อยากทราบเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย Sagen1994, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. Sagen1994

    Sagen1994 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +202
    เรียนถามท่านผู้รู้ครับ...

    ผมอยากทราบว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีองค์แรกและองค์สุดท้ายไหมครับ ...ถ้าไม่นับแค่ภัทรกัปนี้ครับ แต่นับตั้งแต่จุดเริ่มแบบแรกๆๆๆๆสุดเลยครับ?

    แล้วพระปัจเจกพุทธเจ้า มีองค์แรกและองค์สุดท้ายไหมครับ?
     
  2. newborn

    newborn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +231
    ตัดกิเลสดีกว่ามั้งครับ

    ผมว่าเรื่องของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่เกินวิสัยของเราที่จะรู้ สู้เราศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้าเพื่อให้เราตัดกิเลสเพื่อให้เราเข้าใกล้ความเป็นพระอรหันต์ได้จะไม่ง่ายกว่า และไม่ดีกว่าเหรอครับ
     
  3. ไวยาวัจกร

    ไวยาวัจกร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +39
    :z2มีการเริ่มต้น - ก็ย่อมมีการสิ้นสุด จริงหรือเปล่าครับ ?:z2
     
  4. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    คำเทศน์ของ “ท่านทรงปราบมาร”

    (ท่านองค์นี้ ทรงเป็นผู้สนับสนุน พระพุทธเจ้าทุกพระองค์
    และท่านจะรอ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า องค์สุดท้าย)



    <CENTER>5 เมษายน 2517</CENTER>
    เราฟังธรรม ไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อคนเทศน์ ฟังให้มันรู้เรื่องเป็นใช้ได้
    เราทำอะไรคิดว่าวิเศษแล้วหรือ ? อย่าโอหัง เราทำดีไปเถิด ทำอะไรก็ควรมีคารวะ มีใจนอบน้อม ใฝ่ดี
    ทุกคนทำอะไรอย่าอวดดีว่ามีเทพองค์โน้นองค์นี้มาเอาอกเอาใจมาเล่นมาชม
    เราทำแต่สิ่งที่ถูกที่ควรก็แล้วกัน ถ้ารักจะดีแล้ว ฟังก็ฟังให้ตลอด รู้ซึ้ง นำไปทำได้


    <CENTER>3 พฤศจิกายน 2517</CENTER>
    ศีล...ทำให้คนดี
    สมาธิ...ทำให้คนเฉย
    ทุกข์...ทำให้คนมีปัญญา
    ระวังนะ...รู้มากไปจะไปวนอยู่ในอ่าง

    หลักมันง่าย ดังที่ท่านได้ให้ไว้ แจกแจงออกไปซิ ไม่งั้นก็ไม่ต้องเน้นว่าต้อง “ให้แตกฉาน”
    หลักน่ะมีมากด้วยกัน อยู่ที่ความมั่นคง (ของแต่ละคน) ว่าจะจับหลักไหน ถ้าจับหลายหลัก แล้วจะดีได้หมดทุกหลักหรือ จับเสียหลักเดียวแล้วยึดให้มั่นว่า เราจะปฏิบัติตามหลักนั้น จะสลักเสลาให้วิจิตรบรรจงงามดีเลิศได้เพียงใดก็สุดแต่กำลังของตน


    <DD>พวกศึกษาพระธรรมที่มาจากมหาเถรสมาคมก็ดี พุทธศึกษา หรืออื่นๆ ก็ดี เขามักจะสอนอบรมวินัยคน ธรรมะของโลกเสียมากกว่าจะสอนให้คนหนีโลก เธอเป็นคนอ่อนไหว ฟังธรรมแล้วก็คอยสะดุ้งตัวเองบ่อยๆ แล้วก็กลัวผิด พอกลัวมากๆ ก็ท้อไม่แน่ใจว่าตัวเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาหรือเปล่า ทำอย่างสบายๆ ซิ

    <DD>เราฝึกใจไม่ใช่อบรมใจ การขึ้นบันไดถ้ายังไม่แน่ใจว่าเราขึ้นบันไดผิดหรือเปล่า เราก็ก้าวขึ้นอย่างสบายๆ ใจเย็น มันก็ไม่หมดแรงและไม่หกล้ม ถ้ารีบก้าว คือเร่งรัดตัวเองมากไปก็เหนื่อย สะดุดได้ง่าย

    <CENTER>25 ธันวาคม 2517</CENTER>
    <DD>สาธุ..สาธุ..ที่ดีแล้วก็ให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป ถ้ายังไม่ดีก็ทำให้ดี
    <DD>พรให้ตายช้าๆ อย่าเอาเลยนะ ฉันไม่ค่อยชอบ ฉันชอบตายเร็วๆ ให้รู้แล้วรู้รอดไป แล้วพรเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยก็ช่างมันนะ เป็นไปตามสังขารและขันธ์ จะทำให้สบายได้อย่างไร เอาพระที่ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ร้อน ไม่หนาว ไม่ตาย ไม่เกิดดีกว่า ถาวรดี

    <DD>ฉันว่า ถ้าให้พระอย่างทั่วๆ ไป อายุ วรรณะ สุขะ พละ แล้วรู้สึกว่าเป็นการแช่งให้คนทรมานในโลกมากไป สู้ตายให้พ้นๆ ไอ้เรื่องเวรกรรมดีกว่านะ ปู่ว่าคงถูก

    <CENTER>16 สิงหาคม 2517</CENTER>
    <DD>เป็นสุขๆ เถิดลูกเอ๊ย..! การประพฤติปฏิบัติจะถูก จะตรง จะชอบ เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ถอยหน้าถอยหลัง เทวดา พรหม มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานทรงรู้ทุกอย่าง

    <DD>การปฏิบัติธรรมะ อย่างให้ห่วงกายกับใจ ถ้าห่วงจะเลี้ยงกลับยาก พิจารณากาย ตรอง แยกแยะให้ละเอียด พิจารณาว่ากายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่มีในเรา ให้แจ่มชัด ถ้าไม่ชัดก็ต้องให้กระจ่าง ถ้ากระจ่างครั้งหนึ่งแล้วก็จะแจ่มตลอด

    <DD>ว่างเมื่อใดอย่าให้จิตตกในอารมณ์โลก ให้ระลึกว่าความตายมีอยู่ทุกขณะ ย่างก้าวเมื่อใดมีความตายทุกขณะ เพื่อกันความประมาทพลั้งเผลอ อย่าคิดว่าปะเดี๋ยวเถอะ ค่อยคิดตอนเย็นเถอะ พรุ่งนี้เถอะ ไม่ควร ถ้ารู้อย่างนี้ถูก ใช่ ทรงอยู่ตลอดเวลาก็ค่อยวางได้ ทำทางโลกได้บ้าง

    (แก้ตัวว่า...ต้องรับใช้พระเรื่อย ไม่มีเวลาว่าง)

    <DD>ไม่รับฟังๆ อ้างไม่ได้ ย่อมมีเวลาว่างทำได้เสมอทุกอิริยาบถ เตือนตนซิ ไม่ต้องให้ผู้อื่นเตือน คิดหักใจ เราต้องมีที่พึ่งให้แท้จริง ตราบใดที่จิตยังไม่ผ่อนคลายเห็นโลกว่าเป็นธรรมดา ตราบนั้นยังเรียกว่าหาที่พึ่งไม่ได้

    <DD>เรื่องนี้ต้องรู้เองแจ่มแจ้งเอง หาไม่ก็สักแต่ว่ารู้ ถ้ามีเรื่องมากระทบก็จะไม่รู้เท่าทันมัน ทำให้กระจ่างจึงจะเป็นที่พึ่งที่พอใจได้ ถ้ามัวเกาะของภายนอกแล้ว เมื่อไหร่ล่ะจะได้ที่พึ่ง

    (ปรารภว่า...บางทีจิตก็เบื่อ รู้สึกเศร้า)

    <DD>นี่แหละ ใช้ปัญญาหาผลซิ ต้นเหตุมันมีแต่ไม่กล้าเข้าไปขุดไปค้น ตัดใจเสียซิ ไม่มีใครเกิดมาแล้วไม่ทุกข์ พ่อ แม่ ลูก เมีย วันหนึ่งก็จะต้องจากกัน เพื่อความไม่ประมาท ต้องคิดไว้เสมอ

    <DD>ความเกิดเป็นทุกข์ ก่อนตายให้คิดดูว่าที่ว่าทุกข์ๆ น่ะ มันทุกข์ที่ไหน ทำไมจึงทุกข์ เพราะอะไร คิดจนรู้เหตุใหญ่ แล้วทำมากๆ เข้าจนมีกำลังกล้า จิตจะหวั่นไหวน้อยลงๆ จนในที่สุดไม่หวั่นไหวเลย

    <DD>พิจารณานะ ทำให้ดีนะ ในโลกนี้จะหาสุขเท่าเทียมได้ไม่มีหรอก ไม่เชื่อไปทำดูเถอะ ปู่ไปล่ะนะ ว่างๆ จะย่องมาดูใหม่..!!!

    <CENTER>26 กรกฎาคม 2515</CENTER>
    <DD>“บารมี” ก็ต้องคู่กับคำว่า “สละ” ต้องสละ..ถึงจะมีบารมี
    <DD>จะสละอะไรได้บ้าง ? สละของคน มี..

    1. สละกาย คือ แรงงาน
    2. สละใจ ให้มันผ่องใส ไม่ขุ่นมัวในกิเลส ตัณหา อุปทาน
    3. สละวาจา พูดแต่ในสิ่งที่เป็นมงคล พูดแต่สิ่งที่กำให้เกิดความสามัคคี เกิดความรักในความดี
    4. สละ ด้วยทุนที่เสียมา คือ สละนอกตัวเรา เราเสียน้ำแรง เสียเงินหามาได้มา แต่สิ่งนั้นจะก่อประโยชน์ไพศาลได้ก็จงสละ

    <DD>นี่พูดถึง “สละ” อย่างรวมๆ บารมีก็เหมือนเงินฝากนั่นแหละ พื้นฐานของคนเรานั้น มีโครงสร้างไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างมีโครงสร้างที่ตนประกอบขึ้นมาเองทั้งสิ้น โครงที่ประกอบกันขึ้นมานั้นก็อยู่ที่การประสมธาตุทั้ง 4 ให้พอดีกัน อาจจะได้เป็นโครงสร้างที่ดี หรือ ไม่ดีก็ได้

    <DD>เมื่อประกอบกันขึ้นมาแล้ว ส่วนประกอบอื่นของโครงสร้างนั้นก็ต้องตามมา เช่น 8 อย่างของโลกธรรม โลกธรรมแบ่งออกเป็นส่วนดีกับส่วนไม่ดี ส่วนดีมี 4 ส่วนเสียมี 4 แต่แก้ได้ด้วย 4 เหมือนกัน คือ “พรหมวิหาร” เมื่อแก้ได้ 4 ก็ทำให้ไม่เกิดขึ้นกับตนเสียเลยได้ด้วย 4 เหมือนกัน คือ อริยสัจ 4

    <CENTER>สอนเป็นรายบุคคล</CENTER>
    <DD>อารมณ์คนนั้นมีทั้งร้อนและเย็น เราทำหน้าที่ให้เกิดความเย็นและดับความร้อน ฉะนั้น ตัวเราต้องรักษาให้เย็นเสมอ จึงจะแก้ได้

    <DD>ทางของแต่ละคนเป็นทางส่วนตัว ฉะนั้น เราจะต้องดูแลรักษาทางอันนั้นให้สะอาด เดินง่าย เรียบร้อย เราอย่าเป็นคนทำทางของเราให้เป็นอุปสรรคกับตัวของเราเองได้ เวลาจะก้าวไปบนทางของเรา เราควรพกความรอบคอบ ระวังระไวและความเชื่อมั่นไว้ในตัวเสมอ

    <DD>โอกาสและเวลาของแต่ละคนนั้น มีคุณค่าทางโลกและทางธรรมอยู่มากนัก ฉะนั้น ควรหาโอกาสและเวลาของเธอให้เป็นบุญ เป็นประโยชน์มากที่สุด

    <DD>อุดมคติ ทุกคนก็หาไว้ใส่สมองของตนเอง ที่ว่าหาไว้ใส่สมองไม่ใช่ใส่ตัวนั้น เพราะมีน้อยรายที่จะเอาอุดมคติไปปฏิบัติกัน อุดมคติ คือ ความปรารถนาในสิ่งที่งดงาม เธอมีอุดมคติอะไร ก็พึงทำแต่สิ่งที่อยู่ในอุดมคติเท่านั้น อย่าออกนอกอุดมคติ เธอมีชาติ ศาสนา พระประมุข อยู่ 3 สิ่ง ก็อย่าให้เลยเถิดออกจาก 3 สิ่ง สัตว์ทะเลาะกันเป็นเรื่องของสัตว์ เราเป็นคนก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสีย

    <DD>จริงอยู่ที่ว่าโลกเรานี้หาความยุติธรรมไม่ได้ในสิ่งที่มองเห็น แต่สิ่งที่เป็นธรรมชาติหรือธรรมะนั้นเป็นของยุติธรรมแน่นอน เราก่อชีวิตขึ้นมาก็เป็นของธรรมชาติที่เราจะต้องหาทางให้ชีวิตนั้นสดใส ฉะนั้น เราต้องมาทำความเข้าใจเพื่อให้ชิตนั้นๆ อยู่ด้วยกันได้โดยสามัคคีธรรม

    <DD>จุดประสงค์ของแต่ละคน อาจพินาศลงได้ด้วยอารมณ์ของตนเอง คือ อารมณ์ที่พอใจ ไม่พอใจ โกรธ เกลียด รัก ชอบ หลง

    <DD>ความสำเร็จในการที่จะชนะตัวเองไม่ได้อยู่ที่ความพอใจในความสำเร็จของบุคคลอื่นๆ
    การที่เราจะก้าวไปข้างหน้าได้นั้น เราต้องรู้จักเดิน เมื่อไรที่เราเริ่มเดิน เมื่อนั้นสิ่งที่เราหมายก็จะมาใกล้ตัวยิ่งขึ้น แต่ถ้าเมื่อไรเราหยุดนิ่งพัก ก็อาจไม่เสียงานมากนัก

    <DD>เมื่อไรเรานั่ง เมื่อนั่นหมายความว่าเราไม่สู้ ถ้าเราหยุดนอนก็หมายถึงว่าเราแพ้ เพราะฉะนั้น จงก้าวและก้าวไปอย่างไม่หยุด แล้วเราจะชนะ

    <DD>บางครั้ง ความซื่อสัตย์ก็ต้องการเหตุผล บางครั้งความไม่เชื่อก็ต้องการเหตุผล และบางครั้งความเชื่อก็ยังไม่ต้องการทิฐิ

    <DD>ประทัด แม้เวลาระเบิดมันจะทำเสียดังครั้งเดียวหรือเดี๋ยวเดียวก็ตาม แต่มันยังนำความเสื่อมของใจให้เกิดขึ้น ฉะนั้น เราควรเก็บประทัดนั้นไปทิ้งเสียให้ไกลตัวเรา อารมณ์ก็เปรียบเช่นประทัดนั้น

    <DD>ความยินดี ไม่ได้ทำให้คนประสบความสำเร็จ แต่การบำเพ็ญเพียรทำให้คนจำนวนมากสำเร็จ จงพยายามและหาช่องทางสำหรับตัวเราเสียก่อนที่จะไม่มีเวลา

    <DD>"ศรัทธา" เป็นเรื่องของความเสียสละ แต่เรื่องอันไม่ใช่ศรัทธากลับเป็นเรื่องขู่เรา ต้องการให้เกิดในตัวเรา เช่น เราให้เงินแก่คนอื่นแล้วอยากให้คนอื่นให้แก่ตัวเราบ้าง อันนี้ไม่ใช่คำว่า ศรัทธา
    สุดท้ายแห่งพระธรรมเทศนา อาตมาขอตั้งจิตให้ทุกผู้ทุกนาม จงสำเร็จสมประสงค์ในความวิริยะอุตสาหะในชีวิตนี้และชีวิตหน้า

    <CENTER>5 มกราคม 2520</CENTER>
    <DD>เวลาได้ผ่านไปครบปีอีกวาระหนึ่งแล้ว เธอทั้งหลายก็มีสังขารโรยราต่อไปอีกครั้งหนึ่ง จงใช้เวลาและกำลังของสังขารให้เป็นทุนต่อธรรมประจำตนให้มากที่สุด แล้วเธอจะได้รับพรที่วิเศษคือ “จงหมดภาระจากทุกสิ่ง”

    เวลาที่เป็นทุนนั้น จงใช้สร้างคุณ อย่าสร้างโทษ

    บุคคลที่ให้ตรวจจิตวันนี้ ขอพยากรณ์ได้ว่า วาระสุดท้ายของชีวิตได้ไปนิพพาน อย่างน้อยที่สุดไม่ต้องลงมาอีก

    จงหมั่นฝึกใจของตนให้เข้าถึงธรรมอันเป็นแก่นสารของพระศาสนาโดยแท้ อย่าละความพยายาม อย่าละความเพียร อย่าโทษว่า “ทำดีไม่ได้ดี” อย่ามีทิฐิต่อกุศล จงมุ่งและมั่น ปฏิบัติธรรมตามกุศลชองความดีให้เป็นนิจ โดยไม่หวังหรือโลภในการทำบุญ ทำอย่างนั้นแล้วจะได้สบายทั้งกายและใจ...!
    </DD><DD> </DD><DD>
    อ้างอิง หนังสือพรสวรรค์
    </DD>
     
  5. waythai

    waythai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,499
    ค่าพลัง:
    +15,192

แชร์หน้านี้

Loading...