อยากฝึกมโนยิทธิ แต่ไม่มีโอกาส

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย Sagen1994, 15 มกราคม 2011.

  1. Sagen1994

    Sagen1994 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +202
    ผมอยากฝึกมโนมยิทธิมาก แต่ไม่มีโอกาสได้ไป เพราะไม่อยากให้คุณพ่อรู้ เนื่องจากพ่อไม่ศรัทธาในศาสนาครับ

    ผมจะมีวิธีฝึกเองได้ไหมครับ? หรือฝึกอะไรได้บ้างครับ?
     
  2. ทศสึ

    ทศสึ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +313
    .......

    เข้าไปอ่าน คำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพี่เล็กก็ได้ครับ เยอะแยะเลย

    ผมอธิบายไม่หมด

    ธรรมเพื่อความหลุดพ้น


    ***การเข้าพระนิพพาน***
    ในวิธีที่ง่ายที่สุดลัดตัดตรงที่สุด
    โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>

    <O:p></O:p>

    สำหรับการที่จะเข้าพระนิพพานนั้น...
    จิตจะต้องถูกฝึกมาแล้วเป็นอย่างดีซึ่งก็แยกย่อยออกไปได้หลายวิธี...
    แต่วิธีที่ง่ายที่สุดลัดตัดตรงที่สุดคือ...<O:p></O:p>

    <O:p></O:p>

    1. ไม่สงสัยเชื่อมั่นและเคารพ
    พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสูงสุด (สุดจิตสุดใจ) ตลอดชีวิต
    ... ซึ่งความเชื่อนี้รวมไปถึงพระธรรมคำสอนในข้อที่ว่า...
    นิพพานังปรมังสุขัง...
    *

    พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง*
    นิพพานังปรมังสูญญัง...
    พระนิพพานเป็นที่ที่สูญจากกิเลสจากอวิชชาทั้งมวล
    จากพระธรรมทั้งประโยคนี้...
    ทำให้เราเชื่อมั่นได้ว่าพระนิพพานเป็นสถานที่ที่มีอยู่จริง
    ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านประทับอยู่จริง...
    เมื่อเราเชื่อมั่นอย่างสุดจิตสุดใจว่าพระนิพพานมีจริง
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระองค์อยู่จริง...
    การที่เราจะได้มโนมยิทธิหรือไม่นั้น... ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด... <O:p></O:p>

    <O:p></O:p>

    สิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นคือความเชื่อมั่น...
    เชื่อมั่นว่าพระนิพพานมีอยู่จริง...
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านมีอยู่จริง...
    พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ประทับอยู่บนพระนิพพานจริง...
    เมื่อเชื่อมั่นในสิ่งเหล่านี้แล้ว...
    ให้ลงมือปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนที่พระองค์ท่านทรงชี้แนะเอาไว้...
    สิ่งนั้นคือขั้นตอนต่างๆที่ลัดที่สุดเร็วที่สุดตัดตรงที่สุดซึ่งมีดังนี้...<O:p></O:p>



    2.มีศีล5
    (เป็นอย่างน้อย)<O:p></O:p>



    <O:p></O:p>


    3. ทุกครั้งที่ทำความดี
    (ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใดหรือยิ่งใหญ่เพียงไหนก็ตาม)
    ให้อธิษฐานขอไปพระนิพพาน
    ว่า...ด้วยกุศลผลบุญนี้ขอจงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ ด้วยเถิด
    ... ภพภูมิอื่นใดไม่ว่าจะเป็นอบายภูมิโลกมนุษย์สวรรค์พรหมหรืออรูปพรหม ก็ตามข้าพเจ้าไม่ปรารถนา...ข้าพเจ้าปรารถนาเพียงพระนิพพานเป็นที่สุด..ตายเมื่อไหร่ขอไปพระนิพพานเมื่อนั้น..<O:p></O:p>



    <O:p></O:p>

    4. พิจารณานึกถึงความตายอยู่เสมอ
    พร้อมกับพิจารณาให้เห็นว่าสังขารร่างกายนี้ไม่ใช่เราไม่ใช่ของๆเรา
    เราไม่มีในสังขารร่างกายนี้สังขารร่างกายนี้ไม่มีในเรา...
    นึกน้อมพิจารณาจนจิตยอมรับสภาพตามความเป็นจริง... และมีการปล่อยวางในสังขารร่างกายนี้<O:p></O:p>

    <O:p></O:p>

    5. พิจารณาตัดขันธ์ 5
    และพิจารณาถึงความทุกข์ความไม่เที่ยงของสรรพสิ่งต่างๆอยู่เสมอ...
    เมื่อทุกข์ขนาดนี้แล้วมีแต่โรคภัยไข้เจ็บแบบนี้
    ต้องกระทบกระทั่งกับสิ่งที่ไม่ชอบใจไม่พอใจทั้งหลาย
    ต้องพลัดพรากจากคนที่เรารักและคนที่รักเรา... สิ่งเหล่านี้มันทุกข์ใช่ไหม...
    เมื่อทุกข์ขนาดนี้แล้วเรายังอยากที่จะเวียนว่ายตายเกิดอีกหรือไม่<O:p></O:p>

    <O:p></O:p>

    6. เมื่อพบความจริงของชีวิตแล้ว... ต่อมา
    ให้จิตเชื่อมั่นและ
    จับภาพพระพุทธเจ้าหรือภาพพระพุทธรูป
    ที่เรารักชอบ<O:p></O:p>



    ที่พระนิพพานซึ่งเป็นที่ประทับแห่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นที่สุด...
    (

    ไม่ว่าเราจะได้มโนมยิทธิหรือไม่ก็ตาม)
    ... หมั่นทำความดีละเว้นความชั่วและอธิษฐานให้บ่อยๆทำจนจิตชิน
    จนเขาภาวนาของเขาเองได้ยิ่งดีว่า...
    สังขารร่างกายนี้เป็นทุกข์เป็นรังของโรคมีแต่ความสกปรกโสโครกน่าเบื่อหน่าย
    ... ถ้าข้าพเจ้าตายลงเมื่อไหร่
    ขอให้ดวงจิตของข้าพเจ้าพุ่งตรงสู่พระนิพพานเป็นที่สุดด้วยเถิด
    และขอให้ข้าพเจ้าได้พบองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าบนพระนิพพานนั้นโดยทันทีด้วยเถิด<O:p></O:p>

    <O:p></O:p>

    ข้อสำคัญของการเข้าพระนิพพาน
    คือจิตจะต้องเกิดอาการเบื่อหน่ายในร่างกาย {ขันธ์5}
    อย่างจริงๆจัง...
    ดังนั้น

    <O:p></O:p>



    ต้องมีการพิจารณาตัดขันธ์5
    พิจารณาถึงความตายความทุกข์ทั้งหลายอยู่เสมอๆ
    ...

    พิจารณาบ่อยๆวันละหลายๆครั้งได้ก็จะดีมาก...<O:p></O:p>

    <O:p></O:p>

    แต่เมื่อพิจารณามากเข้าๆจิตอาจจะเบื่อจนนึกอยากจะฆ่าตัวตาย
    ดังนั้นเราจึงต้องพิจารณาสมทบเข้าไปว่า...
    ถึงสังขารร่างกายนี้เป็นทุกข์น่าเบื่อหน่าย...
    แต่ข้าพเจ้าจะยังคงรักษาธาตุขันธ์นี้ต่อไปเพื่อยังประโยชน์ต่อสรรพชีวิตอื่น
    และธำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา
    ตราบจนกว่าจะถึงอายุขัยของข้าพเจ้าเอง
    เสร็จแล้วพยายามพิจารณาทุกสิ่งให้เป็น
    "

    ธรรมดา"
    ยอมรับสภาพของชีวิตตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น...
    เมื่อใกล้ตายจิตจะมารวมตัวกันเองโดยไม่ต้องบังคับ...
    เพราะจิตมีความชินกับการที่จิตเราจับอยู่ที่พระพุทธองค์และพระนิพพานเสมอ... <O:p></O:p>



    ให้เชื่อมั่นว่า...
    ตายเมื่อไหร่เราขึ้นพระนิพพานแน่นอน...<O:p></O:p>

    พระพุทธเจ้าทรงสอนวิธีการปฏิบัติ 4 แบบ คือ อรหันต์ 4 ประเภท<O:p></O:p>
    ๑) สุขวิปัสโก อรหันต์ที่ไม่เห็นผี ไม่เห็นนรก ไม่เห็นสวรรค์ พรหม นิพพาน<O:p></O:p>
    ๒) เตวิชโช 1. ระลึกชาติ 2. มีทิพพจักขุญาณ เห็นภพภูมิต่างๆ 3. สิ้นกิเลส<O:p></O:p>

    ๓) ฉฬภิญโญ 1. แสดงอิทธิฤทธิ์ 2. หูทิพย์ 3. รู้การตายและการเกิดของสัตว์ 4 .ทายใจผู้อื่นได้ 5. ระลึกชาติ 6. สิ้นกิเลส<O:p></O:p>

    ๔) ปฏิสัมภิทาญาณ ครอบคลุมอรหันต์ ทั้ง 3 ประเภท และมีความฉลาดมาก<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    คำสอนง่ายๆและสั้นๆเพื่อเข้าสู่พระนิพพาน<O:p></O:p>

    สมเด็จพระพุทธเจ้าองค์ปฐม (พระพุทธเจ้าพระองค์แรกของอนันตจักรวาล) ถ้าได้มโนมยิทธิจะเห็นว่า วิมานท่านอยู่หลังแรกสุด และใหญ่ที่สุด ขนาดพระวรกายพระองค์ที่นิพพานก็ใหญ่ที่สุด เพราะเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรก มีบารมีมากที่สุด และเข้านิพพานได้พระองค์แรก)<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ทรงตรัสว่าเจ้าจงใคร่ครวญอย่างนี้
    จงคิดว่าเราเป็นผู้ไม่มีอะไรเลย ทรัพย์สินก็ไม่มี ญาติ เพื่อน ลูก หลาน เหลน ก็ไม่มี แม้ร่างกายเราก็ไม่มี เพราะทุกอย่างที่กล่าวมามีสภาพพังหมด เราจะทำกิจที่ต้องทำตามหน้าที่ เมื่อสิ้นภาระคือร่างกายพังแล้วเราจะไปพระนิพพาน เมื่อความป่วยไข้ปรากฏจงดีใจว่า วาระที่เราจะมีโอกาสเข้าสู่พระนิพพานมาถึงแล้ว เราสิ้นทุกข์แล้ว คิดไว้อย่างนี้ทุกวัน จิตจะชินจะเห็นเหตุผล เมื่อจะตายอารมณ์จะสบายและจะเข้านิพพานได้ทัน<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ก่อนจะหลับ ให้นึกถึงพระพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทุกๆพระองค์ นึกถึงบุญที่เราเคยทำ ว่าเราเคยให้ทาน เคยฟังเทศน์ เคยสมาทานศีล รักษาศีล เคยภาวนา บุญกุศลทุกอย่าง ขอผลกุศลทั้งหมดที่ทำมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันจงเป็นปัจจัยให้ถึงพระนิพพานชาตินี้ด้วยเทอญ. . . <O:p></O:p>
    เวลาตื่น ก็ให้นึกอย่างนี้อีก แล้วพวกเธอทั้งหลายจะไป นิพพานชาตินี้กันหมด (การนึกถึงพระรัตนตรัย และบุญกุศล เป็นสมถะภาวนา การใคร่ครวญในบุญกุศลเป็นวิปัสสนา)<O:p></O:p>

    สมเด็จองค์ปฐม และพระศรีศากยมุนีโคดม (พุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) เมตตาสอน<O:p></O:p>


    <O:p></O:p>


    <O:p> </O:p>


    เจริญพระกรรมฐานขั้นพระนิพพาน<O:p></O:p>


    พระราชพรหมญาณ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)<O:p></O:p>


    <O:p> </O:p>


    ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายมีความรู้สึกว่าการเกิดเป็นคนเต็มไปด้วยความทุกข์อย่างนี้ ถ้าเราจะเกิดไปอีกกี่ชาติ เราก็จะพบกับความทุกข์อย่างนี้อีก และคิดว่าการตายของเราคราวนี้จะเป็นการตายครั้งสุดท้าย ฉะนั้นทุกคนก่อนจะหลับให้คิดง่ายๆ ดังนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดเป็นมนุษย์ก็ดี เป็นเทวดาก็ดี เป็นพรหมก็ดี จะไม่มีสำหรับเราอีก การตายคราวนี้เราขอไปพระนิพพาน และก็ภาวนาต่อท้ายสักเล็กน้อยว่า<O:p></O:p>


    <O:p> </O:p>


    "นิพพานัง สุขัง นิพพานัง สุขัง นิพพานัง สุขัง"<O:p></O:p>


    <O:p> </O:p>


    ภาวนาอย่างนี้สัก ๓ ครั้งด้วยความเต็มใจ การทำอย่างนี้ได้ชื่อว่า เจริญพระกรรมฐานขั้นพระนิพพาน เวลาที่ท่านจะตายบุญกุศลทั้งหลายที่ทำแล้วจะรวมตัวทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่ได้ มโนมยิทธิ คืออภิญญาและวิชชาสามควบกัน ก่อนจะหลับเมื่อศีรษะถึงหมอน เอาจิตไปตั้งไว้ที่พระนิพพาน ไปที่วิมานพระพุทธเจ้าก็ได้ หรือไปที่วิมานของเราก็ได้ ถ้าไปที่วิมานของเราให้นึกถึงพระพุทธเจ้าก็จะพบท่านทันที แล้วตัดสินใจว่าถ้าร่างกายนี้ตายเมื่อไรขอมาที่นี่เมื่อนั้น เพียงเท่านี้ แต่ต้องทำทุกวันนะ ตายเมื่อไรไปพระนิพพานเมื่อนั้น.."<O:p></O:p>


    <O:p> </O:p>

    <O:p></O:p>
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ฝึกกรรมฐานกองอื่นก่อนก็ได้ครับ...อีกหน่อยค่อยมาฝึกมโนนะ.....

    มโนต้องฝึกกับอาจารย์ก่อนครับ.....ฝึกเองไม่ดีครับ.....
     
  4. aroonoldman

    aroonoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +462
    ตามที่คุณภานุเดช(ผู้มีอำนาจดุจพระอาทิตย์)แนะนำนะครับ
    ฝึกมโนต้องมีอาจารย์ก่อนนะครับ ส่วนฝึกอะไรก็ลองดูกรรมฐาน ๔๐ ก่อน
    ว่าใจชอบกองไหนก็ฝึกกองนั้นไปก่อน ขอโมทนาในกุศลจิตครับ
     
  5. mailgolf

    mailgolf เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +306
    เพิ่มเติมนะครับ อย่าให้อุปสรรคใดๆๆ มาำทำลายความตั้งใจทำความดีนะครับ

    ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต
     
  6. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878

    ตอบ คุณ Sagen1994

    สามารถฝึกปฏิบัติได้ด้วยตนเองครับ

    ขั้นแรก ไปซื้อหนังสือคู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ มาอ่านก่อน ทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรทั้ง 4 ที่พระพุทธเจ้าทรงสอน
    และเลือกปฏิบัติเพียง 1 หลักสูตร
    (1)สุขวิปัสโก
    (2)เตวิชโช
    (3)ฉฬภิญโญ
    (4)ปฏิสัมภิทัปปัตโต หรือ ปฏิสัมภิทาญาณ

    ขั้นที่สอง
    ทำบุญใส่บาตร ถวายสังฆทาน ทำบุญสร้างวิหารทาน เพื่อเสริมบารมีให้บรรลุธรรมได้โดยง่าย

    ขั้นที่สาม
    ต้องทรงอารมณ์ พระอริยะเจ้า คือ
    (1)ตัดขันธ์ 5 คือ ร่างกาย ให้ได้ ท่องไว้ว่า "ร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา" ตายเมื่อไหร่ สบายเมื่อนั้น
    (2)รักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์
    (3)ไม่สงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้า

    ขั้นที่สี่
    ไปซื้อหนังสือ การฝึกมโนมยิทธิ ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาอ่าน และปฏิบัติ

    มโนมยิทธิ เป็นวิชาของพระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ อยู่ในหลักสูตร เตวิชโช กึ่ง อภิญญา หรือ อภิญญาเล็ก
    มโนมยิทธิไม่ใช่ของยาก ถ้ายากคงไม่มีคนฝึกได้ และไม่ใช่ของง่าย ถ้าง่ายคงฝึกกันได้ทุกคน
    มโนมยิทธิ นั้น คล้ายๆกับทิพย์จักขุญาณ แต่มีกำลังเหนือกว่า สามารถไปสวรรค์ไปนรก ไปพรหมโลก ไปนิพพานได้ และสามารถพูดคุย กับ พระพุทธเจ้า เทวดา นางฟ้า พรหม ผี สัตว์นรก เปรต ได้ด้วย

    สิ่งสำคัญที่สุดในการปฏิบัติด้วยตนเอง คือ ต้องมี อิทธิบาท4 มีความเพียร มุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ
     
  7. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    เห็นด้วย อย่างยิ่งครับ

    ขออนุโมทนาสาธุ ในการใฝ่ดี ปฏิบัติธรรมครับ สาธุ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...