิ้มนะค่ะ ดิฉันก็คิดว่าอยากจะรู้ว่าออกไปแล้วจะเป็นอย่างไรก็เลยนึกถึงคำสอนขอหลวงพ่อถ้าจะออกก็ต้องขอบารมีขององค์สมเด็จก่อนเพระบารมีเราน้อย พอขอบารมีดิฉันก็ตั้งจิตอธิฐานไปสวรรค์ชั้นดาวดึงห์มันออกไปจริงๆ ลอยขึ้นไปหยุดกลางอากาศดิฉันก็มองไปรอบๆว่าจะมี นางฟ้า เทวดาให้เห็นสักองค์ไหมที่ไหนได้มีแต่ความมืดและมีดวงๆลอยเต็มไปหมด ผิดหวังค่ะก็เลยคิดว่าเรามาได้อย่างไรเนี่ยถ้าเราตกไปตายทำอย่างไรเนียเกิดกลัวตายขึ้นมาเสียแล้วจะกลับอย่างไรเนี่ยก็เลยนึกถึงองค์สมเด็จขอบารมีท่านขอกลับร่างมันก็กลับมาที่ร่างตัวที่นอนอยู่ ก็นี่แหละคะผลของการปฎิบัติหลังจากนั้นก็ไปแบบนี้บ่อยๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไรเพิ่มมารุ้เอาตอนหลังที่ดิฉันมาฝึกมโนฯ แบบเต็มกำลังพระพุทธเจ้ามีจริงค่ะท่านสวยมากเดี๋ยวดิฉันจะกลับมาเล่าให้ฟังตอนนี้ขอไปทำอาหารให้สามีทานก่อนนะค่ะ
     
  19. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    ยินดีเช่นกันคะ คุณนันทิยา ศิลามณีอยู่เมืองไทยในต่างจังหวัด แถวๆภาคเหนือนะคะ อายุอ่อนกว่าคุณนันทิยานิดเดียว

    คะครูบาอาจารย์ท่านก็สอนว่า ก่อน และ หลัง การปฏิบัติทุกครั้ง ให้ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ทุกๆพระองค์ทุกๆท่าน รวมทั้งเชิญเทวดาผู้คุ้มครองรักษา และ เจ้ากรรมนายเวร มาปฏิบัติร่วมกัน กับอีกข้อที่ห้ามลืม... คือ ให้เป็นผู้ที่มีสติสัมปชันยะอยู่ทุกเมื่อ รักษากายวาจาใจ ให้พ้นจากความทุกข์ภัยอันตรายทั้งปวง...

    ส่วนภาพที่ คุณนันทิยา เล่าให้ฟังว่าไปเที่ยว น่าจะเรียกได้อีกอย่างว่าเห็นนิมิต เป็นเรื่องปกติ เป็นสภาวะธรรมอย่างหนึ่ง ที่เกิดขึ้นกับนักปฏิบัตินะคะ ไม่ใช่เรื่องแปลก เรื่องนิมิตนี่..ถ้าเห็นก็ต้องตั้งสติให้ดีๆนะคะ ที่คุณนันทิยา ระลึกถึงพระพุทธเจ้านะถูกแล้ว อย่าไปหลงมองเพลิน ปล่อยให้ภาพเหล่านั้นผ่านเลยไป และ ที่ต้องระวัง คือ ต้องให้ใจของเราจดจ่ออยู่กันคำภาวนาอย่าให้ขาด เพราะนิมิตนี่ ภาพที่ปรากฎเหมือนจริงมากๆคะ เป็นภาพที่เหมือนในชีวิตที่เราอยู่ปัจจุบันขณะตื่น บางนิมิตอาจจะมีภาพเราเข้าไปร่วมด้วย คนละอย่างกับภาพความฝัน บางคนนะคะ เห็นนิมิตเป็นมือยื่นออกมายั้วเยี่ยเต็มไปหมด เป็นภาพน่ากลัว น่าสยดสยอง คุ้มสติตนเองไม่อยู่ กลายเป็นบ้า มีอาการทางจิตไปก็มี เห็นก็เห็นไปคะ เห็นแล้วเดี๋ยวก็หายไปเอง ........ทุกอย่างเกิดขึ้นตั้งอยู่ และ ดับไป


    เพื่อนๆท่านอื่นๆละคะ...ที่เข้ามาอ่านอยู่นี่นะ มีความเห็นที่ต่างไปจากนี้ หรือ มีคำแนะนำอะไรไหมคะ เชิญเลยนะ นั่งอ่านอย่างเดียวจะไปสนุกอะไรละ เชิญคะ;)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2010
  20. pk010209

    pk010209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    973
    ค่าพลัง:
    +2,634
    ประสพกาณ์น้อยค่ะ ปฏิบัติก็ไม่สม่ำเสมอ แต่จะเจอเหตุการณ์แปลกๆหรือจะเรียกได้ว่าสัมผัสที่หกก็ได้ค่ะ หรือไม่ก็จะฝันแปลกๆ อย่างเช่น ฝันว่ามีคนพาไปดูภัยพิบัติที่จะเกิด ร่างกายมันเหมือนโดนดึง โดนเหวี่ยงเวลาเปลี่ยนสถานที่ จนสุดท้ายก็เหมือนหล่นจากท่ีสูง ตื่นมาก็นอนอยู่บเตียงเหมือนเดิม
     

แชร์หน้านี้

Loading...