อยากทราบเรื่อง "การภาวนาให้เป็นฌาน"

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย Sagen1994, 23 กรกฎาคม 2011.

  1. Sagen1994

    Sagen1994 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +202
    เวลาอ่านบทความต่าง ๆ ในกระทู้ที่เกี่ยวกับ คำภาวนาหรือบทสวดคาถาต่าง ๆ แล้วมักจะเห็นคำว่า "ภาวนาให้เป็นฌาน" เช่น คาถาเงินล้าน เป็นต้น

    ผมจึงอยากทราบว่า การภาวนาให้เป็นฌานคืออะไร ต้องทำอย่างไรครับ ?
     
  2. pasamuu

    pasamuu สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +24
    การภาวนาให้เป็นฌาณ เป็นการบอกร่วมๆ สั้นๆ เพราะฌาณมีหลายระดับ เอาแค่ภาวนาให้ได้ ขะนิกะสมาธิก็ดีที่สุดแล้ว ผมเองนั้นจับพลังพระเครื่องได้ก็อาศัยสมาธิแค่ ขะนิกะ นี้เอง ทำสมาธิขะนิกะให้ได้เป็นปกติทุกครั้ง ที่ใจคิด แล้วการ สวด คาถา ปลุกของ ก็จะขลังได้ หลวงปู่ ดู่ บอกว่า แค่ทำให้ ขนฟอง ขนลุก ก็คงกระพันแล้ว นี้แค่เขียนผมอธิบายให้คุณ ผมก็ขนลุก ขนฟองแล้ว เพราะมัน ชิน ชินจนเป็นไปเอง ก็อธิบายพอเข้าใจ แต่ความจริงมันมีมากกว่านี้ ไม่รู้จะเขียน ยังไง มันต้อง พิสูตรด้วยตนเองจึงจะรู้ ไม่ยากหรอก ความจริงมันแค่เริ่มต้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. ธรรมภัฎ

    ธรรมภัฎ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2009
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +734
    โมทนาสาธุการบุญกับคำตอบข้างบนด้วยนะครับ บ่อยครั้งอารมณ์ของเราเวลาจับองค์ภาวนาเบาๆ ก็ขนพอง ขนลุกบ่อยมากกว่า 10 ครั้งต่อวันด้วยซ้ำ ครูบาอาจารย์ก็บอกเหมือนกันว่า นั่นแหละ ใช้อันนี้แหละ ให้เกิดประโยชน์ แต่เพราะอารมณ์อุเบกขามันอยู่ตรงหน้าตลอด มันเลยวางเฉย ไม่ยอมใช้ ถ้าใช้แล้วคงเกิดประโยชน์ทั้งกับตัวและสัตว์โลกมากกว่านี้ อันนี้ยอมรับข้อเสียของตัวเอง

    จขกท คงต้องฝึกหัดเจริญจิตตภาวนาในแบบที่ตนถนัดและชอบให้ได้ซะก่อน จึงค่อยมาจับคำภาวนากับคาถาเงินล้าน เพราะคาถาเงินล้านนั้นยาว อาจจะเดินจิตเข้าฌานได้ลำบากซักหน่อย เพราะหากไม่รู้จริตการภาวนาแล้ว มันจะเข้าฌานยาก จริงๆแล้วเอาอารมณ์เบาๆ สบายๆก็ได้นะครับ มีผลเหมือนกัน เพราะถ้าทำบ่อยๆแล้ว มันก็มีสิทธิ์เข้าถึงฌานได้เช่นกัน

    บางคนเล่นเพ่งกสิน บางคนเล่นจับคำภาวนา บางคนเล่นจับลมหายใจ หรือบางคนเล่นนับเลข 1 2 3บ้าง ต้องลองฝึกหัดให้หมด

    แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้ว เราจะรู้เองว่า เรามีจริตการเดินจิตแบบไหน ทำแบบไหนแล้วเข้าฌานได้ง่าย ได้เร็วกว่า เพราะที่สุดของฌานคือความสงบ

    เมื่อได้ความสงบแล้ว ก็ค่อยใช้จิตจับคำภาวนาคาถาเงินล้าน ตอนนี้แหละ ผลที่ได้ จะเกิดชัดขึ้น แจ่มใสขึ้น แหล่มเลย

    เจริญธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2011
  4. Nammol

    Nammol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +330
    Thank you very much for this post.
    I'd like to know like you.
    Motana boon for the answer.
     
  5. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191
    คำภาวนา เป็นเครื่องโยงจิต ที่จะประคองจิต ให้เข้าสู่ ระดับฌาณ เช่น คำภาวนา ว่า พุทโธ นะมะพะธะ สัมมาอรหัง หรือ พระคาถาใด คาถาหนึ่ง เป็นต้น

    การภาวนา มีทั้งแบบดูลมหายใจ ควบคู่ และไม่ดูลมหายใจ คือภาวนาไปเรื่อย ๆ และหากจิต เข้าถึงปฐมฌาณ คำภาวนา จะชัดเจนมาก และหากถึง ทุติยฌาณ คำภาวนา จะหายไปเอง

    เพียงแต่ เวลาภาวนา อย่าให้เกิดความอยาก เพราะจะทำให้จิต เข้าไม่ถึงเขต ฌาณ
     
  6. Sagen1994

    Sagen1994 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +202
    ขอขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงครับ ...
     
  7. ธรรมภัฎ

    ธรรมภัฎ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2009
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +734
    โมทนาสาธุการบุญก้วยอีกครั้งครับ จุดนี้ก็สำคัญเช่นกันเวลาเดินจิตจับองค์ภาวนา จะเป็นแบบไหนก็ตาม ต้องไม่อยาก แต่ก็ไม่ปล่อยให้จิตล่องลอยจนขาดสติไปเสีย อย่างนี้แล้ว ผลที่จะได้มีสูงมาก

    เจริญธรรม
     
  8. tanawass

    tanawass Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +37
    pasamuu จากประโยค ผมก็ขนลุก ขนฟองแล้ว เพราะมัน ชิน ชินจนเป็นไปเอง ก็อธิบายพอเข้าใจ แต่ความจริงมันมีมากกว่านี้ ความจริงมันมีมากกว่านี้ นี่คือ อะไรหรอครับ ช่วยบอกผมทาง pm ได้ไหม เพื่อคลายความสงสัย ด้วยความกรุณาครับ
     
  9. tanawass

    tanawass Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +37
    คุณ ธรรมภัฎ บ่อยครั้งอารมณ์ของเราเวลาจับองค์ภาวนาเบาๆ ก็ขนพอง ขนลุกบ่อยมากกว่า 10 ครั้งต่อวันด้วยซ้ำ ครูบาอาจารย์ก็บอกเหมือนกันว่า นั่นแหละ ใช้อันนี้แหละ ให้เกิดประโยชน์ ใช้ประโยชน์ยังไงหรอครับ ช่วย pm มาบอกผมด้วยครับ เพราะผมก็ขนลุก เวลานึกถึงพระรัตนไตร ผมก็นึกว่าเป็นอาการของปิติธรรมดา เลยไม่สนใจ แต่ก็ยังสงสัยเพราะเมื่อก่อนไม่เห็นจะขนลุก วืบๆ แรงๆ แบบนี้เลย บางทีก็มีเหมือนอะไรมาไต่บนกระหม่อม อันนี้บ่อยมาก ช่วยคลายความสงสัย ในการใช้ประโยชน์ด้วยครับ ด้วยความกรุณา
     
  10. ธรรมภัฎ

    ธรรมภัฎ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2009
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +734
    อาการของปีติที่เกิดขึ้น แสดงว่าใจมันสุข เป็นสุขเมื่อไหร่ ทำอะไรก็ดีไปหมด สำเร็จไปหมด

    พวกพุทธภูมิเขาเล่นกันคือ เมื่อปีติเกิด ก็ให้รีบน้อมอุทิศผลบุญทั้งหมดที่ทำมา แผ่ไปทั่วทั้งสามแดนโลกธาตุ ให้ทุกรูปทุกนาม ที่ไม่มีรูปไม่มีนามก็ตามแต่ หรือแม้แต่จะเฉพาะเจาะจงลงไปว่า จะให้ใครเป็นพิเศษ ไม่จำเป็นต้องรออุทิศหลังทำบุญอย่างเดียว นึกขึ้นได้เมื่อไหร่ ก็อุทิศได้เมื่อนั้น แต่หากเราไม่เข้าข่ายพุทธภูมิแล้ว เราก็ทำได้เหมือนกัน มีผลเหมือนกัน แต่พุทธภูมิเขาทำบ่อย ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า สาย เที่ยง บ่าย เย็น ก่อนนอน บางคนเล่นทำบ่อยพอๆกับลมหายใจเข้าออกเลยทีเดียว
    <O:p
    ไม่ว่าจะลืมตาหรือหลับตาอยู่ ใช้ใจเป็นสำคัญว่ามีความสุขจริงหรือเปล่า เพราะอาการขนลุกมันเป็นอาการทางกาย บางทีเราหนาวมันยังขุนลุกได้เลย เป็นทุกข์เพราะหนาว จึงเน้นที่มันโล่งๆ เบาๆ พลิ้วๆ สบายๆ ไม่หนักหรือเบาเกินไป
    <O:p
    อารมณ์ปีตินี้ ใช้เสกวัตถุมงคลได้หมด แต่ถ้าใช้กำลังสมาธิเยอะกว่านี้ก็จะยิ่งเข้มขลังขึ้นกว่าอีก อาจจะใช้เสกแป้งทาหน้าก่อนออกจากบ้าน หรืออาราธนาพระเครื่องขึ้นคอหรือติดตัวไปนอกเรือนชาน เจิมน้ำมันชาตรีตอนเช้าก่อนออกบ้าน ใช้น้อมจิตเคารพเจ้าที่เจ้าทาง ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงการยกตัวอย่างที่เราทำได้ง่ายๆ เพราะไม่ต้องมัวเสียเวลาเข้าอารมณ์หนักๆหากยังไม่คล่องตัวพอ
    <O:p
    เอาแค่นี้ก็เป็นมงคลแก่ตัวแล้ว เทวดามาคุ้มครองตลอด แค่จับขนิกะหรือมากกว่านี้นิดหน่อย เทวดามาตรึม

    นึกถึงพระหรือเห็นพระแล้วเกิดปีติสุข แสดงว่าใจเรายินดีน้อมรับพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกได้แล้วส่วนหนึ่ง ไม่ใช่เพียงน้อมรับกันแค่ลมปาก อย่างนี้ โอกาสที่จะเข้าสู่กระแสพระนิพพานก็ไม่ไกลแล้ว เพราะพระอริยะเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป ท่านก็มีอารมณ์นี้อยู่เหมือนกัน

    <O:p
    เจริญธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2011
  11. mhutom

    mhutom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +264
    คุณค่ะ .. แล้วค่ะ ขนลุกขนพอง ทุกวัน วันละหลายครั้ง มีทั้งขณะที่กำหนดรู้ตัวเองบ้าง ทั้งที่ไม่ได้กำหนดบ้าง .. แปลว่าอะไรเหรอค่ะ เราเป็นแบบนี้มาจะสองปีแล้วอ่ะค่ะ เป็นทุกวัน
     
  12. ธรรมภัฎ

    ธรรมภัฎ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2009
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +734
    ส่วนใหญ่ถ้าเป็นนักภาวนาแล้ว อารมณ์ของปีติล้วนๆเลย เราตามอารมณ์ไม่ทันหรอก มันเข้ามันออกของมันเองด้วยซ้ำไป ยิ่งพวกเล่นทรงอารมณ์แบบลืมตาเนี่ย เป็นบ่อย

    ล่าสุด ผู้รู้ท่านแนะนำมาว่า ที่ขนลุกเพราะทรงอารมณ์เข้าแบบเบาๆ ความเป็นทิพย์มันเกิดจับทันที เพราะเราชิน เราเลยไม่ใส่ใจกันนัก แต่ถ้าทรงอารมณ์เป็นปกติแล้ว ถึงไม่ตั้งใจทรง โลกทิพย์เขาก็ทักทายเราได้เช่นกัน เพราะเขารู้ว่า เรามีแสงทิพย์เคลือบไว้บางๆอยู่ โอกาสคุยกัน ติดต่อกันมันมีเพิ่มอีกระดับแล้ว

    พวกที่เขาเป็นทิพย์รอบๆนั้นก็มาเข้าใกล้ มาทักทายบ้าง มาสะกิดบ้าง เพราะเขาเห็นว่าเป็นพวกที่จูนคลื่นหากัน น่าจะคุยกันรู้เรื่อง เขาเลยต้องทักทายหรือหาวิธีบอกให้รู้ว่า ตูอยู่นี่ อยู่ใกล้ๆนี่ สนใจตูหน่อย ถ้าทิพจักขุญาณแจ่มใสก็กำหนดไปดูเลย ถ้ามันไม่ชัด ก็ปล่อยให้เขาสะกิดต่อไป

    ของผมไม่ชัดหรอก แต่รู้เฉยๆว่า มันอยู่ข้างๆเราเนี่ยแหละ

    ถ้าเราทรงอารมณ์เบาๆ โอกาสที่เขาจะทักเราก็มีมาก แต่ที่มาน่ะ ไม่มีหรอกที่จะมาร้าย เพราะแสงทิพย์มันฉาบเคลือบดวงจิตเอาไว้ เขาแค่ทัก แต่ทำอันตรายเราไม่ได้ ส่วนมากแล้วก็มาขอส่วนบุญ ทั้งเบื้องล่าง เบื้องกลาง และเบื้องสูง มาได้หมด มาแล้วไม่ได้ เขาก็เดินคอตกกลับไป ดังนั้น เขามาแล้ว จะสูง จะต่ำ ก็เมตตาให้เขาไปเถอะ สะสมบุญแบบไม่ต้องเหนื่อยกายอะไรเลย

    เจริญธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2011
  13. mhutom

    mhutom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +264
    ขอบพระคุณมากค่ะ . ที่แรกเรานึกว่าเส้นประสาทเราเสีย .. แล้วที่คุณบอกว่า " เมตตาให้เขาไปเถอะ" นี่คือต้องทำอะไรเหรอค่ะ แผ่เมตตาหรือว่าอุทิศบุญค่ะ.
     
  14. ธรรมภัฎ

    ธรรมภัฎ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2009
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +734
    เมตตาหมายถึงสงเคราะห์ คือ อุทิศบุญให้เขาไปได้เลย จะร่ายยาวหรือสั้นก็ตามสะดวก ให้ไปก่อน เพราะให้แล้ว มันเป็นการฝึกตัวเมตตาข้างในของเราไปในตัว

    ไม่จำเป็นว่าเขาจะมาขอส่วนบุญอย่างเดียว อาจจะมาร่วมโมทนาบุญกับเรา จากการที่เราคิด พูด หรือทำเรื่องดี เรื่องกุศล เรื่องธรรม โดยเฉพาะเวลาที่เราพูดเรื่องธรรมะออกมาเป็นเสียง เพื่อสอนคนอื่น หรือพิจารณาองค์ธรรมที่เราจับอยู่ อารมณ์แบบนี้แสงทิพย์พุ่งไปไกลมาก สว่างไสวไปทั่ว เพราเป็นกุศลที่แรง มีกำลังมาก ถึงเรามองไม่เห็นด้วยตาเนื้อหรือตาในก็ตามแต่ เขาเลยมากัน

    แต่อย่าไปติดกับมันล่ะ เพราะมันเป็นเพียงอาการของกาย เอาอารมณ์จากใจเป็นสำคัญ บางทีอยากให้ก็ได้ ไม่ให้ก็ได้ แต่พวกที่เขามีบารมีมาก เช่นพุทธภูมิ เขาต้องทำ เพื่อเร่งเก็บแต้มให้เต็ม แบบนี้มันได้ไว อย่างเราๆท่านๆก็ไม่จำเป็นต้องทำบ่อยๆในทุกครั้งก็ได้ จับพิจารณาเป็นไตรลักษณ์ยิ่งดีเลย เพราะมันเห็นชัดและเร็ว ขนลุกไม่นาน เกิดแล้วมันก็ดับเร็ว เอาไปใช้เวลาเราทุกข์ ทุกข์เกิด แป๊บเดียวเดี๋ยวมันก็หาย แล้วก็ไปเจอทุกข์ตัวใหม่

    หลังจากได้อ่านแล้ว ท่านคงสนุกขึ้นเยอะเลยเนอะ มีภาระเพิ่มขึ้นเลยเชียวนา แต่เป็นภาระให้แต้มเราเต็มเร็ว เต็มเมื่อไหร่ ไปนิพพานสบายๆเลย

    เจริญธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2011
  15. THEFOOL23

    THEFOOL23 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +136
    2อย่าง สั้นๆ

    1.ภาวนาคาถา จนจิตสงบนิ่ง สติตั้งมั่น จนเป็นฌาน

    2.ภาวนาคาถา ในฌาน

    1.สำหรับคนใหม่ๆ ที่ยังทำฌานไม่ได้ หรือเข้าฌาน ยังไม่คล่อง
    2.สำหรับคนที่ มี ฌาน

    คำถามทำไมต้องเป็นฌาน
    ตอบ เพราะ มีอนิสงค์มาก กำลังมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2011
  16. mhutom

    mhutom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +264
    ขอบพระคุณมากเลยนะคะที่กรุณาแก้ข้อสงสัย โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกดีนะคะ ที่เราคุณค่า ที่เราสามารถช่วยเค้าได้ สักนิดก็ยังดี แต่ติดตรงที่ขี้กลัว ...ยังไงก็อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ .. สาธุ
     
  17. ธรรมภัฎ

    ธรรมภัฎ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2009
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +734
    อย่าไปจิตนาการว่ามีแต่ผีเท่านั้นล่ะครับ เทพเทวาก็เยอะไปนะครับ ลงทุนน้อย แต่ได้ผลกำไรเยอะ ดีออก
    เจริญธรรม<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2011
  18. tanawass

    tanawass Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +37
  19. ธรรมภัฎ

    ธรรมภัฎ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2009
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +734
    เจริญธรรมเถิดพ่อ...^ ^
     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ข้อดีข้อหนึ่งของการภาวนาให้เป็นฌาน.จะเป็นการควบคุมและกำกับจิตไม่ให้ออกไปท่องเที่ยวได้.ไม่ว่าจะเป็นในกรณีที่เราไปเองหรือภพภูมิเข้ามาก็ตาม.
    อนุโมทนาสาูธุครับ....
     

แชร์หน้านี้

Loading...