เรื่องเด่น อยากรู้อิทธิฤทธิ์พระเครื่อง!! ไม่ใช่เรื่องยาก คาถาปลุกพระ "หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม"

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 15 เมษายน 2018.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647

    4951953-5.jpg

    อยากรู้อิทธิฤทธิ์พระเครื่อง!! ไม่ใช่เรื่องยาก คาถาปลุกพระ "หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม"ทำไม่ยาก ไม่ว่าใครๆก็ทำได้ แน่นอน!!

    คาถาปลุกพระ ของ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ชัยนาท

    การจับพลังพระเครื่องนั้น มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ

    และ มีรูปแบบการใช้อยู่อย่างหลากหลายเพื่อให้ทราบว่า

    พระเครื่ององค์นี้ หรือวัตถุมงคล ชิ้นนี้ มีคุณวิเศษด้านใด

    ไม่ว่าจะเป็นเมตตามหานิยม คงกระพัน แคล้วคลาด

    ยกตัวอย่าง บางคนจะอาศัยการนั่งสมาธิจับกระแสพลังพระเครื่องด้วยพลังจิต

    โดยการนำองค์พระไว้บนฝ่ามือ หากพระเครื่องนั้นๆผ่านการปลุกเสกมา

    ก็จะมีกระแสพลังปรากฏ

    ทั้งนี้โดนแยกไปตามความหนักเบาของกระแสพลัง

    ได้แก่ พลังความหนักหน่วง เป็นคงกระพัน

    พลังในลักษณะผลักออกเป็นแคล้วคลาด พลังร้อนเป็นเสน่ห์

    พลังเย็นเป็นเมตตา หรือใช้วิธีการอื่นๆ ที่นิยมกัน

    คือ ใช้วิธีการสวดท่องคาถาที่แตกต่างกันไป เช่น คาถาที่ว่าด้วยแม่ธาตุ

    นะโมพุทธายะ หรือ คาถาของพระเกจิอาจารย์ท่านอื่นๆที่ได้บันทึกไว้สืบทอดมายังสานุศิษย์

    และ หนึ่งในนั้นคือ “คาถาปลุกพระ” ที่บันทึกไว้ด้วยลายมือ ของ “หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร”

    พระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมไปด้วยพุทธาคม แห่งวัดโฆสิตาราม จังหวัดชัยนาท

    ก่อนจะใช้คาถานี้ ควรจุดธูปเทียน บอกกล่าวหลวงพ่อกวยก่อนเสมอๆ

    เพื่อเป็นการขออนุญาตและขอเรียนถึงจะดี เนื่องจากการเรียนวิชาทุกแขนงก็จำต้องมีครูกันทั้งนั้น

    ตั้ง นะโม ๓ จบ

    โสทาโย นะโมนะมัสสกาโร โสทายะอิมังคาถา พุทธะมาเรโส ธัมมะมาเรโส สังคะมาเรโส

    หัดปลุกเพ่งสมาธิจิตแน่วแน่ เมื่อขึ้นจะรู้อภินิหารว่าใช้ทางไหน ดีทางไหน

    00359715.jpg

    หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร มีนามเดิมว่า กวย ปั้นสน เกิดเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๘ ปีมะเส็ง ณ หมู่บ้าน บ้านแค หมู่ ๙ ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เป็นบุตรของคุณพ่อ ตุ้ย ปั้นสน ซึ่งบ้านเดิมอยู่วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง มารดาชื่อคุณแม่ต่วน เดชมา เป็นคนบ้านแค ท่านทั้งสองมีบุตรและธิดาด้วยกัน ๕ คน
    คนที่ ๑ ชื่อนายตุ๊ ปั้นสน (ถึงเเก่กรรม)
    คนที่ ๒ ชื่อนายคาด ปั้นสน (ถึงเเก่กรรม)
    คนที่ ๓ ชื่อนายชื้น ปั้นสน (ถึงเเก่กรรม)
    คนที่ ๔ ชื่อนางนาค ปั้นสน (ถึงเเก่กรรม)
    คนที่ ๕ พระกวย ชุตินฺธโร (มรภาพเเล้ว)
    เด็กชายกวย เมื่อโตขึ้นมา โยมบิดาได้ส่งมาเรียนหนังสือกับหลวงปู่ขวด วัดบ้านแค หลังจากหลวงปู่ขวดก็มรณภาพ บิดามารดาจึงได้นำเด็กชายกวยมาเรียนหนังสือขอมต่อกับอาจารย์ดำ วัดหัวเด่น ซึ่งใกล้ ๆ กับวัดบ้านแค หลังจากนั้นก็มาช่วยทางบ้านประกอบอาชีพ ทำไร่ไถนาตามประสาอาชีพของทางครอบครัว
    ต่อมาเมื่อครบอายุบวช จึงเข้าอุปสมบท โดยมีพระอุปัชฌาย์ คือ พระชัยนาทมุนี มีหลวงพ่อปา วัดโบสถ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เเละพระอาจารย์หริ่งเป็นอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ ๕ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ เวลา ๑๕ นาฬิกา๑๗ นาที อายุ ๒๐ ปี ณ วัดโบสถ์ ต.โพธิ์งาม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท มีฉายาว่า ชุตินฺธโร แปลว่า "โลกนี้มีแต่ความวุ่นวายของโลก หนักไปด้วยกิเลส ตัณหาคือ โลภ โกรธ หลง ทั่งสิ้น ถ้าท่านผู้ใดตัดกิเลส ตัณหาได้ก็จะถึงซึ่งฝั่งพระนิพพาน"

    มรณภาพ
    ในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ หลวงพ่อได้วงปฏิทิน วันที่ท่านเริ่มเจ็บเอาไว้ด้วยสีน้ำเงิน และวงปฏิทิน วันที่ท่านมรณภาพเอาไว้ด้วยตัวหนังสือสีแดง คือวันที่ ๑๑ มีนาคม และ ๑๑ เมษายน ๒๕๒๒ พร้อมทั้งเขียน พระคาถา นะโมตาบอด ให้ไว้เป็นคาถาแคล้วคลาดและกำบัง หลวงพ่อเขียนว่า "อาตมาภาพพระกวย " นะตันโต นะโมตันติ ตันติ ตันโต นะโม ตันตัน" จะมรณภาพ วันที่ ๑๑ เมษายน เวลา ๗ นาฬิกา ๕๕ นาที" พอวันที่ ๑๑ มีนาคม หลวงพ่อก็ล้มป่วย ไม่มีโรคอะไร เพียงแต่ไม่มีกำลัง ฉันอาหารไม่ได้ ไม่ยอมไปโรงพยาบาล มีอาการไข้แทรก ฉันอาหารแทบไม่ได้เลย ไม่มีรสชาติ บางครั้งท่านพ่นข้าวออกจากปาก ไม่ยอมฉัน แล้วหยิบแผ่นตะกรุดขึ้นมาจาร บางครั้งก็จับสายสิญจน์ ปลุกเสกวัตถุมงคล กลางคืนก็จับสายสิญจน์ปลุกเสกวัตถุมงคล บางคืนถึงสว่าง ร่างกายของท่านปกติก็ผอมมากอยู่แล้วกลับผอมหนักเข้าไปอีก

    ansPic_108464_1.jpg

    วันที่ ๑๐ เมษายน กลางคืนมีศิษย์มาเฝ้าท่านเต็มไปหมด ตอนเช้ายิ่งมาก เพราะท่านจะมรณภาพ แต่ท่านก็ไม่มรณภาพ ท่านผอมมากมีแต่หนังหุ้มกระดูก มีแต่ประกายตาที่สดใสเท่านั้น จนกระทั่งตกกลางคืนท่านก็ไม่มรณภาพ ค่อนสว่างวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๒๒ ทางกรรมการวัดและศิษย์ใกล้ชิดได้ประชุมปรึกษากันว่า สงสัยในกุฏิท่านจะลงอาถรรพณ์เอาไว้ ตลอดจนตำราอักขระเลขยันต์ ตลอดจนรูปครูบาอาจารย์ คงจะไม่มีใครกล้ามารับท่านแน่ อยากเห็นท่านไปดี จึงปรึกษากัน นำท่านออกมาที่หอสวดมนต์ เมื่อเตรียมที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว อุ้มท่านมาจำวัดที่เตียงที่หอสวดมนต์ ท่านลืมตาขึ้นเป็นการสั่งลา ครั้งสุดท้าย แล้วหลับตาพนมมือเกิดอัศจรรย์ ระฆังใบใหญ่ที่หอสวดมนต์ได้ขาดตกลงมา ดังหง่าง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ดังยาวนาน ศิษย์ที่อยู่ศาลาเข้าใจว่าท่านมรณภาพแล้ว จึงได้ตีระฆัง คือคาดว่ามีคนตีระฆัง เมื่อจับเวลาดู เป็นเวลา ๗ นาฬิกา ๕๕ นาที จับชีพจรท่านดู ปรากฏว่าท่านมรณภาพแล้ว ตรงกับวันที่ ๑๒ เมษายน ซึ่งวันที่ ๑๓ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ของคนไทยโบราณ ปัจจุบันทางวัดเเละเหล่าบรรดาศิษย์หลวงพ่อจึงยึดเอาในวันที่ ๑๒ เมษายนของทุกปี เป็นวันทำบุญ ประจำปีเพื่ออุทิศและระลึกถึงหลวงพ่อ จบประวัติของหลวงพ่อคร่าวๆเเต่เพียงเท่านี้ ขอให้หลวงพ่อคุ้มครองทุกท่านให้มีแต่ความสุขความเจริญ ชีวิตไม่ตกต่ำเหมือนกับคำพรของหลวงพ่อ ที่เคยให้ไว้
    "ขอศิษย์ทั้งหลาย จงอย่าอด อย่าอยาก อย่ายาก อย่าจน อย่าต่ำกว่าคน อย่าจนกว่าเขา"
    หมายเหตุ ข้อมูลต่างๆ เเกัไขเเละดัดเเปลงจาก ข้อมูลของเก่าครูสมจิต(เฒ่า สุพรรณ)ที่เขียนไว้ในหนังสือนะโมเเละหนังสืออิทธิปาฏิหาริย์หลวงพ่อกวยเล่มเเดงที่เขียนโดยครูสมจิต เเละจากการบอกเล่าของศิษย์รุ่นเก่าของหลวงพ่อ

    S__2506757.jpg

    ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ เจ้าของบทความ และที่มาเนื้อหาข้อมูล

    http://www.imeethai.com/

    http://www.watkositaram.com/

    ศิษย์มีครู



    ขอบคุณที่มา

    http://www.partiharn.com/contents/974
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,274
    ค่าพลัง:
    +13,236
    สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...